เรื่องเด่นประจำฉบับ |
- The Overture
- The Letter
- At First Sight
- The Far Side of the World : หนังใหม่รอบโลก
- For Your Consideration : ฉายแล้ววันนี้ ใกล้บ้านคุณ
- Something to Talk About : เรื่องเล่ารอบโลก
- Dirty Pretty Things : วิจารณ์
- Frankenweenie
- The Watch
- Conan 16 : The Eleventh Striker
- Venice 2012
- แกะรอย งูเกงกอง
- 50 Years of James Bond
- Skyfall
- 5 x 2 : ศุภชัย เกศการุณกุล
- Spirited Away โดย ทรงวิทย์ สี่กิติกุล
- Play Time โดย “นรา”
- The Breakfast Club โดย อมรเทพ สุขมานนท์
- Life is Beautiful โดย “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”
- Lost in Translation โดย แอนดรูว์ บิ๊กส์
- Home Entertainment
- The Game
|
Editor
Talk |
เป็นเรื่องบังเอิญจริง
ๆ ครับ ที่นิตยสาร FILMAX ต้องมาจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 50
ปีให้กับแฟรนไชส์หนังถึง 2 เรื่องในระยะเวลาใกล้เคียงกันแบบนี้
เพราะหลังจากพลิกปูมชีวิต 50 ปีของนาย ปีเตอร์ พาร์กเกอร์ หรือ Spider-Man ไปเมื่อฉบับที่ 60 มาวันนี้เราก็ต้องเตรียมเป่าเค้กวันเกิดฉลอง 50 ปีให้กับสายลับอังกฤษเจ้าเสน่ห์ที่ชื่อ ‘บอนด์, เจมส์ บอนด์’ กันต่อเลย
แต่ 50 ปีของเจมส์ บอนด์ในครั้งนี้ เขาเริ่มนับกันตั้งแต่วันที่หนังเรื่องแรกของ ฌอน คอนเนอรี่ คือ Dr. No เข้าฉายในปี 1962 ไม่ใช่วันที่นิยายเล่มแรกของ เอียน เฟลมมิ่ง ตีพิมพ์ ซึ่งถ้านับตามแบบหลังก็ต้องถือว่า พยัคฆ์ร้ายรหัส 007 ออกมาวาดลวดลายบนหน้ากระดาษและบนจอหนังนานถึง 59 ปีแล้ว
ด้วยจำนวนหนังกว่า
22 ตอน และเปลี่ยนดารานำมาแล้วถึง 6 คน
ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจนมาถึงสงครามอ่าวเปอร์เซียและสงครามก่อการร้าย
เชื่อแน่ว่าภาพจำหรือความผูกพันที่แต่ละคนมีต่อสายลับผู้นิยมดื่มมาร์ตินีเขย่าไม่คนรายนี้ย่อมแตกต่างกันไป
กรณีของผม เป็นเด็กที่โตมากับ The Man with the Golden Gun ของ โรเจอร์ มัวร์ ที่หนังสนุกไม่สนุกไม่รู้ รู้แต่ว่าหยิบวิดีโอที่บ้านมาเปิดดูบ่อยพอ ๆ กับ ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง (The Big Boss) ของ บรูซ ลี หรือ Kickboxer ของ ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ เพราะรู้สึกตื่นเต้นภาคภูมิใจ (ทำไมก็ไม่รู้) ทุกครั้งที่ได้เห็นตัวละครระดับโลกมาเดินทอดน่องในเมืองไทย
นั่นทำให้ภาพจำต่อ 007 ของผมเป็นเพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ผู้มีของเล่นไฮเทคเต็มกระเป๋า ซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหวกับสิ่งที่ แดเนี่ยล เครก มอบให้คนดูใน Casino Royale ที่สร้างนิยามใหม่ให้ 007 เป็น ‘ไม่หล่อแต่ถึกและเร้าใจ’
ล่าสุดผมเพิ่งหยิบหนังบอนด์ที่ถูกลืมอย่าง On Her Majesty’s Secret Service ของ จอร์จ เลเซนบี้ มาดูใหม่ตามคำชี้ชวนของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ยกให้มันเป็นหนังบอนด์ในใจ
แล้วพบว่ามันเป็นบอนด์ที่แปลกประหลาดจริงสมคำร่ำลือ
เพราะนอกจากพล็อตที่ฟังดูพิลึกอย่างคลินิกพิเศษที่เต็มไปด้วยสาวสวยบนยอดเขา
(ที่เป็นรังของวายร้ายแต่กลายเป็นฮาเร็มของบอนด์) แล้ว
บอนด์ยังต้องวิ่งหนีวายร้ายหัวซุกหัวซุนตลอดเรื่อง
และรอดตายมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ไดอาน่า ริกก์
ก่อนจะตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กับเธอ แต่เรื่องราวก็จบลงด้วยความเศร้า
เมื่อภรรยาของเขาถูกวายร้ายลอบยิงตาย ทิ้งให้บอนด์ร่ำไห้กับศพของเธอ
ก่อนภาพจะเฟดเป็นสีดำพร้อมตัวหนังสือว่า ‘บอนด์จะกลับมาใน Diamonds are Forever’
นั่นทำให้ผมดู
Diamonds Are Forever อย่างไม่บันเทิงเท่าไหร่ เพราะถึงฉากเปิดเรื่อง 10
นาทีแรกของหนังจะเดินเรื่องต่อจาก On Her Majesty’s Secret Service
ด้วยการให้บอนด์ไล่ล่าวายร้ายที่ฆ่าภรรยาเขาด้วยความคลั่งแค้น
แต่หลังจากนั้นเราก็จะเห็นกลับมาบอนด์กลับมาใช้ชีวิตปกติ
ปฏิบัติภารกิจใหม่ เจอสาวสวยคนใหม่ที่มากด้วยอารมณ์ขัน ต่างกับใน Quantum of Solace ที่บอนด์ยังดูเศร้าซึมจากการสูญเสีย เวสเปอร์ ลินด์ ในตอนจบของ Casino Royale อยู่ตลอดเรื่อง
แต่ข้อเสียของ
Quantum of Solace ก็คือเนื้อหากลับสู่สูตรสำเร็จมากเกินไป
(บอนด์เดินทางตามล่าวายร้ายไปทั่วโลก) และบอนด์ก็เริ่มเก่งเทพมากขึ้น
จนคนดูรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเอาใจช่วยเขาสักเท่าไหร่
ซึ่งจุดอ่อนเหล่านี้น่าจะถูกปรับปรุงใน Skyfall ที่ตั้งใจพิถีพิถันกับบทหนังมากเป็นพิเศษ
แต่ในช่วงที่
Skyfall ยังไม่เข้าฉาย ผมก็อยากเชิญชวนทุกคนลองหยิบหนังบอนด์ทั้ง 22
ตอนมาไล่ดูกันวันละตอน
เป็นการอุ่นเครื่องพร้อมพิสูจน์ว่าทำไมแฟรนไชส์นี้จึงอยู่ยงคงกระพันมาได้นานถึง
50 ปี
ผมรับประกันครับว่า บางตอนจะสนุกขึ้นหรือดีขึ้นกว่าภาพเลือนรางที่คุณจำได้สมัยเด็ก ๆ แน่นอน
อลงกรณ์ คล้ายสีแก้ว
E-mail : tomalongkorn@hotmail.com
|
|
|
ติดต่อ
บ.ก. |
- บรรณาธิการ
โทร. 0 2591 6761
|
|