 |
ถึง คห. 3 ค่ะ ในชีวิตเราเจอเยอะมากๆ ค่ะ คนที่หน้าโหดๆ ติดเกม ไม่ค่อยเข้าวัด แต่อย่าให้พูดเรื่องปรัชญาหรือหลักธรรมคำสอนเลยค่ะ เป๊ะมาก และเป็นคนที่มีสติและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากๆ ด้วยค่ะ ไม่ใช่ดีแต่ปาก อย่างที่ลูกศรบอกค่ะว่าครอบครัวเขาไม่ได้เป็นชาวพุทธแค่เปลือก คนเปรี้ยว ซ่า แต่ก็อยู่ในศีลธรรมมีเยอะค่ะ ความเปรี้ยวของลูกศรก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าเป็นยัยปริมหรือเพื่อนๆ ก๊วนเดียวกับนางพูดเรื่องธรรมะก็ว่าไปอย่าง เพราะก๊วนนั้นเขาผิดศีลมาแต่ต้น(ทั้งนินทา,ให้ร้ายผู้อื่น) สรุปแล้วเราไม่ขัดกับบทลูกศรเลยค่ะเพราะค่อนข้างจะตรงกับชีวิตเราและเพื่อนๆ ของเรา
ส่วนคำว่า "ในทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำว่าเหตุบังเอิญ ไม่มีคำว่าชีวิตไม่มีความยุติธรรม เพราะกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ" อันนี้เราเข้าใจว่าไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียมกันในสังคมค่ะ เพราะกฎแห่งกรรมมันยุติธรรมยังไงคะ คนเราถึงเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ได้รับโอกาสในการดำรังชีวิตไม่เท่ากัน นั่นเพราะเป็นผลกรรมจากอดีตที่เราเคยทำมากันทั้งนั้น ถ้าจะให้คนทำความดีความชั่วไม่เท่ากัน แต่ให้เกิดมาเท่าเทียมกัน แบบนี้เรียกว่าไม่ยุติธรรมค่ะ(เราเป็นคนเชื่อเรื่องภพชาติและการเวียนว่ายตายเกิดตามแรงกรรมค่ะ) แต่เราเลือกได้ในชาตินี้ว่าเราจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่วต่อไป ถ้าใครเข้าใจในหลักคำสอนของศาสนาพุทธ จะเข้าใจคำพูดของคุณลูกศรโดยที่ไม่ต้องขยายความอะไรเลยค่ะ
ปล. ส่วนคนที่ไม่เข้าใจในบางคำสอน คุณก็ไม่ผิดค่ะ เพราะไม่มีใครจำอดีตได้ ไม่มีใครเคยเห็นนรกหรือสวรรค์ เมื่อเกิดความสงสัยขึ้นจึงไม่แปลก และพระพุทธเจ้ายังเคยรำพึงหลังจากที่ตรัสรู้แบบกลุ้มพระทัยเลยว่าพระพุทธศาสนานั้นเข้าใจยากนัก คนธรรมคงยากจะเข้าใจ ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะไม่เช่นนั้น ปัจจุบันนี้คงมีคนบรรลุอรหันต์กันเยอะมากมาย เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไปคิดมากกับคำสอนที่เราเข้าใจยากๆ ขอแค่วันนี้เราคิดดี พูดดี ทำดี แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 16:14:01
จากคุณ |
:
สาวไร้ปีก
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ธ.ค. 55 16:09:58
|
|
|
|
 |