lemonade 20 กุมภาพันธ์ 2555 คอลัมน์ กว่าจะถึงเส้นชัย
ฝ่าฝันบนทางคอนกรีต
ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล
เรื่อง NICHA ภาพ อนุพงศ์ เจริญมิตร ภาพประกอบ GMM GRAMMY
หนึ่งในสมาชิกดูโอพี่น้องที่สาววัยใสทั้งหลายต่างเทใจให้ ผ่านไปไม่กี่ปี หนุ่มน้อยคนนี้เติบใหญ่และพร้อมเปิดใจถึงช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ ซึ่งคละเคล้าไปด้วยคราบน้ำตา และเสียงหัวเราะแห่งความสุข รวมถึงเส้นทางที่กำลังจะก้าวเดินต่อในวันข้างหน้า
- แรงบันดาลใจในครอบครัว
ที่บ้านเลี้ยงมาแบบค่อนข้างตามใจ แต่ไมค์ไม่เคยขอ ไม่เคยอยากได้อะไร แถมปฏิเสธเวลาพ่อแม่จะซื้ออะไรให้ด้วยซ้ำ วันๆ เล่นแต่เกม ชอบเต้นตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป จนกระทั่งพี่ชายทั้งสองคน (แซนด์และแบงค์) ออกอัลบั้ม ไมค์มีส่วนร่วมบ้าง ทั้งถ่ายมิวสิควิดีโอและออกรายการต่างๆ แถมยังชอบแอบหยิบชุดคอนเซ็ปต์เขามาใส่ถ่ายรูปเล่นด้วย รู้สึกว่ามันสนุกดี ที่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเป็นนักร้อง
- จากความฝันสู่วันสำเร็จ
ไมค์เข้ามาอยู่แกรมมี่ได้เพราะมีคนรู้จักพามา ตอนนั้นเต้นเป็นบ้างนิดหน่อย ยังไม่ถึงขั้นจริงจัง ก่อนเซ็นสัญญาก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเข้าคอร์สเป็นเวลา 4 ปี แต่ไม่ได้เครียดอะไร รู้สึกสนุกมากกว่า เพราะได้เจอเพื่อนๆ ที่ชอบในสิ่งเดียวกัน ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปและเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ซึ่งเด็กคนอื่นไม่มีโอกาส
หลังจากความสำเร็จของอัลบั้มดูโอครั้งแรกของกอล์ฟ-ไมค์ ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จริงๆ แล้วไมค์ไม่เคยคาดหวังอะไร คิดว่าถ้าพลาดก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำตรงนี้คนเดียว (หัวเราะ) แต่ผลตอบรับกลับเกินคาด ไม่ใช่เฉพาะกับแฟนคลับชาวไทย แต่รวมถึงแฟนเพลงต่างชาติด้วย
- นักร้องไทยในต่างแดน
กอล์ฟ-ไมค์ถือเป็นนักร้องกลุ่มแรกๆ ที่โกอินเตอร์ ตอนไปญี่ปุ่นถือเป็นจุดที่ทำให้ชื่อเสียงเรากระจายออกไป จากญี่ปุ่นไปฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี และอีกหลายประเทศในแถบยุโรป ครั้งหนึ่งไมค์ไปเที่ยวเกาหลี เดินๆ อยู่มีฝรั่งมาทักบอกว่ามาจากฝรั่งเศส ก็ประทับใจว่าเขาอุตส่าห์จำเราได้
ทุกวันนี้เรายังมีแฟนคลับจากจีนและอีกหลายประเทศ แฟนคลับต่างชาติคล้ายๆ กับคนไทย จะมีการขับรถตาม แค่งานจับมือเช็กแฮนด์ก็ตั้งเกือบพันคน ยืนจับกันหกชั่วโมงก็เคยมาแล้ว (หัวเราะ)
ช่วงหนึ่งญี่ปุ่นเขาไม่ยอมรับพวกเรา หาว่าไปก๊อปปี้เขา ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ไม่ได้ใช้แค่หน้าตาร้องเพลงไปวันๆ แต่เราพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ กอล์ฟ-ไมค์ไม่ได้ดังมาตั้งแต่แรก แต่ค่อยๆ สร้างและพัฒนาขึ้นทุกปี เนื่องจากเราเป็นผู้นำในเรื่องของเทรนด์ด้วย จึงต้องหาอะไรที่แปลกใหม่ตลอดเวลา
- วันที่ผีเสื้อโบยบิน
การที่ไมค์แยกออกมาทำอัลบั้มเดี่ยวเป็นการตัดสินใจร่วมกันกับทางบริษัท ดีใจที่มีผู้ใหญ่เห็นว่าเราน่าจะทำได้ ยิ่งได้แยกเป็นโซโลด้วยเนี่ย มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น สมัยก่อนตอนไมค์ขึ้นเวที สังเกตได้เลยว่า ไม่ค่อยสบตาคนดู เพราะขาดความมั่นใจ ผิดจากตอนนี้หน้ามือเป็นหลังมือ อาจเป็นเพราะพอได้แยกโซโลแล้วค้นพบแนวของตัวเอง รู้ว่าเราชอบตรงนี้ ทำด้านนี้ได้ เหมือนค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง และอยากทำให้มันดีขึ้น
ตอนนี้เริ่มมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะต้องคอยดูแลคนที่มาทำงานกับเรา ต้องมีความเป็นผู้นำ จึงเริ่มเกิดความเครียด และไมค์เป็นคนคาดหวังสูง ถ้าไปไม่ถึงตรงนั้นจะผิดหวัง แม้คนรอบข้างจะบอกว่าช่างมัน คราวหน้ายังมี แต่เราก็รู้สึกเสียดายที่มีโอกาสทำได้ แต่ทำไมไม่ทำ
ไมค์มักเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น พอเต้นไม่ดีเท่าเขา หรือฝึกร้องเพลงทุกวันแต่ยังร้องไม่ดีสักทีก็เริ่มท้อ แต่ถ้ามองกลับไปเมื่อห้าปีที่แล้วจนถึงทุกวันนี้ ทุกอย่างมีการพัฒนา ถึงแม้จะช้าก็ตาม แต่เราก็เก่งกว่าตอนนั้น เลยเริ่มมีกำลังใจฮึดขึ้นมา
- ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออนาคต
เคยนึกน้อยใจว่า ทำไมเราอายุแค่นี้ต้องมีภาระมากมายเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่พอมองย้อนกลับไปที่พ่อ พ่อไมค์ทำงานตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย เริ่มจากเป็นคนส่งข้าวมันไก่ แต่ก็มาได้จนถึงทุกวันนี้ ไมค์เลยคิดว่า ถึงครอบครัวจะมีฐานะดี แต่ก็ไม่รู้สึกภูมิใจถ้าเราไม่ได้เดินหน้าไปสร้างความสำเร็จด้วยสมองและสองมือของเราเอง
ครอบครัวไมค์ชอบทำงานกันทุกคน พ่อทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว วันๆ ไม่ไปไหนเลย เสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวจริงๆ ตื่นมาก็ไปโรงงาน เย็นกลับบ้าน บางทีเราเห็นครอบครัวอื่นไปเที่ยวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ครอบครัวเราทำแต่งาน ก็รู้สึกน้อยใจ
ตอนนี้ไมค์จึงทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุด พ่อจะได้สบาย ไมค์อยากเข้าไปดูงานที่บริษัทว่ามีอะไรที่พอจะแบ่งเบาภาระได้ เพราะเขาอายุ 60 ปี ควรจะได้เกษียณแล้ว
แพลนไว้ว่าอีก 4 ปีเรียนจบต้องมีเงิน มีธุรกิจของตัวเอง เพื่อนำเงินที่หาได้ไปสร้างบริษัทของพ่อให้ใหญ่ขึ้น เพราะพ่อสร้างมาตั้งแต่ไมค์เกิด นี่ก็จะยี่สิบสามสิบปีแล้ว ไมค์จะสานต่อไปเรื่อยๆ อาจเป็นงานที่หนักหน่อย เพราะต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวและสิ่งที่เรารักด้วย แต่ก็จะสู้
- เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
การที่เราทำงานและหาเงินได้ตั้งแต่เด็กถือเป็นโอกาสที่ดีในชีวิต หลายคนอาจอิจฉา แต่อยากจะบอกว่า มันก็มีข้อเสียที่ต้องแลกมาเช่นกัน อย่างแรกคือ ข่าวไม่ดีและไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับตัวเรา ไมค์พยายามไม่คิดมาก ได้ยินมาก็จะเฉยๆ ไม่ออกมาแก้ข่าว
วิธีรับมือของไมค์คือ อยู่นิ่งๆ เพราะเราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว คนจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่วิจารณญาณ เราไปเปลี่ยนความคิดคนเป็นล้านไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ ทำตัวให้ดีที่สุด จริงใจกับคนรอบข้าง อย่าไปเฟคใส่เขา เพราะคนสมัยนี้ดูกันออก และต้องทำงานแบบเป็นผู้ใหญ่ ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
อย่างที่สองที่ขาดไปคือ ชีวิตส่วนตัว ทุกวันนี้ไมค์เป็นโรคพารานอยด์ คือรู้สึกไม่ปลอดภัย เวลาเดินห้างก็จะระแวงว่ามีใครมาถ่ายรูปเราหรือเปล่า เดินกับใครไมค์ก็จะบอกให้เขาไปก่อนนะ ฝังใจกับเรื่องพวกนี้ เมื่อก่อนอยากไปไหนก็ไป ไม่ได้รู้สึกหนักตรงหน้าอก พอมีชื่อเสียงปั๊บ เหมือนมีอะไรมากดเราตลอดเวลา
ในวงการไม่ใช่ว่ามีแต่ด้านไม่ดี อยู่ที่ว่าต้องหาด้านดีให้เจอ แล้วต้องอยู่ให้เป็นด้วย ไม่รู้ว่าจะอยู่เบื้องหน้าไปอีกนานแค่ไหน แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เรารัก และเราได้เอาชีวิตส่วนตัวไปแลกกับชื่อเสียงหมดแล้ว
" ฉะนั้นสิ่งที่ไมค์ต้องปกป้องไว้คือชื่อเสียง และทุกวันนี้ไมค์ก็ปกป้องมันเท่าชีวิต "
Lemonade Saving Box
ให้แม่ช่วยเก็บเงิน ตัวไมค์ช็อปปิ้งแค่ปีละครั้ง โดยซื้อเป็นเซ็ตๆ ไว้ใส่สลับกันทั้งปี
พิมพ์โดย : คุณ เดอะ วิตรูเวียนแมน