ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ายังไม่พร้อมแต่ง ลองหมั้นดูก่อนไหมคะ ผูกข้อมือเป็นพิธี พ่อแม่เราจะได้สบายใจ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยแต่ง จากคุณ : YaIRkA เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:09:31

ความคิดเห็นที่ 2 คหสต ถ้าเราเป็นพ่อแม่คุณเราน้อยใจมากๆนะ เพราะดูคุณแคร์และรักบ้านแฟนมากกว่าบ้านคุณเองเสียอีก (ดูจากการเล่าเรื่อง) เข้าใจว่าเป็นญต้องแต่งออก แต่เราว่าอย่าเพิ่งแสดงออกว่าอยากดูแลพ่อแม่แฟนมากกว่าพ่อแม่เราจะดีไหมอ่ะ ความรัก เราเข้าใจ เพราะเราผ่านมาแล้ว และตอนนี้เราได้แต่คิดว่า ...รู้อย่างนี้รักพ่อแม่เราดูแลท่านให้ดีก่อนที่จะมีแฟนดีกว่า ... คุณบอกว่าพ่อแม่คุณหัวโบราณ คุณต้องเข้าใจท่านนะ คุณเป็นลูกสาว คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านนะ ศักดิ์ศรีพ่อแม่ อยู่ที่การกระทำของลูก เรามองว่าคุณไม่คิดอะไร บ้านแฟนไม่คิดอะไร แต่ยังมีคนที่คิดอยู่นะคะ ถ้าไปอยู่บ้านเค้า โดยที่ยังไม่แต่งงาน และยังไม่ได้บอกกล่าวพ่อแม่ของตนเอง ถ้าพ่อแม่คุณรู้...ท่านจะเสียใจขนาดไหน อุส่าห์ทะนุถนอมกล่อมเกลา เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่ทำอะไรไม่เห็นหัวพ่อแม่เลย ไปอยู่บ้านผู้ชาย ไม่ตบแต่ง รู้ถึงไหน อายถึงนั่น (เราไม่ได้ว่าจขกทนะ อย่าโมโหเค้าน้าาาา พูดไปตามเนื้อผ้าของสังคม) เราไม่รู้ว่าจขกทกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของคุณเองมากเท่าไปหาแฟนหรือเปล่านะคะ เพราะไม่มีบอกไว้ แต่ด้วยความหวังดี ถ้าอยากอยู่กับแฟน ก็หมั้นหมาย/ผูกข้อมือ/แต่งงานให้คนรอบข้างรับรู้ตามครรลองประเพณีให้เรียบร้อย ทีนี้จะอยู่บ้านไหนก็ไม่มีใครว่าแล้ว แต่ถ้ายังไม่พร้อม รักตัวเอง รักพ่อแม่ รักศักดิ์ศรีครอบครัว ให้มาก และใช้สติในการคบกัน เพราะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ที่คุณบอกว่าพ่อแม่แฟนไม่เห็นว่าพี่สาวแฟนที่ไปอยู่กินกับสามีก่อนแต่งเลย คุณรู้ความรู้สึกเขาจริงๆหรอคะว่าจะไม่รู้สึกอะไร ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า และที่เขาไม่ว่าอะไรคุณ เพราะลูกเขาเป็นผู้ชาย มีแต่ได้กับได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้จะแนะนำให้อคตินะ แต่แนะนำให้ใช้สติมากกว่าอารมณ์ เราผ่านมาแล้วทั้งนั้นหล่ะ เพียงแต่กรณีของเรามีแค่แฟนเท่านั้นเอง ที่บ้านเราก็เสียใจ แต่เรื่องก็ผ่านมาจนได้แต่งงานกัน กลับกลายเป็นว่า เราเองที่เสียใจ ที่ไม่ทำหน้าที่ลูกที่ดี มัวแต่หลงมัวเมาในความรัก สู้ๆค่ะ จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:42:37

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับ คห.2 ค่ะ  ไม่มีใครรักเราได้มากที่สุดเท่าพ่อแม่ของเราหรอกค่ะ จากคุณ : occ26 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 00:49:40

ความคิดเห็นที่ 4 พ่อแม่แฟนคุณประหยัดไม่เข้าท่านะ ลูกสาวเค้าทั้งคน จะให้มาอยู่ฟรี ๆ ไม่คิดจะตบแต่งให้มันถูกต้องซะหน่อยรึ ไม่ให้เกียรติพ่อแม่คุณเลย อีกหน่อยเค้าทำอะไร จะไม่เกรงใจทั้งคุณ และพ่อแม่คุณด้วย ถ้ารักคุณมาก อยากได้มาเป็นสะใภ้ ก็รีบจัดงานแต่งให้มันจบเรื่องจบราวซะเลยจะดีกว่า หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ควรจะบอกกล่าวกับทางพ่อแม่คุณบ้าง หมั้นเงียบ ๆ ในครอบครัวกันเอง ก็ยังดี เราเห็นด้วย คห. 2 นะ อ่านทีแรกก็รู้สึกเหมือนกันว่า คุณค่อนข้างจะแคร์พ่อแม่แฟน มากกกว่าพ่อแม่ตัวเองซะอีก กรณีเช่นนี้ เคยเกิดกับเพื่อนเรามาแล้ว พามาอยู่ด้วยกันที่บ้านฝ่ายชาย ในที่สุดก็ไม่ได้แต่ง ก็ผู้หญิงมาอยู่ที่บ้านแล้วนี่ "ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก" ซะแล้ว จะแต่งให้เปลืองไปทำไม ทางพ่อแม่ของเพื่อนเราพูดไม่ออกเลย จะให้เลิกก็ไม่ได้ ลูกสาวเสียให้เค้าไปแล้ว ทั้งเสียหน้า เสียใจ และเสียน้ำตา เห็นแก่พ่อแม่ของตัวเองบ้างนะ จากคุณ : Ms_Marshmallow (Ms_Marshmallow) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:06:45

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ : YaIRkA > ขอบคุณที่แนะนำค่ะ คุณ : Trinycat > เราก็ไปหาพ่อแม่เราทุกครั้งที่กลับมาค่ะ เรากลับแทกทุกอาทิตย์ แต่แบบว่าเจอกันครึ่งทาง เพราะกว่าเราจะนั่งรถกลับจากจังหวัดที่เราทำงานมาถึงกรุงเทพก็ 5 ชม.ละ จะกลับบ้านตัวเองอีก 3 ชม.(ไม่รวมเดินทางไปท่ารถ และรอขึ้นรถ)ก็หมดวันพอดี แล้วเรากลับมาได้แค่เสาร์-อาทิตย์หรือช่วงหยุดยาว ปรกติคุณพ่อคุณแม่เราเลยมักจะมาเจอที่กรุงเทพ เช่น วันเสาร์เราอยู่กับครอบครัวแฟน วันอาทิตย์แฟนก็จะพาเราไปเจอพ่อแม่เราค่ะ จะได้พาพ่อแม่เราไปทานข้าว ไปซื้อของ ซึ่งบางครั้งครอบครัวแฟนก็จะมาร่วมด้วยค่ะ ตอนเราจะค้างบ้านแฟนครั้งแรกเราก็กังวลมาก โทร.ไปขออนุญาตคุณแม่แบบเสียงอ่อยๆ ว่าพ่อแม่แฟนให้มาทานข้าวที่บ้านแล้วมันดึก เค้าไม่ให้กลับ จะให้ค้าง แม่เราก็มีบ่นๆแต่ก็ยอมค่ะ ถือว่าโตแล้ว และอยู่ในสายตาพ่อแม่แฟน ดีกว่าไปไหนมาไหนกันสองคน จนถึงทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่เราก็ทราบว่าเราอยู่บ้านแฟนบ้าง อพาร์ตเมนท์บ้าง แค่โดนดุว่าไม่ค่อยช่วยงานบ้านแฟนเลย (พยายามจะช่วยแล้ว แต่ครอบครัวแฟนและแฟนห้ามเด็ดขาด บอกว่ามีคนรับใช้ จะทำทำไม) เราเองรักคุณพ่อคุณแม่เรามากๆไม่แพ้พ่อแม่แฟนค่ะ มีเรื่องอะไรเราจะโทร.หาคุณพ่อคุณแม่ก่อนใคร เราก็รู้ว่าคุณแม่รักและหวงเรามากเพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียว ถ้าเราได้หยุดยาว เรากลับบ้านที่ต่างจังหวัดตลอด แต่ถ้าแค่เสาร์อาทิตย์นี่เราไม่สามารถจริงๆ เพิ่มเติมว่าเราเองตลอดเวลาตั้งแต่สมัยเรียน ก็ได้ครอบครัวแฟนช่วยเหลือไม่ขาด กระทั่งเราย้ายไปต่างจังหวัด ครอบครัวแฟนก็ช่วยเราขนของ พาไปส่งถึงที่ พอมีข่าวฆ่ากันตายแถวที่เราอยู่ คุณแม่แฟนก็รีบจัดการหาที่อยู่ใหม่และให้เราย้ายเลย ยกรถคันเก่าของที่บ้านให้เราใช้ด้วยเพราะไม่อยากให้เรานั่งสองแถวตอนดึกๆ (เราจะจ่ายเงินให้เค้าก็ไม่รับค่ะ เราเลยซื้อของใช้เข้าบ้านให้แทน)ตรงนี้เราเลยเกรงใจครอบครัวแฟนมากๆ เค้าพูดอะไรมาเราไม่ค่อยอยากขัดเพราะเรารู้ว่าเค้าห่วงเราจริงๆ พอจะให้ย้ายมาแบบนี้เราก็น้ำท่วมปากเลยค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำนะคะ เราจะนำกลับไปพิจารณาค่ะ คงจะต้องพูดกับแฟนจริงๆว่าถ้าอยากให้ย้าย ต้องไปขอพ่อแม่นะ ห้ามจัดการเอง จากคุณ : ลมหนาว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:06:56 A:220.255.2.138 X: TicketID:383637

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ : Ms_Marshmallow > ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ที่ยังไม่ได้หมั้นเป็นเรื่องเป็นราวสักที เพราะแฟนเรายังรู้สึกว่าไม่พร้อมค่ะ ณ ปัจจุบัน เราอายุ30 แฟน33 หน้าที่การงานเรามั่นคงกว่าแฟนมาก เงินเดือนมากกว่าเกือบสี่เท่า แฟนเลยสัญญากับพ่อแม่เราว่าจะพิสูจน์ตัวเองค่ะว่าดูแลเราได้ไม่แพ้พ่อแม่ก่อนจะขอเราไปดูแลจริงๆ พ่อแม่เราก็ดันเห็นด้วยอีก ตอนนี้เราเลยมานั่งกลุ้มว่าจะเอายังไงดี จะบอกพ่อแม่ยังไงดีน่ะค่ะ จากคุณ : ลมหนาว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:14:02 A:220.255.2.146 X: TicketID:383637

ความคิดเห็นที่ 7 อืม  ยังไม่แต่งงาน เราว่าดูแปลกๆนะคะ เราก็หัวโบราณเหมือนกัน จากคุณ : nongnew2000 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:16:26

ความคิดเห็นที่ 8 การแต่งงานสมัยก่อน คือการขอลูกสาวเขา โดยเอาสินสอดไปแลกมา แต่การแต่งงานสมัยนี้ คือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะสินสอดส่วนใหญ่ก็คืนให้คู่บ่าวสาวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าบ้านแฟนคุณดีจริง ก็จับไว้เสียให้มั่น เพราะผู้ชายดีๆที่มาจากครอบครัวดีๆหายากมวากกก แต่เรื่องค้าง เรายังคงไม่เห็นด้วย เด๋วจะเหมือนที่คห 4 บอก พ่อแม่ทำอะไรไม่ได้ น้ำท่วมปาก ลูกสาวไม่ได้แต่งงาน จะเห็นด้วยก็ต่อเมื่อได้มาพูดคุยเป็นกิจจะลักษณะกับทางบ้านคุณแล้วเท่านั้นค่ะ จะให้แฟนมาก็ดี หรือนัดทั้งสองบ้านมากินข้าวกันแล้วคุยกันก็ยิ่งดีค่ะ จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:18:23

ความคิดเห็นที่ 9 อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แม่นอนนะคะ ไม่ว่าจะแฟน พ่อแม่แฟนคุณ ยังไงก็เป็นคนอื่นอยู่ดี แต่คุณเป็นลูกแท้ๆ อย่ามองข้ามความรู้สึกของพ่อแม่ตัวเอง ยิ่งพ่อแม่คุณเป็นคนหัวเก่า เราว่าทางที่ดีอย่าร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายความรู้สึกของพ่อแม่ตัวเองดีกว่าค่ะ อย่าสร้างความบาดหมางโดยไม่จำเป็นเลย เพราะต่อให้คุณแต่งงานกันไปแล้ว ก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกที่เสียไปแล้วได้หรอกค่ะ ส่วนพ่อแม่แฟน ถ้าคุณหนักแน่นและให้เหตุผลได้อย่างชัดเจน และถ้าเขาแคร์ความรู้สึกและให้เกียรติพ่อแม่คุณมากพอ เขาก็น่าจะเข้าใจและไม่ชวนคุณไปอยู่กับลูกชายเขาแบบง่ายๆอย่างนี้นะคะ ปล เรากำลังจะมีลูกสาว และถ้าใครมาชวนลูกสาวเราแล้วลูกเราเห็นดีด้วยแบบนี้เราคงใจสลายแน่ๆ จากคุณ : ร้อยดอกไม้ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:18:55

ความคิดเห็นที่ 10 ใดๆ น่าจะหมั้นไว้ก่อน..... ให้เกียรติพ่อแม่ฝ่ายหญิง จากคุณ : jomkung (napasiri) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:21:54

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่งเห็นอายุค่ะ ถ้าแฟนเลข 3 นี่ไม่ต้องรอพิสูจน์อะไรมากแล้วมั้งคะ ควรแต่งงานมีลูกได้แล้ว ไม่งั้นจขกทคงต้องร้องเพลงรอไปอีกหลายปี ถ้ายังไม่พร้อมแต่งก็นัดกันมาคุยทั้งสองบ้านเลย ว่าจะขอคุณนะ แต่งานแต่งจะจัดหรือไม่จัดอยากให้คุณกับแฟนไปตกลวกันเอง แต่อยากได้ลูกสาวคุณมาเป็นสะใภ้แล้ว ทางบ้านคุณจะว่ายังไง ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน จะได้รู้เรื่องกันไปเลยค่ะ จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:22:54

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่มเติมค่ะ เราเคยเสนอที่บ้านแฟนว่าเอาเงินเก็บเราไปหมั้นก่อนก็ได้นะ (ตั้งแต่ก่อนเราย้ายไปตจว.)บวกกับเงินเก็บแฟนอีกคน จัดงานแต่งด้วยยังเหลือเลย อายุก็ไม่น้อยกันแล้วทั้งคู่ แต่แฟนก็ไม่ยอม เค้าอยากพิสูจน์ตัวเอง พ่อแม่เราก็เห็นดีเห็นงามตามประสาที่ว่าฝ่ายชายต้องรับผิดชอบ เราเคยบอกพ่อแม่ว่า คนจะอยู่ด้วยกันต้องช่วยเหลือกันไปตลอดชีวิต หนูไม่อยากเห็นแก่ตัวให้แฟนรับผิดชอบทั้งหมด พ่อแม่ภูมิใจที่ลูกสาวทำงานเก่ง เป็นเจ้าคนนายคน แต่จะหาคนที่เหนือกว่าหนูมาเป็นคู่มันก็ยากนะคะ พ่อแม่เองก็รักแฟนหนูที่เค้าขยัน คอยดูแลหนู คอยดูแลพ่อแม่ไม่ขาดมาจะสิบปีแล้ว ถึงการงานเค้าจะด้อยกว่าหนู แต่เรื่องอื่นเค้าชนะทุกคน จะยอมเค้าหน่อยได้มั้ย? ... และพ่อแม่เราก็ยังพูดเหมือนเดิม ว่าแฟนเค้าสัญญากับพ่อแม่ไว้แล้ว ให้เค้าทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากัน สรุปไม่มีใครยอม เราก็เอาใจไม่ถูก ญาติๆทั้งสองฝ่ายลุ้นให้แต่งจนเลิกลุ้นกันไปแล้ว T__T จากคุณ : ลมหนาว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:25:57 A:220.255.2.104 X: TicketID:383637

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็หัวโบราณค่ะ เลยเป็นกังวลเรื่องนี้มากๆ คุณพ่อคุณแม่เพิ่งมาปล่อยเราเมื่อสองสามปีให้หลังนี้เอง ก่อนหน้านี้หวงมาก แต่คงเห็นอายุเริ่มเยอะ และญาติๆเริ่มพูดกันว่าหวงเกินไป แฟนเข้าบ้านเราทุกเดือนมาหลายปีไม่เคยขาด ทำไมยังไม่ปล่อยอีก นั่นแหละค่ะถึงเริ่มยอมให้เรากับแฟนไปไหนมาไหนกันเองบ้าง กลับดึกได้บ้าง ยอมให้แฟนค้างบ้านเราเวลาขับรถกลับกรุงเทพไม่ไหวบ้าง เราลืมบอกค่ะ ปกติเวลาเรานอนบ้านแฟน เราจะนอนห้องนอนแขกกับคุณแม่แฟนค่ะ ส่วนเวลาแฟนนอนบ้านเรา จะนอนที่ห้องนอนแขกชั้นล่างเหมือนกันค่ะ ณ ตอนนี้เราอยากได้แนวทางค่ะ ว่าจะเริ่มเกริ่นกับพ่อแม่ยังไงดีถ้าอยากจะให้แฟนหรือครอบครัวแฟนมาขอ ปรกติพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันบ้างอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเรื่องเป็นราวค่ะ ถ้าเราเป็นลูกสาวไปบอกพ่อกับแม่เลย พ่อแม่คงคิดว่าแฟนเราไม่ให้เกียรติ แต่ถ้าแฟนเราจู่ๆไปพูดเลย เราก็กลัวว่าพ่อแม่เราจะโกรธ ไม่ยอมฟังค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำจริงๆค่ะ เราซึ้งมากเลยที่ได้ฟังหัวอกคุณแม่ๆในห้องนี้ เราชอบเข้ามาอ่านมากเพราะเรารู้สึกว่ารักแม่เรามากขึ้นทุกทีๆ เข้าใจว่าทำไมตอนเด็กๆแม่หวงเรามาก และเราโตมาขนาดนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่จริงๆ จากคุณ : ลมหนาว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:36:38 A:220.255.2.105 X: TicketID:383637

ความคิดเห็นที่ 14 ประเด็นมันอยู่ที่แฟนคุณไปสัญญา ลองคุยกับแฟนคุณให้เคลียรฺก่อนนะคะ แล้วถ้าเค้าอยากแต่งแล้วก็ให้ไปเปิดอกคุยกับที่บ้านคุณใหม่ ว่า้งินมีเท่านี้ แต่รักลูกสาวพ่อกับแม่นะ งานแต่งอาจไม่ใหญ่โต แต่จะดูแลลูกสาวคุณไปตลอด บลาๆๆ รีบคุยก็ดีนะคะ ดีกว่าคบไปนานๆมีลูกขึ้นมา พ่อแม่จะได้ปวดหัวหนักเข้าไปอีก ครั้นจะรอ กว่าจะได้แต่งงาน คงจะไม่ต้องมีลูกกันแล้วมั้งคะ เพราะ 30 นี่เริ่มเข้าข่ายเริ่มช้าแล้วถ้าคิดจะมีลูก จากคุณ : Trinycat เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 01:50:15

ความคิดเห็นที่ 15 หมั้นก่อนสิคะ ลองยอมกันซักครึ่งทาง กว่าแฟนคุณจะพิสูจน์ตัวเองได้อย่างที่พ่อแม่คุณรอ อาจจะใกล้เลขสี่ด้วยซ้ำ จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 02:31:55

ความคิดเห็นที่ 16 แวะมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงค่ะ เราคิดคล้าย ๆ กับ คห. 11 นะ คือ เราไม่สนว่าแฟนคุณจะอายุเท่าไหร่ แต่คุณอายุ 30 แล้วเนี่ย กว่าจะแต่ง กว่าจะมีลูก เกรงว่าจะรอนานเกินไปแล้วน่ะค่ะ เรามองหลายมุมนะ 1. พ่อแม่คุณ - ท่านอาจจะรู้สึกว่า คุณมีค่ามากกว่าที่จะให้แต่งกับแฟนคุณในตอนนี้ เพราะคุณมีความสามารถและรายได้มากกว่าแฟนคุณมาก เลยให้แฟนคุณพิสูจน์ตัวเองก่อน 2. พ่อแม่แฟน - ท่านก็คงดีใจไม่น้อย ที่แฟนลูกชายได้คนเก่งและรายได้สูงอย่างคุณ แถมยังหัวอ่อนโอนเอียงเข้าทางท่าน จึงค่อนข้างเอ็นดูคุณ   แต่เราก็รู้สึกแปลก ๆ นะ เท่าที่คุณเล่า ท่านก็ดูใจสปอร์ตดี ช่วยเหลือต่าง ๆ นานา และดูน่าจะมีฐานะพอควร (ถึงมีคนรับใช้) แค่จัดงานแต่ง เราว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก ทำไมไม่ยอมจัดงานสักทีทั้งที่อายุก็พอสมควรแล้ว 3. ตัวคุณ - คุณไม่ควรเอาเงินเก็บของคุณมาจัดงานแต่งให้ตัวเองนะ อย่างน้อยควรแชร์กับแฟนจะดีกว่า ถือว่า เป็นการให้เกียรติแฟนคุณด้วย - ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องว่าจะเกริ่นกับพ่อแม่ตัวเองยังไง คุณควรปล่อยให้เป็นธุระของพ่อแม่แฟนจะดีกว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ดีว่าควรพูด หรือทำยังไง - แฟนคุณนอนบ้านคุณ เราว่าไม่น่าเกลียด  แต่ถ้าคุณนอนบ้านแฟน คนจะนินทาได้ เหมือนเราจะแนะนำเยอะนะ เพราะเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน ก็เลยไม่อยากให้เสียเปรียบ เพราะเห็นมาเยอะละ เราอยากให้คุณรักแฟนคุณด้วยใจและสมอง อย่าใช้ใจอย่างเดียว สุดท้ายนี้ ขออวยพรและแสดงความยินดีล่วงหน้าค่ะ ขอให้คุณสมหวังกับงานมงคลที่จะจัดขึ้นในเร็ววัน และมีความสุขกับชีวิตคู่ในอนาคตอันใกล้นี้นะคะ จากคุณ : Ms_Marshmallow เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 03:26:38

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : หนุ่มสกล คนภูพาน (tan007) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 04:12:26

ความคิดเห็นที่ 18 การแต่งานไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรเลย จัดแต่งเล็กๆก็ได้ ข้างบ้านผมเป็น ตึกแถวห้องเดียวยังจัดงานได้ น่ารักดีด้วย แสดงให้รู้ว่าแฟนคุณและคุณ รู้จักคำว่า พอเพียง จริงๆ ผมมีคำตอบเดียว รัก พ่อ รักแม่ ของคุณ ต้องแต่ง ก่อนไปอยู่เท่านั้น จากคุณ : หัวใจนก (หัวใจนก) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:07:43

ความคิดเห็นที่ 19 จขกท อายุเท่าๆ เรานะคะ แฟนเราก็จะเก็บเงินนู้นนี้ นั่น แต่เรายื่นคำขาดว่าไม่แต่งก็เลิก เพราะเราจะ 30 ละ สุดท้ายเค้าก็ดิ้นรนเก็บจนได้อะคะ แต่ก็ไม่ได้เรียกสินสอดเยอะเว่อร์นะคะ เหตุผลที่เรากดดัน นอกจากเราจะอายุมากขึ้น เราก็สงสารพ่อแม่เรา ที่ตจว. เพราะเค้าหัวโบราณ คบกันนานๆ อยู่ไกลเค้า เค้าไม่อยากให้อยู่ก่อนแต่ง เราบอกเหตุผลไป แฟนก็เข้าใจนะคะ แต่งงานไปเมื่อต้นปี ตอนนี่ท้องอยู่ เราไม่อยากมีลูกช้ากว่านี้ ไม่อยากให้ช่องว่างระหว่างวัยเรากะลูกมากนัก จากคุณ : YaIRkA เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:57:07

ความคิดเห็นที่ 20 แนะนำให้แต่งก่อนค่ะ อย่าให้ใครเค้าดูถูกทีหลังได้ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดในอนาคต เราว่าพ่อแม่แฟนก็แปลกๆ นะ เอาง่ายเข้าว่า ไม่สนใจ ให้เกียรติว่าที่สะใภ้ ทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียมดีที่สุด เคยได้ยินบ่อยไป อยู่กันก่อนแต่ง แทบจะเรียกค่าสินสอดต่อรองไรไม่ได้เลย จากคุณ : panny เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:57:20

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าคุณย้ายไปอยู่บ้านสามีแล้วอีก 5 ปี สามีคุณบอกว่าผมไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองแล้ว หรือ เราเลิกกันเถอะ คุณคิดว่าจะทำยังไงคะ คุณคิดว่าทางคุณพ่อแม่สามีจะเข้าข้างคุณ หรือ ลูกชายตัวเอง จากประสบการณ์ของครอบครัวดิฉัน พี่ชายเคยพาผู้หญิงมาอยู่ที่บ้านหลายคนค่ะ แม่ก็รับรู้รับทราบ ก็ให้มาอยู่ได้ พอเลิกกัน ผู้หญิงก็ร้องห่มร้องไห้มาฟ้องแม่ อย่างมากแม่ก็ให้เงินไปนิดหน่อย ไม่กี่หมื่น แล้วผู้หญิงก็ย้ายออกไป เพราะฉะนั้น การที่พ่อแม่ฝ่ายชายรับรู้ ไม่ได้หมายความว่าอะไรเลยค่ะ .. แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 11:47:42 จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:10:02

ความคิดเห็นที่ 22 ง่ายนิดเดียว เป็นเราจะบอกพ่อแม่แฟนไปว่า "คุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาตค่ะ" แต่งเข้าบ้านผู้ชายต้องให้เค้าและครอบครัวเกรงใจพ่อแม่เราด้วยค่ะ จากคุณ : nongcookie71 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:09:12

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วแฟนคุณต้องพิสูจน์ตัวเองถึงเมื่อไรคะ พิสูจน์ด้วยอะไร คุณบอกเองว่าเงินเดือนคุณมากกว่าสี่เท่า โอกาสที่เงินเดือนจะเท่ากันคงน้อยมากๆค่ะ เท่าที่เขาดูแลคุณมาเราว่าพ่อแม่คุณก็คงเห็นแล้วว่าใช้ได้ถึงยอมให้คุณไปค้างบ้านแฟน แล้วยอมให้แฟนค้างบ้านคุณ น่าจะให้แฟนไปคุยกับพ่อแม่ตรงๆว่าต้องการแต่งงานกับคุณก่อนเวลาที่สัญญาไว้เพราะคุณลำบากเวลาเดินทางและอะไรอีกก็อธิบายกันไป ลูกผู้ชายพูดตรงๆกับพ่อตาแม่ยายค่ะ ให้ท่านเห็นว่าต้องการดูแลคุณและให้เกียรติคุณจริงจัง เราเชื่อว่าพ่อแม่คุณต้องรับฟังเพราะท่านก็รู้อยู่แล้วว่าไปอยู่เฉยๆก็เสียหายอยู่ดี ให้แต่งกันไปเลยจะดีกว่า เพียงแต่ท่านอยากให้ว่าที่ลูกเขยออกแรงบ้าง ที่สำคัญตัวคุณเองต้องคุยกับแฟนให้เคลียว่าเขาพร้อมที่จะแต่งหรือยัง ไม่อยากให้เขามีทิฐิว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยแต่ง เพราะตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าตกลงใจว่าเขาพร้อมแต่งก็พาไปคุยกับพ่อแม่คุณให้เรียบร้อย แต่....ถ้าเขายังไม่พร้อมแต่งอยู่ดีก็ไม่ควรไปอยู่กับเขาอีกเลย เพราะดูแล้วมีแต่จะเสียชื่อเสียง ห้องเช่าจะเช่าไว้ให้ฝุ่นเกาะบ้างก็ยังดีกว่าหอบกระเป๋าเข้าบ้านผู้ชายแบบไม่มีหลักประกันอนาคตเลยแม้แต่นิดเดียว เกิดอะไรขึ้นคนเสียหายคนเดียวคือตัวคุณค่ะ.... จากคุณ : เทียนสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:18:41

ความคิดเห็นที่ 24 เราอายุมากกว่าจขกท. 2 ปี จัดงานแต่งงานไปเมื่อต้นปี ตอนนี้ท้องได้ 7 เดือนแล้วค่ะ ฐานะครอบครัวของแฟนคุณไม่ลำบากอะไร ถ้าพ่อแม่แฟนอยากได้คุณมาเป็นสะใภ้จริงๆก็น่าจะ offer ที่จะจัดงานให้ก่อน ถ้าแฟนคุณอยากรู้สึกภาคภูมิใจว่าได้จัดงานเองก็ทยอยเอาเงินมาคืนพ่อกับแม่ได้นี่ค่ะ ไปค้างบ้านแฟนบางครั้งยังพอทน แต่จะให้มาอยู่กินกันเลยซื้อบ้านซื้อช่องกันเลยนี่ไม่ดีเลย การจัดงานแต่งงานให้สำเร็จลุล่วงเป็นเรื่องที่เหนื่อย ยาก และพิสูจน์ใจกันและกันได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณได้ลองเตรียมงานจะทราบเลยว่าเกินครึ่งนึงของรายจ่ายเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยทั้งนั้น....งั้นทำไมต้องจัด? ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงยังไงล่ะคะ เป็นการประกาศให้สังคมรับรู้ พ่อแม่แฟนคุณไม่เสียดายเงินที่จะซื้อบ้านให้ (เพราะบ้านคงเป็นชื่อแฟนคุณหรือไม่ก็ชื่อท่านเอง) ลงทุนอสังหาไม่มีเสียเปล่าอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องเอาเงินล้านมาตบแต่งสะใภ้จัดงานแต่งงานให้สมเกียรติฝ่ายหญิง เรามองว่าพ่อแม่แฟนคุณยังไม่อยากทำ (ก็ขนาดลูกชายก็ยังไม่ได้อยากมีงานแต่งตอนนี้) เคุณมีหน้าที่การงานดี มีการศึกษาที่ดี เพราะฉะนั้นทำอะไรคิดดีๆ ลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่อย่าให้ใจมากกว่าใช้สมอง...ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : nongcookie71 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:25:23

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านเรื่องราวของ จขกท แล้วรู้สึกโหวงเหวงยังไงไม่รู้ มันเหมือนกับย้อนไปดูตัวเองเมื่อก่อนเลย เราอยากบอกว่า อยากให้คุณ จขกท รู้สึกรักตัวเองให้มากกว่าค่ะ เราอาจจะคิดแปลกกว่าคนอื่นนะ แต่ประสบการณ์มันสอนเรามาอย่างนั้นจริงๆ เพราะว่ายังไงซะแฟนเขาก็เป็นคนอื่นอยู่ดี ตอนรักกันแฟนก็ดี พ่อแม่แฟนก็รักเราแบบนี้แหละ ยอมไปอยู่ด้วย สุดท้ายไปกันไม่รอด ไม่เห็นจะได้รับความเห็นอกเห็นใจเหมือนตอนรักกันเลย จขกท คิดถึงตัวเอง ครอบครัวของตัวเอง พ่อแม่ตัวเองดีกว่าค่ะ ทำอะไรให้ถูกต้อง ในอนาคตจะได้ไม่เสียใจ เราไม่รู้เหตุการณ์ในอนาคต อย่าไปคาดหวังอะไร ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอก เราไปอยู่กับเขาแล้วแบบนั้น เสียเปรียบวันยังค่ำแหละคะ ตอนรักกันก็ไม่คิดอะไร แต่ตอนไม่รักกันแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ เป็นห่วงนะคะ จากคุณ : อดออม เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:42:34

ความคิดเห็นที่ 26 ดูจากลักษณะของ จขกท แล้ว ใจเอนเอียงไปทางที่จะย้ายเข้าบ้านแฟนอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ ถ้าใจคุณไปทางนั้นแล้ว ก็ลองเข้าไปคุยกับพ่อแม่คุณ เหมือนที่เล่าให้เพื่อนในห้องนี้ฟังแหละคะ แล้วดูปฏิกิริยาท่านว่าท่านรู้สึกยังไง ถ้าท่านโอเค คุณก้อสมหวังไป แต่ถ้าท่านไม่ คุณก็ลองไปปรึกษาที่บ้านแฟนดู บอกว่าคุณขออนุญาตที่บ้านแล้ว แต่ท่านไม่อนุญาต เพราะอะไรก็ว่ากันไป แล้วลองขอให้ที่บ้านแฟน ไปคุยกับพ่อแม่คุณให้ บางทีผู้ใหญ่คุยกันจะง่ายกว่าเด็กคุยนะคะ จากคุณ : Sprite_12 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:43:22

ความคิดเห็นที่ 27 แต่งไปเลยค่ะ ก็เอาเิิงินเก็บของเรานั่นแหละ ไปขอคุณ ถ้าคิดว่าไม่พอคุณช่วยก็ได้ แต่งงานกันซะให้เรียบร้อย แล้วจะไปอยู่บ้านแฟนก็ไม่มีใครว่า  พ่อแม่คุณก็จะดีใจ การแต่งงานสำหรับเรา เป็นการให้เกียรติพ่อแม่เรา และตัวเรา เราเป็นลูกสาว พ่อแม่จะได้ภูมิใจ แต่งงานแต่งการเป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งหัวโบราณยิ่งแล้วใหญ่ เขาจะได้สบายใจ   อย่าลืมนะค๊ะ เราเป็นผู้หญิง เสียหายอะไรไป ก็เราคนเดียว จากคุณ : บ้านอยู่ใกล้สนามบิน เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:47:39

ความคิดเห็นที่ 28 นึกย้อนไปเกือบ 10 ปี เรากับแฟนรักกันมาก รักกันมา 10 ปี ถึงขั้นย้ายมาอยู่กับแฟนที่บ้าน พ่อแม่เค้าก็ไม่ว่าไร เข้ากับเราได้ดีทุกอย่าง แต่เราไม่กล้าบอกพ่อแม่เราค่ะ ท่านคงเสียใจที่มีลูกสาวแบบนี้ วันเวลาผ่านไป เราได้ย้ายไปทำงานที่อื่น แฟนเรามีแฟนใหม่ เราเลยเลิกกับเค้าไป พ่อแม่แฟนก็ต้อนรับแฟนใหม่ดีเหมือนตอนเรานี่แหละ เราเลยได้มาคิดว่า ดีนะที่ไม่ได้บอกพ่อแม่ ถึงวันนี้ยังไม่กล้าเดินไปแถวนั้นเลย กลัวเจอชาวบ้านแถวนั้น เดี๋ยวเค้านินทาเอาค่ะ เราว่านะ ถ้าจะย้ายไป แต่งงานให้เรียบร้อยเถอะ อะไรมันก็ไม่แน่ เชื่อเราเถอะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 11:27:05 จากคุณ : พิกพูห์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:26:45

ความคิดเห็นที่ 29     เห็นความคิดของคุณ จขกท แล้ว อดเข้ามาตอบไม่ได้  เพราะเหมือนมองดูเรื่องของตัวเองสมัยก่อน        สมัยตัวเองเรืยนจบใหม่เป็นคนที่หน้าตาค่อนข้างดี  ( สมัยเรียนได้เป็นดาวคณะ  เป็นลีด ) แต่สมัยเรียนเราตั้งใจเรียนไม่เคยทำให้พ่อแม่หนักใจเรื่องชู้สาวไม่เคยมี พอจบมาได้ทำงานก็ค่อนข้างเป็นคนที่ทุกคนสนใจ  มีกิจกรรมอะไรในหน่วยงานก็ได้แสดงความสามารถบ่อยๆ  หนุ่มๆจีบเยอะมา  สาวโสด  หน้าตาค่อนข้างดี  การงานมั่นคง  ครอบครัวก็พอมีหน้ามีตาในสังคมอยู่บ้าง  ที่นี้มีหนุ่มคนหนึ่งถือว่าหน้าตาดี  แบคกราว์ดี  (เป็นคนดังฝั่งหนุ่มโสดก็แล้วกันมาจีบ)          ความที่เรามั่นใจในตัวเองก็ลองคบดู  เป็นแฟนคนแรกในชีวิตก็ว่าได้  สุดท้ายคบกับมาได้ 4 ปี  ก็เริ่มไว้วางใจ  เพราะเค้าพาเราเข้าบ้าน  ทุกคนที่บ้านก็ต้อนรับอย่างดี  พี่น้องเค้า  พี่สะใภ้  พี่เขยเค้า  หลานเค้า  เรารู้จักหมด          ตอนนั้นใครๆก็คิดว่าคงได้แต่งงานกันแน่นอน  เพราะก็ทำธุระกิจร่วมกันด้วยใช้เงินกระเป๋าเดียวกันแล้วด้วยซ้ำ  ตลอดเวลาที่เริ่มคบกันพ่อ แม่เรา  ไม่เคยห้ามแต่ให้เราวางตัวให้ดีๆ  คำว่า  "  วางตัวดีๆ "  ตอนนั้นคงยังไม่ทะลุหูเราเท่าไร  เราไม่สนใจที่พ่อแม่บอกเลย  หลงแฟนมาก  จนลืมพ่อแม่ไปเลย  ( จริงๆเรากับบ้านไปหาพ่อแม่บ่อยกว่าคุณ  จขกท  ซะอีกนะ )   คบกับหลายปี  เราทำตัวประหนึ่งสะใภ้คนหนึ่ง  งานแต่งญาติ  งานบวช  งานตาย  แฟนก็ควงเราไปตลอด  เหลืออย่างเดียวที่เรายังไม่ทำคือการจัดงานแต่งงานของตัวเองให้เรียบร้อย  คิดแค่ว่าจะมีลูกแล้วค่อยแต่งก็ได้          ต่อมามีสาวจบใหม่เข้ามาทำงาน  ไม่ถึงปี  แฟนแอบไปจีบ  ครอบครัวเค้ารู้แต่ไม่มีใครบอกเราซักคน  ตอนหลังแฟนมาบอกเลิกเรา  ให้เหตุผลต่างๆนานา  กว่าเราจะยอมเลิกก็มีปัญหาทะเลาะกันอยู่นาน  ไปราวีถึงบ้านผู้หญิงคนใหม่ยังเคย  ขู่ฆ่าตัวตาย  ทำทุกอย่างสาระพัด         สุดท้ายแล้วแฟนก็ยังไม่กับมา  แถมผู้หญิงคนใหม่รู้อีกว่าต้องทำยังไงถึงจะจับแฟนเราได้อยู่หมัด  เค้าไม่ทำอย่างเราเลย  จะไปไหนต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด  เค้าคบกันไม่ถึงปี  ก็แต่งงานเลย  ไอ้ที่บอกไม่พร้อมแต่งงาน  ยังไม่มีเงิน  อนาคตยังไม่มั่นคง  มันก็หลอกเราทั้งนั้น  เรื่องแต่งงานถ้ามันจะพร้อม  เค้าพร้อมได้ตลอดแหละ  ผู้ชาย  ถ้าเค้าจะให้เกียรติเรา        เราเสียเวลากับผู้ชายคนนี้ไปเกือบค่อนชีวิต  อายุ เกือบ  30  เหมือนคุณเลย  มาทิ้งเราไปตอนที่เราแทบจะหมดเวลาแล้ว         ตลอดเวลาที่เสียใจจนเกือบจะคิดสั้น  มีเพียงพ่อแม่เท่านั้นที่อยู่ประคับประคองเรา ท่านเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายจริงๆสำหรับลูก เราได้แต่เสียใจทำอะไรลงไป  ทำลายเกียรติของตัวเองเพื่อคนที่ไม่รักเราจริงทำไม  ความรักทำให้ตามืดบอดมองทุกอย่างเข้าข้างเค้าหมด สุดท้ายแล้วเค้ามองเห็นอะไรที่ดีในตัวเราบ้าง  เปล่าเลย          ทุกวันนี้ผ่านไปหลายปีแล้วกว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้  เวลามองพ่อแม่รู้สึกสงสารท่านมาก  เราทำลายชื่อเสียงตัวเองไม่พอ  ยังทำลายความภาคภูมิใจของพ่อแม่อีกด้วย  ทำไมเราไม่คิดได้ในเวลาที่ยังไม่สาย ยังคิดย้อนกลับไปว่าถ้าเป็นไปได้  จะทำตัวให้มี  "ศักดิ์ศรี"  มากกว่านี้          ตอนนี้มีลูกเป็นของตัวเอง  เข้าใจทันที  ว่า  "รักดั่งแก้วตา  ดวงใจเป็นอย่างไร"   ได้แต่  ทำบุญ  สวดมนต์ภาวนา  ขอให้ลูกสาวของเรา  อย่างได้ประสบพบเจอสิ่งที่ไม่ดี  หรือคนที่ไม่ดีเหมือนที่แม่เจอมาเลย        ขอให้คุณจขกท  คิดให้ดีนะค่ะ  ยอมในสิ่งที่ควรยอม  และเค้าก็ควรให้เกียรติเราเท่าที่เราควรจะได้ด้วย  อย่างให้ความรักมาบังตาเรา  จนมองเห็นเพียงด้านดีของเค้าเท่านั้น  ถ้าเค้ารักเราจริงอะไรก็ไม่สามารถมาเป็นอุปสรรคได้หรอกค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 11:39:46 จากคุณ : กุญแจใจที่หายไป เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:35:23

ความคิดเห็นที่ 30 จขกท.เองค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นมากๆเลยค่ะเราอ่านไปร้องไห้ไปเลย เราได้บทเรียนอะไรหลายๆอย่าง ได้ฉุกคิดในหลายมุมที่เราไม่ทันคิด เราขอบคุณมากๆค่ะ เรื่องแฟนเรา จริงๆเรามองว่าเรากับแฟนมั่นคงมาตั้งนานแล้ว แฟนทำงานรัฐวิสาหกิจเงินเดือนประมาณห้าหมื่น แต่ของเราทำเอกชนเงินทะลุไปหลักแสนแล้ว เงินเก็บเรามีประมาณสามล้าน ของแฟนอีกเจ็ดแสน เราไม่เคยคาดหวังให้เค้ามาทำงานได้เท่าเราเลย (อยู่ไปอีกสิบปีจะได้รึเปล่าก็ไม่รู้) คุณพ่อคุณแม่เราเลี้ยงเรามาแบบให้ดูแลตัวเองได้ ยืนด้วยตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งสามี เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้ เราเองก็รักแฟนที่เค้าสม่ำเสมอ ดูแลเราไม่ขาด ดูแลพ่อแม่เราเหมือนพ่อแม่ตัวเองมาตลอดเกือบสิบปี ไม่ได้รักเพราะเงินของเค้า แต่เราก็เข้าใจว่าผู้ชายเค้าคงรู้สึกลึกๆว่ายังด้อยกว่าเรามากค่ะ เพื่อนสนิทเค้าเคยพูดให้เราฟังว่าเค้ามาระบายเรื่องที่เราก้าวหน้าจนเค้าวิ่งตามไม่ทัน เค้าเลยตั้งเป้าสัญญากับพ่อแม่เราไว้ว่าจะขอเก็บเงินให้ได้หลักล้านก่อนแล้วค่อยขอเราเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณว่าอย่างน้อยๆก็มีหลักประกันว่าถ้าวันหนึ่งเรามีลูกหรือทำงานไม่ได้ เค้าก็ยังพอมีเงินก้นถุงคอยดูแลเราให้สุขสบายน่ะค่ะ ยิ่งเค้าเห็นเมื่อก่อนพ่อแม่เราหวงมากขนาดไหน เค้ายิ่งเครียดกลัวดูแลเราได้ไม่ดีเท่า พ่อแม่เราก็เห็นด้วยตรงนี้เราเลยไม่อยากขัด แต่ใจจริงของเรา แค่นี้ก็อยู่กันได้สุขสบายกว่าใครหลายๆคู่แล้วค่ะ ป.ล. ฐานะทางบ้านเรากับแฟนพอๆกันค่ะ ต่างคนต่างเลี้ยงตัวเองไม่พึ่งพ่อแม่ ไม่มีหนี้สิน เก็บเงินกันไว้ตั้งใจเผื่ออนาคต เผื่อเราตกงาน เผื่อลูก เผื่อจัดงานหมั้นงานแต่งนี่แหละค่ะ จากคุณ : ลมหนาว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 12:16:25 A:203.116.140.217 X: TicketID:383637

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ จขกท บอกว่า "ยิ่งเค้าเห็นเมื่อก่อนพ่อแม่เราหวงมากขนาดไหน เค้ายิ่งเครียดกลัวดูแลเราได้ไม่ดีเท่า พ่อแม่" อันนี้เค้ายิ่งไม่ควรมาชวนให้คุณไปอยู่ก่อนแต่งนะคะ เรากับแฟนคบกัน 10 กว่าปี เก็บเงินแต่งงาน พร้อมซื้อบ้านกันเอง 2 คน ไม่รบกวนเงินพ่อแม่กันเลย งานใหญ่พอสมควรค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่เสียดายอะไรเลยคือ หลังเสร็จงานแต่ง แยกบ้านมาแล้ว คุณพ่อโทรศัพท์มา บอกว่า "ขอบคุณมากที่จัดงานได้ดีมาก พ่อ แม่รู้สึกลูกทำเพื่อให้เกียรติพ่อกับแม่มาก" แล้วก็อวยพรเราอีกยกใหญ่ เราฟังไปร้องไห้ไปเลยค่ะ คุณ จขกท ลองคิดดีๆ นะคะ บางอย่างคุ้มค่ามากที่จะทำให้ถูกต้องค่ะ จากคุณ : BoyinBlue เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 12:58:18

ความคิดเห็นที่ 32 ลองคุณเงินเดือนน้อยๆ เขาจะชวนไปอยู่ด้วยหรือเปล่า จากคุณ : ลองลาออกดู เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 13:31:41 A:171.6.163.212 X: TicketID:253582

ความคิดเห็นที่ 33 เค้าอ้างว่าที่ยังไม่อยากแต่งเพราะเห็นพ่อแม่คุณหวงดูแลอย่างดี ..เลยอยากให้คุณไปอยู่กับเค้าเฉยๆ ..ตรรกะแปลกดีนะคะ คุณไปถามผู้ชายดูว่าถ้าเป็นลูกสาวเค้า เค้าจะยอมไม๊ ..ดิฉันว่าทางที่ดี เลิกไปนอนที่บ้านฝ่ายชายได้แล้วนะคะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณมีสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง แต่ยังไงก็ควรเลิกมีได้แล้ว เริ่มให้เกียรติตัวเอง และพ่อแม่ตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วผู้ชายจะให้เกียรติคุณเองค่ะ อย่าเชื่อในคำอ้างของผู้ชาย ..ถ้าคุณไปอยู่อีก 5 ปี เค้ามีเงินเก็บ 3 ล้าน แต่อ้างว่ายังไม่พอ อยากมีเพิ่มอีก คุณจะบังคับให้เค้าแต่งงานกับคุณยังไงคะ ลองตอบตัวเองให้ได้ก่อน จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 13:44:03

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบผิดกระทู้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 13:52:38 จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 13:51:27

ความคิดเห็นที่ 35 ว่าแต่ว่าเงินเดือนเยอะขนาดนั้น น่าจะตบแต่งให้สิ้นเรื่องสิ้นราวนะคะ หากเขารักคุณจริงๆ ก็น่าจะจัดการอะไรให้ถูกต้องด้วยตัวของเขาเองนะคะ จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 13:57:09

ความคิดเห็นที่ 36 ตลกเนาะ น่าจะคิดในมุมคนเป็นพ่อแม่มั่ง กว่าจะเลี้ยงดูให้เติบโตมาจนป่านนี้ กลับไม่แคร์ความรู้สึกพ่อแม่ตัวเองเลย กลับไปแคร์ฝ่ายชาย ทั้งๆที่เค้ามีแต่ได้กับได้ ตะก่อนนนนี่ก็แบบนี้ พอมีลูกสาว แล้วพาลคิดเรื่อยเปื่อยว่าถ้าลูกสาวเราทำแบบนี้ๆๆ เราคงเจ็บเนาะ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 14:38:33

ความคิดเห็นที่ 37 เราว่าในที่สุด จขกท ก็ย้ายไปอยู่บ้านแฟนนั่นแหละ จากคุณ : อิ้ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 15:30:12 A:58.9.8.130 X: TicketID:382883

ความคิดเห็นที่ 38 พอเข้าใจนะอารมณ์ความรักของจขกท เคยเป็นๆ มองอะไรแง่บวกไปหมด แต่จากที่ผ่านโลกมาพอควร รู้จักผู้ชายมาพอประมาณ อยากบอกว่า ผู้ชายอ่ะ ถ้ารักเราจริงๆ หรือกลัวจะเสียเราไป มันไม่รอความพร้อมอะไรหรอก เมื่อไหร่ก็พร้อมได้ จขกทย้ายเข้าไปอยู่ ยากค่ะ ที่งานแต่งจะเกิด แล้ว ถ้าวันหนึ่ง(แค่ถ้านะคะ ให้นึกไว้คนเราแต่งกันอยู่กันมาสิบปีเค้าก็ยังเลิกกันได้) ฝ่ายชายเกิดมีคนใหม่ คุณคนเดียวค่ะที่มีแต่เสีย อายุขนาดนี้กันแล้ว งานการเงินเดือนก็โอเคระดับหนึ่ง คำว่าไม่พร้อม อย่าพูดเลย ฟังแล้วเป็นข้ออ้าง ยิ่งอายุมากสิ ควรยิ่งต้องนึกถึงใจเรา นึกถึงหน้าพ่อแม่เรา ให้เกียรติเรา จัดการตบแต่ง นี่อะไรบอกไม่พร้อม แต่ชวนมาอยู่ด้วย ไม่ไหวๆ แต่ก็แล้วแต่อะนะคะ จขกทเป็นคนตัดสินใจค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 15:57:07 จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 15:55:48

ความคิดเห็นที่ 39 ทำงานรัฐวิสาหกิจ ได้เงินเดือนเท่านั้นก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ ถ้าจะรอให้ได้เงินเดือนเป็นแสน ก็รอก่อนเกษียณนู่นล่ะค่ะ ฟังเรื่องของคุณแล้ว เราว่าก็ดูมีความพร้อมทุกอย่าง เพียงแค่แฟนคุณไปสัญญากับพ่อ-แม่คุณไว้ แล้วที่ผ่านมายังพิสูจน์ตัวกันไม่พอเหรอคะ อายุขนาดนี้แล้ว ระวังจะมีบุตรยากนะคะ ถ้าเราเป็นคุณ เราคงยื่นคำขาดกับแฟนเลยล่ะค่ะ ว่าจะแต่งงานก่อนถึงยอมย้ายเข้าบ้าน ใช้โอกาสนี้กระตุ้นเค้าน่าจะดีกว่า แล้วเวลาพ่อ-แม่แฟนชวนให้ไปอยู่ด้วยอีก ก็บอกไปเลยว่าที่บ้านไม่ยอมจนกว่าจะแต่งงานกันเรียบร้อย บอกไปว่าโดนสั่งมาค่ะ เราว่าพูดแบบนี้มันไม่แรงนะคะ ดูเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่ด้วย ดีไม่ดีแม่แฟนจะได้รีบกระตุ้นลูกชายอีกที แล้วมาสู่ขอ แต่่งงานกันซะ จากคุณ : pencilcase เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 16:09:04

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วไม่พร้อมตรงไหนเนี่ย เราว่ามันก็โอเคระดับนึงแล้วนะ ถ้าห่วงเกียรติพ่อแม่อย่างที่ท่านหวงคุณอยู่ตอนนี้ก็แต่งไปเถอะ ถ้าไปอยู่บ้านเค้าจริงๆแล้วไม่ได้แต่ง พ่อแม่คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่รอมาก็ไม่มีประโยชน์เลยนะ แปลกว่าที่บ้านแฟนคุณดูรักคุณแต่ไม่คิดตบแต่งให้มันถูกต้อง เอาลูกสาวเขาไปนอนในบ้าน เราว่าแปลก ขอโทษนะคะ เรายังแอบคิดไม่ดีว่าถ้าคุณไม่มีเงินเดือนที่บ้านผู้ชายจะเอ็นดูคุณขนาดนี้ไหม จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 16:01:34

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ จขกท.ก็คงอยากย้ายไปใช่ไหมคะ แต่คงติดที่ว่า ไม่รู้จะ บอกแม่ยังไง เริ่มต้นยังไงหรือเปล่า ??? คือ เราว่าใจ จขทก. กะ ใจแฟน คุณ คงอยากแต่ง พร้อมกันได้ที่ละหล่ะ แต่คงติดอะไรซักอย่างที่ยังไม่ได้แต่งตอนนนี้ เช่น ภาระงาน บ้าน ฯลฯ เราว่า แม่แฟนคุณ ก็หัวสมัยใหม่นะ ไม่รู้ดิ จะบอกว่าเหมือนแม่แฟนพ่อแฟนเราเลย แต่ต่างกันตรงที่ว่า เค้าบอกให้เราหมั้นไว้ก่อนอ่ะค่ะ ยังไงลองดูเรื่องหมั้น ไว้ก่อนไหมคะ ค่อยแต่งก็ได้ เพราะความพร้อม หรือการตกลงใจกัน มัน individual มากอ่ะค่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 55 06:13:42