ความคิดเห็นที่ 1 ไม่คะไม่เคย คุณทำถูกแล้ว จากคุณ : รอแค่ใครบางคน เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 22:15:43

ความคิดเห็นที่ 2 เงินเดือนเท่ากัน เค้าผ่อนรถ 80% และจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน แล้วคุณจ่ายอะไรคะ ถ้าเงินเดือนเค้าไม่ได้มากมายอะไรนัก พอหักค่าใช้จ่ายที่เค้าช่วยจ่ายแล้วเค้าเหลือแค่พอใช้ เค้าตะเอาที่ไหนเก็บคะ ถ้าเค้าเงินเดือนเยอะมาก จ่ายทุกอย่างแล้วควรจะเหลือเก็บสบายๆ แต่ติดที่ว่าเป็นคนเก็บเงินไม่เป็น ใช้วิธีพอโบนัสออกก็หักเงินไปซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ อย่างของออมสินก็ได้ ซื้อให้ลูกพ่อหักภาษีได้ด้วย บ้านเราใช้เงินด้วยกันค่ะ เงินเดือนพอๆ กัน เราเป็นคนดูแล นี่ก็วางแผนว่าปีนี้จะซื้อประกันให้ลูกเพิ่มเพื่อลดหย่อนภาษี LTF ไม่ได้ดูไว้เลย เพราะบริษัทหัก provident fund ไว้เยอะพอสมควร จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 22:38:08 A:180.180.179.24 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 3 ให้เค้าเอาเงินเดือนไปซื้อ LTF ตั้งแต่เงินเดือนออกค่ะ หรือฝากประจำไว้ก่อนทุกเดือนครบปีค่อยเอามาเปิด LTF จะได้มีเงินเหลือเก็บ..ส่วนเงินเดือนที่เหลือถ้าเค้าไม่พอคุณก็ช่วยออกพอเป็นน้ำใจ อย่าให้ตัวเองเดือดร้อนค่ะ ยังไงก็ไม่ได้จดทะเบียน เรื่องเงินทองนี่ตัวใครตัวมันดีกว่าค่ะ จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 22:45:23

ความคิดเห็นที่ 4 ตาม คห2 ส่วนตัวผมว่าเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะครับ ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันเรื่องแค่นี้มันเป็นประโยชน์กับครอบครัวไม่ใช่คนใดคนนึง ประหยัดภาษีได้เค้าก็เอามาให้คุณ ร่ายจ่ายในบ้านเค้าก็ออกหมด รถ 80% ถ้าคิดเรื่องเงินเงินทองทองแบบนี้ถึงขนาดมาปรึกษาใน pantipแบบนี้แสดงว่า คงคิดถึงเรื่องเลิกกันแล้วมั้ง แล้วครอบครัวจะไปต่อยังไงครับ ผู้ชายถ้ามีความรับผิดชอบขนาดที่คุณเล่ามาก็น่าจะเป็นคนดีระดับนึงนะครับ อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแย่ลงจะดีกว่า แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 55 22:54:21 จากคุณ : แต่งไปได้ยังไงนะ (ยูโรขนฟู) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 22:50:40

ความคิดเห็นที่ 5 เงินเดือนประมาณ 45000 ค่ะ เราก้ออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราทั้งหมด กับของใช้ในบ้านบางครั้งเวลาหมด ส่วนรถที่เค้าออกเยอะเพราะเค้าใช้คนเดียว เราขับไม่เป้นเลยช่วยออก 20% ค่ะ แล้วบ้านที่อยู่ตอนนี้ก้ไม่มีภาระผ่อนเพราะทางบ้านเราซื้อให้เพราะกลัวเราแต่งไปลำบาก อาจเป้นส่วนหนึ่งที่ยิ่งทำให้รุ้สึกไม่ดีกับสามีว่าทำไมต้องมาเบียดบังเราอีก แต่สามีชอบอ้างว่าบ้านเป้นเงินแม่เราไม่ใช่เงินเรา หาว่าเราควรจะช่วยเค้าจ่ายคชจต่างๆด้วยซ้ำ คู่เราคิดเรื่องเงินมากไปไหมคะ เพราะทุกวันนี้เค้าจะบ่นแต่ว่าไม่มีเงินๆ แต่ก้ไม่ได้ให้เรารุ้เลยว่ามันหายไปไหนหมดเหลืออยุ่เท่าไรแน่ ให้เอามาฝากเราก้ไม่เอาบอกแต่ว่าจะดูของเค้าเอง  หาว่าเรารวยเอาๆ แต่เค้าจนลงๆ ุ ้ ุ ่ จากคุณ : Private Emotion ^o^ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 23:13:10

ความคิดเห็นที่ 6 มันอยู่ที่เงินเดือนมากเท่าไหร่คุณลองคำนวนดูสิคะ แต่ถามว่าผู้ชายเค้าก็ต้องมีส่วนตัว คุณคิดว่าส่วนที่เหลือ มันพอส่วนตัวเค้ามั้ย คุณอย่ามองแต่ตัวเองสิคะ คุณได้ช่วยออกอะไรบ้างนอกจากค่ารถ 20 % เอาให้พอเหมาะกับชีวิต เงินไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าเก็บไว้แล้วชีวิตไม่มีความสุข เราว่าไม่ดีแน่ เราว่า สามีคุณดีมากแล้วนะคะ แม่เราเคยสอนไว้ว่า คนเราจะรู้จักคุณค่าของของก็ต่อเมื่อต้องเสียมันไป อย่าให้เป็นอยางนั้นเลยคะ เพราะบอกตามตรงว่า ถ้าเราต้องออกให้เกือบทุกอย่างทั้งๆ ที่อยู่กัน 2 คน ทำงานเงินเดือนเท่ากัน เราว่าไม่เหมาะ มันก็เหมือนกับเราอึดอัดนะคะ อยากได้อะไรแล้วไม่ได้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยากได้ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี  ถ้าสามีคุณคนนี้ไม่ดีทั้งๆ ที่เค้าตามใจคุณ แล้วคุณจะไปหาสามีอย่างนี้ได้อีกจากที่ไหนคะ จากคุณ : cindychu เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 23:21:05

ความคิดเห็นที่ 7 ลดหย่อนภาษี  เงินเดือนก็เยอะพอตัว ทำไมไม่พอค่ะ โทษนะคะ  ถ้าไม่ได้ส่งเสียใครอยู่  คงเที่ยวหมดหรือเปล่าค่ะ เราว่าถ้าเค้าบอกแต่ว่าเงินไม่เหลือ  คุณก็ควรจะบอกเหมือนกันว่าไม่มีเงินเก็บ เค้าอาจจะเห็นคุณเก็บเงินเก่ง  มีเงินเยอะ  เลยอยากได้บ้าง คำว่า สามี-ภรรยา  ถ้ายืมเงินกัน  จะทวงก็คงยาก เราว่า ดูจะแปลกๆนะคะ   พอบอกได้ไหมค่ะว่าผ่อนรถเท่าไหร่ 80% เนี่ย อีกอย่าง คุณช่วยผ่อนรถ 20% ถึงขับไม่เป็น แต่เวลาไปธุระไหนๆ  ก็คงมีสามีไปรับ-ส่ง เพราะฉะน้น อย่างคิดแบบนั้นเลยค่ะ คิดซะว่ามีรถ พร้อมคนขับ 555 เราว่าสามีึุึคุณเค้าคิดเล็กคิดน้อยไปหน่อยไหม  กับคำว่า คุณรวยเอาๆ เค้าจนลงๆ อืม ชีวิตคู่ ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ถ้าแยกกระเป๋ากันขนาดนี้  แล้วยังมีคิดเล็กๆน้อยๆ  เกินนิสัยผู้ชายไปหน่อยนะคะ อย่างน้อยๆ เวลาคุณช๊อปก็ไม่ได้ไปขอเงินเค้านี่นา เฮ้อออ จากคุณ : นี่หรือ ชีวิตคู่ (nongnew2000) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 23:25:53

ความคิดเห็นที่ 8 งั้นผมแก้ให้นิดหน่อยนะครับ ยังกลับไปที่ คห 2 ครับ ส่วนเรื่องสามียืมเงินไม่มีความเห็นนะครับในกรณีนี้ แต่จะบอกว่าถ้าจะให้ยืมเงินแค่ไม่กี่หมื่นแล้วต้องมาทำสัญญาเนี่ย ครอบครัวไปต่อลำบากครับ ถ้าไม่อยากให้ยืม ผมแนะนำให้บอกเค้าไปว่า ตอนนี้หุ้นขึ้นมาสูงเกินไปแล้ว ซื้อ LTF ในตอนนี้สำหรับฐานภาษี 10% ไม่คุ้มและเสี่ยงอย่างมากท้ายสุดเงินที่เหลือจาก LTF หลัง 5 ปี อาจจะไม่พอค่าคืนภาษีด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเสียโอกาสเอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนอย่างอื่นอีก ให้เค้าไปศึกษาในห้องสินธร ได้ความรู้ด้วย ส่วนคุณก็ไม่บาดหมางกับสามีเรื่องเงินเงินทองทองด้วย แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 55 23:31:07 จากคุณ : ยูโรขนฟู เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 23:28:07

ความคิดเห็นที่ 9 อืม ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ออกกันคนละครึ่งดีไหมคะ เค้าจะได้ไม่ต้องมาบ่นอีก เรื่องที่คุณช่วยค่าผ่อนรถ ก็ถือซะว่าใช้ด้วยกัน เค้าก็ขับให้ใช่ไหมคะ ค่าน้ำมันก็เค้าออกอีก ไหนจะค่าซ่อมบำรุง เปลี่ยนยางเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนผ้าเบรค น้ำยาแอร์ ค่าใช้จ่ายมันก็สารพัดนะคะ ไหนจะประกันรถอีก เค้าก็ออกเองใช่ไหมล่ะคะ เงินบางส่วนเค้าก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่มันอาจจะไปหมดกับค่าิจิปาถะต่างๆเหล่านี้ด้วยนะคะ คุณมาหารค่าใช้จ่ายในบ้านกับเค้าดีกว่า เค้าจะได้ไม่รู้สึกว่าจ่ายอะไรเยอะแยะมากเกิน บ้านแม่คุณซื้อให้ก็ถูกค่ะ แต่จะมาเอาตรงนี้เพื่อบอกว่าคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใ้ห้เค้าออก เพราะนี่มันบ้านคุณ แม่คุณซื้อให้นะ เหมือนเค้าเป็นคนอาศัยเลยนะคะ แม่คุณซื้ออให้คุณก็จริงค่ะ แต่ซื้อให้ึุคุณมาสร้าง ครอบครัว นั่นคือให้คุณอยู่กับสามีคุณ อย่าคิดถือเอาว่านี่บ้านฉันแล้ว คุณเป็นคนอาศัยควรจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนฉันไม่ต้องจ่าย สมมติพ่อแม่สามีคุณเค้าซื้อรถให้ลูกชายเค้าบ้าง พอไปไหนด้วยกัน สามีบอกคุณว่าให้คุณออกค่าน้ำมันนะ ค่าซ่อมค่าเสื่อมก็ออกด้วย เพราะนี่รถเค้านะ คุณมานั่งฟรีๆควรออกค่าใช้จ่ายต่างๆนะ ส่วนเค้าแทบไม่ออกอะไรเลย คุณว่ามันประหลาดไหมคะ อย่าเทียบว่าคนอื่นให้เงินภรรยาใช้ ไม่เห็นมีปัญหา คนที่ให้เงินภรรยาใช้ ส่วนใหญ่ภรรยาเค้าอยู่บ้าน เป็นแม่บ้านฟูลไทม์ คอยปรนนิบัติสามี คอยดูแลไม่ขาดตกบกพร่อง แล้ว จขกท ใช่ไหมคะ จขกท เป็นแม่บ้านฟูลไทม์หรือเปล่า ดูแลสามีทุกอย่างหรือเปล่า จขกท ได้เสียสละสังคมส่วนตัวมาอยู่แต่บ้านเพื่อดูแลครอบครัวอย่างเดียวหรือปล่าคะ ครอบครัวใครครอบครัวมัน อย่าเปรียบเทียบเลยนะคะ เราเป็นสามีคุณมาได้ยินคงเสียใจที่ภรรยาคิดแบบนี้ เอาเราไปเทียบกับคนอื่นแบบนี้ จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 23:54:37 A:180.183.233.183 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 10 สมมติผ่อนรถเดือนล่ะหมื่นนะคะ คุณจ่ายสองพัน สามีจ่ายแปดพัน ค่าน้ำมัน ค่า maintenance รถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนยาง สามีจ่ายอีกเดือนล่ะสี่พัน ค่าน้ำค่าไฟที่บ้าน รวมค่าใช้จ่ายของบ้าน สมมติสามีจ่ายมากกว่าคุณเดือนล่ะหมื่น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ต่างคนต่างออก เบ็ดเสร็จสามีจ่ายเยอะกว่าคุณเดือนล่ะสองหมื่น ปีๆ นึง ถ้าสามีไม่ต้องจ่ายตรงนี้ เอาไปเก็บแทน เค้าจะมีเงินเก็บปีล่ะ สองแสนสี่ แต่งมาสามปี คุณควรจะมีเงินเก็บมากกว่าเค้า 720,000 บาท เห็นตัวเลขชัดเจนนะคะ นี่เป็นตัวเลขคร่าวๆ ว่าทำไมเงินเก็บคุณถึงเยอะกว่าสามี และทำไมสามีถึงบ่นว่าเค้ามีเงินเก็บไม่เท่าคุณ เราเชื่อว่าเค้าไม่ได้มีบ้านเล็กบ้านน้อยหรอกค่ะ อย่าเพิ่งไปคิดอย่างนั้น ดูจากเงินที่เค้าใช้เดือนๆ นึง มันก็ไม่ได้เหลือเยอะแยะอะไร หักค่านั่นค่านี่เค้าเหลือใช้เดือนล่ะประมาณสองหมื่นเอง ถ้าเค้าบริหารเงินเก่ง เค้าก็คงจะมีเหลือเก็บบ้าง แต่คนเราไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่อง และส่วนใหญ่ ผู้ชายบริหารเงินไม่เก่ง เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ แผนกการเงินและบัญชีถึงมักจะมีแต่ผู้หญิงไงคะ มองใหม่นะคะ คุณสองคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณไม่ให้ยืมไปลง LTF เราเข้าใจ แต่การใช้คำพูดว่า สามียืมเงินภรรยาต้องทำสัญญา คนยืมคงน้อยใจ คงคิดว่าคุณไม่เชื่อใจเค้า ถ้าคุณมีลูกแล้วเราเสนอการซื้อประกันให้ลูกในชื่อของสามี สามีได้ลดหย่อน และมีหลักประกันว่าลูกจะได้เงินก้อนตามกำหนดที่ตกลงกับประกันไว้ เราเชื่อว่า เค้ารักลูกมากพอที่จะไม่ไปยกเลิกประกันแล้วเอาเงินมาเป็นของเค้าหรอกค่ะ ครอบครัวเดียวกัน ต้องร่วมมือกัน เป็นทีมเดียวกัน เค้ามีจุดอ่อนในเรื่องการบริหารและเก็บเงิน คุณสามารถช่วยเค้าในเรื่องนี้ได้ ช่วยเค้าทำบัญชี ช่วยเค้าวางแผนการเงิน การลงทุน และการออม ขอให้ใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความเข้าใจนะคะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:03:40 A:180.180.179.24 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 11 จากข้อมูลที่ให้มา อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ คุณไม่เชิงใจดำเรื่องที่ไม่ให้เงินสามีเรื่องประกันหรอกค่ะ แต่คุณใจดำกับเขาเรื่องทัศนคติการใช้จ่ายภายในบ้านตะหากล่ะค่ะ จากคุณ : system_error เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:03:59

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วรู้สึกว่า จขกท. เคี่ยวจัง เพราะเงินเดือนพอกัน แต่สามีออกแทบทุกอย่าง แล้วมันจะไปเหลือเก็บตรงไหน จะให้แฟร์จริงๆ ก็ออกคนละครึ่งไปเลยทุกอย่างจะได้สบายใจกันไป หรือไม่คุณก็ลองมาออกทุกอย่างแบบสามีดูบ้าง สัก 6 เดือน น่าจะได้รู้ว่ามันจะมีทางพอมีเงินเก็บไหม ถ้ามีทางแล้วสามีไม่มีก็ค่อยคุยกันอีกที ถ้าเราเป็นสามี แล้วมีภรรยาคิดแบบนี้เราคงเสียใจ จากคุณ : ChiBoo เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:40:24

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับเราเงินเค้าคือเงินเรา เงินลงทุนเงินออมมันก็เป็นของทั้งคู่ เราว่าคุณใจร้ายไป กับสามีให้เขียนสัญญา เงินเดือนเค้าก็เอามาเลี้ยงดูคุณ ถ้ากังวลมากก็จดทะเบียนซะค่ะ จะได้ไม่ต้องกลัวเงินหาย จากคุณ : mini_milk เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:51:59

ความคิดเห็นที่ 14 เราว่าจขกท. เคี่ยวมากไปค่ะ ลองออกค่าใช้จ่ายเท่ากันดีไหมคะ สามีจะได้มีเงินเหลือเก็บบ้างจะได้ไม่มายืมคุย เราอ่านแล้วมันเหมือนไม่ใช่คู่สามีภรรยากันเลย ดูคุณคิดเยอะกับสามีมากไป ลองเปลี่ยน เป็นคุณออกค่าใช้จ่ายแบบสามีคุณบ้างจะได้ทราบว่าเหลือเก็บเท่าไหร่ จากคุณ : สาวซ่าแอ๊บสวย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:53:35

ความคิดเห็นที่ 15 ลองสักปีไหมค่ะ เขาบอกว่าจะเอาเงินที่ประหยัดจากการเสียภาษีได้มาให้แทนไม่ใช่เหรอ  ถ้าให้ไปแล้วปีนี้ เขาไม่คืนคุณ ปีหน้าค่อยไม่ให้  จะว่าเคี่ยวก็เคี่ยวเหอะ จากคุณ : fornatcha เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 01:25:39

ความคิดเห็นที่ 16 แบบนี้ก็มีด้วย ไม่ให้เงินสามียังพอรับได้ แต่จะให้ทำสัญญากู้ด้วย อ่านแล้วเศร้าครับ จากข้อมูลที่ จขกท. ให้ คุณออกค่าผ่อนรถ 20% และจะให้สามีทำสัญญากู้เงินด้วย เราว่า... ค่อนข้างใจดำ สามีกู้เงินภรรยา สมมุติถ้ามีลูกแล้ว คุณจะให้ลูกเป็นผู้ค้ำประกันไหมเนี่ย ถ้าพ่อไม่จ่ายลูกจะได้จ่ายแทน เหมือนความเห็นก่อนหน้านี้ครับ ลองดูรายละเอียดรายรับรายจ่ายของแต่ละคนว่าท้ายสุดเหลือเงินเท่าไหร่ ก่อนตัดสินใจร่างสัญญากู้เงิน จากคุณ : Sonatina in G เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 01:29:03

ความคิดเห็นที่ 17 คุณตัดสินใจเองดีกว่า เราว่ามันอยู่ที่คุฅณ คุณรู้จักสามีคุณมากที่สุด จากคุณ : Alarsara (Alarsara) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 02:14:16

ความคิดเห็นที่ 18 บางคู่ก็ดูงงๆเนอะ อยากถามว่า แต่งงานเพราะอะไรอ่ะค่ะ ไม่รักกันหรือคะ ภรรยา..ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องคิดเล็กคิดน้อย สามี..มีอะไรก็ไม่บอกกัน แค่แจกแจงว่าจ่ายอะไรไปบ้างก็น่าจะบอกได้ จากคุณ : เหมียวเหมียว (wichayen) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 02:37:30

ความคิดเห็นที่ 19 ค่าใช้จ่ายภายในบ้านนี่เราว่าก็หนักอยู่นะคะ แถมยังมีค่าผ่อนรถด้วยอีกต่างหาก ขนาดเราใช้เงินที่ ตจว. เดือนละสามหมื่นนี่แทบจะไม่ได้ซื้อของส่วนตัวเลยนะคะ สามี จขกท น่าจะคิดว่าเค้าจ่ายเงินอยู่คนเดียว เลยชอบบอกว่าไม่มีเงิน น่าเห็นใจเค้าเหมือนกันนะคะ ลองคุยกับเค้าดีๆ ตกลงกันใหม่เรื่องค่าใช้จ่ายดีมั๊ยคะ เป็นภรรยาสามีกัน จดหรือไม่จดทะเบียนสมรส ถ้าจะอยู่ร่วมกัน มันไม่ได้สำคัญหรอกนะคะ อีกอย่าง เราว่าผู้ชายเค้ามีสัญชาตญาณของการเป็นผู้นำนะคะ ถึงจะไม่ได้ดีเด่นเป็นผู้นำคนอื่น แต่อย่างน้อยก็ขอให้เป็นผู้นำในครอบครัวก็ยังดี เค้าจะได้มีความภูมิใจในตัวเองบ้าง ถ้า จขกท อยากรักษาครอบครัวไว้ แนะนำให้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ แต่ถ้า เงิน มันสำคัญกับ จขกท มากกว่าครอบครัว จขกท ก็ทำตามที่อยากทำเลยค่ะ (นี่เราพูดในฐานะคนนอกและไม่รู้ว่า สามี จขกท นิสัยใจคอเป็นยังไง ถ้าผิดใจ จขกท ก็ขออภัยด้วยนะคะ) แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 02:44:48 แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 02:43:29 จากคุณ : เรไรไอด้า เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 02:39:44

ความคิดเห็นที่ 20 บางท่านอาจสงสัยว่าสามี จขกท เอาเงินไปไหน อยากให้คิดดูดีๆนะคะ ค่าผ่อนรถสมมติว่าเดือนละ 10000 อันนี้ขั้นต่ำแล้วนะ ไม่แน่อาจจะผ่อนมากกว่านี้ ค่าน้ำมัน ขับไปทำงาน ขับไปซื้อของ เที่ยว พักผ่อนเสาร์อาทิตย์ อย่างน้อย 4000 ซื้อของเข้าบ้าน อาหารการกิน ค่าใช้จ่ายจิปาถะตีว่าราวๆหมื่นนึง ด้วยเงินเดือนเราประมาณเอาว่าการกินการใช้ในบ้าน คงเลือกที่ดีๆ ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์บ้าน ดีไม่ดีมีค่าอินเตอร์อีก รวมๆเดือนนึงก็น่าจะหมื่นได้นี่แหละนะ ค่าใช้จ่ายส่วยตัวเค้าล่ะ สมมติใช้วันละ 300 เดือนนึงก็ตก 9000 แล้ว แล้วเวลาไปเที่ยว กินข้าวนอกบ้าน ต่างๆนานา เราคิดว่าสามี จขกท ก็เป็นคนออกอีก เพราะ จขกท บอกว่าสามีจ่ายทุกอย่าง คร่าวๆ ผ่อนรถขึ้นต่ำ 10,000 (สามีเราเงินเดือนน้อยกว่าสามี จขกท ยังผ่อนตั้ง 15,000 ไม่แน่สามี จขกท ก็อาจจะผ่อนมากกว่านี้อีก) น้ำมันทั้งเดือน 4,000 ค่าใช้จ่ายในบ้าน 10,000 ค่าใช้จ่ายส่วนตัวขั้นต่ำ 9,000 คร่าวๆปาไป 33,000 แล้วค่ะ แล้วคนเรามันก็มีซื้อของใช้ส่วนตัว น้ำหอม รองเท้า เสื้อผ้า ไปกินสังสรรค์กับเพื่อน อาหารญี่ปุ่น ดูหนังฟังเพลง ใส่ซองผ้าป่า งานแต่ง ฯลฯ ดีไม่ดีอาจส่งให้พ่อแม่บ้าง หรือซื้อของไปฝากบ้าง มันไม่แปลกนะที่สามี จขกท จะเงินไม่เหลือเก็บ ทำไมต้องไปสงสัยว่าเค้าเอาเงินไปไหน มีเล็กมีน้อยหรือเปล่า คนที่ควักเงินจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านเองทุกอย่าง คงเข้าใจนะคะว่ามันก็ไม่ใช่ถูกๆนะ จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 03:16:07 A:180.183.233.183 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 21 พูดลำบาก ไม่จดทะเบียน เลิกกันนอกจากเป็นคนอื่นแล้ว โอกาสเป็นหนี้เสียก็เยอะ จขกท.ก็คงอยากปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง พวกตอนรักกันถวายหัว เลิกกันเหลือแต่ตัว ก็เยอะไป แต่ถ้ามองมุมสามีจขกท. บ้านก็ต้องอาศัยเมียอยู่ (เข้าใจว่าน่าจะเป็นชื่อจขกท.) คชจ.ก็ต้องออกทุกอย่าง เมียช่วยผ่อนรถนิดหน่อย แต่งงานกันแล้ว ยังคิดเหมือนเป็นคนอื่น ยืมเงินเพื่อน บางทียังใจ ไม่ต้องเซ็นสัญญา ยืมเงินเมีย เมียให้เซ็นสัญญาเงินกู้ มันก็น่าเศร้าอยู่นะ เราว่าถ้าแฟร์ๆ ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเงินเก็บเดิมของแต่ละคน เงินที่หาใหม่เอามารวมกัน จากนั้นก็ให้คชจ.ส่วนตัว ที่เหลือใช้เป็นเงินกลาง เหลือเท่าไหร่สิ้นปีก็ไปซื้อ LTF (แต่ถ้ากลัวเสียผลประโยชน์เรื่องรถก็หักค่ารถออก แต่ให้ช่วยออกค่าซ่อมบำรุงกับน้ำมัน เพราะเสาร์อาทิตย์ จขกท.ก็น่าจะได้นั่งรถสามีด้วยใช่มั้ย) ป.ล. ถ้าเวลาจขกท.นั่งรถสามี สามีขอเก็บค่านั่งรถ จขกท.จะเสียใจไหม ถ้าเสียใจ เราว่าน่าจะหาเวลาคุยกัน ขอโทษเค้าเรื่องสัญญาเงินกู้นะ จากคุณ : cwan_t เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 05:42:14

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าไม่จดทะเบียน เราไม่ให้ค่ะ บ้านก็ไม่ต้องเช่า คุณคนเดียวจะเสีย คชจ  เพ่ิมอีกสักเท่าไหร่กันค่ะ  ค่าน้ำ ค่าไฟ มันจ่ายเยอะขึ้นเหรอค่ะ ค่ากิน คุณกินเยอะมากเหรอค่ะ ในเม่ือ คชจ ส่วนตัวคุณ คุณก็ออกเองแล้ว สามีคุณยังบ่นอะไรอีก วันหลัง คุณก็แยกเลย ค่ากับข้าว อาหาร ซื้อกินเอง น่ังรถเค้าไม่ต้องจ่ายตัง เพราะคุณช่วยผ่อน ถ้าคุณจะออด คชจ ในบ้านคร่ึอนึง  คุณก็เก็บตังค่าเช่าบ้านเค้าด้วย แฟร์ๆ ค่ะ ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อย ถ้ามีลูก คชจ เยอะกว่านี้มากค่ะ  ใครจะเป็นคนออกค่ะ สรุป เงินคุณเก็บไว้ให้ดีค่ะ จากคุณ : น้องมังกรคร๊าบ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 06:45:54

ความคิดเห็นที่ 23 อาจจะไม่ได้คิดลึกซึ้งเท่าเจ้าของกระทู้นะคะ ส่วนตัวเต็มใจให้ค่ะ จากคุณ : ไม่อยากรักใคร เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:16:50

ความคิดเห็นที่ 24 อย่างเรื่องรถนี่เค้าใช้คนเดียวทำไมคุณต้องไปออกคะ ชื่อรถเป็นชื่อใครถ้าเป็นชื่อคุณก็ว่าไปอย่างแต่ถ้าเป็นชื่อสามี ไม่ได้จดทะเบียนยังไงก็เป็นสินส่วนตัวไม่ควรร่วมผ่อน อาจจะช่วยค่าน้ำมันดีกว่า คนเป็นสามีควรรับผิดชอบทุกอย่างในบ้านนะคะ แม้แต่ค่าใช้จ่ายลูก ของใช้ในบ้านและอื่นๆ และจริงๆควรให้เงินเดือนจขกท.ด้วยซ้ำ..แต่เค้าไม่ได้ให้แถมยังมาเบียดเบียนอีก มีลูกหรือยังคะถ้ายังอีกหน่อยคงทะเลาะกันตาย ค่าใช้จ่ายลูกจุกจิกจะตายไป จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:22:54

ความคิดเห็นที่ 25 ให้เค้ายืมเหอะ ค่าดูแลรถ น้ำมันนี้เยอะมากๆ ของเข้าบ้านนี่ซื้อทีเด๋วนี้หมื่นกว่าต่อเดือนแทบไม่พอ ค่ากินอีก ออกค่าส่วนกลางบ้านเพิ่มเถอะคุณ จะได้รุ้ว่ามันมากเหลือเกิน เดือนๆนึง จากคุณ : ipodine เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:44:02

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกความเห้นมากเลยค่ะ อ่านแล้วได้คิดในมุมที่เราไม่เคยนึกเลย บางครั้งเราก้มองแต่ฝั่งเราไม่เคยนึกว่าถ้าเค้าไม่ได้แต่งกะเราป่านนี้คงมีเงินเก้บสบายไปแล้ว รุ้ค่ะว่าไม่ควรเปรียบเทียบกับคุ่อื่น เราเลือกแบบนี้เองไม่ได้มีใครบังคับซะหน่อย ตอนนี้ยังไม่มีลูกค่ะ เพราะรุ้สึกว่าขนาดตอนไม่มียังหวังพึ่่งพาสามีเรื่องเงินไม่ได้เลย พอมาโดนว่าๆทำให้เค้าจนลงแล้วน้อยใจค่ะ สามีเค้าไม่ได้มีหน้าที่ต้องดูแลภรรยาอยุ่แล้วเหรอคะ  เลยกลัวว่ายิ่งมีลูกจะยิ่งทำให้ทะเลาะกันเรื่องเงินอีก  แต่แปลกที่เค้าบ่นว่าไม่มีเงินๆแต่กลับเร่งให้เรามีลูก   เรื่องออกคชจในบ้านเท่าๆกันเราเคยเสนอแล้วให้กันเงินออกมาคนละเท่าๆกันไว้ใช้จ่าย เพราะเราเองก้ไม่เดือดร้อนถ้าต้องออก แต่เป้นเค้าเองที่สุดท้ายก้ไม่เอาสักอย่าง จะพยายามเปลี่ยนความคิดค่ะ มองเค้าในด้านดีๆให้มากขึ้น ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : Private Emotion ^o^ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:44:25

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องทำสัญญาเงินกู้ สามีไม่ควรโกรธ เป็นสิทธิของคุณ ควรทำอยู่แล้ว บ้านก็มีเพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิง เค้ารู้สึกขอบคุณบ้างมั้ย? ไม่งั้นต้องผ่อนบ้านกันอีก ค่าใช้จ่ายจะเยอะขึ้น คิดบ้างมั้ยว่าเงินนั้นพ่อแม่ฝ่ายหญิงอาจเอาไปใช้จ่ายอื่นๆหรือเก็บไว้ตอนแก่ ในส่วนของคุณ ต้องลองมองตัวเองใหม่ว่าเขี้ยวไปไหม เพราะข้อมูลที่ให้ไม่ละเอียด แต่ความคิดที่ว่าผู้ชายต้องเป็นฝ่ายออกเงินฝ่ายเดียวมันโบราณแล้วค่ะ จากคุณ : วันนี้หนูมาคนเดียว เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:52:47

ความคิดเห็นที่ 28 สมัยนี้ต้องแชร์กัน ค่ะ ถ้าเค้าไม่ได้รวยกว่าคงไม่สามารถมาเลี้ยงดูเราได้ จากคุณ : mama_jaijai (MAMAJAIJAI) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 07:58:51

ความคิดเห็นที่ 29 เอิ่ม อ่านแล้วแปลกๆ แต่แรกที่แต่งไม่ใช่เพราะรักกันและเขาเป็นคนดีหรอกหรอคะ สามีภรรยา(สำหรับเรา)ถ้าเลือก(คนดีๆ)จะมาอยู่ด้วยกันแล้ว มันต้องแชร์ทุกอย่างค่ะ ไม่ใช่ให้อีกคนต้องลำบากอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าอย่างนั้นคุณก็เก็บค่าเช่าบ้านเขา ส่วนเขาเก็บค่ารถคุณแบบนี้หรือเปล่าคะ คือเรามองว่าอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป ถ้าเขาเป็นคนดีดูแลเราตามสมควรแล้วมันไม่ควรจะมาคิดเรื่องอะไรแบบนี้เลย เราอ่านแล้วเหมือนคุณไม่พร้อมกับชีวิตคู่เลยค่ะ ถ้ายังอยากเก็บเงิน ซื้อโน่นนี่ตามใจก็น่าจะอยู่คนเดียว มองมุมกลับถ้าเค้าเป็นคนให้คุณออกทุกสื่งอย่างบ้างคุณว่ามันจะแฟร์ไหมคะ ถ้าคุณคิดว่าเค้ามาอยู่บ้านคุณทำให้ไม่ต้องมีภาระผ่อนค่าบ้าน แบบนี้เค้าแต่งกับคุณแล้วอยู่บ้านตัวเองก็ได้ค่ะหรือไม่แต่งเลย หรือต่อให้ต้องซื้อบ้านอยู่เองบ้านนั้นอย่างน้อยมันก็เป็นของเขา และเค้าอาจจะไม่ต้องมาแบกภาระค่าใช้จ่ายในบ้านตรงนี้คนเดียวเลยด้วยซ้ำ(ถ้าจะคิดแง่ว่าของฉัน-ของเธอ) ที่สำคัญคือเค้าก็คงรักคุณนั่นแหละค่ะเค้าถึงแต่งกับคุณ  มันไม่ใช่เหตุผลว่าเพราะเค้าเป็นผู้ชายเลยต้องหาเลี้ยงผู้หญิงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าชีวิตคู่ มันก็ต้องทุกข์สุขด้วยกัน คือถ้าคิดแบบนี้ มันจะไม่รอดเอานะคะ หวังดีนะคะ จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 08:19:08

ความคิดเห็นที่ 30 เราจะบอกอะไรให้ ในใจของคุณมันมีคำว่าบ้านของฉันอยู่ตลอด บ้านของฉัน แม่ฉันซื้อ เธออยู่ฟรีไม่ต้องเช่าไม่ต้องผ่อน ยังมาเบียดเบียน ไม่รู้ซินะ คำว่าชีวิตคู่ของเราคือสอง มันเป็นคำว่าเรา ไม่ใช่แค่ฉันหรือเธอ ถ้าเค้าล้มคุณจะทิ้งเค้าหรอคะ ถ้าเป็นเราเราจะแบ่งส่วนเงินออม ส่วนที่เหลือแบ่งช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าเค้าไม่มีเงินเก็บเวลาลำบาก คุณจะให้เค้าพึ่งใคร ถ้าเค้าไม่มีเงินเก็บเวลาเค้าป่วย คุณจะให้เค้ารักษาแบบไหน ถามตัวเองดูค่ะว่าคุณอยู่ด้วยกันเพราะรักหรืออะไร แล้วบ้านที่คุณอยู่สามีคุณคือเจ้าของอีกคนหรือแค่คนอาศัยสำหรับคุณ จากคุณ : แม่น้องฟ้าใส (มามี๊ตัวกลม) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 08:47:53

ความคิดเห็นที่ 31 ตกลงที่คบกันเพื่อหวังผลประโยชน์ใช่ไหม ที่บ้านผม 50:50 ทุกอย่าง คิดจะใช้ชีวิตคู่รวมกัน มันต้องแชร์กันสิ จากคุณ : Moogle เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 08:57:16

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเข้าข้างคุณนะครับ เพราะถ้าจะแฟร์ๆ ก็ต้องกันเงินส่วนกลางมาเท่าๆ กัน คู่ที่ผมเคยรู้จัก แบ่งเป็น % มาเก็บ เพราะรายรับไม่เท่ากัน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมสามีคุณถึงไม่เอา กรณีผม ผมยกให้ภรรยาจัดการหมดเลย เพราะผมขี้เกียจคิดเรื่องเงินๆ ทองๆ (ปวดหัว) จากคุณ : แม่ลูกหมู เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:19:40

ความคิดเห็นที่ 33 สามีไม่ได้มีหน้าที่ดูแลภรรยานะคะ แต่งงานกันแล้วเป็นครอบครัวกันแล้ว ที่ถูกคือ สามีและภรรยามีหน้าที่ดูแลซึ่งกันและกันค่ะ จากคุณ : wongpipat เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:21:38

ความคิดเห็นที่ 34 มานั่งลิสรายจ่ายของเเต่ละคนเลยดีไหมคะ ทั้งของสามีเเละของคุณ ให้รายจ่ายของเเต่ละคนเท่ากันไป ทีนี้จะได้จัดการเงินตัวเองได้สะดวกๆหน่อย บ้านเรา พ่อเราจ่ายทุกอย่างจริง เมื่อก่อนตอนเเม่ทำงาน พ่อก็ออกทุกอย่าง เพราะพ่อเราเงินเดือนเยอะกว่า 3 เท่า มาตอนนี้เเม่ออกจากงานมาเป็นเเม่บ้าน พ่อก็ยังออกทุกอย่างอยู่ พ่อเราคงคิดเเบบที่ จขกท อยากได้ คือเป็นผู้ชายเเบบที่ออกทุกอย่าง เเต่เราว่า กรณีคุณมันไม่เหมือนกัน เพราะเงินเดือนคุณเท่ากัน เเต่รายจ่ายไม่เท่าไง ไปตกลงกันดีๆ ดีกว่านะคะ อย่าให้เรื่องเงินมีอิทธิพลมากนักเลย เดี๋ยวจะไม่มีความสุขนะ จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:22:54

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่ยังมีปัญหา เงินฉัน เงินเธอ แบบนี้ผมว่าจะ อยู่กันได้ไม่นานนะครับ ควรจะคุยกันให้ดีก่อนดีกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว จะต้องไปเกี่ยงกันทำไมละครับว่าใครออกเยอะออกน้อย ..ส่วนตัวของผมเองนะครับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวของ จขกท. ผมออกค่าใช้จ่ายของลูกทั้งหมด ส่วนแฟนผมออกค่ากับข้าวและของใช้ในบ้านต่างๆ เหลือให้ใช้ส่วนตัวไม่กี่พัน แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกครับเงินส่วนตัวเนี่ย เหลือเท่าไรก็ฝากเก็บไว้   ส่วนบ้าน รถ แม่ผมก็ซื้อให้มานะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมออกมาเยอะกว่า ทำไม่ต้องไปออกค่าใช้จ่ายอื่นอีก รถนี่ผมก็แทบไม่ได้ใช้ให้แฟนขับไปทำงาน ส่วนตัวผมนั่งรถเมล์ครับ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 09:30:41 จากคุณ : ต้น ยางโทน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:26:02

ความคิดเห็นที่ 36 การที่จะสร้างครอบครัว ถ้าเราไม่รวมไม่ร่วมกันแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ผมคิดได้เท่านี้จริงๆ เราสร้างครอบครัวมาจากความรักความเข้าใจ ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็เหมือนที่เราใส่ไป จากคุณ : peach pitchaya เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:56:20

ความคิดเห็นที่ 37 คู่เราสองคนเงินเดือนรวมกันยังไม่เท่าเงินเดือน จขกท. เลย  แต่เราก็ช่วยกัน เราออกค่ารถ  สามีออกค่าบ้าน  ค่าใช้จ่ายในบ้านสามีเราจ่าย  เวลาเที่ยวก็ผลัดกันจ่าย  จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน ยังไงก็ลองไปคุยกันให้ดี แบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจนเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลอีก จากคุณ : benjyja เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:00:24

ความคิดเห็นที่ 38      ไม่เป็นการใจดำครับ เพราะทั้งคู่ไม่มีความชัดเจนในการจัดการใช้เงินเลย ดูไม่ค่อยเหมือนเป็นครอบครัวเลยด้วยซ้ำครับ ไม่ค่อยคุยกันหรือบอกรายละเอียด การใช้เงินของกันและกันเลยหรือครับ คล้ายเป็นคนอื่นที่มาอยู่ด้วยกันต่างคน ต่างอยู่ต่างคนต่างใช้ หลายคู่ๆเงินเดือนรวมกันยังน้อยกว่าสามีคุณคุณเดียว ยังสามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าใช้จ่ายลูกโดยมีเงินเหลือเก็บได้เลยครับ ควรจะวางแผนการเงินร่วมกันก่อนดีกว่าไหมครับ จากคุณ : เจ้าชายเจ้าสำราญ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:20:11

ความคิดเห็นที่ 39 นี่ยังไม่มีลูกกันนะคะ ถ้ามีลูกค่าใช้จ่ายอีกเยอะคะ เราออกจากงานได้เกือบปี เพราะท้องคนที่สอง อยู่บ้านแม่เรา น้ำไฟฟรี สามีเงินเดือน 9 พัน ให้เรา 5 พัน แม่กะพ่อเราให้อีก 5 พัน ก็ไม่เห็นมีปัญหาเรื่องเงินกันเลย มีแต่ปัญหาเรื่องเลี้ยงลูก เพราะเราตามใจลูกเท่านั้นเอง ตอนที่เขาเงินเดือน 3-4 หมื่น ก็ให้เราหมดแล้วเราให้เขา อาทิตย์ละ 2 พัน เงินที่เขาให้เราก็ไม่เคยเก็บเลย เอาไปใช้ไปเที่ยววันหยุดด้วยกันทุกอาทิตย์ ไม่มีเงินเก็บเขาก็ไม่เคยว่าอะไรเรา ตอนที่เขาตกงานเกือบปี เราก็จ่ายคนเดียวหมดทุกอย่าง เงินไม่พอเก็บก็ไม่เก็บคุยกันดีๆ ว่าอย่างน้อยเราก็มีสมบัติที่จะต้องได้ ไว้กินใช้ของเราตอนแก่ๆ กันแล้ว และเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบอะไร ทะเบียนสมรสเราก็ยังไม่ได้จดเหมือนกันคะ เรามีสมบัติแต่เขาไม่มี แต่ที่เรายังไม่จดเพราะเรื่องเปลี่ยนคำนำหน้าซึ่งสมัยนั้นยังเป็นกฎหมายเก่าอยู่ว่าต้องใช้นาง ไม่ได้เกี่ยวกับสมบัติเลย คนเรามีบุญหรือกรรมเก่าที่ทำมาร่วมกันคะถึงจะมาเจอ มาอยู่ด้วยกันได้ชาติที่แล้วคุณอาจอยู่บ้านเขาก็ได้นะคะ  อย่าลืมนะคะ คนเรามีขึ้นมีลง เขาพึ่งเรา เราพึ่งเรา ชีวิตคู่น่าที่จะผลัดกันดูแลกันและกันนะคะ (เรื่องประกันคุณทำให้เขา แต่ใช้ชื่อคุณเป็นคนรับผลประโยชน์ก็ได้นี่ค่ะ) จากคุณ : leww_ming เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:43:14

ความคิดเห็นที่ 40 ผมถามอะไรหน่อยอย่าโกรธผมนะครับ "อยู่กันไปเพื่ออะไรครับ" ลองถามใจดูครับ ปล.ถ้าโกรธเค้าขอโทษ จากคุณ : บ้านผมมองออกไปเห็นภูเขา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:50:10

ความคิดเห็นที่ 41 จขกท โดนเยอะเลย เราขอเบาๆละกัน ปีหน้า วางแผนการเงินกันใหม่ค่ะ เอาเป้าหมายของทั้งสองคนมาคุยกัน มี คชจ อะไร ต้องการเก็บเงินคนละเท่าไหร่ แล้วค่อยๆทำเป็นแผนออกมา อย่าเอาเรื่องเก่ามาเป็นที่ตั้ง เอาเรื่องอนาคตดีกว่า สู้ๆนะคะ จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:51:06

ความคิดเห็นที่ 42 โคตรใจดำเลย จากคุณ : Jesus2000 --=AnThraX=-- เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:08:19

ความคิดเห็นที่ 43 แนะนำให้ลองคุยกันดี ๆ ครับ แล้วก็จดตัวเลขรายได้ - รายจ่าย ให้ชัดเจนครับ แล้วจะได้มองภาพออกว่า รายได้ - รายจ่าย ในครอบครัว เป็นอย่างไร จะประหยัด จะลดตรงส่วนไหนได้บ้างครับ ถ้าไม่จดเลยจะเจอปัญหาโลกแตก (ครอบครัวจะแตกด้วยครับ) เมื่อทำได้แล้ว ก็เริ่มวางแผนต่อไป คือ เรื่อง ลดหย่อนภาษีครับ จะลงทุน LTF ในหุ้น RMF เพื่อการเกษียณ ประกันออมเงิน ได้เงินคืนปีที่ 10 หรือ ประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุ ก็ค่อย ๆ ทำไปครับ เพราะทั้ง LTF RMF ประกันออมเงิน ประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุ มันก็มีข้อดีข้อเสีย อยู่ในตัวของมันเองครับ ลองจัดสรรความเสี่ยงในครอบครัวเราดูครับ เช่น มีแนวโน้มไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาลไหม หรือ อยากมีเงินออมที่ใช้ช่วงเกษียณเดือนเท่าไหร่ ครับ วางแผนดี ๆ มีชัยมากกว่าครึ่งครับ เอาใจช่วยครับ สู้ สู้ (คนอื่นเจอโจทย์ยากกว่านี้ครับ) จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:40:32

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าเงินเดือนพอกัน เราว่า น่าจะช่วยออก คชจ. เล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างบ้าง สามีจะได้ดูว่า คุณมีน้ำใจ สามีบางคนเค้าเต็มใจจ่ายให้ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่หลายคนเค้าอาจไม่คิดอย่างนั้น ถ้าเค้าเอ่ยแบบนี้ แสดงว่าต้องการให้คุณช่วยบ้าง แล้วคุณไม่ช่วย เกิดเค้าคิดมากและคิดว่า มีเมียแล้วเป็นภาระ อย่างนี้ไม่มีเมียดีกว่า แล้วมันจะยุ่ง แต่การหารครึ่งเนี่ยเราก็ไม่เห็นด้วยนะ (ไม่งั้นก็คงคิดเหมือนกันว่า แล้วจะมีสามีไปทำไม)  และควรจะจดทะเบียนให้ถูกต้องด้วย เกิดเลิกกันไปคุณจะเป็นฝ่ายเสียหาย ตย. หนึ่งของรุ่นน้องสมัยที่เราทำงาน รักกันมาหลายปี แต่แต่งปีเดียวก็เลิก เพราะฝ่ายชายบอกว่า "ผู้หญิงเคี่ยวเกิน ตอนเป็นแฟนพอรับได้ คิดว่าแต่งเป็นเมียแล้วคิดว่าไว้ใจเค้าบ้าง แต่ผู้หญิงก็ไม่หายเคี่ยว ยังคอยยุ่งเรื่องเงิน และให้เค้าออกอยู่คนเดียว ไม่อยากทนตลอดชีวิต หาเมียใหม่ง่ายกว่า"  (เด็กคนนี้ก็เหลือเกิน ไม่ทน ไม่แคร์ฝ่ายหญิงเลย) จากคุณ : Ms_Marhsmallow (Ms_Marshmallow) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 12:41:49

ความคิดเห็นที่ 45 หลายๆคนก็ดูเข้าข้างฝ่ายหญิงมากไปนะคะ อ่านแล้วสงสารผู้ชายหลายๆคนค่ะ บางท่านก็พิมพ์มาเหมือนมีสามีไว้เลี้ยงหรือมีสามีไว้คอยจ่ายเงินให้ภรรยา ที่มีสามีกันนี่ เพราะอยากให้มีคนมาจ่ายเงินให้งั้นเหรอค่ะ ถ้าสามีไม่จ่ายให้ก็ไม่รู้จะมีสามีไปทำไม มีก็เหมือนไม่มี อ่านแล้วก็อึ้งค่ะ คิดแบบนี้จริงๆเหรอคะ หรือแค่พิมพ์ประชดเอามัน ถ้าสามีคุณวันไหนไม่มีเงิน คงหาทางเลิกกับเค้าหรือเปล่าคะ เพราะมีไปก็จ่ายค่าอะไรๆให้คุณไม่ได้ ทีเรื่องเงินอยากจะได้ อยากให้ผู้ชายออกคนเดียว แต่พอเรื่องงานบ้านทำคนเดียวบ้าง กลับมานั่งบ่นว่าฝ่ายชายไม่ช่วย ออกจะเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าคะ ตอบ จขกท จขกท คะ ในเมื่อ จขกท เองก็อยากจะช่วยค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านตามที่คุณได้เขียนอธิบายมา ถึงแม้ให้แล้วเค้าไม่เอา อาจจะหยิ่งตามแบบผู้ชายทั่วไป จขกท ก็กันเงินตรงนี้ไว้ จะช่วยเค้าเดือนละเท่าไรก็ว่าไป เค้าไม่เอา จขกท ก็เก็บเอาไว้ เก็บไว้แต่ละเดือนๆ สมมติจะช่วยเค้าเดือนละ 3,000 ก็เก็บเอาไว้ก่อน ปีนึงก็ 36,000 พอเค้าช็อต มาขอยืมไปซื้อพวกกองทุนอีก ก็เอาเงินตรงนี้ ไปให้เค้า บอกเค้าไปด้วยว่านี่คือเงินที่ จขกท ตั้งใจช่วยเค้าออกค่าใช้จ่ายนะ เค้าไม่เอาแต่ จขกท เก็บไว้ให้ เพราะเค้าจ่ายคนเีดียว สุดท้ายก็ไม่มีเงิน จขกท คิดเอาไว้แล้ว จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ให้เค้ายอมรับการแชร์ค่าใช้จ่ายบ้างเล็กๆน้อย เพื่อตัวเค้าเองจะได้มีเงินเก็บ จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:15:15 A:180.183.20.137 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 46 ถึงขั้นเซ็นสัญญากัน นี้ มันไม่ใช่ผัวเมียแล้วนะครับ ใช้ชีวิตด้วยกัน อยู่ด้วยกัน กินด้วนกัน นอนด้วยกันนี้มัน ต้องแบ่งปันกันครับ ถ้าเราเป็นตัวเก็บเงินหลัก สามีเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายหลักก็ต้องเข้าใจเขาด้วย เวลาเขาต้องการส่วนนี้ไป ลดหย่อน มันเป็นเงินออมสำหรับอนาคต ของสองคน คุณก็น่าจะสนับสนุน ถ้าเอาไปสุรุ่ยสุร่ายก็ว่าไปอย่าง   สามีคุณเหมือนผมทุกอย่าง เมียผม ต่างจากคุณทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ครอบครัวเรา ผมออกคนเดียวหมด ย้ำนะครับว่าทุกอย่าง แม้แต่ เมีย shopping ก็ใช้บัตรเครดิตผม ผมรายได้มากกว่าเมีย 5 เท่า เงินเดือนเมียผม เธอไม่เคยใช้ซักบาท เก็บเข้าฝากประจำเดือน ฝากสหกรณ์ ซื้อประกัน เล่นแซร์ อะไรของเธอไปเรื่อยเปื่อย ผมให้เงินเมียอีกเดือนละหมื่น เอาใว้ใช้ซื้อของจุกจิก ผมไม่มีเงินเก็บครับ ทำไมไม่มีเงินเก็บ ? ก็ค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมผ่อนบ้าน ผ่อนรถ +ลูกสองคน มันเกิน แสนทุกเดือน สิ้นปีผมขอเงินเมีย ซื้อ LTF RMF ประกัน ปีละหลายแสน เมียผมไม่เคยบ่น ก็เธอรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงสุดท้ายเงินที่ฝากก็เป็นของเธอ แรกๆ เมียเคยถามเหมือนกันว่าเงินไปใหนหมด ผมแจกแจงให้ดูเสร็จ เลิกถามเลย ปล เมียผมเก็บเงินเก่งมาก ส่วนผมใช้เงินเก่งมาก จากคุณ : โควจง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:15:27

ความคิดเห็นที่ 47 แต่ละคู่ไม่เหมือนกัน ถ้า จขกท รู้สึกไม่อยากให้ ก็ไม่ต้องให้ค่ะ สามีคุณก็ไม่มีสิทธิบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่มีผลตามกฎหมาย สุดท้ายก็เงินใครเงินมัน จากคุณ : ~Nk~ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:27:26

ความคิดเห็นที่ 48 เเสดงว่าความรักมันน้อยลงเเล้วซินะ ความรักมันกินไม่ได้ เพราะเงินตัวเดียว T_T จากคุณ : Natticus เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:35:14

ความคิดเห็นที่ 49 จดทะเบียนรึเปล่าครับ ถ้าจดทะเบียน เซ็นไปก็เท่านั้น สามีภรรยา เหมือนบุคคลเดียวกันครับ ถ้าไม่จดทะเบียน ก็ตัวใครตัวมัน ไม่เกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างอยู่ ค่าใช้จ่ายของใครของมัน เซ็นสัญญา เลยครับ เก็บค่าเช่าบ้านด้วยเลยก็ดี อย่าให้อยู่ฟรี เวลาขึ้นรถเค้าก็จ่ายค่าน้ำมันให้เค้าด้วยครับ แฟร์ๆ ดี จากคุณ : nonacc เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:38:33

ความคิดเห็นที่ 50 #45 มีล็อคอินมั้ยคะ อยากให้กิฟท์ งงเหมือนกัน ว่ายังมีคนคิดว่าแต่งงานเพื่อให้สามีเลี้ยงดูอยู่อีกหรือนี่ จากคุณ : The smiling moon เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:47:22

ความคิดเห็นที่ 51 อืม ลึกซึ้งมากแต่ละ คห อย่างของผมนี้ ค่าพี่เลี้ยงดูแลลูกผมจ่ายเพียวๆคนเดียว 7 พัน ค่าใช้จ่ายในบ้านตก 1 หมื่น ให้แม่ผม 3พัน +-ต่างหาก เดือนๆหนึ่งนี้เป๊ะๆ โชคดีที่ไม่ได้ผ่อนบ้านไม่งั้นตาย ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว ไม่เล่นพนัน เลยพอถูๆไถๆไป แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 16:15:27 จากคุณ : สุดท้ายคือความว่างเปล่า (สุดท้ายคือความว่างเปล่า) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 16:12:00

ความคิดเห็นที่ 52 เรามาบอกแค่ว่า เข้าใจ..จขกท.. ดูๆไปเรา-ไม่คิดว่า-คุณผู้หญิงจะใจดำกะคุณผู้ชายนะคะ ไม่งั้นคงไม่ตั้งกระทู้นี้หรอก แต่ความชัดเจน และความน่าไว้วางใจได้ ของฝ่ายคุณผู้ชายคงไม่ปรากฎให้คุณผู้หญิงเห็นและเชื่อมั่นได้ต่างหาก ต้องลองพูดคุยเปิดอกกันซักครั้ง จัดเต็ม ทั้งสิ่งที่เราอยากให้ อยากทำ อยากแชร์ หรือแม้แต่เรื่องกังวลระหว่างกัน เพื่อจะได้ลดความคลุมเครือต่อกันนะคะ จากคุณ : ไออุ่น น้ำมันมู๋ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 17:09:34

ความคิดเห็นที่ 53 ที่ไม่จดทะเบียน เพราะคุณ จขกท กลัวโดนแบ่งสมบัติรึเปล่าคะเนี่ย คิดจุกกินมากเลย แบบนี้มันก็เกินไปนะคะ จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 17:21:17

ความคิดเห็นที่ 54 พอจะเข้าใจจขกทนะ หลายๆทู้ในนี้ดูจะเห็นใจฝ่ายชายพอควร อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายไทย ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว กระมัง เมื่อเทียบกับปชกที่เหลือเยอะเลยที่ไม่แชร์ไม่ช่วยเอาแต่ใช้แถมนอกใจ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 17:21:46

ความคิดเห็นที่ 55 เราตกลงกับแฟนตั้งแต่ก่อนแต่งค่ะ ว่าแต่ละเดือน เก็บเงินเข้าบัญชีเท่าๆกัน คนละเท่าไหร่ก็ว่ากันไป เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและลูก เหลือก็เป็นเงินเก็บ ค่าบ้าน ค่าคอนโด ช่วยกันคนละครึ่ง บงเดือนเราก็ออกมากกว่า เพราะแฟนให้เราใช้เงิน บช.กลางชอปปิ้งส่วนตัวอยู่เรื่อย ตอนนี้มีภาระค่าพี่เลี้ยง้ดือนละ 15,000 ไม่รวมโอที แฟนเลยจ่ายให้ต่างหาก เราแทบไม่เคยได้ของขวัญแพงๆจากแฟนเลย พวกแบรนด์เนมอะไร แฟนบอกอยากได้ก็ให้เอาบช.ร่วมไปซื้อ แต่เราก็ซื้อเองมาตลอด เงินเก็บแฟนก็เอาไปเล่นหุ้น เค้าก็ให้พาสเวิร์ด สมุดบช.ไว้ให้เราเก็บ ทานข้าวนอกบ้านก็สลับกันออก ส่วนมากเค้าจ่าย เราไม่เคยคิดว่าเค้าจะต้องมาดูแลเราเลย เราเองก็ไม่ได้อยู่บ้าานเฉยๆ สามีภรรยา ยังไงก็กระเป๋าเดียวกันอยู่แล้วค่ะ ถ้าเค้ายังขยันทำงานหาเงิน ไม่ติดพนัน เหล้า ผู้หญิง หรือเอาเปรียบเรามากๆ เรื่องเงินก็ช่วยๆกันแบบแฟร์ๆดีกว่าค่ะ จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 20:56:07

ความคิดเห็นที่ 56 ดิฉันอยู่ต่างประเทศ มีสามีชาวต่างชาติ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านหาร 50% เท่ากันหมดค่ะ (วัฒนธรรมของที่นี่ค่ะหรือโดนสามีหลอกก็ไม่ทราบ ^__^) เราคิดแค่ว่า อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน ไม่มีเงินฉัน เงินเธอ มีแต่เงินเราค่ะ แต่คู่เรากระเป๋าใครกระเป๋ามันนะคะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายกองกลางจะหารครึ่งค่ะ หลายคู่ที่นี่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน บางคู่ก็มีลูก บางคู่ก็ไม่มี ก็ใช้ระบบหารครึ่งเหมือนกันค่ะ สบายใจดีค่ะ ดิฉันก็ยังรักและนับถือสามีเช่นวันแรกที่เราอยู่ด้วยกันมาจนจะครบ 7 ปีแล้วค่ะ ดิฉันว่าสามีคุณรักคุณมากนะคะ ยอมคุณได้ขนาดนี้ เขามีความรับผิดชอบสูงทีเดียวค่ะ เห็นใจเขาบ้างเถอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 00:38:50 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 00:31:36 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 00:28:32

ความคิดเห็นที่ 57 ช่วยกันจ่ายอ่ะดีคะ .... แต่อย่าไปจ่าย LTF เลยคะ เพราะมันจะกลายไปเป็น เงินเก็บ ของเขาแทน ... แล้วรถที่ผ่อนเีนี่ยชื่อใครคะ ถ้าชื่อเขา เราจ่าย 20% ก็บุญ แล้วคะ ช่วยกัน อ่ะได้คะ ต้องคิดเผื่อ ถ้าเลิก เกิดวันนนึงเลิก แล้วเขาไม่เอา พวกเงินเก็บทั้งหมด มาแบ่ง คุณเหลืออะไรไหม และ 100 ทั้ง 100 ผู้หญิง อยากจะเลี้ยงลูก เก็บลูกไว้ คุณ มีเงิน เก็บตรงนี้ เผื่อไว้ไหมคะ ............. คิดดีๆ นะ คะ ..... จากคุณ : แหวน เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 00:35:18 A:124.122.67.253 X: TicketID:263052

ความคิดเห็นที่ 58 มันไม่เกี่ยวว่าชายไทยได้แค่นี้ก็ุบุญ หรอกนะคะ เราไม่ได้คิดว่า จขกท ทำไม่ถูกหรืออะไร เพียงแต่ จขกท อาจจะลืมนึกถึงค่าใช้จ่ายที่สามีต้องจ่ายไปบ้าง ผู้ชายฝรั่ง เค้าหารครึ่งนะคะ หากให้เค้าออกหมดก็ได้ แต่ภรรยาก็ต้องสละทุกสิ่งมาเป็นแม่บ้านฟูลไทม์ให้เค้า หากภรรยายังทำงานอยู่ ทุกอย่างก็หารกันค่ะ ขนาดประเทศที่ฝ่ายชายนำฝ่ายหญิงสุดขั้วอย่างญี่ปุ่น ภรรยาบางบ้านที่เป็นแม่บ้าน อยู่กับบ้าน เค้ายังหาเวลาไปรัยงานพาร์ทไทม์ทำเพื่อนช่วยสามีหาค่าใช้จ่ายเลยค่ะ บางคนใช้เวลาช่วงเช้าดูแลสามีและลูก พอคนออกจากบ้านไปกันหมด เค้าทำงานบ้าน ตอนบ่ายๆไปทำงานพิเศษค่ะ ทำไม่กี่ชั่วโมง เลิกงานกลับบ้านมารอลูกที่บ้าน ไม่ได้นั่งแบมือขอเงินสบายใจเฉิบนะคะ ที่ทำเราจี๊ดมากคือหลายๆท่านที่ยุหรือเข้าข้างฝ่ายหญิงจนเกินงาม พยายามบอกว่าสามีต้องเลี้ยงภรรยาสิ ต้องออกค่าใช้จ่ายสิ ไม่งั้นจะมีสามีไปทำไม จากที่อ่าน เนื่องจาก จขกท แทบไม่ต้องจ่ายอะไรนอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทำให้ จขกท มีเงินเก็บพอสมควร ใครที่ยุและนั่งด่าฝ่ายขายเอามัน คงไม่ได้อ่านรายละเอียดดีๆ ว่าสถานะตอนนี้ของ จขกท เป็นยังไง เรื่องที่เป็นห่วงว่าวันนึง จขกท โดนทิ้งล่ะ จะเหลืออะไร หากไม่เก็บไว้บ้าง คือ จขกท เค้าเก็บแล้ว เค้ามีเงินเก็บแล้วค่ะ แลวเค้าก็ยังจะเหลือเก็บเพิ่มพูนไปเรื่อยๆทุกเดือนค่ะ ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีเงินเก็บ หลายๆท่านดันพยามบอกให้ จขกท คิดเอาเปรียบ คิดเอาเงินเป็นของตัวเอง ส่วนสามีก็ช่างหัวมันซะงั้นอ่ะ ที่ จขกท บรรยายมา สามีเค้าก็เป็นคนรับผิดชอบดีคนนึงเลยนะ จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 02:22:32 A:180.183.20.137 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 59 ถูกใจความเห็น58 จากคุณ : gerrard18 เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:46:26

ความคิดเห็นที่ 60 อ่าน  ฟังความคิดเห็นที่ 58 บ้างนะ ผมชอบจังเลยความคิดเห็นของคุณฟ้าใส มีหลักการ  มีเหตุผล ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่จดทะเบียนให้แยกทรัพย์สินเพราะเลิก กันก็เป็นคนอื่น เป็นผมผมจะยุผู้ชายเลยว่า หาเมียใหม่ก็ได้เราไม่ผิด เพราะไม่ได้จดทะเบียน ผมคิดอย่างนี้ผิดไหม ถ้าผิดก็ยอมครับแต่ให้มอง อีกว่าการจดหรือไม่จดมันไม่ได้สำคัญเลย เพราะการที่จะอยู่เป็นครอบครัวมันมีอะไรมากกว่านั้นมากมาย จากคุณ : peach pitchaya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 09:31:31

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบคห 58 จริงๆ เลยค่ะ ถึง คห 60 เห็นด้วยค่ะ  "การที่จะอยู่เป็นครอบครัวมันมีอะไรมากกว่านั้นมากมาย" จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:36:56

ความคิดเห็นที่ 62 ให้สามีทำบัญชีรายจ่ายรายรับ เขาจะได้รู้ว่าทำไมเขาถึงจนลงๆ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 11:45:25

ความคิดเห็นที่ 63 ช่วยอ่านหน่อยนะครับคุณผู้ญ หญิงไทยเกิน 50% มีสามีและคิดว่าสามีต้องรับผิดชอบทุกอย่าง และส่วนใหญ่ถ้าสามีป่วย ตกงานมักจะโทษสามีว่าขาดคุณสมบัติ และหาเรื่องทะเลาะ เลิกกับสามีที่ไม่มีตัง ผู้ญ แบบนี้การกิณีจริงๆครับ บอกคำเดียว ความคิดเห็นที่ 33     สามีไม่ได้มีหน้าที่ดูแลภรรยานะคะ แต่งงานกันแล้วเป็นครอบครัวกันแล้ว ที่ถูกคือ สามีและภรรยามีหน้าที่ดูแลซึ่งกันและกันค่ะ จากคุณ : wongpipat     เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:21:38   ความคิดเห็นที่ 33     สามีไม่ได้มีหน้าที่ดูแลภรรยานะคะ แต่งงานกันแล้วเป็นครอบครัวกันแล้ว ที่ถูกคือ สามีและภรรยามีหน้าที่ดูแลซึ่งกันและกันค่ะ จากคุณ : wongpipat     เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:21:38 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 16:05:42 จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 15:59:11

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้ามาเจอสามีเรา คุณ จขกท คงผูกคอตาย จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:47:11

ความคิดเห็นที่ 65 เราว่าถ้าคุณรักสามีคุณมากพอ คุณคงไม่คิดแบบนี้นะ แต่งงานเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว ก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันสิคะ ไม่ใช่แบบคุณที่นึกถึงแต่ตัวเอง กลัวเสียเปรียบสามี เป็นเราถ้ามีเงินเหลือเก็บทุกเดือน ในขณะที่สามีเงินแทบไม่พอใช้ เราจะยินดีช่วยออกค่าใช้จ่ายในบ้านนะคะ สามีจะได้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเงินไม่พอใช้ หรือถ้าคุณเห็นว่าสามีใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ไม่รู้จักเก็บเงิน บริหารเงิน ก็ลองคุยกันดู เปิดบัญชีร่วมกัน โดยคุณเป็นคนบริหารเงิน ถ้ามีเงินเหลือเก็บ ก็คือครอบครัวคุณรวยขึ้น ไม่ใช่มาแยกกันว่าฉันรวยกว่า เธอจนกว่า ดูไม่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยค่ะ จากคุณ : Horizon Blue เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 20:07:20

ความคิดเห็นที่ 66 ไม่ว่านะครับ แต่ว่าถ้ามีแบบนี้ละก็ "เลิกกันเถอะ แล้วต่างคนต่างอยู่ดีกว่ามั้ย?" เมื่อกี้ผมคุยกับแฟน ได้ความเห็นเหมือนคล้ายๆ คห.58 และอีกหลายๆท่านที่เห็นต่างไปจากคุณเจ้าของกระทู้ เป็นสามีภรรยากันก็ต้องช่วยกันสิ ถ้าไม่ช่วยกัน ก็อย่ามีเลย ต่างคนต่างอยู่สบายใจกว่ามั้ย ถ้าสามีเลิกกับคุณ เขาคงจะมีเงินเก็บมากขึ้น เพราะ "ไม่ต้องเลี้ยงคุณ" นั้นเอง ผมยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่ผมกับแฟนซื้อมอไซค์ไปแล้ว 1 คัน ช่วยกันผ่อน (ผ่อนกันครึ่งๆ)แม้คนใช้จะเป็นแฟนมากกว่า ปล.ผมลองไปคุยกับพ่อแม่ผม คุยกับพี่น้องผม คุยกับเพื่อน ทุกคนเห็นพ้องกันหมด "สามีภรรยา มันต้องช่วยกันสิ ถ้าไม่ช่วยกัน แล้วจะมีไปทำไม" หมดยุคผู้ชายเลี้ยงดูผู้หญิงอย่างเดียวแล้วครับ ค่าครองชีพแพงชิหายเลย.... จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 02:26:33