ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อยอีตอนยีลูกตาลนี่แหละ จากคุณ : little foggy เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 19:26:23

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ จากคุณ : littlekriss เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 01:12:55

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่เห็นสังเกตุ ลูกตาลจะไม่ค่อยงอมนัก และตอนที่แม่ทำ เขาจะใช้ ตาลงอม และไม่ใช้ผงฟูช่วยเลย และใช้น้ำตาลปี๊บครับ ไม่ได้ใส่กะทิ แต่จะโรยมะ พร้าวขูดตรงหน้าขนม ที่เอาไปแขวนเพื่อให้น้ำหืนไหลออกไปครับ ไม่ใช่ขมแต่หืน หลังผสมเนื้อตาลแล้วจะเอาน้ำตาลลงไปผสม แล้วเอาผึ่งแดด ให้เนื้อขนมฟู โดยธรรมชาติ แล้วเอามานึ่งครับ ขนมนั้นคือขนมตาลแท้ ที่มีกลิ่นลูกตาลหอมละมุน ผงฟูไม่ได้ใช้ จากคุณ : ขวัญชัยอิศรา (kwanchaiisra) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 12:22:27

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างคุณ ขวัญชัยอิศรา (kwanchaiisra) บอก ลูกตาลยังไม่งอม เนื้อลูกตาลน้อย สียังไม่สวย ขั้นตอนผสมแป้งและลูกตาล  จะต้องผสมทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงให้แป้งขึ้นแล้วค่อยใส่น้ำตาล  ไม่ต้องใช้ผงฟูช่วย นึ่งออกมาจะนุ่มน่ารับประทานมาก  (ชอบแอบเอาของแม่มาใส่น้ำตาลก่อนตั้งทิ้ง จะได้ขนมลูกตาลที่เหนียวๆ อร่อยไปอีกแบบ ) อ้อ...และก็ไม่ต้องใส่กะทิข้างในแป้ง  แต่ใช้มะพร้าวสุก 2 พู ขูดโรยเกลือพอเค็มหน่อยๆ โรยหน้าขนม ถ้าจะให้มะพร้าวอยู่ได้นานก็เอาไปนึ่งสักหน่อย พูดแล้วยังกลัวเลย  ต้องขยี้ลูกตาลและโม่แป้งให้แทบทุกวันที่มีลูกกตาลสุก  เพราะสาเหตุที่โตมากับขนมเลยเบื่อ ไม่เอาวิชาวทำมาหาเลี้ยงชีพเลย  มาถึงตอนนี้เสียดายมากๆ เดี๋ยวนี้อยากจะทำขนมเป็นต้องไปเรียน  แต่คนที่มีครูวิเศษสุดอยู่กับตัวกลับเบื่อ ไม่อยากทำกลัวเหนื่อย จากคุณ : เจ๊บัว เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 10:44:29

ความคิดเห็นที่ 5 อืมแม่เราก้อไม่ใช้นะผงฟู รู้จักหรือเปล่าก้อไม่รู้ อีตอนเอาไปตากแดดแม่จะให้คอยดูว่ามันเป็นฟองปุดๆขึ้นมาหรือยังกลิ่นยังกะบูดแต่นึ่งออกมาฟูฟ่องอร่อยจริงๆ จากคุณ : little foggy เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 12:39:20