ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นชื่อว่า ”ภูเขา” มีความหมายในตัวเองเพียงพออยู่แล้ว ว่าเป็นสถานที่ที่ต้องมีการฝืนแรงโน้มถ่วงโลกขึ้นสู่ที่สูง ภูเขาหลายๆแห่งสามารถขับรถไปจนถึง บางแห่งก็ทุรกันดารเกินกว่าที่จะมีน้ำและไฟให้ได้อุปโภคบริโภคกันอย่างสะดวกสบาย ผมเคยรู้จักอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวมาก่อนว่า เป็นภูเขาสูงที่ต้องอาศัยเวลาในการเดินเท้าหลายชั่วโมงขึ้นไปกางเต็นท์พักแรม ยิ่งในฤดูฝนอย่างนี้ การเดินทางอาจจะยิ่งทุลักทุเลมากขึ้น แต่เพื่ออรรถรสในการเที่ยวป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ก็ต้องสู้ครับ แม้ว่าผมจะเคยมีประสบการณ์การเดินป่าและภูเขามาบ้าง แต่ที่ได้ยินมาก็ทำให้คนรักสบายอย่างผมรู้สึกหวาดหวั่นได้เหมือนกัน จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณสามทุ่ม แวะที่ตลาดชาติตระการในเวลาเช้ามืด เพื่อซื้อของสดไปทำอาหารกินบนภู เพราะบนนั้น ไม่มีร้านค้า ไม่มีบ้านพัก มีเพียงลานสนสำหรับกางเต็นท์เท่านั้น นักเดินทางจึงได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้ก่อไฟเพื่อปรุงอาหารได้ ไฮไลท์ของรายการ ก็คือการขึ้นไปกางเต็นท์พักแรมบนลานสน ท่ามกลางทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงสลับกับดอกไม้ชนิดอื่นๆอย่าง เอนอ้า กระดุมเงิน เอื้องนวลจันทร์ ชมพูนุช ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชื่นชมตลอดฤดูฝนจนถึงช่วงต่อฤดูหนาว จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ใน อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก มีเทือกเขาสลับซับซ้อนตั้งแต่ทิศเหนือจดทิศใต้ กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ของลำน้ำภาค และลำน้ำปาด ที่หล่อเลี้ยงชาวพิษณุโลก อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ประมาณ 27 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่า กำลังเย็นสบาย ไม่หนาวจัดและไม่ร้อนเกินไป ปัจจุบันได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเตรียมการ คือยังไม่ได้เป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเต็มตัว สังเกตได้จากการเข้าชมที่ยังไม่มีการเก็บค่าบำรุง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า เรามาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีน้ำตกภูสอยดาวอยู่ใกล้ๆ อากาศที่เย็นสบายกระตุ้นต่อมตื่นเต้นให้ทำงานหนักขึ้น ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ อุปทานไปได้ว่าดินแดนแห่งธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์อยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกล เราจัดแจงแยกสัมภาระให้ลูกหาบช่วยแบ่งเบาไป และรับประทานอาหารมื้อเช้า เพื่อให้มีแรงเดินขึ้นลานสนภูสอยดาว ด้วยระยะทาง 6.5 กิโลเมตร และความสูง 1,633 เมตร ตัวเลขฟังดูท้าทายกึ่งชวนเป็นลม แต่เมื่อมาถึงนี่แล้ว หัวใจสู้เต็มร้อยครับ หลังจากที่จัดแจงแยกอุปกรณ์ถ่ายภาพออกมา เราไม่ลืมที่จะติดน้ำเปล่าขวดเล็กๆพร้อมกับข้าวถุงที่เตรียมไว้สำหรับพักรับประทานอาหารมื้อเที่ยงระหว่างทาง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราเริ่มต้นการเดินขึ้นลานสนภูสอยดาว ทางเดินเลียบน้ำตกภูสอยดาว ผ่านป่าร่มครึ้ม ผมนึกอยู่ในใจว่าวันนี้พวกเราโชคดีมากๆที่ท้องฟ้าสดใส นอกจากถ่ายรูปสวยแล้ว เราคงไม่ต้องเดินฝ่าฝนขึ้นภูสอยดาวให้ลำบากกัน เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เราเดินข้ามลำน้ำของน้ำตกภูสอยดาวมาถึงเนินส่งญาติ ปราการด่านแรกของการเดินขึ้นลานสนภูสอยดาว ที่มาของชื่อเนินส่งญาติก็คือ ในอดีตบรรดาญาติๆของทหารไทยจะเดินมาส่งเหล่าบรรดารั้วของชาติที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบกับทหารลาวที่เนินนี้ เส้นทางของเนินส่งญาติมีทั้งทางราบและทางชัน บางช่วงชันจนเจ้าหน้าที่ต้องทำราวไม้ไผ่และทำขั้นบันไดดินไว้ให้เดิน มีป่าไผ่หก ไผ่ที่มีลำใหญ่ที่สุดปกคลุมเกือบตลอดเส้นทาง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถัดจากเนินส่งญาติ ก็คือเนินปราบเซียน ลักษณะเป็นเนินไม่ชันมากนัก แต่มีทางราบเป็นระยะทางยาวเหยียด เช่นเดียวกันกับเนินป่าก่อที่อยู่ถัดไป เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยง ความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนล้าจากการเดินขึ้นเขาหลายชั่วโมงทำให้เราเริ่มหิว ในที่สุดพวกเราก็หยุดพักรับประทานมื้อเที่ยงกันที่ลานหินสิ้นสุดทางเดินของเนินป่าก่อ หลังมื้อเที่ยง เราออกเดินอีกครั้งผ่านเนินเสือโคร่ง บรรยากาศมืดครึ้ม  เมฆเริ่มก่อตัว ผมภาวนาอยู่ในใจว่า ให้ลมช่วยพัดพาเมฆฝนเหล่านี้ไปที่อื่นเร็วๆ ไม่ทันไร หยาดฝนเม็ดแรกเริ่มตกลงมาสัมผัสกับร่างกายที่เหนื่อยล้า เป็นอันว่าต้องรีบเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพ และกัดฟันหยิบออกมาเมื่อเวลาจำเป็นเท่านั้น เสื้อกันฝนที่เตรียมมาถูกหยิบขึ้นมาใช้อย่างไม่เต็มใจ เนินเสือโคร่งนั้น แต่เดิมมีเสือโคร่งอาศัยอยู่มาก เนินค่อนข้างสูงชันและรายล้อมไปด้วยป่าเบญจพรรณ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที เราก็กำลังเดินขึ้นสู่เนินมรณะ เนินที่ทหารไทยถูกทหารฝั่งลาวยิงเสียชีวิตเมื่อนานมาแล้ว ฝนที่กระหน่ำลงมา พร้อมๆกับการก้าวฝืนแรงโน้มถ่วงด้วยความชันระดับ 80-85 องศา สภาพทางเดินดินแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตกสีเลือดที่พร้อมจะทำให้ผู้ที่ย่ำเท้าผ่านลื่นล้มได้ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าอุปสรรคเหล่านี้เป็นการย้อนอดีตภพให้เราได้รำลึกถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักของญาติมิตรของเหล่ารั้วของชาติที่ดินแดนแห่งนี้ หรือเป็นเพียงการทดสอบเล็กๆน้อยๆจากธรรมชาติเท่านั้น จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในที่สุด ความพยายามของเหล่าผู้โหยหาธรรมชาติอย่างพวกเราก็เป็นผลสำเร็จ เราขึ้นมายืนอยู่บนสันเขา มีป้าย “ผู้พิชิตลานสนสามใบภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตร” ให้เหล่าผู้พิชิตได้ชักภาพเป็นที่ระลึก ไม่นานนัก ฝนก็หยุดตก ราวกับภูสอยดาวจะบอกกับพวกเราว่า เราผ่านการทดสอบแล้ว ผมเดินต่อไปอีกสักพัก ก็ต้องตกตะลึงกับทิวทัศน์ทุ้งหญ้าสีเขียวสด แต่งแต้มด้วยดอกหงอนนาคสีม่วงสลับกับดอกเอนอ้าสีแดงทั่วบริเวณ โดยมีต้นสนสามใบนับร้อยยืนสูงตระหง่านเรียงแถวต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักเดินทางอย่างพวกเรา ท้องฟ้าเปิดให้เห็นสีฟ้าเข้ม แสงแดดกลับมาเติมความสดใสให้กับธรรมชาติบนลานสนอีกครั้ง เพียงรางวัลเล็กๆน้อยสำหรับผู้ผ่านการทดสอบในครั้งนี้ ก็ทำให้เราได้ลืมความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดไป เราเดินมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนลานสน เป็นกระท่อมไม้สองชั้น มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเช่าผ้าห่มและผ้ารองนอน ใกล้ๆกัน เป็นลานที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้กางเต็นท์ เพื่อให้การมาเยือนของเหล่านักเดินทางกระทบกระเทือนกับธรรมชาติและมวลหมู่ดอกไม้บนลานสนภูสอยดาวให้น้อยที่สุด พวกเราช่วยกันกางเต็นท์และจัดการเตรียมเรื่องอาหารมื้อค่ำ เมื่อจัดการเรื่องรับสัมภาระและจัดแจงเต็นท์ของตนเองเป็นที่เรียบร้อย ก็สมควรแก่เวลาที่เราจะได้ไปอาบน้ำชำระร่างกาย บนภูสอยดาวมีห้องอาบน้ำและห้องส้วมบริการนักเดินทาง แต่น้ำสำหรับอุปโภคบริโภคเราต้องนำถังน้ำไปตักจากลำธารเอง แน่นอนว่าไม่สะดวกสบายเหมือนที่บ้าน ที่จะขัดสีฉวีวรรณเป็นชั่วโมงและใช้น้ำจากการประปานครหลวงได้ราวกับกินอาหารบุฟเฟ่ต์ ขณะอาบน้ำเราต้องพึงสังวรว่ามีคนอื่นกำลังรออาบน้ำอยู่เช่นกัน และหากใช้น้ำที่ตักมาไม่พอ ก็ต้องออกไปตักเพิ่ม บางที ถ้าการประปานครหลวงใช้มาตรการนี้กับชาวกรุงบ้าง ก็อาจเป็นวิธีช่วยชาติประหยัดน้ำที่ได้ผลดีดีอีกวิธีหนึ่งก็ได้ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยามเย็น บรรดานักเดินทางก็เดินมุ่งหน้าสู่จุดชมวิวดวงอาทิตย์ตก ซึ่งอยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ไม่มากนัก ผู้คนต่างพากันเฝ้ารอดูและเก็บภาพแสงสุดท้ายของวัน ที่สาดส่องบนลานสนภูสอยดาวแห่งนี้ เมฆหมอกที่ปกคลุมดอยเมี่ยงทางทิศตะวันตกค่อยๆเผยตัวออก ให้เห็นดวงอาทิตย์ทอแสงสีทองก่อนลาลับขอบฟ้าไป หลังจากเก็บภาพกันจนเป็นที่พอใจ พวกเราก็ใช้ไฟฉายที่เตรียมมา ส่องนำทางกลับสู่ที่พัก เรารับประทานอาหารมื้อค่ำอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางไอหมอกและความหนาวเย็น ค่ำคืนนี้ มีเพียงแสงไฟจากเตาไฟ แสงจากดวงจันทร์และดวงดาวเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่ในความมืด ความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้เราผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รุ่งเช้า อากาศอันหนาวเย็นทำให้เราอยากจะนอนขดตัวซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆตลอดเวลา แต่โปรแกรมของวันนี้ก็ทำให้เรากระหายการผจญภัยกันอีก โดยปกติแล้ว ทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นมายังภูสอยดาวจะวางโปรแกรมให้วันที่สองของการเดินทาง เป็นการเดินทางไปชมน้ำตกมอส น้ำตกเล็กๆทางฝั่งประเทศลาว ที่มีมอสสีเขียวขจีปกคลุมก้อนหินทั่วบริเวณ แต่ขณะนี้ทางอุทยานฯ ได้งดการให้เข้าชมน้ำตกมอสชั่วคราว ประกอบกับที่ได้ยินเจ้าหน้าที่ของอุทยานแนะนำมาว่า มีน้ำตกแห่งใหม่ที่สวยงามไม่แพ้กัน ชื่อว่า “น้ำตกหลุมพบ” เราก็เลยตกลงจะไปยังน้ำตกแห่งใหม่นี้ หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ลานกางเต็นท์แล้ว เราก็ออกเดินไปยังทางทิศตะวันออก มองเห็นยอดภูสอยดาวความสูง 2,102 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตประเทศลาว ผ่านลานสนอันกว้างใหญ่ ลงไปยังน้ำตกหลุมพบชั้นแรกๆ เราเดินบนสันตลิ่งเลียบน้ำสลับกับลุยลงไปในน้ำไปเรื่อยๆ ทางเดินค่อนข้างใหม่ เพราะเพิ่งมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านมาเป็นครั้งที่สองเท่านั้น ประกอบกับฝนที่เพิ่งกระหน่ำตกลงมาเมื่อวานทำให้ทางเดินลื่นมากๆ ขึ้นน้ำตกหลุมพบชั้นแรกๆที่เราไปถึงเป็นน้ำตกเล็กๆที่สวยงามมาก เราตั้งกล้องเก็บภาพกันตามความพอใจและเดินต่อไป ทางลงน้ำตกชั้นต่อๆไปชันมากขึ้นทำให้เราต้องเดินกันช้าๆ ระมัดระวังกับแต่ละก้าว มือก็คอยควานหาต้นไม้ที่ยึดเหนี่ยวได้ พยุงตัวเองไปตามทางเรื่อยๆ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สักครู่หนึ่ง ฝนก็เริ่มตกลงมาเบาๆ เสื้อกันฝนบางๆถูกหยิบขึ้นมาใช้อีกครั้ง น้ำที่ไหลมาเข้าตาและเสื้อกันฝนที่รุ่มร่ามทำให้เราต้องเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้นและเดินกันช้าลงยิ่งกว่าเดิม เรามองเห็นน้ำตกหลุมพบชั้นต่อไปอยู่เบื้องล่าง น้ำเยอะและแรงพอสมควร แล้วฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น เรายังคงก้าวเดินต่อไปช้าๆในป่ากลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาราวกับว่าไม่ต้องการให้เราเดินไปถึง ร่างกายของพวกเราเริ่มอ่อนล้า แต่ในใจยังอยากจะสู้ให้ถึงที่สุดพลางบอกกับตนเองว่า น้ำตกหลุมพบแห่งนี้ย่อมมีอะไรควรค่ากับความลำบากของเส้นทางแน่นอน เวลาผ่านไปไม่นาน ฝนที่กระหน่ำตกลงมาทำให้น้ำตกหลุมพบที่เรามองเห็นอยู่เบื้องล่าง กลายเป็นน้ำตกที่เต็มไปด้วยน้ำป่าไหลรุนแรง เกรี้ยวกราด และพร้อมจะกลืนกินทุกชีวิตที่อยู่ใกล้เคียง เราไปต่อกันไม่ได้แล้ว เพราะน้ำป่ามาและรุนแรงเกินกว่าจะเดินฝ่าไปได้ ส่วนทางที่เดินมาก็คงไม่เหมาะในการเดินกลับเพราะว่ามีเส้นทางบางส่วนที่ต้องลงเดินลงในน้ำเช่นกัน เราจึงต้องเดินตัดเส้นทางใหม่เพื่อลัดขึ้นสู่ลานสนเลย มาถึงตอนนี้ เราคงต้องยอมแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติ และคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด ทางเดินขึ้นชันจนแทบไม่คิดว่าเราจะเดินขึ้นไปได้ เราต่างคอยดูแลเพื่อนร่วมชะตากรรม เอื้อมมือฉุดเพื่อนที่อยู่ข้างหลังและคอยเตือนให้ระวังต้นไม้บางชนิดที่มีหนามแหลมระหว่างทางเดิน ยามคับขันเช่นนี้ มิตรภาพในหมู่นักเดินทางร่วมอุดมการณ์นั้นทำให้ภูสอยดาวแห่งนี้อบอุ่นขึ้นมาในทันที จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ฝนหยุดตก เราขึ้นมาถึงลานสนอีกครั้ง ห่างจากจุดกางเต็นท์ไปพอสมควร ทุกคนต่างเหนื่อยล้าและดูไร้เรี่ยวแรง เราจึงหยุดพักรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันทันที ทั้งอาหารมื้อเที่ยง การพูดคุยหยอกล้อ และเสียงหัวเราะของเหล่านักเดินทางทำให้เรากลับมาสดชื่นและพร้อมจะเดินได้อีกครั้ง เราเดินถ่ายรูปดอกไม้นานาชนิด มองเห็นลานกางเต็นท์ของพวกเราอยู่ทางซ้าย ไม่นานนัก เราก็เห็นป้ายบอกจุดโทรศัพท์และหลักเขตแดนสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นสนสามใบ พวกเราผลัดกันถ่ายภาพหลักเขตแดนประเทศทั้งฝั่งประเทศไทยและฝั่งประเทศลาวอย่างเพลิดเพลิน ว้า.... ได้ไปต่างประเทศอีกแล้วซิเรา เราเดินเลยหลักเขตแดนประเทศไทย-ลาวไปเรื่อยๆ ลัดเลาะไปบนสันเขาจนถึงจุดชมวิว ท้องฟ้าปิดให้แสงแดดตอนบ่ายส่องลงมากระทบภูเขาด้านล่าง ลานสนอีกด้านแน่นขนัดไปด้วยต้นสนสามใบ มีทิวเขาสลับซับซ้อนสุดสายตาทอดตัวอยู่เบื้องหลัง ทางด้านตรงข้าม ก็เป็นลานกางเต็นท์อีกจุดหนึ่ง มองเห็นเต็นท์หลากสีสันอยู่ในหมู่ต้นสน มียอดภูสอยดาวปกคลุมด้วยเมฆหมอกอยู่ด้านหลัง เราได้เห็นร่องรอยความเสียหายไม่น้อยจากพายุวิเซนเต้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ดอกไม้หลายชนิดหลุดร่วงไปตามแรงลมก่อนเวลาอันสมควร ต้นสนสามใบที่ต้านแรงพายุไม่ไหวก็โค่นล้มลงไปถึงสามร้อยกว่าต้น เราเดินวนจนกลับมาที่จุดกางเต็นท์อีกครั้งเพื่อแวะพักเหนื่อยกัน จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วเราก็เริ่มออกเดินกันอีกครั้ง จุดมุ่งหมายครั้งนี้อยู่ที่น้ำตกสายทิพย์ น้ำตกที่อยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่มากนัก หลายๆคนเริ่มเหนื่อยล้ากับการเดินตลอดทั้งวัน แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ยังไงก็ต้องไป ไปให้เห็นความงดงามของธรรมชาติที่เราอุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าอุปสรรคนานัปการเพื่อมาสัมผัสด้วยตนเอง ทางไปน้ำตกสายทิพย์มีทางเดินค่อนข้างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมน้ำตกด้วยตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงน้ำตกสายทิพย์ น้ำตกขนาดเล็กตั้งที่อยู่บนรอยต่อระหว่างป่าดิบชื้นกับป่าสนเขา มีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นเตี้ยๆ รวมเจ็ดชั้น น้ำใสสะอาดมาก เพราะเป็นลำธารต้นน้ำ สภาพป่าโดยรอบมีความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์มาก มีมอสสีเขียวสดปกคลุมทั่วก้อนหินริมน้ำ ในบริเวณน้ำตกพวกเราสังเกตเห็นใบไม้ลักษณะสามแฉกสีแดงสด ใช่แล้วครับ ใบเมเปิ้ลหรือก่วมแดงนั่นเอง ช่วงนี้เมเปิ้ลไม่ได้แดงเต็มต้นเหมือนหน้าหนาว แต่ก็มีให้เห็นบ้างประปราย เราเดินถ่ายรูปกันตามชั้นต่างๆของน้ำตก บ้างก็ทนกับความสวยงามของน้ำตกไม่ไหวจนต้องขอกระโดดลงไปสัมผัสน้ำด้วยตนเอง น้ำตกสายทิพย์บนภูสอยดาวนี่...เย็นชื่นใจจริงๆครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตกเย็น เราเดินกลับไปยังที่พักเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย บ้างก็ไปชมดวงอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวอีกครั้ง ค่ำคืนนี้มีหมอกลงเล็กน้อย ดาวเต็มท้องฟ้าครับ เรานั่งคุยหยอกล้อกันหลังอาหารมื้อค่ำ ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนกัน รุ่งเช้า ผมเดินออกจากเต็นท์ตั้งแต่ยังมองทางเดินไม่เห็น ส่องไฟฉายเดินออกไปในความมืดตามลำพังด้วยความหวังที่จะไปถ่ายภาพแสงอาทิตย์ยามเช้าทางฝั่งประเทศลาว สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วมาจากที่ไกลๆ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:47:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอมองไปก็เห็นเพื่อนร่วมทาง เดินไปทางจุดชมวิวสูงสุดของลานสน ผมเลยตัดสินใจ เดินตามไป และแวะถ่ายรูปตามทางเป็นระยะๆ สักพักก็พบว่า ทางเดินเริ่มรกและชันขึ้นเล็กน้อย ยังไม่ทันเหนื่อย ก็ถึงจุดชมวิวสูงสุดของลานสน ที่นี่ผมพบว่า มีเพื่อนๆหลายๆคนมาตั้งกล้องถ่ายภาพบรรยากาศยามเช้าและรอบันทึกภาพดวงอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่งประเทศลาว เรายิ้มทักทายกัน มีเสียงคุยกันเบาๆสลับกับเสียงชัตเตอร์บันทึกภาพ บรรยากาศยามเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและบรรยากาศยามเย็นหลังดวงอาทิตย์ตกเป็นเวลาที่ผมชอบที่สุด จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มองไปทางด้านทิศตะวันออกมองเห็นเหล่าต้นสนอยู่เบื้องล่าง มีดวงอาทิตย์ทอแสงยามเช้าที่ภูเขาทางประเทศลาวกระทบกับริ้วเมฆบนท้องฟ้า ส่วนด้านทิศตะวันตกก็งดงามไม่แพ้กัน เส้นขอบฟ้าเป็นสีชมพูอมม่วง มองเห็นดอยเมี่ยงอยู่ไกลออกไป ป่าในหุบเขาด้านล่างปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกทึบ มีเนินเขาและต้นไม้ใหญ่สีจางๆลอยตัวเหนือทะเลหมอกขึ้นมาดูเหมือนหมู่เกาะน้อยใหญ่ในทะเล ความยิ่งใหญ่และสวยงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆในอ้อมกอดของธรรมชาติ หลายๆครั้งที่ภัยธรรมชาติฆร่าชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ไปมากมาย อาจเป็นการเตือนให้เรารู้ถึงสถานะของตนเองหรือเป็นการลงโทษที่เราพยายามควบคุมและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากเกินไปก็เป็นได้ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราต่างก็บันทึกภาพความงดงามที่อยู่เบื้องหน้าจนเป็นที่พอใจก่อนจะพากันเดินกลับยังที่พัก เพื่อเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินลง และอำลาภูสอยดาวแห่งนี้ ตอนนี้ผมรู้สึกอิจฉาท่านผู้อ่านเล็กน้อยครับ ตรงที่ไม่ต้องเหนื่อยอะไรหลังอ่านจบ แต่ผมยังมีระยะทางอีก 6.5 กิโลเมตรให้ฟันฝ่ากลับลงไปยังเบื้องล่าง ไม่เป็นไรครับ ขอให้ท่านผู้อ่านสนุกกับการเดินทางช่วงปลายฝนนี้ และขอให้ผมโชคดี พบกันใหม่ทริปหน้าครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอห้วยมุ่น ตำบลน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5541 9234-5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - ปัจจุบันเป็นเพียงอุทยานแห่งชาติเตรียมการ อยู่ระหว่างจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเต็มตัว - ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าพักแรม - ส่วนที่เข้าถึงได้คือลานสนภูสอยดาว ความสูง 1,633 เมตร ส่วนยอดภูสอยดาว 2,102 เมตร อยู่ในเขตประเทศลาวไม่สามารถเข้าชมได้ - อุทยานแห่งชาติอนุญาตให้ขึ้นลานสนภูสอยดาว ตั้งแต่เวลา 8.00 - 14.00 น.ของทุกวัน - ระยะทางเดินเท้าจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นสู่ลานสนภูสอยดาว 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 4 - 6 ชั่วโมง - ค่าบริการลูกหาบกิโลกรัมละ 15 บาท - ช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนกันยายน - ต้นพฤศจิกายน อากาศจะเย็นสบาย ฝนที่ตกลงมาจะทำให้ลานสนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ป่าไม้จะอุดมสมบูรณ์ที่สุด น้ำตกมีน้ำมาก - ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน - กลางเดือนมกราคม อากาศจะหนาวเย็น การเดินทางจะสะดวกขึ้นเพราะไม่มีฝน แต่น้ำตกมีน้ำน้อย กล้วยไม้หายากอย่างรองเท้านารีอินทนนท์ออกดอกสวยงาม และใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดง - อุทยานแห่งชาติปิดการพักแรมบนภูสอยดาวตั้งแต่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 31 มิถุนายนของทุกปี เพราะลำธารจะแห้ง ไม่มีน้ำให้นักท่องเที่ยวใช้อุปโภคและบริโภค และเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว - บนลานสนภูสอยดาว มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ เนื้อที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร มีจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวอยู่โดยรอบลานกางเต็นท์ ไกลออกไปไม่มากนัก - ขยะของนักท่องเที่ยว ควรรวบรวมใส่ถุงใบเดียวกันเพื่อให้ลูกหาบนำไปทิ้งข้างล่าง มีนักท่องเที่ยวที่ขาดจิตสำนึกบางคนทิ้งขยะและฝังกลบไว้เพราะไม่ต้องการเสียเงินเพียงเล็กน้อยในการจ้างลูกหาบ - พันธุ์ไม้ที่หาชมยากอย่างกระโถนฤาษี ลิ้นมังกร รองเท้านารี เมเปิ้ล สามารถหาชมได้ที่นี่ - บนภูไม่มีร้านอาหาร ไม่มีห้องพัก ไม่มีไฟฟ้า น้ำใช้อุปโภคบริโภคต้องไปตักจากลำธาร และมีสัญญาณโทรศัพท์ระบบ GSM และ DTAC ที่บริเวณใกล้หลักเขตแดนประเทศไทย – ลาว - เสื้อกันฝนและไฟฉาย เป็นสิ่งจำเป็นในการเดินทาง การเดินทาง การเดินทาง สู่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีอยู่ 2 เส้นทาง คือ 1. กรุงเทพฯ - อุตรดิตถ์ เมื่อถึงอุตรดิตถ์ เดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1047 ระยะทาง 68 กิโลเมตร ถึงอำเภอน้ำปาดแล้วเลี้ยวขวาบริเวณโรงพยาบาลน้ำปาด ตามทางหลวงหมายเลข 1239 ไปอีก 47 กิโลเมตร จะพบทางสามแยก(เลี้ยวซ้ายจะไปบ้านห้วยมุ่น) ให้ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 1268 อีก 18 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว 2. กรุงเทพฯ - พิษณุโลก จากพิษณุโลก เดินทางต่อไปยังอำเภอนครไทย และจากอำเภอนครไทยเลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 1143 ระยะทาง 31 กิโลเมตร ถึงอำเภอชาติตระการ แล้วเดินทางต่อจากอำเภอชาติตระการไปอีก 73 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปิดท้ายด้วยดอกหงอนนาค สัญลักษณ์แห่งภูสอยดาว ขอบคุณทุกท่านที่รับชมจนจบครับ เห็นว่าเป็นหน้าฝน เลยเอาเรื่องที่เขียนไว้ปีที่แล้วมาให้อ่านกัน ตอนนี้กลับจากพม่าแล้วครับ ฝนตกทุกวันเลย แต่เที่ยวสนุกมากๆ พม่าเป็นประเทศที่สวยงามทั้งด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม ศาสนา และทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามมากมายจริงๆ ก็ถือว่าการเป็นช่างภาพหนังสือท่องเที่ยวเดินทางของผมก็คงจบลงที่ทริปนี้ เฮ้อ...คิดแล้วเสียดายจัง ขอเวลาเขียนเรื่องพม่าสักพัก แล้วจะรีบนำมาให้ชมกันครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ติดตามอ่านเรื่องท่องเที่ยว เดินทางเรื่องอื่นๆได้ที่นี่ครับ http://www.tripgang.com จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 5 ก.ย. 49 23:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คำบรรยายเยี่ยม ภาพประกอบยอดครับ ปีที่แล้วก็ไปมาตอนเดือนปลายตุลาฯ แต่ช่วงนั้นดอกไม้เริ่มน้อยแล้ว แต่อากาศเย็นสะใจดีครับ จากคุณ : ESD - [ 6 ก.ย. 49 00:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นแล้วชวนให้คิดถึงจริงๆ รูปและคำบรรยายประกอบยอดมากๆครับ.. จากคุณ : Wondering.. (opoo) - [ 6 ก.ย. 49 05:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อยากไปๆ สวยมากๆค่ะ จากคุณ : หมูแม้ว - [ 6 ก.ย. 49 08:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สวยจัง...... จากคุณ : ปลากัดจีน - [ 6 ก.ย. 49 15:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นอนกางเต้นท์ กลางคืนนับดาว ดูดอกไม้สวย             น่าไปจัง จากคุณ : บัวนลิน - [ 6 ก.ย. 49 16:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ดูรูปแล้วสุดยอดมาก จากคุณ : -MO- (-MO-) - [ 6 ก.ย. 49 22:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นแล้วอยากไปมั่งจัง รูปเยี่ยม คำบรรยายยอด จากคุณ : ดา ดา - [ 6 ก.ย. 49 22:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวยมากๆ เลยครับ จากคุณ : psedo_dui - [ 6 ก.ย. 49 23:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพสวยมากค่ะ น่าไปมาก จากคุณ : แฮมชีส - [ 7 ก.ย. 49 08:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สวยมากๆ ค่ะ จากคุณ : ลูกปืน - [ 7 ก.ย. 49 09:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เยี่ยมยอดสวยทุกภาพเลยครับ จากคุณ : koontuch - [ 7 ก.ย. 49 11:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เยี่ยมไปเลยค่ะ ทั้งภาพและข้อมูล จากคุณ : Namfaa - [ 7 ก.ย. 49 11:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวยงามมากกค่ะ จากคุณ : filmgus - [ 7 ก.ย. 49 14:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ว้าว...รูปสวยมากๆ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวอีกรอบค่ะ จากคุณ : Donna Corleone - [ 7 ก.ย. 49 21:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สุดยอดล่ะครับ ... อยากไปจัง จากคุณ : นายอ้น - [ 12 ก.ย. 49 19:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 น่าไปมากๆครับ จากคุณ : น้ำพี้ - [ 14 ก.ย. 49 17:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ...สุดยอดทั้งภาพ ทั้งเนื้อหาสาระ ขอบคุณครับที่นำมาแบ่งปันกัน ...ซักวันผมจะเดินตามรอยเท้าคุณ ไมเคิล ครับผม จากคุณ : Forzanu - [ 14 ก.ย. 49 17:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ชอบคับ จากคุณ : opioid (opioid1) - [ 22 พ.ย. 49 21:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อยากไปจังเลย จากคุณ : ลูฟี่ - [ 27 พ.ย. 49 17:52:36 A:203.144.230.209 X: TicketID:131292 ]