ความคิดเห็นที่ 1 ลืมรูปครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แนะนำโป้งก่อน โป้งเป็นผู้ชายสุภาพเรียบร้อย หน้าตาออกจีนผสมญี่ปุ่น มีภาษาอังกฤษระดับ TOEIC เกือบๆ 900 เป็นอาวุธคู่กาย มาอยู่กับกองบรรณาธิการเราได้ปีนึงแล้ว นั่งโต๊ะติดกัน แต่เพิ่งออกทริปด้วยกันครั้งแรก ชั่วโมงเศษๆ สายการบินแอร์เอเชียพาเราบินจากดอนเมือง สนามบินที่กำลังจะกลายเป็นอดีตของคนเดินทาง มุ่งหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผมนั่งเกาะกระจกข้างเครื่องบินเหมือนสุนัขเกาะข้างหน้าต่างรถเวลาเจ้านายพาไปเที่ยว เฝ้าดูประเทศเพื่อนบ้านจากมุมสูง ภูมิประเทศเป็นทุ่งนา มีการทำกสิกรรมเป็นส่วนใหญ่เหมือนบ้านเรา มองดูมีเจดีย์สีทองสวยเด่นอยู่แทบจะทุกหมู่บ้าน เพียงชั่วโมงกว่าๆ เราก็มายืนอยู่ที่ สนามบินย่างกุ้ง ประเทศสหภาพพม่า ที่สนามบินย่างกุ้ง ซึ่งกำลังอยู่ในการปรับปรุง เลยดูโล่งๆคล้ายๆฮอล์จัดงานแสดงสินค้าซะมากกว่า คนที่นี่นุ่งลงจี (โสร่ง) กันเป็นชุดประจำชาติ ชุดสุภาพก็จะใส่เสื้อเชิตแขนยาวยัดไว้ในลงจี พร้อมด้วยรองเท้าแตะแบบหนีบ มองดูแล้วแอบคิดว่า ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ต้องหาโอกาสนุ่งโสร่งสวมอีหนีบทำตัวกลมกลืนบ้าง เราสองคนเกือบจะไปจ่ายเงินค่าเข้าห้องน้ำที่โต๊ะเล็กๆด้านหน้า ก่อนจะรู้ว่ามันคือบูธรับแลกเงินของสนามบิน ตามโปรแกรมปกติของทริปนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้เชิญสื่อมวลชนประมาณ 40 คน ร่วมทำข่าวโปรโมทรูทบิน กรุงเทพ – ย่างกุ้ง เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน แต่เมื่อมีโอกาสดีอย่างนี้ สมองใสๆก็คิดแผนร้ายได้ ก็เลยอ้อนวอนคุณ PR ของสายการบินให้ช่วยเปลี่ยนวันกลับให้ โดยวันที่เหลือจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างด้วยตัวเอง เราจะได้มีเวลาสำรวจบ้านพี่หม่องอีกหลายวัน โอกาสดีก็จะกลายเป็นโอกาสทอง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน ณ สยามประเทศ ห้องกองบรรณาธิการ ผมกับโป้งนั่งหัวฟูอยู่ออฟฟิศอยู่หลายวัน เคลียร์งานตัวเองให้เรียบร้อย จู่ๆก็มีความคิดว่า เอ๊ะ จะมีสายการบินในประเทศของเค้า ที่สนใจจะ Support งานเรามั้ยนะ เผื่อจะไม่ต้องนั่งบขส.พม่าให้หัวฟู จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น ว่าแล้วก็รีบหาข้อมูล พบว่าสายการบิน Air Mandalay มีไฟลท์บินทั่วพม่า และยังบินมาเชียงใหม่ด้วย น่าจะสนใจงานของพวกเรา ว่าแล้วก็อ้อนวอนโป้ง ให้ช่วยปั้นจดหมายถ้อยคำสลวยๆขอการสนับสนุนส่งเมลล์ไป แป๊ปเดียว เค้าก็ตอบกลับมาว่ายินดีสนับสนุน โดยจะลดค่าตั๋วเครื่องบินให้ 80% ฟังดูน่าสนใจนะ แต่อย่างนี้เราก็ต้องควักกระเป๋ากันน่ะสิ หลังจากต่อรอง เค้าบอกว่าเราติดต่อช้าไป ยังไงให้ลองมาทิ้งจดหมายพร้อมกับหนังสือของเราไว้เมื่อมาถึงย่างกุ้ง เค้าจะลองเสนอเจ้านายเค้าอีกครั้ง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัดกลับมาที่ย่างกุ้ง เราขึ้นนั่งบนรถทัวร์ปรับอากาศ สายตาก็จดจ้องออกไปนอกหน้าต่าง ตื่นเต้นกับทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวชาวพม่า มีทานาคาสีเหลืองนวลบนแก้ม เดินถือปิ่นโตไปทำงาน ที่มาของชื่อย่างกุ้งที่แต่เดิมเรียกว่า “ดะโก่ง” ต่อมา พระเจ้าอลองพญา กษัตริย์พม่าต้นราชวงศ์คองบอง ยกทัพลงมาปราบมอญทางตอนล่าง พอยกทัพถึงดะโก่ง ก็ทรงตั้งชื่อเมืองนี้ใหม่เป็นภาษาพม่าว่า “หยั่งโก่ง” หรือ “ย่างกุ้ง” เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ซึ่งแปลว่า หมดเภทภัย ( หยั่ง แปลว่า “เภทภัย” ส่วน โก่ง แปลว่า “หมด” หรือ “เกลี้ยง”) ผังเมืองของย่างกุ้งในปัจจุบัน มีรากฐานมาจากยุคอาณานิคม มีเจดีย์ซุเหล่เป็นวงเวียนหลักและเป็นแกนกลางของการตัดถนน เหมือนกับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ้านเรา ประชากรของเมืองย่างกุ้งมีราว 5-6 ล้านคน รอบตัวเมืองย่างกุ้งประกอบด้วยเมืองใหม่และย่านอุตสาหกรรมหลายแห่ง เป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า เมืองท่า และชุมทางการคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันย่างกุ้งต้องแบกรับภาระการเจริญเติบโต อีกทั้งปัญหาเรื่องระบบสาธารณูปโภค อันเนื่องจากความหนาแน่นของประชากร ที่อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ทำให้ต้องย้ายศูนย์กลางราชการไปยังเมืองเปียงมนา ราชธานีแห่งใหม่ ที่พำนักของผู้นำประเทศ ที่ทำการรัฐบาล และที่ตั้งของกระทรวงต่างๆโดยปล่อยให้ย่างกุ้งเป็นนครหลวง และศูนย์กลางทางเศรษฐกิจต่อไป ภาพรถเมลล์ปลากระป๋องตราย่างกุ้ง แน่นเอี๊ยดและไม่นิยมรถติดแอร์ เคยเอามาใช้แล้วก็ต้องเลิกไป จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จุดหมายแรก มหาเจดีย์ชเวดากอง สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของย่างกุ้งและชาวพม่า ถ้าให้เปรียบก็คงเปรียบว่าเหมือนเป็นวัดพระแก้วของบ้านเรา ในแง่ที่เป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นภาคภูมิใจ และเป็นสถานที่สำคัญของประเทศที่ชาวต่างชาติต้องมาเยือน มหาเจดีย์ชเวดากองรายล้อมด้วยเจดีย์เล็กๆและพระพุทธรูปมากมาย เป็นธรรมเนียมพม่า ที่เราต้องถอดรองเท้าเดินเข้าตั้งแต่ภายในบริเวณวัด สมกับที่เรียกว่ามหาเจดีย์ เพราะอลังการและสวยงามกว่าที่คิดไว้จริงๆ มหาเจดีย์ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อน เริ่มแรกสร้างมีความสูงเพียง 27 ฟุต แต่ด้วยแรงศรัทธาของชาวพม่าที่มีต่อองค์พระเจดีย์ ก็เลยร่วมกันบริจาคทรัพย์สิน เงินทอง ก่อเสริมองค์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันมีความสูงถึง 326 ฟุต กว้าง 1,355 ฟุต มีคำพูดที่กล่าวว่า ต้องเห็นนครวัดให้ได้ก่อนตาย (“See Angor and die”) แล้วก็มีคนกล่าวต่ออีกว่า ถ้ายังไม่เห็นชเวดากอง อย่าเพิ่งตายเด็ดขาด ผมเห็นด้วยครับ กรุณาแข็งใจอีกนิดเพื่อไปชมชเวดากองซะก่อนสิ้นใจ น่าจะตายสบายขึ้น ภาพถ่ายทางอากาศจากพิพิธภัณฑ์ครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หากมาที่นี่กันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ให้นัดกันดีๆ เพราะมีทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน และทุกด้านจะดูคล้ายๆกัน บางด้านจะมีบันไดเลื่อนและลิฟท์ไว้บริการด้วย ที่นี่เราได้เห็นว่าชาวพม่าเป็นคนน่ารัก ยิ้มง่าย และมีพระพุทธศาสนาอยู่ในสายเลือดอย่างเข้มข้น พวกเขาจะนั่งอยู่บนลานกว้างรอบๆ แล้ว อธิษฐานขอพร ซึ่งเชื่อกันว่าจะสัมฤทธิ์ผลตามปรารถนา “ลานสัมฤทธิผล" หรือ "ลานอธิษฐาน" ขนาดที่ว่าพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยังต้องมาตั้งจิตอธิษฐานที่ลานแห่งนี้ ก่อนเสด็จออกรบทุกครั้ง เราเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ที่แสดงภาพถ่ายเจดีย์ชเวดากองสมัยต้นๆ และได้เห็นภาพยอดเจดีย์ใกล้ๆ พบว่าบนยอดเจดีย์มีเพชรเม็ดใหญ่น้ำหนักถึง 76.6 กะรัตฝังอยู่ด้วย ภาพถ่ายทางอากาศจากพิพิธภัณฑ์เช่นกันครับ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากนั้นรถทัวร์ปรับอากาศพาเราเข้าสู่โรงแรมกันดอจี โรงแรมสวยติดทะเลสาบ เอาล่ะ ได้นอนแบบไฮโซกันซักวันสองวันก็ยังดี เรารีบเก็บของแล้วก็อาศัยช่องว่างของเวลาเล็กๆเพื่อไปติดต่องานกับ Air Mandalay ที่รับปากไว้ ถามจากที่เคาน์เตอร์โรงแรมได้ความว่าไม่ไกล เราเลยบอกเค้าว่า อย่าบอกคนอื่นนะว่าเราไปไหน เค้าตอบว่าได้ค่ะ เดี๋ยวจะบอกทุกคนให้ แหมมีน้ำใจจริงๆ เลยต้องย้ำไปใหม่อีกรอบ แล้วก็รีบปรี่ออกมาจากโรงแรม นั่งแท็กซี่ไปยังออฟฟิศของสายการบิน Air Mandalay เจอผู้ประสานงานของ Air Mandalay เป็นชาวพม่าหน้าตาจีนๆชื่อคุณ Juliet อายุคงราวๆคุณน้าได้มั๊ง เขาชมว่าหนังสือของเราสวย เจ้านายเค้าต้องชอบแน่ๆ แล้วก็ตอบตกลงสนับสนุนตั๋วเครื่องบินให้ทุกเที่ยวบินตลอดเวลาที่เราอยู่ในพม่ากัน (โอกาสทองเปลี่ยนเป็นโอกาสเพชรแล้ว) โดยจะเอาตั๋วไปฝากไว้ให้ที่โรงแรมกันดอจีนั่นเอง คุยเสร็จก็ ขึ้นแท็กซี่ที่รออยู่กลับโรงแรม (ขนาดบอกว่ารีบ แท็กซี่ยังใจเย็นมากๆ ขับประมาณ 40-60 ได้) พอถึงโรงแรม พบว่าทุกๆคนมารอกันบนรถหมดแล้ว เดินขึ้นรถก็โดนแซวพร้อมเสียงตบมือโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วรถทัวร์พร้อมไกด์นำเที่ยวก็พาสื่อมวลชนไทยทั้งคันรถ ไปรับประทานอาหารเที่ยง ก่อนจะสำรวจเมืองย่างกุ้งกันต่อไป เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน...Padonmar แน่นอนว่าเรื่องอาหารการกินในพม่า สร้างความกังวลให้เราได้ไม่น้อย เมื่อมีเมนูแรกมาวางที่โต๊ะ ชิมไปช้อนนึง นึกใจใจว่า แย่แล้ว !!! นี่ต้องอยู่ตั้งอาทิตย์นึงเชียวนะ ไม่นานก็พบว่าเมนูต่อๆไปก็มีที่โอเคบ้าง อร่อยดีบ้าง พอไปกันได้ เนี่ยแหละนะ รสชาติของการเดินทาง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หลังมื้อเที่ยง เรามุ่งหน้าไปยังจตุจักรของย่างกุ้ง ตลาดโบกโฉกอองซาน จากที่ทำการบ้านมา ที่นี่จะต้องมีคนมาชวนแลกเงิน หวั่นๆนิดหน่อยว่าเค้าจะกระชากเงินเราแล้ววิ่งหนีหายไปรึเปล่า เดินดูของที่ระลึกไปเรื่อยๆ ที่นี่มีร้านน้ำชาน่ารักๆ ทุกคนจะนั่งโต๊ะเล็กๆสูงแค่หัวเข่าร่วมกัน นอกจากนั้นก็มีเสื้อผ้า ร่ม งานหัตถกรรม จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่นานก็มีไอ้หนุ่มวัยรุ่นใส่โสร่งเคี้ยวหมากฟันดำ เดินมาพูดประโยคคลาสสิค “เชนจ์มันนี่ ?” เข้าทางเราละ ต่อรองอยู่สักพัก ยังไม่ถูกใจ เราทำเป็นเล่นตัวสักพัก แล้วกลับมาตกลง ไอ้หนุ่มคนนี้ก็พาเราเดินมาที่ร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ใกล้ๆกัน กดเครื่องคิดเลขให้ดู แลกแบงค์ 100 ดอลล่าร์กับเงินจ๊าตปึกใหญ่ นับกันสักพัก ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน ไอ้หนุ่มคนนี้ก็หันมาพูดขอบคุณครับเป็นภาษาไทย ผมเลยต้องขอลองภูมิซะหน่อย “น้องชื่ออะไรล่ะ” ผมถามเป็นภาษาไทย อยากรู้ชื่อชาวพม่าคนแรกที่รู้จักในดินแดนนี้ “ชื่อสรพงษ์ครับ” โอ้โห...หมอนี่ภาษาไทยร้ายกาจกว่าที่เราคิด นี่ถึงขึ้นมีชื่อภาษาไทยระดับพระเอกรุ่นพ่อ “ชื่อหล่อนะเนี่ย แล้วทำไมพูดไทยเก่งจังล่ะ” คราวนี้อยากรู้จริงๆ “คนไทยพาหิ้วครับ” ไอ้สรพงษ์ตอบเสียงหนักแน่น ผมกะโป้งทำหน้างง พอได้สติก็ถามให้แน่ใจว่า “คนไทยพาเที่ยวเหรอ ?” “ครับ พาทิ่วครับ” ไอ้สรพงษ์ตอบอีกที พลางทำหน้าสงสัย ผมกับโป้งก็โล่งอก จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วเราก็เดินถ่ายรูป สำรวจตลาดนัดไปเรื่อยๆ ลองข้ามฝั่งถนนไปอีกด้าน สบจังหวะก็ได้จ่ายเงินซื้อน้ำผลไม้รถเข็น เป็นครั้งแรกในดินแดนพม่า อร่อยดีครับ แล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นที่โบสถ์สวยๆไสตล์อังกฤษนิดนึง รอบๆย่างกุ้งจะมีสถาปัตยกรรมอังกฤษสวยๆอยู่หลายแห่ง เพราะในอดีตอังกฤษเคยยึดพม่าเป็นอาณานิคมนั่นเอง เดินไปเดินมา ก็มีตาลุงคนนึง เดินเข้ามาถามอีก “เชนจ์มันนี่ ?” อารมณ์อยากแกล้งคุณลุงซะหน่อย เลยถามแกไป “ให้เรทเท่าไหร่ล่ะครับ ผมมีแบงค์ 100 ดอลล่าร์นะ” “ดอลล่าร์ละ 1,300 จ๊าต” ผมเลยปั้นหน้าซื่อ โกหกไปว่า “โห...คุณลุง เมื่อกี้ผมเพิ่งแลกในตลาด ได้ดอลล่าร์ละ 1,500 จ๊าตแน่ะ” ที่จริงเมื่อกี้ไอ้สรพงษ์ให้แค่ 1,330 เท่านั้นแหละ ต่อแทบตาย มาดูซิลุงจะว่าไง “จริงเหรอ !!!” คุณลุงตกใจ แล้วก็ทำหน้าเครียด เดินบ่นพึมพำกับตัวเองไปทางอื่นไม่หันมาอีกเลย (เดาว่าคงบ่นว่า “โอ้ว พระเจ้า จอร์จ ซ่าร่า ช่วยลุงด้วย !!!”) ภาวนาว่า อย่าให้ลุงแกคิดมาก เกรงว่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเราทั้งสอง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คล้อยบ่าย เราได้ไปเยี่ยมเยียนเจดีย์โบตะทาวน์ และได้เห็นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่บรรจุอยู่ในมณฑปครอบแก้วใส แล้วก็เดินมายังพระวิหารด้านใกล้ๆเพื่อมาไหว้พระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยที่งดงามมาก และมายังศาลาที่มีองค์เทพทันใจประดิษฐานอยู่ ไกด์ชาวพม่าบอกว่า เทพองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ขออะไรแล้วจะได้ทันใจสมชื่อทำเอาพวกเราต้องเรียงแถวกันเข้าไปขอพรกันยกใหญ่ หลังจากนั้นก็มาเดินเล่น ชมวิถีชีวิตชาวพม่าริมแม่น้ำย่างกุ้งใกล้ๆกัน จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ชาวพม่าที่ผมพบวันแรก สามารถแบ่งหมวดหมู่อย่างคร่าวๆได้สองรุ่นด้วยกัน แบบที่ 1 "สู้กล้อง เรามันคนในวงการบันเทิง" จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แบบที่ 2 "แม่บอกว่าให้เรารักนวลสงวนตัว...แล้วยิ้มทำไมอะน้า" จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตกเย็นเราก็มาเดินเล่นกันที่ย่านเจดีย์สุเหล่ ใกล้ๆมีที่ศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง และอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษสวยๆมากมาย จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คิดซะว่าอยู่ในยุโรปก็ได้นะครับ แต่ต้องพยายามนิดนึง จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แล้วก็ลาเราไปขณะที่เราเดินเล่นตลาดนัดริมถนนที่ Indian Town ย่านคนอินเดียเล็กๆ มีของขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายหมากเคลื่อนที่ โสร่ง กางเกงยีนส์ ร้านน้ำเย็น (คุณป้าคนขายจะตักน้ำใส่ลงในถุงที่มีน้ำแข็งก้อนใหญ่อยู่ แล้วเอาแก้วเดียวกันมารองน้ำที่ไหลผ่านน้ำแข็งลงมา) ขนมขบเคี้ยวสารพัด ไม่เว้นแม้แต่อุปกรณ์เพิ่มความหฤหรรษ์ทางเพศ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "ร้านน้ำเย็น" ป้าจะบริการน้ำเย็นโดยการตักน้ำเปล่าไม่เย็นในถัง เทลงไปในถุงเจาะรู ที่มีน้ำแข็งก้อนใหญ่อยู่ แล้วรีบนำแก้วมารองน้ำที่ไหลผ่านน้ำแข็งออกทางรูด้านล่าง (จะเย็นมั้ยล่ะนั่น) คิดเป็นเงินไทย แก้วละประมาณ 2 บาท จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าชายไทย ยกให้สาวเชียงใหม่เป็นสาวสวยที่สุดในประเทศ ชายพม่าก็ยกให้สาวรัฐฉานเป็นสาวงามที่สุดของประเทศเช่นกัน ภาพตัวอย่างสาวรัฐฉานครับ คุณไกด์ชื่อว่า พี่น้ำฝน ผมเข้าไปถามเค้าว่าจริงรึเปล่าที่หนุ่มพม่าคิดแบบนี้ เค้ายิ้มเขินๆ แล้วตอบว่า "ก็แล้วแต่คนจะมองอะค่ะ" พูดไทยชัดจริงๆ (ตัวจริงสวยกว่านี้เยอะครับ) จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราทำท่าว่าจะจบวันด้วยการชมการแสดงหุ่นกระบอกเชิดไสตล์พม่า ที่โรงแรมกันดอจี ขณะเดินกลับห้องพัก เรามองเห็นมหาเจดีย์ชเวดากอง เปล่งแสงสีทองเด่นสง่าอยู่ในความมืด อดรนทนไม่ไหว ต้องรวบรวมพรรคพวกไปเยี่ยมมหาเจดีย์ยามค่ำคืนกันซะหน่อยแล้ว จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คิดถูกจริงๆ ที่ได้มายืนที่ลานกว้างบริเวณมหาเจดีย์ชเวดากองอีกครั้ง นับว่าเป็นสถานที่ที่ใช้พักกายพักใจของชาวพม่าได้ดีจริงๆ เพราะผู้คนไม่น้อยยังคงเดินเล่นนั่งเล่นอยู่ในล้านอธิษฐานอันกว้างใหญ่แห่งนี้ อากาศเย็นสบายลอยมาปะทะใบหน้า เสียงสวดมนต์เบาๆคลอกับเสียงกระดิ่งนับพันบนเจดีย์ สบายอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะเค้าถึงเรียกว่า “มาอาศัยใบบุญ” จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รุ่งเช้าเราออกจากห้องพัก เห็นมหาเจดีย์ชเวดากองส่องสว่างสู้กับสายหมอก เลยเข้าใจว่าประหยัดไฟทุกมุมเมืองเพื่อมาเปิดไฟที่นี่เอง พม่ายามค่ำคืนนั้นมืด และเงียบสงบมากๆ อาชญากรรมมีให้เห็นบนหน้านสพ.ประมาณปีละครั้ง ไม่เหมือนบ้านเรา ที่อาชญากรทำงาน24ชั่วโมงเหมือนเซเว่น รถออกตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่ มุ่งหน้าไปยังเมืองข้างเคียงนามว่า “พะโค” หรือ “บาโก” ที่คนไทยคุ้นเคยว่า “หงสาวดีนั่นเอง” จุดมุ่งหมายเลยไปอีกนิด นั่นก็คือ “ไจก์ติโย” พระธาตุอินทร์แขวนอันมีชื่อเสียงโด่งดัง รถแวะให้เราจัดการธุระส่วนตัวเป็นระยะๆเพราะหนทางยังยาวไกล หลับแล้วหลับอีก ในที่สุดรถก็มาจอดยัง คิมปุนแคมป์ จุดสุดท้ายที่รถทัวร์สามารถเข้าถึง จากนี้เราต้องนั่งรถกระบะต่อขึ้นไป นั่งรถกระบะที่มีแผ่นไม้พาดไว้เป็นที่นั่งขึ้นเขากันสักครู่ ฝนก็เทลงมาหนักมาก เราต้องหยิบเสื้อกันฝนที่เตรียมมาขึ้นมาใส่ รถกระบะวิ่งขึ้นภูเขาสูงชันอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงหมู่บ้านเล็กๆ และจากนี้ เราจะต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา สำหรับผู้ที่อยากจะสบายก็มีเสลี่ยง (เก้าอี้ชายหาดมัดกับลำไม้ไผ่) ไว้บริการ ดูจากทางเดินแล้วไม่ได้ลำบากอะไรนัก ผมก็เลยเลือกเดินเอาดีกว่า จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทางเดินถึงแม้จะสูง และหนาว แต่รับรองว่าไม่เหงาแน่นอน ผมมีน้อง “โบโบ้” เด็กชายชาวพม่าเดินเป็นเพื่อน คอยให้คำแนะนำไม่ให้ทำตัวเปิ่นๆด้วยภาษาและท่าทางที่พอจะสื่อกันรู้เรื่องบ้าง นอกจากนั้นก็มีเหล่าเสลี่ยงแมนเดินตาม และรอคอยผู้ที่เปลี่ยนใจอย่างมีความหวัง ทางเดินขึ้นชันพอสมควร พอพวกเขาเห็นผมทำหน้าตาคล้ายจะหมดลม พวกเขาก็สะกิดผมเป็นระยะๆ ผมก็เลยต้องเบ่งกล้ามให้ดู แล้วร้องว่า “ฮึ่ย !!!” พี่เสลี่ยงหัวเราะ ทำหน้าเหมือนจะพูดว่า “เออ เดี๋ยวจะคอยดู” จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามทางเดิน มีฝนตกปอยๆ หมอกลอยมาเป็นระยะๆ ทางเดินขึ้นมีร้านขายของชำเปิดบ้างปิดบ้าง ใกล้ๆยอดเขา มีรีสอร์ทสองสามแห่ง เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย เรารับประทานอาหารกลางวันพร้อมพักเหนื่อยที่ร้านอาหารอร่อยแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะความเหนื่อยล้า หรือว่าเริ่มปรับลิ้นเป็นโหมดพม่าได้แล้ว มื้อนี้อร่อยจริงๆ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โฉมหน้าน้องโบโบ้ครับ พร้อมโชว์ลีลาสไลด์ตัวเองบนพื้นเปียกๆลื่นๆ พอผมลองทำดูบ้างก็รีบเข้ามาห้าม พร้อมกับพูดภาษาพม่าที่ผมเดาเอาว่า มันเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามเลียนแบบ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หลังอาหารเที่ยง ผมออกมาเล่น Highland Soccer กับเด็กๆครับ ให้น้องเค้ารู้ซะหน่อยว่าประเทศไทย ไม่ได้เก่งแค่มวยนะเฟ้ย.... จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถัดจากร้านอาหารไปไม่ไกล ก็ถึงทางเข้าวัดพระธาตุอินทร์แขวน เราถอดรองเท้าเดินเข้าสู่ด้านใน หมอกลงหนาทึบ ฝนโปรยลงมาเรื่อยๆ จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ในที่สุด ผมก็ได้มายืนโต้ลมฝนที่หนาวจนบาดขั้วหัวใจ ที่หน้าพระธาตุอินทร์แขวนแห่งนี้ เพื่อนๆผู้หญิงได้แต่อธิษฐานอยู่ห่างๆเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้ๆ ส่วนผมและโป้ง ต่างก็ตั้งใจบันทึกภาพท่ามกลางสายฝนและลมหนาว พลางตื่นเต้นกับสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า “พระธาตุอินทร์แขวนในสายหมอก” ตำนานของพระธาตุอินทร์แขวนมีอยู่ว่า มีฤาษีติสสะผู้หนึ่งได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้ไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ว่าฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม พอเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร โดยมีความตั้งใจจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตน จึงให้พระอินทร์ช่วยหาก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนกับศีรษะ ซึ่งได้มาจากใต้ท้องมหาสมุทร และก็ให้พระอินทร์นำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน จึงเป็นที่มาของชื่อ "พระธาตุอินทร์แขวน" แต่ชาวพม่าและชาวมอญจะเรียกพระธาตุอินทร์แขวนว่า "ไจก์ติโย" ซึ่งเป็นภาษามอญ หมายถึง เจดีย์บนหินที่มีรูปร่างคล้ายศีรษะฤๅษี ซึ่งว่ากันว่า ในอดีตได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่พอนานวันเข้า จิตใจของคนเริ่มเสื่อมถอยลง ก้อนหินที่เคยลอยอยู่ก็เลยลอยต่ำลงมาอยู่บนปลายเห็นเช่นนี้แล จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มีการพิสูจน์ว่าก้อนหินที่ลอยอยู่ และก้อนหินด้านล่างเป็นคนละชนิดกัน บ้างก็ว่าเอาเชือกไปลอดผ่านได้หากมีการเข็นไปอีกด้านหนึ่งก่อน แล้วเข็นกลับมา จะอย่างไรก็ตาม ผมถือว่าพระธาตุอินทร์แขวนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของผมจริงๆ อย่างน้อย การได้มายืนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าที่นี่ การเดินทางในประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ดีๆครั้งหนึ่งในชีวิตของผมทีเดียว จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ติดตามชมตอนต่อไป เร็วๆนี้ ขอทิ้งท้ายด้วยภาพโบสถ์สวยๆสไตล์อังกฤษ The Cathedral of The Holy Trinity แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ อ่านเรื่องเดินทางสนุกๆ บันทึกภาพถ่ายการเดินทาง ได้ที่นี่ครับ http://www.tripgang.com จากคุณ : <<Michael@ngelo>> - [ 12 ต.ค. 49 14:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาดูบรรยากาศ เมฆ หมอกบนไจก์ทิโย ด้วยความคิดถึง  เช้าวันหนึ่งบนนั้น (รูป) สวย ..และ(เรื่อง)สนุก สมกับคนทำหนังสือลงมือเล่าเลยค่ะ รอชม..ตอนต่อไป       มาไวๆนะ จากคุณ : นกขมิ้นสีฟ้า - [ 13 ต.ค. 49 00:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สวยมากๆครับ จากคุณ : เลนส์ขาว - [ 13 ต.ค. 49 17:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องเล่าเพลินมากเลย..รูปก็สวยได้บรรยากาศเลยค่ะ :) จากคุณ : CriM* - [ 13 ต.ค. 49 20:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ได้ความรู้ดีมากเลย..เรื่องน่าติดตามภาพก็สวยจ๊ะ จากคุณ : นู่แอบกินขนม (มาม่าอร่อย) - [ 14 ต.ค. 49 12:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เก่ง........จัง จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว - [ 14 ต.ค. 49 13:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จากคุณ : เข็มหมุด - [ 16 ต.ค. 49 19:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สุดยอดดดดดดดดค่ะ จากคุณ : passport#96 - [ 17 ต.ค. 49 00:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สวยครับ .. ชอบที่มีการบอกเล่าเรื่องราวไปพร้อม ๆ กับภาพถ่ายมากครับ จากคุณ : นายอ้น - [ 20 ต.ค. 49 00:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เจดีย์ตอนกลางคืนจะงามมากครับ ทอแสงสีทองอร่ามเลย คะแนน TOEIC ปาเข้าไป 900 นี่กินอะไรก่อนไปสอบครับอยากทำได้บ้างว่าแล้วก็ขอร่ายยาวเรื่อง TOEIC เอาไว้เผื่อใครสนใจและกำลังเตรียมตัวไปสอบครับ TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication เป็นการสอบภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารในระดับนานาชาติ สำหรับสถาบันที่ออกข้อสอบ TOEIC ก็คือ ETS สถาบันเดียวกับที่ออกข้อสอบ TOEFL และ GMAT ข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบที่มีสถิติที่ใช้ในการสมัครงานสูงที่สุด เพราะข้อสอบนี้สามารถใช้วัดระดับการสอบภาษาอังกฤษได้กว้างมากๆ ถ้าเกิดต้องการภาษาอังกฤษสำหรับการสมัครงานก็จะต้องเป็น TOEIC ลิงค์ข้อสอบ TOEIC Online โดย PA >> Pornpan Academy - http://study.vcharkarn.com/pretest - http://www.kbeautifullife.com/test-center คลิปวีดีโอ TOEIC ของสถาบัน PA >> Pornpan Academy : http://www.youtube.com/watch?v=prvkSb7JdaQ จากคุณ : izephyr888 - [ 22 ธ.ค. 54 11:05:15 ]