ความคิดเห็นที่ 1 การเดินทางเริ่มจากที่สนามบินตอน 05.00 ของวันที่ 29 ครับ เราบินด้วยสายการบิน ศรีลังกา ซึ่งบางคนคิดว่าเป็นสายการบินแขก คงจะเหม็น แต่จริงๆ แล้วแอร์อาจไม่ค่อยสวย อ้วนไปนิด แต่เขาก็ฉีดน้ำหอมจนหอมละครับ แถมด้วยเที่ยวบิน UL888 ซึ่งเปิดใหม่ไปปักกิ่งนี้ ก็จะมีแอร์คนไทย ที่พูดได้ทั้งไทยทั้งจีน ไว้บริการด้วย เรียกได้ว่า สบายใจเรื่องภาษาสำหรับคนไทยไม่เก่งอังกฤษแน่นอน แต่การไปเมืองจีนนั้น ผมแนะนำครับว่า ควรจะรู้ภาษาจีนกลาง เพราะเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่พูดอังกฤษกับเรา ยกเว้นร้านค้าในย่านท่องเที่ยว หรือในห้างที่ทัวร์ไทยลงบ่อย อันนั้นคนขายพูดไทยได้แน่นอนครับ ฟังไทยได้ด้วย ทัวร์ของเราไปถึงสนามบินปักกิ่งประมาณ เกือบๆ เที่ยงครึ่ง เมืองจีนความจริงแล้ว ไม่น่ากลัวเหมือนใครๆ คิด เพราะตั้งแต่เปิดประเทศ รัฐบาลก็เร่งสร้างคน สร้างวัฒนธรรมใหม่เยอะครับ เช่น ห้องน้ำ เดิมสกปรกและไม่มีกลอน ไม่มีประตู เดี๋ยวนี้ก็มีประตู มีแบ่งสัดส่วนอย่างดี แต่ยังคงเหม็นและสกปรกอยู่บ้าง ส่วนคำจีนคำแรกที่ควรเรียนรู้คือคำว่า "ปู่เยี่ยว" แปลว่า ไม่ ไม่เอา เพราะเมื่อเราออกจากสนามบิน ต้องเดินไปขึ้นรถทัวร์ จะมีคนจีนมาอำนวยความสะดวก ด้วยการเข็นรถกระเป๋าของเรา แต่ไม่ได้เข็นไปรถเราหรอก ไปไหนไม่รู้ จะเอากระเป๋าคืนก็ต้องจ่ายเงิน ดังนั้นใครเดินมาใกล้ๆ พูดจีนใส่ หรือถือของมาขาย ถ้าไม่คิดซื้อ หรือกลัวก็ บอกไปเลย "ปู่เยี่ยว" ถ้ายังตามอีกก็เร่งเสียงให้ดังขึ้น ดังเหมือนคนจีนคุยกันนั้นละครับ รัับรอง มันก็ยังตาม....555 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 10:55:07 จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 10:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สถานที่แรกที่ไปเที่ยวกันคือ The Temple of Heaven (ผมขอใช้ชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อการหาข้อมูลในเน็ตจะได้ทำง่ายๆ นะครับ) เป็นที่สักการะของฮ่องเต้ ไว้ไหว้ฟ้า มีอายุ 800 กว่าปีครับ ภายในมีที่เที่ยวเยอะ เช่น กำแพงสะท้อนเสียง จุดไหว้ฟ้า (ไม่รู้เรียกอะไรอะ) ซึ่งแต่ละสถานที่เที่ยวของจีนมีจุดเด่นที่เรื่องราวการก่อสร้างครับ เช่น ทำไมต้องสร้าง 3 ชั้น ทำไมต้องมีประตูเท่านั้นเท่านี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไกด์ก็จะเล่าให้เราฟัง (แต่ผมจำไม่ค่อยได้อะ) เท่าที่รู้คือ แฟนผมไม่ค่อยชอบเมืองจีนเท่าไรหรอก เห็นอะไรจีนๆ แล้วเฉยๆ แต่ได้มาเที่ยวครั้งนี้แล้ว บอกเลยว่าอลังการ มากๆ เกิดคำถามในสมองมากมายว่า เมื่อ 800 ถึง 2000 ปีที่แล้ว ประเทศไทย ยังพัฒนาไม่ได้ไกลเท่านี้เลย แล้วคนเมื่อสองพันปีที่แล้ว เขาสร้างสถานที่เหล่านี้ได้อย่างไร และนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสถานที่หลายแห่งในเมืองจีนถึงเป็นมรดกโลก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากนั้น เราก็ไปต่อที่ภัตตาคารเป็ดปักกิ่ง ใกล้ๆ กับจัตุรัสเทียนอันเหมิ่น ไปลองชิมเป็ดปักกิ่งแท้ๆ ซึ่งตัวจะใหญ่ประมาณ 3.5-5 กิโลกรัม หนังกรอบ เนื้อนุ่ม มันเยอะหน่อย ทำให้อาจจะไม่ค่อยถูกใจรสชาติคนไทยนัก ทางไกด์ก็เตรียม น้ำพริก จากเมืองไทยไว้ให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเบียร์จีน และน้ำอัดลม น้ำชาไว้บริการตลอด ทานเสร็จก็ไปแวะ ถนนคนเดิน ที่ปิดเร็วมากๆ ไม่ใช่เพราะขี้เกียจขายหรอกครับ แต่คนมันไม่เดิน ก็อากาศประมาณ 0 องศา ผมไปเดินประมาณแค่ 1 ชั่วโมงก็จะหนาวตายอยู่แล้ว ทางไกด์ก็พาเราไปร้านขายเสื้อหนาว ยี่ห้อคนจีนครับ ราคาถูกสุดๆ อย่างเสื้อที่ผมใส่ ในหลายๆ ภาพ เป็นเสื้อโค้ทอย่างดี สองชั้น สนนราคาแค่ 900 บาท ถ้่ามาตัดเมืองไทย คงไม่ต่ำกว่า 3000 บาท เลยซื้อมาตัวหนึ่ง แฟนผมก็ซื้อยี่ห้อฝรั่ง (บอกแล้วไม่ชอบของจีน) มาตัว เมืองไทยเกือบสามพัน ที่นี้ ประมาณ พันกว่าบาทครับ (ของแท้นะครับ ร้านของยี่ห้อมันเลย ไม่ใช่ของก๊อปปี้นะ) การซื้อของที่จีน ต้องถามไกด์ครับ บางร้านต่อได้ ราคาบอกผ่าน บางร้านต่อไม่ได้ อย่างร้านเสื้อที่ผมไปซื้อ ต่อไม่ได้ ร้านแฟนผมก็ต่อไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตลาดรัสเซีย ต่อได้ แบบราคาเท่าไร หารห้าหารเจ็ดไปเลย หลังจากเดินกันนิดหน่อย สัมผัสหนาวแล้ว ก็ไปโรงแรมที่พัก ซึ่งเราได้พักที่นี้ตลอดทั้งรายการ ก็สบายดีไม่ต้องเก็บกระเป๋าให้เหนื่อย จะมีแค่คืนเดียวที่ไปนอนอีกที่หนึ่ง ซึ่งผมไว้เล่าต่อไป ห้องพักที่นี้เป็นแบบอพาร์เมนต์ เพราะเดิมเป็นคอนโด แล้วรัฐบาลซื้อมาทำเป็นโรงแรมครับ ห้องจึงใหญ่มากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ดูรูปเอาเลยนะ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มีส่วนที่เป็นห้องครัว ทำครัวได้ มีเครื่องซักผ้าด้วย ในห้องน้ำก็มีระบบแสงอาทิตย์เทียม ไว้ตากผ้าครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนอันนี้ห้องนอนครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตื่นเช้าวันที่สองของการเดินทางคือ วันที่ 30 ครับ โปรแกรมแรกที่จะไปกันก็คือ พระราชวังต้องห้าม หรือ Forbidden City ครั้งนี้ที่ผมไป โชคร้ายไปนิด เพราะเขาพึ่งปิดปรับปรุง รองรับโอลิมปิก 2008 ครับ แต่ก็ถือว่าโชคดีอีกอย่างคือ เป็นวันแรกที่หิมะตกครับ แถมเรียกได้ว่าตกหนักในปักกิ่งด้วย จึงได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิ่นนี้ สามารถจุคนได้มากกว่าล้านคน เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่แน่ใจนะ ว่าของรัสเซียใหญกว่าหรือเปล่า) ด้านนอกนั้น ถ้าหิมะไม่ลงแรง ก็สามารถเดินไปถ่ายรูปตามอนุเสาวรีย์ต่างๆ ได้ แต่งานนี้อดครับ เพราะนอกจากหนาวแล้ว หิมะลงแรงอย่างนี้ ต้องเดินไปใกล้ๆ อย่างเดียวถึงจะถ่ายติด ไม่งั้นก็ติดเป็นฉากขาวๆ อย่างเดียว การเที่ยวเมืองที่มีหิมะตกนั้น คำแนะนำในการถ่ายรูปคือ เสื้อผ้าสีสดๆ อย่างเดียวครับ ภาพที่ออกมาถึงจะดูมึชีวิตชีวา หรือไม่ก็ต้องตั้งท่าทำทางแบบสนุกๆ หน่อย จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากนี้ หน้าหนาวเมืองจีน เขาไม่นิยมใส่ที่ปิดหู เหมือนญี่ปุ่นหรือเมืองหนาวอื่นๆ ผมก็ไม่รู้ทำไม แต่ถามไกด์เขาบอกว่า หมวกกับเสื้อส่วนใหญ่ของจีนจะมีฮูดเปิดให้พร้อม เลยไม่นิยม เมื่อเราเดินทางจัตุรัสเทียนอันเหมื่นแล้ว ก็มาถึงประตูเมืองต้องห้าม ซึ่งมีรูปท่านประธานเหมาอยู่ครับ และก็จะมีทหารยืนนิ่งๆ คอยดูแลความสงบอยู่ เหมือนประเทศอังกฤษครับ อย่าไปยุ่งกับเขา ไม่ใช่เราที่จะโดนนะครับ เขาต่างหากที่จะโดนทำโทษครับ ระยะทางทั้งหมดที่เราต้องเดินในพระราชวังต้องห้ามนี้อย่างต่ำๆ ก็ 2.5 กิโลเมตรครับ แต่ไม่ค่อยเหนื่อย เพราะเพลินตา และอากาศเย็นสบายดี คำแนะนำคือ เมื่อเราเที่ยวเมืองหนาวและต้องเดินไกลอย่างนี้ เราจะเหนื่อยไม่รู้ตัว เหงื่ออาจจะออกมาบ้าง แต่เราไม่รู้สึกครับ ดังนั้น ต้องทานน้ำเยอะๆ เอาให้ปัสสาวะสีออกขาว หรือเหลืองอ่อนๆ ตลอด อย่ารอให้ถ่ายออกมาเป็นเหลืองเข้ม เพราะอาจจะทำให้ไม่สบายได้ เนื่องจากภาวะขาดน้ำครับ นอกจากนี้หากร้อนก็อย่าถอดเสื้อหนาวออกมาเด็ดขาด เพราะเสื้อหนาวที่กันหนาวได้ เพราะอบความร้อนไว้ในร่างกาย ดังนั้นหากเราถอดเสื้อออก เท่ากับกระจายความร้อนกลับไปในบรรยากาศ เมือเราใส่เสื้ออีกครั้ง มันจะเย็นกว่าปกติ (ตามความรู้สึก) ร่างกายเราก็ต้องทำความร้อนมาชดเชยที่ขาดไป ทำให้กลายเป็นเหมือนเราออกแรง (ทำความร้อน) ผลที่ได้คือ ใครไม่แข็งแรงก็จะป่วยได้ง่ายๆ ครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หากร้อนมากๆ ก็ทำแบบตามรูปก็ได้ครับ คือ เปิดซิปหน่อยเท่านั้นเอง ดีกว่าถอดนะครับ นอกจากนี้คำแนะนำเวลาถ่ายรูปคือ ควรจัดชุดเสื้อผ้าให้เข้ากันทั้งเสิ้อนอก เสิ้อใน เวลาถ่ายก็ควรถ่ายหลายๆ แบบ ทั้งปิดหมด กันหนาว แล้วก็เปิดโชว์เสื้อในด้วย จะได้ภาพหลายแบบครับ ข้อควรระวังอีกประการคือ หิมะ ไม่ใช่ของเล่น อย่าไปเล่นมันเหมือนในหนังครับ มันก็น้ำแข็งดีๆ นี่เอง ไปเตะ ไปเอามาปั้น ถุงมือก็จะเปียก รองเท้าก็จะเปียก แต่ทั้งหมดนี้เราไม่รู้ตัวครับ เพราะมันเย็นตลอดอยู่แล้ว ทำให้กลับถึงโรงแรม อาจเกิดอากาศ น้ำแข็งกัด เท้าแตก ได้ง่ายๆ นะครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับผู้หญิง ถ้าไปกันเป็นกลุ่มก็อาจจะใช้วิธีแลกเสื้อกันหนาว แลกถุงมือ แลกผ้าพันคอในแต่ละวันก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องขนไปเยอะ แถมมีเสื้อสวยๆ ใส่หลายตัว อย่างผมเป็นผู้ชาย เอาไปแค่เสื้อหนาวชุดเดียว นี่ถ้าไม่ได้ซื้อเสื้อโค้ทตัวนี้ ก็คงมีตัวเดียว กลับมาที่เรื่องเที่ยวครับ ภายในพระราชวังต้องห้าม อยากดูแบบเต็มๆ ผมแนะนำให้ไปหาหนังเรื่อง จักรพรรดิ์ที่โลกลืมมาชม เพราะพระราชวังต้องห้ามนี้ มีห้องมากถึง 9999 ห้องครับ ไกด์จะพาเราไปชมแค่ห้องหลักๆ เท่านั้น ที่เหลือก็ไม่ได้ชมแน่นอนครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในภาพที่เราเห็นคือ ปี่เซี่ยะ มังกรตัวที่เก้า ซึ่งเป็นตัวที่สำคัญที่สุด และกำลังเป็นที่นิยมบูชาครับ มีเรื่องเล่ามากมาย ไว้ตอนหลังนะครับ ในรุปจะมีปี่เซียะ หรือ ผีจุ้ว ทั้งหมด 9 ตัว หมายถึงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ครับ บ้านอื่นๆ จะห้ามมีหรือมีได้ต้องน้อยกว่า จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ว่ากันว่า ฮ่องเต้ครับร่ำรวยมากๆ ปัจจุบัน ในพระราชวังต้องห้ามนี้มีทรัพยสินที่เป็นทองคำ เป็นสมบัติรวมกว่า 1.5 ล้านชิ้น บางชิ้นเก็บในพระราชวังต้องห้าม บางชิ้นอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่า สมัยฝรั่งบุกนั้น มีสมบัติเท่าไร เพราะอะไรที่ขนไปได้ ทหารฝรั่งเอาไปหมด อะไรที่ขนไม่ได้ แต่เป็นทองก็ขูดไปหมดเช่นกัน อย่างในรูป เป็นโอ่งทองคำ ทหารฝรั่งก็เอามีดมาขูดเอาส่วนที่เป็นทองไปหมด จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 11:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ประเทศจีน ขึ้นชื่อเรื่องสิ่งศักสิทธิ์ ซึ่งหลักๆ ที่เป็นสัตว์และเราเห็นบ่อยๆ มีด้วยกัน 4 ชนิด ได้แก่ หม่าฟู หรือ สิงโตคู่ ต้นกำเนิดมีหลายตำนานให้เล่า แต่หลักๆ เขาบอกว่า คู่แรก หรือคู่ที่ศักสิทธิ์ที่สุดอยู่ที่หน้าประตูในพระราชวังต้องห้าม ซึ่งปิดปรับปรุงอยู่ ผมเลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปแค่คู่อื่นๆ ครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สิงโตคู่นั้น มีไว้ป้องกันภัย ป้องกันความชั่วร้ายครับ จึงนิยมตั้งไว้ที่หน้าประตูบ้าน ส่วนสัตว์ตัวที่สองคือ กิเลน หมายถึงความซื่อสัตย์ครับ ตัวที่ศักสิทธิ์ที่สุดอยุู่ที่พระราชวังฤดูร้อน ตัวที่สามคือ เต่าครับ อันนี้ไม่รู้ตัวดีที่สุดอยู่ที่ไหน ส่วนตัวสุดท้ายคือ ปี่เซียะ หรือมังกรตัวที่เก้า อยู่ที่ประตูชัย ปี่เซียะชอบกินเงินกินทองเป็นอาหาร ไม่มีทวารดังนั้นกินแล้วเก็บอย่างเดียว จึงนิยมกราบไหว์บูชาให้ร่ำรวย แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 18:43:03 จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ในรูป เป็นที่ประทับว่าราชการ ของใครไม่แน่ใจว่าฮ่องเต้ หรือซูสีไทเฮา ใครอ่านภาษาจีนออก เขียนตอบให้ด้วยครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บันได มังกร ตอนนี้หิมะคลุมหมดแล้ว จากรูปจะเห็นนั่งร้านอยู่ เพราะกำลังปิดปรับปรุงครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราอยู่ในพระราชวังต้องห้ามนานมากถึง 3.5 ชั่วโมง ไกด์บอกว่า เป็นกลุ่มแรกที่อยู่ในพระราชวังได้นานขนาดนี้ในยามที่หิมะตกแรงด้วย ด้วยความที่อยู่นานไปทำให้เราจึงไปรับประทานอาหารช้ากว่ากำหนด มื้อกลางวันมื้อที่สองเราไปทานอาหารไทยกัน ไกด์กลัวเราเลี่ยน เพราะอาหารจีนนั้นมันเยอะมาก แล้วที่สำคัญ อาหารไทยในจีนนั้น ถือว่าแพงนะครับ ดังนั้นบางทัวร์จึงไม่นิยมพาไปทาน แล้วก็ให้เหตุผลว่าไปทำไม กินบ้านเราดีกว่า แต่ลืมคิดถึงความรู้สึกของลูกทัวร์ที่กินแต่อาหารมันๆ มาตลอด ตกบ่าย เราไปต่อกันที่พระราชวังฤดูร้อน มีจุดเด่นที่ ทะเลสาบคุนหมิง ที่สร้างขึ้นเองด้วยฝีมือมนุษย์ครับ ดินที่ขุดขึ้นมา ถูกนำไปถมเป็นภูเขาได้ถึง 3 ลูกใหญ่ๆ เป็นที่ประทับพักร้อน ของพระนางซูสีไทเฮา แต่เราอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน เพราะความไม่รักษาเวลากันเอง ทำให้ถ่ายรูปได้น้อยก็มืดแล้ว (มืดเร็วครับ ห้าโมงพระอาทิตย์ก็ตกแล้ว) แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 12:14:28 จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูแล้ว น่ารักดีจังคะ จากคุณ : honeybfit - [ 5 ม.ค. 50 12:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนกลางคืน มื้อค่ำ เราก็ไปทานเกี้ยว 100 อย่าง เมืองจีน มีความเชื่อว่าปีใหม่ต้องทานเกี้ยว เพราะคำว่าเกี้ยว หรือเจี้ยวในภาษาจีน หมายถึงเงิน การได้ทานเงินจึงเป็นสิริมงคล ตกค่ำ เราก็ไปตลาดรัสเซียกันครับ ที่ตลาดรัสเซีย ผมแนะนำครับว่า ของคุณภาพไม่ดีนัก อย่างคิดว่าต่อได้เยอะแล้วซื้อนะครับ ร้านจะบอกราคาสูงๆ เพื่อให้เรารู้สึกว่าต่อราคาได้เยอะ สนุกในการช็อปปิ้ง เป็นเทคนิคของเขาครับ อย่างผมซื้อรองเท้า ดีเซล ก็อปปี้มาคู่หนึ่ง ดูคุณภาพแล้ว น่าจะไม่เกิน 300 บาทเมืองไทย ร้านเปิดราคามา 280 หยวน เท่ากับ 1400 บาทไทย ผมบอกมันคำเดียวครับ 40 หยวน หรือ 200 บาทไทย ที่ตลาดรัสเซีย หรือตลาดอื่นๆ ที่ต่อได้ เราบอกราคาต่ำที่สุด ที่เราติดว่าของแบบนี้น่าจะราคาเท่านี้ ถ้ามันขายได้มันจะขาย ถ้ามันขายไม่ได้ ยังไงมันก็ไม่ขายครับ อย่างอันนี้ มันขายไม่ได้ ผมคาดว่าทุนมันคงมา 25 หรือ 30 หยวน ขายที่ 40 ไม่ได้ ช่วงแรกๆ มันก็ลดให้ 180 เรายืนยันว่าไม่เอา มันก็ลดอีก 150 ถ้าคนทั่วไปอาจคิดว่า ถูกแล้ว เพราะลดจาก 280 มา 150 ถ้าตัดสินใจซื้อเลยก็อาจจะถูกหลอก เป็นหมูต้มเลย วิธีซื้อที่ดีที่สุดคือ ดูของแล้ว ประเมินราคาว่าเท่าไร อย่างผมมันบอก 150 ผมก็ไม่เอา สุดท้ายมันให้ที่ 55 ผมก็ไ่ม่เอา บอกจะเอา 40 มันก็พูดเลยว่า ไม่ได้ ขาดทุน แล้วมันก็ให้ที่ 45 ผมก็ไม่เอา มันบอกไม่เอาก็ไม่ขายแล้ว จุดนี้ครับ แสดงให้เห็นว่าราคาสุดๆ คือ 45 ถ้าเราอยากได้ก็ควรเอา ไม่งั้นก็เดินไปไกลๆ เลยก่อนที่มันจะรำคาญ สุดท้ายผมก็ชื้อได้ที่ 45 หยวน สำหรับรองเท้าผู้หญิง รองเท่้าผู้ชายมันคึิด 50 หยวน มันบอกใหญ่กว่า ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ผม ผู้หญิง ซื้อเบอร์ 40 ผมใส่เบอร์ 41 เอากับมันซิ สำหรับใครที่อยากซื้อของก๊อปปี้ เกรด A ผมแนะนำให้ถามไกด์ว่าร้านไหนที่คุณภาพดี ไกด์ทุกบริษัท เขาจะมีร้านประจำของเขาอยู่ บางครั้งก็ซื้อมาขายที่เมืองไทย อย่างหลุยส์ ถ้าดูเป้น เรียกได้ว่าทุกจุดเหมือนของแท้ มีแต่วัสดุที่ใช้เท่านั้นที่ต่างกัน ราคาเกรด A ก็ต่างกับเกรดอื่นๆ ดังนั้นดูให้ดี แล้วประเมินตามคุณภาพ อย่างที่แนะนำมาแล้ว แฟนผมเองก็ซื้อมาใบหนึ่ง 40 หยวน คุณภาพแบบเดียวกับละลายทรัพย์ที่ขายอยู่ใบละเป็นพันบาท ปล. ไม่ได้สนับสนุนนะ แต่มันถูกเลยซื้อมาใช้เล่นๆ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 12:27:25 จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลังจากสนุกกับตลาดรัสเซียแล้ว คืนที่สองก็ผ่านไป เช้าวันที่สาม เราต้องเก็บกระเป๋า ไปนอนเล่น อาบน้ำแร่ที่โรงแรมชานเมือง แต่ก็เก็บแค่ที่ต้องใช้จริงๆ ส่วนที่เหลือก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ ตอนเช้าเราไปเที่ยวกับที่กำแพงเมืองจีนครับ ที่กำแพงเมืองจีนนี้ ในปักกิ่งมีด้วยกันหลายด่าน ตอนแรกทางผมจะได้ไปด่านที่มีกระเช้า นั่งสบายๆ ไม่ต้องปีน แต่เนื่องจากหิมะลงแรงมาก เส้นทางบนเขาจะอันตราย ทางทัวร์จึงแนะนำให้ไปด่านใหญ่ด้านล่าง ซึ่งถือเป็นด่านแรกของกำแพงเมืองจีนครับ ด่านนี้จะปีนได้สบายๆ กว่าด่านอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป ดังนั้นถามทัวร์ให้ดีว่าไปด่านไหน ลำบากมากไหม ยิ่งใครพาแม่ พาอาม่าไป ก็ควรถามให้ละเอียดครับ ในกำแพงเมืองจีนนั้น การถ่ายรูป นอกจากรูปพื้นฐาน ถ่ายให้เห็นกำแพงแล้ว ว่าเรามาถึงแล้วนั้น ยังมีอีกหลายจุด หลายมุมให้สร้างสรรค์นะครับ เช่น อาจจะถ่ายแบบในรูปนี้ ซึ่งเป็นป้อม จะมีอยู่ห่างกันจุดละ 700 เมตรครับ ในด่านนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น ก็คือ ประมาณ 4900 เมตร หรือ 5 กิโล ใครอยากพิชิตก็ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บางคนอาจคิดว่ามุมสูงถ่ายให้เห็นกำแพงทอดยาวๆ จะดี แต่บางทีมุมต่ำ ก็ถ่ายได้นะครับ รูปนี้ ต้องให้เพื่อนๆ ในทัวร์ช่วยกันกั้นคน เพราะคนที่นี้ มันไม่สนใจกล้องเลยจริงๆ เดินผ่านแบบไม่เคยเกรงใจ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจากกำแพงเมืองจีน ตอนเที่ยงก็ไปทานที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์รวมนักท่องเที่ยวจริงๆ อาหารไม่ค่อยอร่อยเท่าในตัวเมืองปักกิ่ง แต่เพราะห่างไกลตัวเมืองขนาดนี้ เราคงโทษทัวร์ไม่ได้ที่หาร้านอร่อยๆ ไม่ได้ ช่วงเย็น เราไปต่อกันนี้ สโนว์โชว์ เป็นลานเล่นสกี ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกคนละ 90 หยวน ใครไม่เล่นก็จะมีลานหิมะเล็กๆ ให้เล่นแทน ผมกับภรรยา ไม่เคยเล่นสกีเลย จึงเข้่าไปลองสักครั้ง คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยคือ เอาก้นลง อยากใช้มือพยุงนะครับ เพราะมืออาจจะหักได้ นอกจากนี้ควรไปเป็นคู่ เพราะเราคนไทย เล่นกันไม่เก่งอยู่แล้ว การลุกจึงต้องใช้คนช่วย ส่วนวิธีการเล่นนั้น ถ้าให้ดีก็จ้างครูสอน แต่จริงๆ ถ้ามีพื้นฐานสเก็ตมาบ้าง มองคนอื่นๆ ที่เล่นเป็น แป็บเดียวก็รู้ครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลังจากเล่นสกีเสร็จ ตามกำหนดเราต้องไปพักที่โรงแรมน้ำพุร้อน และอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนกันให้สบาย แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ หมอกลงจัด ชนิดทางการปิดจีน ปิดทางด่วน ผมมองเห็นด้วยไฟสูงของรถบัสแค่ไม่ถึง 3 เมตรดีนัก ต้องไปช้าๆ คลำต้นไม้ กับเส้นกลางถนน กว่าจะไปถึงที่พักก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ หลายคนจึงขออาบน้ำแร่ในห้องแทน คือ ในห้องก็จะมีอาบน้ำ ซึ่งมีน้ำแร่น้ำร้อนให้อาบ แต่ไม่ได้บรรยากาศ ถ้ามาเร็วช่วงเย็นๆ คงได้แช่ในบ่อขนาดใหญ่ ที่มีเพดานเป็นท้องฟ้า ชมดาวสวยๆ เป็นแน่ งานนี้ผมเองก็ยังไม่ได้หยิบกล้องออกมาถ่ายเลยแม้แต่น้อย พึ่งมาเปิดดูถึงรู้ว่า ที่บ่อน้ำแร่นั้น ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะเช้ามาทานเช้าเสร็จ ก็ต้องเดินทางเลย เนื่องจากต้องเข้าตัวเมืองมาเที่ยวที่อื่นๆ ต่อไป จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หลังคืนที่สาม เช้าวันที่สี่ของการเดินทาง เราไปเที่ยวต่อที่ประตูชัย จุดสำคัญของผมเองครับ วันที่สี่ของการเดินทางนี้เป็นวันที่ 1 มกราคมพอดี เรียกว่าปีใหม่เลย ที่ประตูชัยนี้มีจุดสำคัญคือ ปี่เซียะ ครับ เป็นปี่เซียะตัวสำคัญของคนจีน อดีตฮ่องเต้จะออกไปต่างเมืองทำการค้าขาย ต้องมากราบไหว้ที่ประตูชัยนี้ก่อน ขอพรจากปี่เซียะ เพื่อทำมาค้าขึ้น จึงเป็นประตูเมืองประตูเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน เดิมนั้นทางการจีนเปิดให้คนกราบไหว้ ลูบคล่ำปี่เซียะตามธรรมเนียมการไหว้ แต่ปัจจุบัน เนื่องจากคนมาสักการะเยอะมาก ทำให้ปี่เซียะตัวจริงนั้นเสียหาย ตอนนี้จึงล้อมรั้วไว้ดูได้อย่างเดียว แล้วทางการสร้างปี่เซียะตัวใหญ่อีกตัวหนึ่งขึ้นมาให้ลูบคลำแทนครับ การลูบปี่เซียะนั้น ต้องไหว้ก่อน แล้วลูบหู เพื่อให้เขาเชื่อง จากนั้นก็ลูบเครา เพื่อให้อายุยืน แล้วก็ลูบขา เพื่อให้การงานมั่นคงเจริญก้าวหน้า สุดท้ายลูบก้น เพื่อให้เงินทองไหลมาเทมา สำคัญที่สุดคือ ห้ามลูบปาก เพราะทำให้เงินทองไหลออก นอกจากนี้ที่ประตูชัยที่นี้ ยังถือเป็นที่ควรมาเช่าบูชาปี่เซี่ยะ เพราะปี่เซียะที่ได้จากที่นี้ไป จะเป็นปี่เซียะที่ผ่านการปลุกเสกตามพิธีจีนโดยแท้ เป็นหยกแท้ไม่ใช่หยกเทียมหรือหิน หรือพลาสติก สำคัญที่สุดคือมีตราประตูชัย ประทับเพื่อแสดงว่าเป็นของแท้ พร้อมใบรับประกัน เรียกได้ว่า แม้มีปี่เซียะหลายสำนัก แต่สำนักนี้ถือเป็นสำนักต้นกำเนิดนั้นเอง ในเรื่องความศักสิทธิ์นั้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผู้ปกครองควรพิจารณา ผมเองได้ยินมาทั้งคนไกลตัวและใกล้ตัว ในระดับพี่น้อง เหมือนเป็นเรื่องโกหก แต่ไม่มีเหตุผลรองรับได้จริงๆ ครับ เรียกว่าใครมีไว้บูชา ร่ำรวยกันทุกคน ผมเองก็เช่ามาบูชา นำกลับมาไว้ที่บ้าน 2 ตัวด้วยกัน สนนราคาเช่าก็ประมาณเกือบ 30000 บาท ตีว่า 30000 พอดี งานนี้ทั้งทริปจึงหมดไปแล้ว 80000 บาทครับ ปล. เดี๋ยวไว้ถ่ายภาพให้ชมครับ หลังจากกราบไหว้ปี่เซียะเสร็จ เราก็ไปต่อกันที่อาหารฮ่องเต้ครับ เป็นอาหารเมนูของพระนางซูสีไทเฮา มีทั้งหมด 108 อย่าง แต่เรากินไม่ครบหรอกครับ (รูปด้านบน) สำหรับผม ถือว่าเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดเลยครับ เสร็จจากทานอาหาร ก็จะมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ LongTan Park ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารนี้ครับ เป็นสวนที่ใหญ่ (ไม่รู้ที่สุดหรือเปล่า) ในปักกิ่งครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 12:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในสวนนี้ก็มีหลายมุมครับ ไม่ว่าจะเป็นมุมสวน หรือมุมตึก จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ประทานโทษครับ เล่าข้ามไปนิด หลังจากประตูชัย เราไปต่อที่ หูถ่ง ซึ่งแปลว่า ซอยครับ เป็นการไปชมเมืองเก่า ซึ่งยังมีคนอาศัยอยู่จริงครับ เดิมปักกิ่ง สร้างเมืองไว้รอบวัง ใกล้วังก็ขุนนาง ขุนศึก ไกลวังก็ชาวบ้าน โดยวิธีการสร้างคือ เขาจะสร้าง กำแพงสูงมาปิด หมดครับ ระหว่างกำแพงจึงเป็นซอยเล็กๆ หลังกำแพงก็เป็นบ้านคนแต่ละคนไป แต่ละประตูอาจมีตั้งแต่ครอบครัวเดียว หรือหลายสิบครอบครัวอยู่หลังกำแพงครับ การเที่ยวชมก็ใช้วิธีนั่งรถจักรยานปั่นครับ มีผ้าห่มกันหนาวให้ด้วย จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เสร็จจากการชมสวน ทางทัวร์ก็พาไปช็อปปิ้งต่อครับ ที่ตลาดอะไรผมจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่า คุณภาพสินค้าดีกว่าตลาดรัสเซีย ส่วนราคา วิธีการต่อรองก็เหมือนๆ กันครับ หลังจากช็อปปิ้งเสร็จ ก็ไปชม โชว์ปักกิ่งครับ มีไฮไลท์อยู่ที่การแสดงเปลี่ยนหน้ากาก ซึ่งผมว่าผมรู้วิธีการแล้วนะ แต่ไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าใครมีเลนส์มากกว่า 200 ก็ลองซูมเอาจะเห็นเอง จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อธิบายรูปผิดไปหน่อย รูปบนนั้น แสดงหมัดเมาครับ ดูการทรงตัวครับ เก่งมากๆ ส่วนรูปนี้ซิ ถึงจะเป็นการแสดงหน้ากาก จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โชว์หน้ากากเสร็จ ก็กลับไปนอนโรงแรม เช้าวันต่อไป ก็ไปไหว้พระ ไหว้เจ้ากันที่ วัดลามะ เป็นวังเก่าขององชายสี่ ซึ่งเมื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็เปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นวัดครับ ที่นี้มี พระไม้กะสลักขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้างเท่าไรไม่รู้ ผมว่าประมาณ 8-10 เมตร สูง 18 เมตร และยังมีส่วนฐานซึ่งฝั่งลงดินอีก 8 เมตรครับ งานนี้ไม่มีรูปมาให้ชมนะครับ เพราะจริงๆ เขาไม่ให้ถ่ายรูป ผมก้ถ่ายแต่ด้านนอก ปล. รูปอื่นๆ จากกล้องอื่น เดี๋ยวจะตามมา จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สักการะ วัดลามะเสร็จ เราก็ไปต่อกันที่ Blue Zoo ครับ เป็นสวนสัตว์ที่มี Underwater world อยู่ครับ ใหญ่กว่าบ้านเรา และที่สิงคโปร์ครับ (ตามความรู้สึกผมนะที่ไปมาหมดแล้วทุกที่) จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากวันสุดท้ายนี้ รุ่งเช้าเราก็ไปช็อปปิ้งกันต่อที่ตลาดรัสเซีย เพื่อรอเครื่องบินที่จะต้องขึ้นตอนบ่ายครับ สถานที่เที่ยวหลักๆ หมดแล้ว เหลือที่ที่ย่อยๆ เช่น ที่บังคับของทางการจีน ซึ่งคือบริษัทสินค้าต่างๆ  เช่น ใบชา ครีมไข่มุก ครีมบัวหิมะ ผ้าไหม เป้นต้น ที่เหล่านี้ทุกทัวร์ต้องไปครับ เป็นภาคบังคับของทางการจีน ไม่ไปไม่ได้ บางแห่งก็เป็นบริษัทของรัฐบาล ทุกแห่งเชื่อถือได้ครับ เป็นภูมิปัญญาโบราณของจีนครับ อย่างผมก็ซ์้อใบชามาฝากญาติผู้ใหญ่อีกหลายพันครับ ซื้อ เกาลัด พุทราจีน ลูกสมอ ไปเป็นของฝากปีใหม่อีกหลายพันเหมือนกัน รวมๆ แล้วค่าเที่ยวครั้งนี้ประมาณ 100000 บาทพอดีครับ หนักๆ คงจะเป็น การเช่าบูชา ปี่เซียะครับ ซึ่งไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผมอาจโชคดี ได้กลับมาเป็นล้านก็ได้ครับ ขอบคุณที่อ่านมานาน ลำดับต่อไป เป็นภาพอย่างเดียวครับ ปล. ภาพนี้ ถ่ายที่ตลาดคนเดิน วันแรกครับ เสื้อหนาวตัวใหญ่ ยังอยู่ในกระเป๋าใหญ่ มีแค่นี้ หนาวใจจะขาด อุณหภูมิประมาณ -1 ครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนหนึ่งของอาหารฮ่องเต้ครับ จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กุ้งมังกร พร้อมปูขน จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อันนี้อีกห้างหนึ่ง ไม่ใช่ตลาดรัสเซีย ภาพทั้งหมดนี้ มีฝีมือผมอยู่นิดเดียว นอกนั้นเป็นพี่แหม่มและอาอี้ ต้องขอขอบคุณอย่างมากที่อุตส่าห์พาหลานไปเที่ยว และยังเป็นแรงถ่ายรูปให้ตากล้องอีกต่างหาก ถ้าไม่ได้พี่แหม่ม ผมคงไม่ได้รูปสวยๆ ที่มีผมเป็นแบบมาโชว์แน่ๆ เลย จากคุณ : avatayos - [ 5 ม.ค. 50 13:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อิจฉาค่ะ  ....  ไปก่อน 5 วัน   อยากเจอหิมะตก ตอนนั้นอุณหภูมิติดลบ  น้ำเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว แต่ไกด์บอกว่า หิมะตกก่อนหน้าที่เรามาสองอาทิตย์ และ ฮือ.. ตกหลังเรากลับ 5 วัน จากคุณ : แม่น้องแทน - [ 5 ม.ค. 50 16:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อิจฉา น่ารัก อบอุ่น จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 5 ม.ค. 50 17:24:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 น่าอิจฉาจังเลย ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องราว และรูปถ่าย สนุกดีครับ เห็นแล้วอยากไปบ้างจังเลยครับ จากคุณ : AUN_SAP - [ 5 ม.ค. 50 18:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ และเรื่องราวที่อ่านง่าย สบายๆ อ่านได้เพลิดเพลินดีครับ จากคุณ : [Cha] - [ 5 ม.ค. 50 19:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 น่ารักจังเลย...สุดแฮปปี้.... Ricola ฯ เพิ่งไปมาเมื่อต้นธค.49  นำในทะเลสาบเริ่มเป็นนำแข็ง เลยไม่มีภาพหิมะตกแบบนี้ จากคุณ : Ricola ร่าเริง - [ 5 ม.ค. 50 19:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เดี๋ยวจะตามไปเที่ยวบ้างค่ะ  ได้ตั๋วทัวร์ปักกิ่งแบบรับเชิญมาหนึ่งใบ  ตอนแรกทางทัวร์ว่าจะไปเดือนมกราคม  ยังสงสัยจะแข็งตาย   เที่ยวหน้าหนาวอุปกรณ์ต้องพร้อมๆนะคะ   นี่เลือนออกไปเดือนมีนาแทน ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีอาหารฮ่องเต้หรือเปล่า น่ากินจริงๆ   ส่วนปูขนก็อาจจะหมดฤดูกาลแล้ว เฮ้อ ชอบอาหารจีนที่สุด ขอบคุณนะคะ มารีวิวพร้อมรายละเอียดยิบแบบนี้ เป็นข้อมูลสำหรับคนไปครั้งแรกๆค่ะ แถมท้ายนิดนึง คำว่า ไม่ ไม่เอา น่าจะออกเสียง ภาษาจีนกลางว่า ปู๋เย่านะคะ   คำว่า ปู๋นี้ แปลว่าไม่ค่ะ จากคุณ : fatcoco - [ 6 ม.ค. 50 00:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 รบกวนเบอร์โทร.บริษัททัวร์ด้วยครับ เคยไปราคาเท่ากันแต่ทุกอย่างต่างกันมาก จากคุณ : mutu - [ 6 ม.ค. 50 00:14:55 A:124.120.75.44 X: TicketID:133027 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ที่นำมาให้ชมกัน น่ารักทั้งคุ๋เลยค่ะ รบกวนขอชื่อบริษัททัวร์ด้วยนะค่ะ จะไปเดือน มีนาไม่รู้วาตอนนั้นจะยังหนาวอยู่หรือปล่าวนะค่ะ เสียดายจังไม่ได้เข้าไปดูในวังต้องห้าม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะปรับปรุงถึงเมื่อใหร่ จากคุณ : SARA***** - [ 6 ม.ค. 50 01:04:57 A:124.120.146.90 X: TicketID:092919 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพสวยจัง ใช้กล่องรุ่นไหนคะเนี่ย จากคุณ : my-kokoro - [ 6 ม.ค. 50 01:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สักวันหนึ่งจะไปมั่ง T_T จากคุณ : วัชเจียเหว่ย - [ 6 ม.ค. 50 02:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณสำหรับรูปสวย ๆ และประสบการณ์ดี ๆ ปลายเดือน "มกราคม 50 "  ผมกำลังจะไปเที่ยวกับบริษัทฯ  ไม่รู้ว่าจะทนหนาวได้หรือไม่  "กลัวจริง ๆ นะเนี่ย"   ห้องน้ำ  เป็นคนกลั้นไม่ค่อยได้  ไม่รู้จะลำบากแค่ไหน  (กลุ้มอีกแย้ว) จากคุณ : pomfu - [ 6 ม.ค. 50 08:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบที่ละคำถามนะครับ - คำว่า ไม่เอา ก็อย่างที่คุณ คคห 39 บอกละครับ แต่ไกด์ผมบอกเทคนิคให้จำง่าย หน่อยว่า ปู่ไปเยี่ยว หรือ ปู่เยี่ยว ซึ่งเวลาพูดมันก็คล้ายๆ กันอะ คนจีนเขาฟังออก เหมือนคนพูดภาษาไทยเพี้ยนๆ อะ แต่ถ้าจำได้แล้วก็ควรออกเสียงให้ถูก - เรื่องดูน่ารักน่าอบอุ่นอะ สร้างภาพ...555 ล้อเล่นครับ ก็เวลาถ่ายรูปถ้าไปเป็นคู่ ผมแนะนำตามภาษาช่างภาพว่า ควรแอ็กชันให้เหมือนคุณไปถ่ายสตูดิโออะ หาท่าทางแปลกๆ บ้าง ไม่ใช่แค่ยืนคู่กัน นี้ยังมีท่าแปลกๆ อีกเยอะนะ แต่ไม่อยากเอามาลง เดี๋ยวจะอ้วกกันหมดพันทิพ - เรื่องภาพสวย เป็นมืออาชีพเป็นช่างภาพครับ เป็นเจ้าของสตูดิโอ งานนี้เอากล้อง Canon 20D ไป ภาพสวยๆ ก็ถ่ายคนอื่นๆ หมด ภาพตัวเอง โชคดีที่พี่แหม่ม พอจะถ่ายเป็น เราก็บอกมุม บอกทางแสง แล้วก็ถ่ายคนอื่นๆ ให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน แต่กล้องผมจะถ่ายแต่ที่สำคัญใหญ่ๆ ที่เล็กๆ ไม่ได้เอาลงไปถ่าย มันหนัก ขี้เกียจแบกครับ ทั้งกระเป๋าก็ 8 กิโลกรัมได้ - เรื่องห้องน้ำ ทางไกด์แนะนำ และเป็นวิธีการของไกด์ คือ จะลงและจะขึ้นรถ เขาจะให้เวลาไปห้องน้ำครับ หรือถ้าจุดไหนห้องน้ำไกล ไกด์ก็จะบอกก่อนเสมอว่าไปอีกเท่าไรมีห้องน้ำ ใครปวดก็เข้าเลยจะดีที่สุด แต่ผมขนาดเป็นผู้ชายยังถือคติ ปวดไม่ปวดก็เข้าก่อนดีกว่า - เรื่องเบอร์โทรศัพท์ของทัวร์ ส่งเป็นข้อความหลังไมด์มาให้ผมครับ ว่าคุณจะไปกันวันไหน สนนราคาที่รับไหวเท่าไร เพราะทัวร์นี้ผมให้บริษัทจัดโดยเฉพาะครับ ก็บอกสถานที่ บอกว่าต้องการพักอะไรยังไง ระดับไหน แต่ไม่ได้ลงขนาดละเอียดว่าเอาโรงแรมใดหรอกนะ แค่บอกอยากไปดูอะไรบ้างประมาณนั้น ทางทัวร์เขาจะคำนวณมาให้ ที่ถูกกว่าหรือเท่าคนอื่นแต่ได้ดีกว่า เพราะทัวร์เขาไม่ต้องเสียเวลาหาลูกทัวร์เอง ผมหาให้หมด แก็งค์นี้ก็ 19 คนครับ บางทีคนในพันทิพรวมๆ กัน อาจได้ถูกกว่าที่ผมรวมได้ 19 คนอีกก็ได้ ติดต่อมาละกัน ผมเป็นคนกลางให้ได้ครับ - เรื่องทนหนาวได้ไง (คำถามในกระทู้ห้อง BP) บอกตรงๆ ทนไม่ค่อยได้หรอก ถ้าไม่ได้เสื้อโค้ทจากจีนที่สวยๆ ตัวนี้ เห็นแบบนี้มาตัดเมืองไทยผมว่า 3-4 พันบาทนะครับ เป็นเสื้อสองชั้น ไม่หนามากนัก แต่อุ่นมากๆ ผมใส่แล้วมีวันเดียวที่ปิดกระดุม ปิดซิปคือ ตอนเดินจัตุรัสเทียนอันเหมิ่น นอกนั้นก็เปิดซิปตลอด เพราะมันอุ่นมากๆ ข้อสำคัญที่คนไทยไม่รู้คือ ต้องใส่หลายชั้นครับ ชั้นแรกก็ลองจอห์น สำหรับผู้หญิงก็ทั้งตัว สำหรับผู้ชายก็แค่กางเกงก็ได้ ส่วนช่วงบน ผมใส่เสื้อยืดแบบตราห่านอะ แล้วก็เสื้อโปโลแขนยาว สุดท้ายจึงเป็นเสื้อกันหนาวแบบสเว็ตเตอร์ แล้วจึงมาคลุมด้วยโค้ทอีกที ทั้งหมดก็ 5 ชั้นครับ ยังเอาไม่ค่อยอยู่เท่าไรเลย - เรื่องปรับปรุง ไกด์บอกว่า กำหนดเสร็จคือ ก่อนเปิดโอลิมปิกครับ ดังนั้นถ้าให้ประหยัดหน่อยก็ไปหลังโอลิมปิกจะดีกว่า เพราะช่วงโอลิมปิก ค่าห้องจะแพงขึ้นครับ - อาหารฮ่องเต้นั้นมีหลายระดับราคานะครับ เขาคิดเป็นหัวๆ อยู่แล้ว แต่ถูกสุดก็อร่อยครับ อย่างของผมเมนูเด็ดๆ จะเป็นกุ้งกับปลาครับ แต่ที่อร่อยจริงๆ คือ ขนมล้างปากครับ อร่อยมากๆ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 50 09:21:44 จากคุณ : avatayos - [ 6 ม.ค. 50 09:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ว่าแล้ว โชว์ภาพต่อดีกว่า ภาพนี้ หน้าพระราชวังต้องห้ามครับ หิมะกำลังลงหนักพอดู จากคุณ : avatayos - [ 6 ม.ค. 50 10:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พี่แหม่มกับการเลือกกุ้งมังกรไปทำ โต๊ะละตัวครับ จากคุณ : avatayos - [ 6 ม.ค. 50 10:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อันนี้ตอนไปทานร้านเกี้ยวครับ ในรูปเนี่ย คือของเหลือครับ เพราะหิวกันสุดๆ ตอนทานก็เลยลืมถ่าย ภาพทั้งหมดมี Canon 20D กับ Sony T3 และก็ Minorta F100 ตัวแรกดิจิตอลของผมที่สร้างชื่อในเว็บพันทิพครับ จากคุณ : avatayos - [ 6 ม.ค. 50 10:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อธิบายสนุกดีครับ นี่ถ้าผมไปเที่ยวแล้วต้องต่อราคาฟาดฟันขนาดนั้นคงเครียดเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ อยากดูรูป  ปี่เซียะ ครับ จากคุณ : mun (stupor) - [ 6 ม.ค. 50 11:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เจ๋งสุดๆครับ จากคุณ : som1598 - [ 6 ม.ค. 50 13:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อยู่จีนมาสี่ห้าปีแล้วค่ะ แต่ไม่เคยได้ยินว่าพวกบัวหิมะ หรือที่ต้องบังคับว่าต้องแวะเป็นข้อกำหนดของรัฐบาลจีนนะคะ เข้าว่าเป็นของบริษัททัวร์มากกว่ากำหนดเพื่อจะแบ่งเปอร์เซนต์กับทางร้าน  และเพื่อไม่ให้ลูกค้าต่อว่าว่าต้องเสียเวลาแวะโน่นนี่ เลยต้องบอกเช่นนี้ เห็นทุกคนเวลาไปจีนมาจะพูดอย่างนี้ค่ะ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ทุกที ก็เหมือนกับที่เวลาคนจีนมาบ้านเราแล้วไกด์บอกพวกเขาว่า สาวประเภทสองที่พัทยามักจะอายุสั้นกว่าคนปกติ จะมีอายุไม่เกินสี่สิบห้าสิบปี ฉะนั้นเวลามาดูโชว์ แล้วก็ถ่ายรูปด้วย ก็รู้สึกสงสารไม่ติดใจเวลาเก็บค่าถ่ายรูปกับนางโชว์แพงๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 50 07:48:48 จากคุณ : หนูมาลี - [ 7 ม.ค. 50 07:41:47 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณหนูมาลี ผมก็คิดอย่างนั้นละ แต่ไม่อย่าเถียง หรือคุ้ยหาความจริง เพียงแต่ว่าของบางอย่างลูกทัวร์บางคนเขาสนใจจริงๆ นะ บางคนเขาใช้แล้วได้ผล อย่างใบชา ผมก็ชอบนะ ซื้อเมืองไทยหาไม่ได้อะ มีแต่ยี่ห้ออะไรไม่รู้ ต้องลองหาทานไม่รู้กี่ยี่ห้อกว่าจะเจอที่ถูกใจ ส่วนบัวหิมะ หลายคนเขาเอาไปใช้แล้วได้ผลดี มาถึงก็ถามกันอย่างเดียวเลยว่า โปรโมชันลดเท่าไร การแสดงแทบไม่ต้องดู อีกอันที่ซื้อกันเยอะคือ ครีมไข่มุก เพราะคนในทัวร์อีกนั้นละ ที่ซื้อไปใช้แล้วได้ผลดี ก็บอกต่อๆ กัน ส่วนเรื่องเสียเวลาอะ ผมบอกตรงๆ นะ กับทัวร์นี้ ไกด์นี้ ทางครอบครัวผมไปมาหลายรอบแล้วจริงๆ ทุกรอบก็โดนบังคับไปหมดอะ เคยบอกให้จัดไปแบบไม่ต้องแวะ เขาก็บอกไม่ได้ ทางไกด์จีนเขาจะโดนเล่นงาน ไม่ใช่ไกด์ไทย ผมก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่า คิดเสียว่า เป็นการไปชมผลิตภัณฑ์หน่อยก็แล้วกัน บางทีพวกผมก็ไม่มีใครซื้อเลย แค่ 20 นาทีก็ออกกันมาหมดแล้ว จากคุณ : avatayos - [ 7 ม.ค. 50 09:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โอ้ๆๆๆๆ อยากไปมั่งคับ ขอชื่อบวกเบอร์โทรด้วยคับ ขอบคุณคับ จากคุณ : pick_nicky - [ 7 ม.ค. 50 10:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มีแผนจะไป เมษายนค่ะ รบกวนข้อมูลด้วย ส่งหลังไมค์ไปแล้วนะค่ะ  ขอบคุณสำหรับ รีวิว และ ข้อมูล ดีๆๆ แบบนี้ค่ะ จากคุณ : madam orange - [ 8 ม.ค. 50 09:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ปี่เซี๊ยะตัวละ3หมื่น ถ้าได้กลับมาเป็นล้านจริงๆคนขายก็ไม่น่าจะมาลำบากลำบนนั่งขาย ทำแล้วเก็บเอาไว้เองดีกว่ารวยกว่าตั้งเยอะ จากคุณ : ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ - [ 9 ม.ค. 50 11:41:30 A:202.57.190.50 X: TicketID:016418 ]

ความคิดเห็นที่ 56 บัวหิมะที่ยุโรปบางทีมีแจกฟรีด้วยครับ ลอง search yahoo group ดู จากคุณ : mun (stupor) - [ 9 ม.ค. 50 20:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 บัวหิมะที่ยุโรปบางทีมีแจกฟรีด้วยครับ แต่ต้องเอามาเลี้ยงเอง ลอง search yahoo group ดู มารอดู ปี่เซียะ อีกรอบครับ จากคุณ : mun (stupor) - [ 9 ม.ค. 50 20:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สวัสดีอีกรอบ มาอัพเดต ปี่เซียะตามคำขอครับ คุณ คคห 55 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ครับ ผมเองก็ไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ แต่คำถามสั้นๆ 1. หยกแท้ แกะสลักสวยๆ มีใบรับประกัน ตัวละ 3 หมื่นนี้แพงไหม 2. อนาคต ถ้าเกิดมีแรงศรัทธามากๆ แบบจตุคามรามเทพ จากองค์ละ 1 บาทกลายเป็นล้าน ก็เห็นมาแล้ว 3. หยก ถือเป็นสมบัติขายต่อได้ครับ นี้คือ สาเหตุทางโลกที่ผมกล้าตัดสินใจซื้อ เพราะเหมือนเป็นการลงทุนครับ ส่วนสาเหตุทางอื่นๆ ที่พิสูจน์ไม่ได้นั้น อยากจะเล่านะ แต่เดี๋ยวจะงมงายกันไปใหญ่ เอาเป็นว่าของอย่างนี้อยู่ที่จิตใจดีกว่า ถ้าจิตใจดี คิดดี ทำแต่ความดี สิ่งดีๆ ก็เข้าตัว จะศรัทธา จะบูชาอะไร ก็มีแต่สิ่งดีๆ มาหา แต่ถ้าจิตใจไม่ดี คดโกง ทุจริต ไม่คิดดี ไม่ทำความดี ต่อให้มีพระดีมากมายก็ไม่มีสิ่งดีๆ มาหาหรอกครับ นอกจากนี้ ปี่เซียะตัวละ 3 หมื่น ทำไมคนขายไม่เก็บไว้เอง คุณครับ เขามีของเขาอยู่แล้ว ตัวใหญ่กว่าที่ขายอีกเป็นร้อยเท่าๆ ประเมินราคาคงเป็นล้าน คำถามคือ มีคนโง่ๆ อย่างผม หลงไปเช่ากลับมาบูชา วันหนึ่งเอาแค่ 1 คน ได้วันละ 3 หมื่น เดือนหนึ่งก็ 9 แสนแล้วครับ หักกำไรออกมาผมว่าปีๆ หนึ่งกำไรหลายล้านอยู่นะ แต่เด็กๆ ที่นั่งขายอยู่ จะมีไว้บูชาด้วยหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแล้วมาเข้าเรื่องปี่เซียะดีกว่าครับ จากคุณ : avatayos - [ 9 ม.ค. 50 23:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 59 องค์ใหญ่ที่เห็น มูลค่าขึ้นกับหยกที่นำมาผลิตเป็นหลักครับ อย่างตัวที่ผมเช่ามาราคา 5818 หยวน ตัวเล็ก 1818 หยวน สำหรับห้อยคออีก 4 ตัว ๆละ 480 หยวน ครับ แต่เป็นโปรโมชัน ถ้าเช่าตัวใหญ่ ก็ได้ตัวเล็กและตัวห้อยคออีก 2 ตัว การเลือกปี่เซียะนั้น ให้ดูที่สิ่งที่เราต้องการเป็นหลัก ต้องการสุขภาพดี ต้องการหน้าที่การงานดี หรือต้องการเงินทอง ปี่เซียะจะมีด้วยกัน 3 แบบ คือ แบบเตรายาว ซึ่งหมายถึงสุขภาพดี แบบที่เห็นในรูป ซึ่งหางจะเป็นเลขแปด หมายถึงเงินทอง ส่วนอีกแบบผมจำไม่ได้ และแต่ละแบบก็ใช้หยก แต่ละชนิด มีทั้งหยกเขียว หยกขาว หยกผสม หยกดำ (มีคนบอกว่าไม่มีหยกสีดำ แต่ผมเอามาส่องแสงดู มันก็เป็นหินใสสวยทีเดียวนะ) เวลาดู หลักๆ ให้ดูที่ขา ว่าก้าวไกลไหม หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ดูที่ปากว่ากว้างไหม อ้าเยอะไหม ดูแล้วดุไหม ถ้ากว้าง อ้าเยอะ ดุ จะหมายถึงกินเงินกินทองเก่ง ซึ่งตัวเขาจะมีพลังในการดูดเงินเก่งว่างั้นเถอะ สุดท้ายก็ดูที่ก้นว่าก้นใหญ่ดีไหม หมายถึงเก็บเงินเก็บทองได้เยอะดีไหม (แต่อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไรนะว่าหมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า) แต่ที่มั่นใจคือ บั้นท้ายต้องใหญ่ จากคุณ : avatayos - [ 9 ม.ค. 50 23:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หางแกะสลักเป็นเลขแปดจีนครับ จากคุณ : avatayos - [ 9 ม.ค. 50 23:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 สุดท้ายคือ หากเป็นปี่เซียะที่ได้รับการปลุกเสกตามพิธี จากประตูชัยของจีนแล้ว จะได้รับการแกะสลักตราไว้ที่ท้องครับ จากคุณ : avatayos - [ 9 ม.ค. 50 23:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ส่วนการบูชานั้น เมื่อเช่ามาแล้ว ก็ต้องทำพิธีนะครับ ของผมยังไม่ได้ทำพิธีเลย เพราะกะว่าจะทำตอนขึ้นบ้านหลังใหม่ไปเลยทีเดียว สาเหตุที่ให้ทำพิธีจริงๆ คือ การทำความสะอาดนั้นละครับ ส่วนวิธีการนั้น เมื่อเราไปเช่ามา เขาจะบอกเองครับ ในภาพจะเห็นได้ว่า มีกล่องแพ็กเกจให้สวยงาม พร้อมใบรับประกันครับ ------------------------ อันนี้เป็นคำแนะนำส่วนตัวนะครับ ปี่เซียะที่เห็นในประเทศไทย ที่ผมไปดูมาหลายแห่ง โดยเฉพาะพวกที่เป็นร้านในห้าง ไม่ควรค่าแก่การเช่ามาบูชาเท่าไรนัก เพราะหินที่ใช้ก็ไม่รู้ว่าเป็นหินอะไร เหมือนหินอ่อน และก็เหมือนหินเทียม การแกะสลักก็ไม่งดงามเท่าของจีน อย่างตัวเล็กๆ ที่ไว้พกติดตัว เห็นขายกันเต็มไปหมด ราคาแค่ 200 กว่าบาทนั้น เรียกว่าแทบจะไม่มีลายเลย หากนำมาเทียบกับของที่ผมเช่ามา ซึ่งแม้จะตัวเล็กมากๆ แต่ก็มีนิ้ว มีเขี้ยวครบ และเช่นเดียวกันก็เหมือนกันการเช่าบูชาพระเครื่องครับ เราควรพยายามหาของดีของแท้ดีกว่าของเทียมครับ แต่หากใครไม่ไปเมืองจีน ที่ประเทศไทย มีวัดแถวชลบุรีอยู่วัดหนึ่งที่ปลุกเสกปี่เซียะให้เช่าครับ เห็นว่าที่วัดมีปี่เซียะตัวใหญ่ที่สุดในเมืองไทยด้วย แต่ผมจำไม่ได้ว่าวัดไหน จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 00:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เสริมอีกเรื่องครับ ปี่เซียะมีตัวผู้กับตัวเมียด้วยครับ วิธีดูคือ ดูที่เท้าว่าก้าวเท้าไหนนำครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่า ซ้ายหรือขวาที่หมายถึงตัวผู้ จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อันนี้ปี่เซียะที่ขายในไทยส่วนใหญ่ ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่ดูความสวยงามเอาครับ รูปผมไม่ขอให้เครดิตนะ แต่ขอใช้เพราะเป็นร้านขายปี่เซียะโดยตรง เอามาจากเว็บเขาครับ เดี๋ยวทางพันทิพจะหาว่าผมเป็นหน้าม้าขายของ จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ส่วนอันนี้เป็นแบบพกพาครับ ดูความละเอียดในการแกะสลักครับ ขนาดประมาณ 3 ซม ผมถ่ายมาเทียบกับคำว่า DStv ของ UBC ครับ จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ด้านหน้าก็มีเขี้ยวมีฟันครบ เคราก็ยาว สมลักษณะครับ จะไม่เหมือนพวก 200 บาทที่วางขายหรือที่วัดต่างๆ ทำขายครับ เพราะพวกนั้นรายละเอียดน้อยกว่าจริงๆ จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 67 สุดท้ายก็ที่ท้องจะมีแกะสลักตราประตูชัยจีนด้วย การันตีว่าเป็นของแท้จากประตูชัย จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ใครสนใจอยากได้ไปบูชา ผมแนะนำเก็บเงินเก็บทองไปเที่ยวปักกิ่งสักครั้งครับ แล้วถ้าถูกชะตาเราจริงๆ ก็เช่ามาบูชา ถ้าไม่ถูกชะตา ไม่มีความรู้สึกอยากได้อยากรับเป็นเจ้าของก็อย่าเช่ามาครับ อย่างผม ซึ่งตอนไปนี้แค่ได้ยินกิติศัพท์จากญาติๆ พี่น้องกันว่าไปถึงที่แล้ว ก็ควรเช่ามาบูชา ผมเองตอนไปก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ามันคืออะไร เป็นยังไง สนใจจะเช่า เพราะต้องการได้สิ่งศักสิทธิ์ที่เช่าเองจากกำลังทรัพย์ของเราเอง ไปไว้ที่บ้านใหม่ ซึ่งพอไปถึงแล้ว มันบอกไม่ถูกครับ ถูกชะตาด้วยตัวเอง ในใจคิดอย่างเดียวว่า? "ไปอยู่เป็นเพื่อนกันนะ" "กลับบ้านไปด้วยกันนะ" แล้วตั้งแต่เช่าบูชามา ไม่อยากบอกก็เหมือนคนบ้านิดหน่อย ผมคุยกับเขาตลอดเลย ไปไหนทำอะไรก็ลูบๆ คลำๆ แล้วก็เป็นเรื่องตลก พอมาได้อ่านประวัติ อ่านวิธีการบูชาแล้ว พบว่า ผมทำถูกทุกอย่างเลย โดยไม่ต้องมีใครบอก นี้เหลือแค่พิธีน้ำร้อนน้ำเย็น จัดที่ตั้งให้ดีตอนขึ้นบ้านใหม่เท่านั้นครับ ก็เป็นอันสมบูรณ์แบบ ปล. ความเชื่อส่วนบุคคล ควรพิจารณาด้วยสติ ในรูป กล้องคนอื่นครับ เป็นปี่เซียะตัวที่ทำขึ้นมาแทนตัวจริงที่ประตูชัยของจีนครับ แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 50 12:59:35 จากคุณ : avatayos - [ 10 ม.ค. 50 12:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 69 รูปสวยมากๆครับ เล่าได้ดี เหมือนได้ไปเองเลยนะครับ ขอบคุณด้วยนะครับ ^^* จากคุณ : NooBeer - [ 11 ม.ค. 50 08:10:08 A:58.136.93.220 X: TicketID:135986 ]

ความคิดเห็นที่ 70 น่าไปครับ จากคุณ : บังเอิญติดดิน - [ 11 ม.ค. 50 10:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากครับ เนื้อปี่เซียะสวยกว่าของไทยจริงๆด้วย จากคุณ : mun (stupor) - [ 13 ม.ค. 50 00:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอแจมด้วยคนนะค่ะ กะว่าจะไปกับครอบครัวต้นเดือนมีนาคมนี้ ประมาณสิบคน แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปกับทัวร์ไหนดี อ่านของคุณ แล้วน่าสนใจมากค่ะ อยากขอเบอร์กับชื่อทัวร์ที่คุณไป แต่ไม่ทราบหลังไมด์คืออะไร เมล์มาบอกหน่อยได้มั๊ยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ ปล.คำบรรยายบวกรูปถ่ายละเอียดมากค่ะ อยากไปเร็ว ๆ จัง จากคุณ : mbehind@yahoomail.com - [ 13 ม.ค. 50 23:15:25 A:202.142.198.151 X: TicketID:136178 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอแจมประเด็นปี่เซียะค่ะ เพราะเราไปเช่ามาจากที่นี่เหมือนกันเช่ามาประมาณ 20000 ค่ะ ได้มา 2 ตัวใหญ่ แล้วก็ห้อยคออีก 3 ตัวเล็กค่ะ ยอมรับว่ายังหาที่ไทยที่สวยแบบที่จีนไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่ปัจจุบันมีปี่เซียะไปแล้วเป็นฝูงค่ะประมาณ 12 ตัวค่ะ แต่นิดนึงค่ะ ที่ประตูชัยเค้าอธิบายว่า ปี่เซียะเนี่ยเป็นสัตว์ที่มี 2 เพศในตัวเดียวกันอยู่แล้วค่ะ แล้วการบูชาเนี่ยให้บูชาเป็นลักษณะครอบครัว ให้มีพ่อแม่ลูกค่ะ ดังนั้นเค้าจะแนะนำให้เช่า 2 ตัว แต่ให้มีขนาดใหญ่ 1 ตัว เล็กกว่าอีกตัวค่ะ ก็จะเป็นครอบครัวมีพ่อ แม่ (ในตัวเดียวกัน) แล้วก็ลูก (ตัวเล็ก) ค่ะ แต่ที่ในไทยมักจะให้บูชาเป็นคู่โดยที่บอกว่าเป็นเพศผู้กะเพศเมียค่ะ อันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบไหนถูก คู่ที่เช่ามาจากจีน เราก็เช่าตามที่เค้าอธิบาย คู่ที่เช่าในไทยก็เช่าตามความเชื่อแบบไทยไปค่ะ (เพราะเค้าให้บูชาเป็นคู่นี่คะ ไม่แยกให้) ทริกนิดนึงค่ะ เค้าบอกว่าให้เอาลูกแก้วมาตั้งไว้หน้าปี่เซียะ คล้ายๆกะเป็นของเล่นค่ะ แต่ว่าเค้าบอกว่าให้เราอธิษฐานสิ่งที่อยากได้ แล้วสมหวังก่อน ค่อยเอาลูกแก้วไปวางค่ะ ถ้าวางก่อนก็จะไม่สมหวังเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็วันพระก็บูชาด้วยส้ม 5 ลูกค่ะ แล้วปี่เซียะเนี่ยจะชอบน้ำค่ะ เพราะฉะนั้นควรวางแก้วใส่น้ำไว้ตลอดเวลาค่ะ เค้าบอกว่าวันที่ฝนตกหนักๆ ให้ลองเอาไปวางตากฝนดูค่ะ อันนี้เป็นเล็กๆน้อยๆ ที่พอทราบมาค่ะ ตอนนี้ก็กำลังเล็งอีกคู่นึงอยู่เป็นปี่เซียะ รูปแบบสำหรับที่เหมาะจะบูชาปีนี้ค่ะ อาจจะดูว่างมงาย แต่ว่าสำหรับเราอันนี้ชอบโดยส่วนตัวค่ะ เพราะทำแล้วตัวเองสบายใจ ก็เลยทำค่ะ จากคุณ : Alexi - [ 14 ม.ค. 50 03:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เพิ่มเติมครับ เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม เดิมผมรู้ว่า วิธีพิสูจน์หยกคือ เอาเส้นผม แนบหยกแล้วลนไฟ ลนให้ตายก็ไม่ขาด แต่ถ้าเป็นหยกเทียบ ลนไม่กี่วินาทีก็ขาดทันที แต่พึ่งรู้อีกอย่างว่า ถ้าเป็นหยกดำแท้ เอาไฟฉายส่องครับ หยกจะกลายเป็นสีเขียว ถ้ากลายเป็นสีเขียวแสดงว่าแท้ ถ้าไม่ก็ไม่แท้ แล้วก็เป็นดังคาด ปี่เซียะสีดำ กลายเป็นสีเขียวเมื่อต้องแสงไฟ เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมจริงๆ จากคุณ : avatayos - [ 14 ม.ค. 50 19:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อีกนิด จริงๆ ผมว่ามันคือสีเขียวละ แต่เขียวเข้มมากๆ จนดำ พอต้องแสงก็ สีเขียวก็เลยสดขึ้นมา จากคุณ : avatayos - [ 14 ม.ค. 50 19:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 น่าอิจฉาจังที่ได้เที่ยว รูปแต่ละรูปสวยมาก ๆ ครับ จากคุณ : ส้มตำปลาร้า - [ 16 ม.ค. 50 17:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 77 กำลังจะไปตอนตรุษจีนพอดี รบกวนขอเบอร์โทรขอทัวร์ ค่ะ ส่งทาง e-mail ด้วยคนค่ะ จากคุณ : kay_t_t@hotmail.com - [ 18 ม.ค. 50 14:50:18 A:125.24.9.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 78 น่าไปจังเลยครับ จากคุณ : Zorro - [ 2 ก.ค. 50 16:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เข้ามาเที่ยวค่ะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ - [ 4 เม.ย. 51 02:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ avatayos คะ เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ อยากไปเที่ยวมาก ขอชื่อบริษัท และเบอร์ติดต่อได้มั้ยคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : honeydeer22@yahoo.com - [ 4 มิ.ย. 51 09:10:08 A:202.60.203.212 X: ]

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพน่ารัก อ่านก็สนุก อยากไปมั้งงง จากคุณ : AntiBody - [ 7 มิ.ย. 51 15:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 82 พึ่งจะได้มาอ่าน ชอบมากอยากไปกับบริษัททัวร์ขอชื่อได้ไหมครับ ขอบคุณครับ รบกวนmail bestballpoo@hotmail.com ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : อยากเที่ยว - [ 6 ส.ค. 51 18:49:00 A:125.26.107.101 X: ]

ความคิดเห็นที่ 83 กำลัง plan จะไปช่วงปีใหม่พอดี เพิ่งมาอ่านเจอ เขียนได้น่าไปมากๆ ยังไงรบกวนขอเบอร์บริษัททัวร์ด้วยคนนะคะ piyo30@hotmail.com ขอบคุณค่ะ จากคุณ : drib (กิมจิ) - [ 4 ต.ค. 51 14:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เพิ่งมาอ่านเจอ ขอชื่อบริษัททัวร์ด้วยนะคะ สนใจมากๆค่ะ gun.kanyarat@gmail.com ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : กัญ (cottoncarrott) - [ 19 ก.ย. 53 17:37:13 ]