 |
ทริปปั่นโหด มัน ฮา ที่ มอหินขาว ชัยภูมิ
|
|
การเดินทางไปมอหินขาวแห่งนี้ก็ไม่ยากเย็นอะไรนัก เพราะสามารถเดินทางจากตัวเมืองชัยภูมิไปตามทางหลวงหมายเลข 2051 ชัยภูมิ-น้ำตกตาดโตน ประมาณ 18 กิโลเมตร เมื่อเจอแยกตาดโตน-ท่าหินโงม ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางลาดยางขึ้นเนินเขาประมาณ 12 กิโลเมตร ก่อนเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางสายแจ้งเจริญ-โสกเชือก อีกราว 6.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านวังคำแคนแล้วขึ้นเขาต่อไปตามถนนลูกรังอีก 3.5 กิโลเมตรก็จะถึงมอหินขาว สภาพถนนช่วงสุดท้ายนี้หากเป็นช่วงหน้าแล้งเส้นทางก็จะเป็นฝุ่นดินแดง ส่วนหน้าฝนก็จะมีสภาพลื่นและเป็นหลุมเป็นร่อง รถที่ใช้จึงควรเป็นรถปิคอัพหรือรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทางจึงจะสะดวก
ถนนสู่มอหินขาวนี้ยังไม่มีรถยนต์สาธารณะหรือรถยนต์ท้องถิ่นให้บริการ ผู้ที่เข้าไปเที่ยวชมจำเป็นต้องใช้พาหนะส่วนตัว หรือเช่าเหมารถเข้าไปจึงจะสะดวก แต่ผมว่าเมื่อมอหินขาวแห่งนี้ได้ถูกบรรจุเป็นแหล่งท่องเที่ยวในโครงการเส้นทางท่องเที่ยวมหัศจรรย์ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน ของ ททท. และยังได้พี่เบิร์ดไปช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์แล้ว อีกไม่นานถนนหนทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวก็ต้องได้รับการพัฒนาให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้สะดวกสบายในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
ด้วยความที่มอหินขาวและอุทยานแห่งชาติภูแลนคาเป็นอุทยานแห่งชาติก่อตั้งใหม่ จึงยังไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ยังไม่มีบ้านพัก ไม่มีร้านอาหารไว้บริการ มีแต่ลานกางเต็นท์ และห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวชมและต้องการพักค้างแรมคืนเพื่อสัมผัสบรรยากาศนอนนับดาวอย่างพี่เบิร์ด ก็คงต้องเตรียมอุปกรณ์แค้มป์ตั้งแต่เต็นท์ ถุงนอน อาหารการกิน น้ำดื่มติดรถเข้าไปให้พร้อม ซึ่งบรรดานักแค้มปิ้งทั้งหลายคงชื่นชอบที่นี่ เพราะสถานที่และทำเลเหมาะกับการตั้งแค้มป์แรมคืน เพราะรถยนต์เข้าถึง ที่สำคัญนักท่องเที่ยวก็ยังไม่มากมายนัก
หลายท่านอาจจะอยากทราบที่มาของชื่อ มอหินขาว อันฟังดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นี้มีที่มาอย่างไร ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ฟังว่าบริเวณพื้นที่แถบนี้มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ ที่ชาวบ้านมักเรียกว่า มอ และบริเวณสวนหิน ที่มีแท่งหินรูปทรงแปลกตากระจายกันอยู่บนเนินเขาเหล่านี้ หากมองจากเบื้องล่างในระยะไกลๆ ก็จะเห็นแท่งหินสีขาวเหล่านี้ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา ยิ่งในช่วงหลังฝนตกจนแท่งหินเปียกน้ำฝน แล้วมีแสงแดดสาดส่องกระทบ ก็ยิ่งสะท้อนเงาขาวเด่นชัดยิ่งขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า มอหินขาว ซึ่งนั่นเป็นสภาพทั่วไปที่ชาวบ้านพบเห็น
แต่ก็ยังมีเรื่องราวเล่าขานที่เป็นเรื่องราวความเชื่ออันแปลกประหลาดมหัศจรรย์ของบริเวณสวนหินแห่งนี้ ด้วยชาวบ้านใกล้เคียงมักจะพบเห็นแสงดวงไฟสีขาวนวลล่องลอยขึ้นจากบริเวณสวนหินในช่วงคืนวันพระขึ้น- แรม 8 ค่ำ 15 ค่ำ และเล่าขานกันสืบมา นั่นยิ่งทำให้ดินแดนสวนหินแห่งนี้มีความลึกลับมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น
ในขณะที่มุมมองของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยาที่เข้ามาทำการศึกษาได้ให้รายละเอียดว่า แท่งหิน สวนหินบริเวณนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว และยังมีหินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง กระจัดกระจายอยู่รอบบริเวณ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกจากการสะสมตัวของตะกอนทรายและดินเหนียวจนมีความแข็งและเมื่อเปลือกโลกการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทำให้ชั้นหินเกิดการโค้งงอ แตกหัก และเมื่อผ่านกาลเวลา ผ่านการกัดกร่อนจากน้ำฝน สายลม แสงแดดจนกลายเป็นแท่งหินที่มีรูปทรงสวยงามแปลกตา สันนิษฐานว่าจะมีอายุราว 175 -195 ล้านปีเลยทีเดียว
มอหินขาวปลายฤดูฝนเช่นนี้ทุ่งหญ้ารอบข้างยังคงเขียวขจี มีดอกหญ้าสีขาว สีม่วงผลิบานแทรกแซม กลุ่มหินที่โดดเด่นที่รวมกันอยู่ 5 แท่ง ดูงดงามแปลกตา ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ ความยิ่งใหญ่ของแท่งหินก็ยิ่งประจักษ์ ความสูงของมันราว 12 เมตร แต่ความอวบอ้วนของแต่ละแท่งไม่เท่ากัน โดยแท่งใหญ่ที่สุดนั้นวัดความกว้างของแท่งหินได้ถึงราว 22 คนโอบเลยทีเดียว รูปทรงของแท่งหินมองดูคล้ายกับป้อมปราการขนาดใหญ่อันมั่นคงแข็งแกร่ง รายล้อมด้วยแท่งหินรูปทรงผอมเพรียวกว่า มองดูราวกับมีคนจงใจนำมาปักตั้งเรียงรายเอาไว้
ถัดจากหินกลุ่มแรกเข้ามาราว 500 เมตร จะเป็นหินกลุ่มที่ 2 ลักษณะเป็นลานก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาบ้างมองดูคล้ายรูปเจดีย์ คล้ายกับกระดองเต่า บางคนก็มองดูเหมือนกับรูปช้าง หลากหลายรูปทรงสุดแล้วแต่จินตนาการของแต่ละคนจะจินตนาการกันไป บางก้อนมีความลาดเอียงพอให้สามารถปีนป่ายขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพพื้นที่รอบข้างได้อย่างกว้างไกล และหากเลยลึกเข้ามาอีกราว 1,500 เมตร ก็จะถึงกลุ่มหินสุดท้ายที่เรียกกันว่า ลานหินต้นไทร มีลักษณะเป็นกลุ่มแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก กระจายกันอยู่บนเนินที่ลาดเอียงลงไปจดหน้าผาที่เรียกว่าผาหัวนาค ด้วยเพราะมีแท่งหินรูปทรงคล้ายหัวพญานาคตั้งอยู่ บริเวณทุ่งหญ้ารอบข้างและลานหินแถบนี้จะมีดอกไม้ขนาดเล็ก ดอกหญ้ากระดุมเงิน และกล้วยไม้บางชนิดเช่นเอื้องหมายนา เอื้องม้าวิ่ง เอื้องนวลจันทร์ ออกดอกบานแทรกแซมอยู่ตามทุ่งหญ้าดูงดงาม
ช่วงนี้ทางภาคเหนือและภาคอีสานฝนเริ่มห่างหาย สายลมหนาวเริ่มพัดมาเยือน หากมีเวลาว่างวันหยุด จะเตรียมเป้ใบเก่าเต็นท์หลังเดิมกับอุปกรณ์เครื่องแค้มป์ออกมาปัดฝุ่น วางแผนการเดินทางไปนอนนับดาวรับลมหนาวที่มอหินขาวก็คงเป็นจุดหมายปลายทางที่ท้าทายให้ลองไปสัมผัส ไม่เชื่อก็ต้องลองไปพิสูจน์กันดู
ที่มา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
จากคุณ |
:
เสือเพิก ชุมแพ
|
เขียนเมื่อ |
:
16 พ.ย. 52 22:19:10
|
|
|
|  |