ความเดิมตอนที่แล้ว ดูได้จากลิ้งนี้นะคะ
http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R7604436/R7604436.html
โอววววว!!!!!!!!!!!!!
มาถึงตอนที่ 3 แล้วหรือเนี่ย...ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
จริงๆตั้งแต่เล่ามาจนถึงตอนนี้...
ยังไม่ใกล้ถึงเรื่องที่โฟร์อยากจะเล่าจริงๆด้วยซ้ำ
เง้่อ??? งงล่ะเซ่่่..........????
แต่เอาเถอะค่ะ ไหนๆก็หลวมตัวอ่านกันมาถึงขนาดนี้แล้ว....
ก็ช่วยอ่านกันต่อไปนะคะ
เมื่อก่อนนี้...โฟร์รู้สึกว่าโฟร์เห็นตัวเองชัดเจน มันเป็นความชัดเจนของชีวิต
ถึงโฟร์จะเดินบนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงจะมีตะปูในทางเดินบ้าง..
แต่โฟร์ก็รู้สึกมีแรงที่จะกวาดมันออกไป และเดินต่อไปเรื่อยๆ...
เชื่อไหมคะ? โฟร์ในตอนนั้น คือผู้หญิงที่ใครๆที่มีโอกาสรู้จักจะก็บอกว่า...
" สวยจัง "......555+ (แต่เรื่องจริงนะคร๊าาาา)
" อารมณ์ดีจังเลย...อยู่ใกล้แล้วรู้สึกดี"
" ผมถามคุณหน่อยซิ...ทำไมคุณถึงดูมีความสุขอยู่ตลอดเวลาเลย คุณทำได้ไง"
"แกฮามากเลยนะ ชีวิตแกเคยเครียดบ้างไหมเนี่ย?"
เรียกว่าในสายตาทุกๆคน โฟร์คือผู้หญิงที่พร้อมทุกอย่างคนนึง...
เป็นไอดอลของเพื่อนๆ หรือน้องๆในโมเดลลิ่ง เป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ
เข้ากับคนง่าย มองโลกในแง่ดี จิตใจดี โฟร์รู้สึกว่าโลกมันสวยงามไปหมด
ถึงแม้เราจะเหนื่อยแค่ไหนกับการทำงาน แต่โฟร์ก็ได้หัวเราะทั้งวัน
ได้เจอคนมากมายหลากหลายอาชีพ ได้ทำในสิ่งที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันจะทำ
แต่ไม่มีโอกาส....โฟร์ถือว่าโฟร์โชคดีมาก ที่ได้รับโอกาสนั้น..
ตอนนั้นโฟร์คิดเลยนะคะ ว่าความฝันโฟร์คงใกล้เป็นจริงแล้ว.......
โฟร์รักครอบครัวโฟร์มากกกก โฟร์รักคุณแม่ คุณพ่อ คุณป้า คุณน้า......
โฟร์รู้สึกเสียใจ"ลึกๆ"ทุกครั้งที่เวลากลับบ้าน แล้วคุณน้าจะคอยบอกว่า
มีคนมาถามเรื่องหลานๆว่าไปอยู่ไหนกันหมดไม่ค่อยเห็นกลับมาช่วยที่บ้าน...
(ซึ่งโฟร์จะพูดถึงเรื่องนี้อีกทีนะคะ)
แต่คุณป้ากับคุณน้าโฟร์ก็เก่งมากนะคะ.....
คุณป้ากับคุณน้าเริ่มค้าขายมาตั้งแต่คุณน้าอายุ 15 ปี จนถึงตอนนี้ 55 แล้วค่ะ
ท่านเปลี่ยนสินค้าที่จะขายไปเรื่อยๆตามกระแสในช่วงนั้นๆ
เช่นเมื่อก่อนตอนโฟร์เล็กๆ ที่บ้านจะขายพวกเข่ง ตะกร้าสาน ชะลอม หวาย
อารายที่เป็นเครื่องจักรสานอ่ะค่ะ ต่อมาที่โฟร์จำความได้ก็มีพวกไม้กวาด
ไมู้ถูพื้น ตอนหลังๆ เข่งไม้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะมี เข่งไฮเทคเข้ามาแทน
(คือเข่งพลาสติกอ่ะค่ะ) อารายต่อมิอารายเรื่อยๆมา
จนปัจจุบันนี้ เน้นขายอาหารสัตว์ เช่น นก ปลา หมา แม้ว เกือบจะทั้งหมด
จะมีแจมพวกไม่กวาด อะไรนิดหน่อย
ทำค้าขายเกี่ยวกับอาหารสัตว์ทั้งปลีก-ส่ง
ในห้องแถวเล็กๆห้องเดียวในย่านตัวเมือง ที่ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน
แน่นอนค่ะว่าเหนื่อยแน่ๆ เพราะอาหารสัตว์ที่ขาย มีตั้งแต่น้ำหนักเบาๆ ไล่ไปจนมี
ตั้งแต่กระสอบละ 7-10-15-20-22-25-50 kg เลยทีเดียว
แล้วด้วยความที่คุณป้าคุณน้าท่านไม่ค่อยกล้าไว้ใจใคร
เพราะเคยจ้างเด็กมาช่วยแล้วถูกขโมยเงิืน แอบจิ๊ก แอบอู้ จนท่านเบื่อที่จะจ้่าง
ทำให้ท่านต้องทำทุกอย่างในร้านด้วยตัวเองมาโดยตลอด !!!
(แต่ปัจจุบันโฟร์จ้างเด็กผู้หญิงมาช่วย 1 คน ได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะที่เค้ายอมเพราะตอนแรกโฟร์เป็นคนหามาและโฟร์ก็กลับมาดูแลเองทุกอาทิตย์ ช่วงแรกต่อสู้กันเหนื่อยเหมือนกันค่ะ เพราะคุณป้าจะหัวโบราณมาก แล้วท่านก็เป็นผู้หญิง 2 คน เลยต้องจ้างผู้หญิงมาช่วยที่ร้านค่ะ)
ร้านที่ค้าขาย ก็เป็นร้านเล็กๆที่ไม่สะดุดตาอะไร...
แต่สิ่งที่สะดุดใจลูกค้า คงเป็นภาพที่ชินตาของคนที่นั่น...
ภาพผู้หญิงมีอายุ 2 คน ช่วยกันทำงานอยู่ในห้องแถวเล็กๆนั่น
ตั้งแต่ 8โมงเช้า ถึงเที่ยงคืน !!!
อาหารสัตว์ที่ขาย มีทั้งแบบที่แพคกิ้งมาจากบริษัทแล้ว(แบบที่ขายในห้าง)
กับแบบที่ท่านแบ่งขายจากกระสอบใหญ่(เช่นเอากระสอบละ 20 kg มาแบ่งย่อยเป็นถุงละโล)
ซึ่งแบบที่เราแบ่งขายเองจากกระสอบใหญ่ แน่นอนว่ามันต้องถูกกว่าแบบแพ๊ค
สวยๆอยู่แล้ว แต่มันก็ยุ่งยากกว่าด้วย มันไม่ใช่แค่การหยิบออกจากกล่องมา
โชว์ แต่มันคือการที่ต้องตวงทีละถุง(เหมือนเวลาชั่งน้ำตาลทราย)
และแพ็คด้วยเครื่องหนีบ(ไม่รู้เค้าเรียกอะไรอ่ะค่ะ)
แล้วเอามาเรียงขายที่ทางหน้าร้าน ติดทางเดินที่คนเดินผ่านไปผ่านมา
ตอนแรกโฟร์ก็งง ว่าท่านจะทำให้ยุ่งยากทำไม เพราะกระสอบไหนที่เปิดแล้ว
ก็ต้องตักให้หมดกระสอบ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นอาหารให้พวกหนูแมลงสาบ
และการจะทำมันอาจจะดูไม่ยุ่งยากก็จริง แต่ถ้ามองว่าผู้หญิงมีอายุ 2คน
ต้องเปิดร้าน จัดหน้าร้าน แล้วเอาอาหารที่ตักใส่ถุงไว้แล้วออกมาเรียงขาย
ซึ่งบางทีพอเอามาใส่ถุงไว้นานๆ ถุงก็จะมัน มัว ทำให้ไม่สวย ลูกค้าก็ไม่ชอบ
แต่ถ้าไม่ทำเอาไว้ เวลาลูกค้ามาซื้อก็จะต้องวิ่งเข้าไปตัก ชั่ง ซีน (ซึ่งหลายๆทีมันก็หกเรี่ยราดเด็มพื้นเพราะอาหารแต่ละอย่างเม็ดเล็กๆใหญ่ๆแตกต่างกัน) ถุงที่ใส่ก็คนละขนาดกัน คือท่านไม่ใช่ว่าขายแต่ถุงละ 1 kg นะคะ แต่ท่านคิดไปถึงความสะดวกของคนซื้อ เช่น อาหารชนิดเดียวกัน ท่านจะตักถุงละ 20 บาท
กับ 40 บาท ให้ลูกค้าเลือกซื้อตามความพอใจ....มันเลยจุกจิกมากกว่าปกติ แล้วท่านทำกัน 2 คนเท่านั้น เรียกว่าวิ่งเข้าวิ่งออกหน้าร้าน ในร้านกันหัวปั่น
ซึ่งท่านต้องทำแบบนี้กับอาหารสัตว์จำนวนมากมาย เป็น 20 กว่า อย่าง
เคยถามท่านว่า ทำไมต้องมาแพคให้เสียเวลา?
ทำไมไม่สั่งถุงเล็กๆมาแล้วขายไปเลย....ท่านตอบว่า
"เอามาขายเหมือนกัน แต่น้อย เอามาให้ลูกค้าเลือกเพราะมันสวย...
แต่แพง...สงสารลูกค้า บางคนที่เค้าเลี้ยงสัตว์เค้าก็ไม่ได้ร่ำรวยกันทุกคนนะ"
เช่น กล่องที่บริษัทแพ็คมา 1/2 kg เราต้องขายลูกค้า 35 บาท
แต่ถ้ามาแพ็คขายเองในสินค้าตัวเดียวกัน1/2 kgเราขาย20 บาทก็ัยังพอมีกำไร
คุณป้ากับคุณน้าโฟร์เค้่าจะคิดแทนลูกค้าทุกอย่างค่ะ ไม่อยากขายแพง
ขายของเอากำไรนิดหน่อย แต่อาศัยขายเยอะๆ..
ถ้าเป็นโฟร์คิดก็มองว่ามันไม่คุ้มเหนื่อย..
แต่คุณป้าโฟร์กลับมองว่า ถ้าเราขายถูก เค้าก็ต้องกลับมาซื้ออีก
เวลาสั่งของเข้าร้านก็ต้องสั่งที่ละเยอะๆ เป็นตันๆ
ถึงจะได้ราคาที่ถูกพอที่จะสู้ร้านอื่นได้(แต่จะเจอปัญหาเรื่องหนูในโกดัง)
ด้วยหน้าร้านที่เล็กๆ จึงต้องไปหาที่กักตุสินค้าเวลาสั่งมาทีละมากๆ
ซึ่งก็ไม่พ้นห้องแถวในบริเวณที่ถัดออกไป ที่เช่าเอาไว้เป็นโกดังอย่างเดียว...
คุณป้ากับคุณน้าโฟร์ท่านชอบอยู่ตลาด เพราะท่านไม่มีรถ
และท่านโตมากลับ "ตลาด" แต่ท่านเป็น "แม่ค้า" ที่ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
ว่าไม่เหมือน"แม่ค้า"เลยสักนิด ท่านทำทุกอย่างด้วยหัวใจ...
ไม่เคยคดโกงลูกค้า หรือว่าปากจัดเหมือนแม่ค้าบางคนที่โฟร์เคยเจอ
หรือเคยได้ยิน ยิ่งเรื่องปากจัดนี่...ใครๆก็จะพูดว่าแม่ค้าปากจัดที่สุด...
แต่เชื่อไหมคะ? ตั้งแต่โฟร์เกิดมาจนวันนี้
ยังไม่เคยได้ยินคุณป้า คุณน้า เสียงดังใส่ลูกค้าเลยสักหน !!
(แต่ถ้าเสียงดังใส่หลานๆ...ก็เปงเรื่องทำมะดาเน๊อะ !!!)
ไม่ว่าจะเจอลูกค้างี่เง่าแค่ไหน ท่านก็จะยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม....
บางทีโฟร์เคยไปช่วยขายโฟร์ยังรำคาญแทนเลยค่ะกับนิสัยของลูกค้าบางคน
โฟร์ก็เคยถามคุณป้ากับคุณน้านะคะว่าทำไมถึงไม่เห็นปากจัดเหมือนคนอื่นเค้า
ท่านบอกว่า"ลูกค้าคือพระเจ้า เค้าเอาเงินมาให้เรา"
หรือ "สิ่งที่ดีๆ เราทำ... สิ่งที่ไม่ดี เราจะทำทำไม? "
" สิ่งไม่ดีเราอย่าไปเลียนแบบ"
ถึงสินค้าที่นำมาขายของคุณป้ากับคุณน้าโฟร์จะเปลี่ยนแปลงไป
แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในชีวิตของผู้หญิง 2 คนนี้คือ...
"ความขยัน" "ความอดทน" " ความประหยัด"
โฟร์นับถือ และชื่นชมคุณป้า กับคุณน้า สุดหัวใจ...
ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะรู้สึกเป็นอื่นไปได้...
ท่านพูดอยู่เสมอว่า
" คนเราต้องรู้จักอดทนนะ "
"เกิดเป็นคนถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว...ให้ภูมิใจที่มีบ้านอยู่ มีหน้าร้านให้
ขายของ ดูบางคนที่เค้าแย่กว่าเรา บางคนพิการ ให้ภูมิใจในสิ่งที่เรามี"
ว่าแล้วก็คิดถึงคุณป้าจังเลย....
ทำขนมอร่อยๆกลับไปให้ท่านทานดีก่า ^^
แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 14:21:10
จากคุณ :
FocussySexy
- [
9 มี.ค. 52 21:40:54
]