ความคิดเห็นที่ 1 เราว่าจะไทยหรือชาติไหนๆก็มีทั้งนั้นล่ะค่ะ กลุ่มที่คุณเจอเค้าอาจจะคิดว่าตนดีตนเด่นตนเจ๋งที่ได้แฟนฝรั่งมั้งค่ะ อยู่ที่เราเลือกคบคนค่ะ ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปสนิทสนมด้วยมาก แค่ตามมารยาทก็พอ จากคุณ : ZtoTheD เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 15:20:10

ความคิดเห็นที่ 2 หนูโดนบ่อยมากเลยค่ะ กับผู้หญิงไทยพวกนี้ หนูพูดยังไม่คล่องเท่าพวกเธอก็จะโดนข่มบ่อยมาก โดยเฉพาะเรื่องภาษา จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 15:34:28

ความคิดเห็นที่ 3 คุณน้องอย่าไปถือเป็นอารมณ์ ถึงจะคนไทยด้วยกันก็ไม่ได้แปลว่าจะสนิทสนมคลุกคลีได้ไปทุกคน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็รักษาระยะห่างไว้ จะได้ไม่ต้องทนร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจ  หางานอดิเรกทำจะได้ไม่มีเวลาว่าง  ก็จะได้เจอเรื่องยุ่งๆ น้อยลง คนจะชาติไหนภาษาไหนไม่สำคัญ ถ้าศีลเสมอกันก็คบกันได้ทั้งนั้นค่ะ จากคุณ : Lawanwadee เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 16:10:33

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้า จขกท เป็นคนไทย  คุณก็รวมอยู่ในกลุ่มหญิงไทยส่วนใหญ่ที่คุณพูดถึงด้วยค่ะ จากคุณ : cupcake เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 16:34:58

ความคิดเห็นที่ 5 คห.4 เหรอคะ? หนูอยู่กลุ่มนั้นด้วยเหรอคะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 17:46:26

ความคิดเห็นที่ 6 ในความเห็นส่วนตัว หญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ยากจน ในภาวะที่เงินคือพระเจ้า ทุกคนต่างก็ดิ้นรนให้ได้มาซื่งการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การที่บางคนโชคดีได้สามีมีฐานะ หรืออย่างน้อยๆ ฐานะของสามีช่วยฉุดให้เธอขึ้นมาอยู่ในสภาพที่ดีกว่า เป็นธรรมดาที่เธออยากจะโอ้อวดบ้าง อันนี้ไม่เฉพาะที่ "หญิงไทย" แต่งงานกับฝรั่งเลย หญิงไทยที่ตกถังข้าวสารได้ "เสี่ย" เป็นสามีก็มักจะอวดร่ำอวดรวยเหมือนกัน เรื่องอวดผัวตัวเองนี่ ถ้าไม่ "เวอร์" ไปนัก ผมว่าก็เหมาะสมนะที่ภรรยาจะยกย่องให้เกียรติสามีหรือสามีจะยกย่องให้เกียรติภรรยา ผมเองก็อวดความดีของภรรยาผมอยู่บ่อยเหมือนกัน แต่ไม่ได้อวดว่าเธอมีเงินร่ำรวยนะเพราะเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไรหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน ตรงกันข้ามที่ผมเกลียดที่สุดก็คือ ภรรยาที่คอยบ่นหรือสาปแช่งกลายๆ ว่าเมื่อไหร่ผัวตัวเองจะตาย(จะได้สมบัติ)หรือพวกที่หลงตัวเองมีเสน่ห์ คิดจะตีจากจากสามีไปสู่คนอื่นที่มีฐานะดีกว่า ผมเจอมาหลายรายที่เมื่อได้กลายเป็นซิติเซ่นถือพาสปอร์ตประเทศนั้นๆ แล้วก็ทำตัวเหมือนพยัคฆ์ติดปีก หย่าสามีแล้วพยายามหาสามีใหม่ ผมเจอมาสามสี่ราย...... เกลียดนักหญิงประเภทนี้!!! จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 17:59:06 A:90.203.230.246 X: TicketID:109703

ความคิดเห็นที่ 7 ได้เพื่อนแหม่มก็ดีค่ะ (หมายถึงถ้าเพื่อนแหม่มยอมคบกับคุณ) ฝรั่งส่วนใหญ่ดีตรงที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย จบเรื่องคือจบ วันนี้ทะเลาะกันแทบตาย พรุ่งนี้เจอหน้ากันก็ทักทาย ทำงาน คุยกันเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่ขี้อิจฉาก็มี ก็คนนี่เนอะ เลือก ๆ คบค่ะ ทั้งไทยทั้งเทศนั่นล่ะ คบได้ก็คบ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อยู่กับตัวเองกับครอบครัวก็ได้ สบายใจดีออก จากคุณ : Madam Country เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 18:51:41 A:95.166.192.18 X: TicketID:341763

ความคิดเห็นที่ 8 ผู้หญิงไทยดีๆ ไม่สามารถหาได้ตาม Lady market คะ.....ต้องลองดูนะคะว่าพื้อฐานของคุณเธอเหล่านั้นมีรากเหง้าที่มาอย่างไร......โดยส่วนตัวจะหลีกหนีห่างคะกับพวกหญิงเหล่านี้ถึงใครจะว่าเลือกปฏิบัติก็ตาม จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 21:28:11

ความคิดเห็นที่ 9 หนูไปหา Desperate Housewives มาดูนะ สรุปคนมันก็คือคน จะไทย ลาว ฝรั่งแขก ย่อมเป็นคน ก็เห็นคนทุกชาติล่ะชอบอวดลูกผัวตัวเอง ผู้ชายไทย ผู้ชายฝรั่ง ก็ยังอวดลูกว่าลูกเรียน หมอ เรียนวิศวะ ไปแข่งเปียโนได้กล่องเต็มบ้าน  (ญาติผัวฝรั่งเลย แต่ได้ระดับของประเทศนะ) ไม่เห็นมีใครในโลกที่ไม่อวดครอบครัวเลย ลองไปว่าลูกฝรั่งตรง ๆ ต่อหน้าพ่อแม่เขาสิว่าลูกแกง่ะธรรมดา ๆ อย่ามาอวดเลย ของแบบนี้(เช่นทำกับข้าวให้พ่อแม่กิน)เด็กไทยทำได้ตั้งแต่ 12 จะโอนเลิกคบเอา ขนาดเข้าสังคมธรรมะ บางคนยังอวดศักดาทางด้านธรรมว่า ใครละลึกชาติได้ ดังนั้นสิ่งที่หนูทำได้คือทำใจค่ะ ไม่ว่าใครก็อวดทั้งนั้น  ไม่ว่าไทยจีน ฝรังก็อยากให้คนอื่นชื่นชมลูกผัวกัน จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 10 คนดี คนชั่วไม่ได้อยู่ที่อาชีพ รากเหง้าก็ไม่ได้กำหนดคุณค่าคน อยู่ที่พฤติกรรมต่างหาก ว่าทำใครเดือดร้อนไหม ถ้ามันไม่เหลืออดจริงๆก็พยายามเข้าใจเข้าหน่อย เรามีสังคมหลายแบบ ที่พวกฝรั่งเรายังพยายามเข้าใจพวกเขาเลย  ถ้าทนไม่ได้จริงๆก็ไม่ต้องคบ จากคุณ : ไซโคลน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 11 ก็อย่างที่หลาย ๆ ความเห็นบอกค่ะ คนเราดีชั่ว เวอร์ และขี้โอ่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติหรอก อย่างเราแต่งงานกับคนฝรั่งเศสอยู่เมืองไทย บังเอิญเพื่อนเราส่วนใหญ่แต่งงานกับคนต่างชาติอยู่แล้ว (และมาจากสังคมการทำงานเหมือนกัน) ก็ไม่เห็นมีใครมาอวดเรื่องสามีนะ เวลาเจอกันไม่อยากพูดถึงเรื่องสามีด้วยซ้ำ เพราะเม้าท์เรื่องเพื่อนกันเองก็หมดเวลา แต่บางทีเราไปงานกับสามีเรา ก็เจอค่ะ คนไทยแบบที่คุณพูดถึง ก็ได้แต่รับฟัง แต่ไม่มีคอมเม้นต์ หรือไม่พยายามไปสนิทสนมก็รักษาระยะห่าง เรื่องแม่บ้านฝรั่ง เราก็คบนะคะ เพราะปรกติเรามีเพื่อนฝรั่งเยอะอยู่แล้ว ประกอบกับเพื่อน ๆ เราเค้าก็รู้จักแม่บ้านฝรั่งชาติอื่น ๆ มันก็เลยเป็นแก๊งใหญ่ซึ่งมีทั้งคนไทย อินเดีย ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เนปาล เวลาไปงานโรงเรียนลูกเพื่อน (ร่วมฤดี) ก็เห็นค่ะ แม่บ้านฝรั่งคุยโวอวดเรื่องสามี อวดเรื่องบ้านว่ามีคนใช้กี่คน เฮ้อ บางทีไม่อยากจะบอกว่า พวกนี้อยู่บ้านตัวเองก็เป็นแจ๋ว ทำงานงก ๆ เพราะค่าจ้างคนมาทำงานบ้านหรือเป็นแนนนี่แพงมากกกกกกกก ผู้หญิงประเภทที่คุณวัชรานนท์พูดถึงเราก็เคยเจอค่ะ (ก็เป็นหนึ่งในพวกขี้อวด) ประมาณว่า สามีคนก่อนก็ดี แต่คนนี้รวยกว่า เพิ่งซื้อเพชรให้ เนี่ยเพิ่งพาไปเที่ยวมา พักโรงแรมห้าดาวนั้นนี้ คือประหนึ่งว่าโอ้อวดดีใจว่าการที่เธอคนนี้วิ่งจับฝรั่งรวยเป็นสิ่งซึ่งน่าเชิดชู ก็ฟังไว้ ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ใช่เพื่อนเรา กับของแบบนี้ บัวเหล่าไหนก็เหล่านั้น อธิบายไปเค้าก็คิดไม่เหมือนเราอยู่ดี ศีลเสมอกันก็คบ ดูท่าเข้ากันไม่ได้ก็รักษาระยะห่าง แค่นั้นเองค่ะ จากคุณ : Travel Animal เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:23:54

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบกระทู้นะคะ เรามีเพื่อนร่วมงานที่สนิทเป็นฝรั่งหนึ่งคนค่ะ อันนี้เรียกว่าเอาไว้ปรับทุกข์กันมากกว่า เพราะสามีเขากับสามีเรานิสัยคล้ายกันมาก คือขี้โมโหเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างมานั่งนินทาสามีตัวเองกันค่ะไม่ได้อวดเลย อิอิ ว่างๆก็ไปช็อปปิ้งดูหนังบ้างเหมือนกัน นิสัยเราสองคนก็คล้ายกันมากด้วย จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:54:22

ความคิดเห็นที่ 13 แหม่มคนนี้ก็ดีค่ะ เธอก็มีน้ำใจกับหนูนะ แต่ว่านิสัยเธอออกจะเขี้ยว และงกไปหน่อย แต่หลายครั้งเธอก็แสดง ความมีน้ำใจกับเรา หนหนึ่งต้องไปทำงานแถวต่างจังหวัดด้วยกัน เธอเป็นต่างชาติเธอก็จะมีสวัสดิการพิเศษคือเบิกค่าเดินทางได้ ตามเรทชาวต่างชาติ แต่หนูเบิกค่ารถได้เรทคนไทย แล้วก็ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ250 เธอจ้างรถไปกลับ เธอก็เรียกหนูนั่งรถกลับกรุงเทพด้วย ผิดกับเมียฝรั่งอีกคน หล่อนขับรถมาทำงาน แล้วตอนเดินเข้าออฟฟิศหล่อน ก็ขับรถตามหลังเรามา หล่อนบีบแตรไล่ซะงั้น ให้เราหลีกทางให้หล่อน เออ พอเราหลบก็เลยพลาดเดินตกไปข้างทาง ตอนเข้าออฟฟิศ หล่อนยังมีหน้ามาหัวเราะขำเราอีก ว่าเห็นเราเดินตกขอบถนน สุดยอดเลยอ่ะ นี่คนไทยนะ คนนี้ก็อวดผัวมากๆ ผัวหนุ่ม หล่อ มีบ้านในหมูบ้านจัดสรรหลังละหลาบล้าน มีรถในบ้านสามคัน ผัวดีโง้น ดีอย่างงี้ ทำงานเป็นเชฟโรงแรมห้าดาว โอ้ย ผัวฉันประเสริฐมาก ลูกฉันเรียนนานาชาติ อยู่บ้านพูดอังกฤษกัน ลูกเธอสามขวบ พูดอังกฤษปร๋อ คล่องกว่าหนูอีก แม่มม ฟังแล้วกรูละเบื่อ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 02:07:15

ความคิดเห็นที่ 14 ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดดีมั้ยคะ คุณน้องจุ่น เหมือนกับพวกบุลลี่ที่ชอบล้อเลียนคนอื่นเป็นที่สนุกสนานนั่นแหละค่ะ คือถ้าคนที่โดนล้อไม่แสดงท่าทีว่าโกรธเคือง แถมหัวเราะขบขันแสร้งเออ ออ ห่อหมกไปด้วยนั่นไง บ่อยเข้าพวกบุลลี่ก็ขี้เกียจล้อไปเอง เพราะไม่เป็นผล ไม่ทำให้คนถูกล้อเจ็บช้ำน้ำใจให้สะใจตัวเองเล่นก็เลิกล้อไปเอง เหมือนคนที่ชอบอวด บางคนอาจจะอวดเพราะอยากให้คนอิจฉาเล่น ทีนี้ถ้าคนฟังไม่ได้แสดงความรู้สึกว่าอิจฉาตาร้อนคนพูดก็น่าจะหยุดไปเอง เพราะไม่เป็นผลไม่ทำให้ตัวเองสะใจ คราวหลังเขาว่าอะไรมาก็เออ ออ ห่อหมกไปซะ ชื่นชมยินดีกับเขา หรือบางคนเขาอาจภูมิใจจริงๆแค่อยากแชร์เท่านั้นก็ได้ เวลาเราคุยกับคนไทยเราไม่ค่อยรู้สึกว่าเขาโม้โอ้อวดอะไรนะ ก็เหมือนพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วๆไป ครอบครัว ลูกสามีอันนี้เป็นซับเจ็คพื้นฐานของการพูดคุยอยู่แล้ว และจะดีใจไปกับเขาด้วยซ้ำ ไม่เอามาคิดมาก เพราะเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเขาอวด นั่นหมายความว่าเรากำลังอิจฉาเขาเข้าแล้ว เราไม่อยากเป็นคนขี้อิจฉา เพราะรู้สึกว่าคนขี้อิจฉาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุข ถ้าเปลี่ยนความคิดไม่ได้ก็อย่าไปคุยกับเขาอีก อย่าไปถามเรื่องลูก ผัว ของเขา เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะเดินมาดึงแขนคุณไว้แล้วเริ่มต้นอวดเรื่องลูกผัว ให้คุณฟังโดยที่คุณไม่เคยถามอะไรเลยหรอกมั้ง เขียนมาถึงตรงนี้แล้วกลัวใจที่จะพูดถึงเรื่องครอบครัวกับใครเลย ทั้งที่บางครั้งมันเป็นเรื่องดีที่น่าภูมิใจแท้ๆที่คนฟังก็น่าจะดีใจไปด้วย และก็แปลกอยู่อย่างถ้าเราคุยกับเพื่อนหรือญาติฝรั่งในเรื่องครอบครัว ลูก สามี กับเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะอะไรก็ตามพวกเขาจะพากันยินดีไปด้วย  เพราะพวกฝรั่งเขาก็ชอบเล่าเรื่องลูก เต้า ครอบครัวให้กันฟังเป็นเรื่องปกติ แต่กับคนไทยด้วยกัน เราคงต้องระวังตัวสุดๆเผลอพูดเรื่องครอบครัวเมื่อไหร่อาจ... โดน อย่าโกรธเรานะคะ ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดดู แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 09:59:47 จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 07:46:49

ความคิดเห็นที่ 15 คนไทยอยู่ที่ไหนกเป็นคนไทยไม่ต่างกันมั้ง ผิดแต่ว่าอยู่ตปท.สังคมคนไทยมันแคบกว่า แล้วสาวไทยจำนวนหนึ่งเขาอยู่ในโลกของเขาเพราะเรื่องภาษา ไม่เก่งที่จะพาตัวเองออกไปได้ไกลกว่านั้น ส่วนนี้ชาติเอเซียอื่นที่มีปัญหากำแพงภาษาก็เป็นนะ อย่างพวกโอคุซังญี่ปุ่นก็เหมือนๆกัน ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ภาษาท้องถิ่นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะฉะนั้นพวกหล่อนมีอันต้องตามสามีไปประจำเมืองไหน ก็จับกลุ่มกันเอง แล้วก็เกิดปัญหาเหมือนๆกันเลย   ผู้หญิงฝรั่งเท่าที่รู้จักในที่ทำงาน  มันก็แล้วแต่คน แล้วแต่ชาติวัฒนธรรม ถ้าเป็นเมกา แคนนาดาก็ง่ายๆ แต่ถ้าเป็นชาติในยุโรป อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ก็ออกจะเก็บๆ เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว หมดอารมณ์จี๋จ๋ากันแบบสมัยนักเรียนค่ะ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 08:51:36

ความคิดเห็นที่ 16 เท่าที่อ่านมาทั้งหมดรู้สึกว่าจขกทจะมีประเด็นมากที่สุดเรื่องคนอื่นดูถูกว่าภาษาไม่ดีนะคะ ไม่ว่าเค้าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จุดนี้น่าจะฮึดเอามาปรับปรุง ลงเรียนภาษาเพิ่มอะไรก็ว่าไป หรือไม่ก็ปล่อยวางซะ พยายามแก้ปัญหาดูนะคะ เรื่องอื่นโนคอมเม้นละกัน แต่เรื่องเหมารวมว่าคนไทยที่แต่งงานกับฝรั่งเป็นแบบนั้นหมดก็ไม่ดีอะค่ะ คห สี่เค้าถึง snap เข้าให้เพราะว่าอ่านแล้วคงคิดว่าจขกทก็สามีฝรั่งเหมือนกันแต่เหมารวมภรรยาไทยว่าขี้อิจฉาไปเสียหมด คนเป็นพ่อแม่หรือภรรยาหรือสามีแต่ละคนก็คงภูมิใจในตัวลูกๆ สามีภรรยาตัวเองทั้งนั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ต้องแต่งงานกับฝรั่งหรอกค่ะ แม่เราเป็นตัวอย่าง ชอบอวดลูกตัวเอง ภูมิใจมาก แต่ก็เวลาเพื่อนถามนะว่าลูกเธอเป็นไงมั่ง แล้วก็กับคนสนิทๆ ระดับนึงแล้วเท่านั้น เราบางทีเวลาเพื่อนถาทว่าแฟนทำงานอะไร ตอนตอบมันก็เหมือนอวดนิดๆ มั้ยล่ะ แต่เราก็ภูมิใจทุกครั้งเวลาตอบนะว่าแฟนทำงานอะไร โดยเฉพาะกับบางคนที่ชอบคิดว่าผญ ไทยต้องเจอแต่แฟนฝรั่งระดับล่างเท่านั้น แฟนเราก็เหมือนกันเวลาตอบเพื่อนบางคนที่อาจจะคิดว่าผญไทยที่เค้าเจอจะต้องเป็นประเภทนึงตามที่เค้าstereotype ไว้เท่านั้น เค้าก็บอกว่าค่อนข้างภูมิใจ แบบนี้เรียกอวดหรือเปล่า คิดเหมือนคุณfly away home อะค่ะว่าถ้าคุณคิดว่าเค้าอวดอยู่ก็คือคุณอิจฉาแล้ว จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 10:07:37

ความคิดเห็นที่ 17 ก็กำลังพยายามอยู่ค่ะ พยายามฝึกพูดอยู่ค่ะ คือประเด็นเรื่องอวดลูกผัว ของเมียบักสีดาพวกนี้ น่าเบื่อจริงๆค่ะ คนไทยหลายๆคนเขาก็ไม่เห็นจะมานั่งอวดเลย ลูกฉันดีอย่างนั้น ผัวฉันรวย อาชีพไฮโซอย่างนี้ ยกตัวอย่างนะคะ เช่นคนไทยที่หนูรู้จัก เธอทำงานเป็นผู้จัดการสาขา ธนาคารสีเหลืองเทาแห่งหนึ่ง สามีก็เป็นผู้จัดการธนาคารเหมือนกัน ลูกชาย ลูกสาวของสองคนนี้เรียนเก่งมากกกกลูกเค้าสอบติดแพทย์ ลูกสาวสอบติดทันตแพทย์ บ้านเค้าเป็นหมอกันเกือบทั้งตระกูล หนูไม่เคยเห็นเขาพูดอวดลูก อวดรถ อวดบ้านเข้าเลยสักครั้ง ที่รู้ได้เนี่ยก็เพราะไปเจอมากับตัวเอง แม่เค้าชวนไปดูคอนเสริตที่ลูกสาวเล่น เปียนโนในงานคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิค ถึงได้รู้ประวัติความเป็นมาของคนบ้านนี้ แต่กับพวกเมียบักสีดานี่ ไม่ได้ถามก็อวดค่ะ บอกตามตรงเบื่อมาก เช่นแม่ของเด็กลูกครึ่งสามขวบนั่น วันนั้นมีการทำโฟกัสกรุ๊ปที่สถานที่แห่งนึง เป้าหมายของกลุ่มคือ คุณแม่ที่มีลูกวัย12 เดือนถึง8ปี เราต้องไปทำโฟกัสกรุปที่สถานที่ไฮโซแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ก็เชิญพวกเมียบักสีดากับลูกๆมาค่ะ ขอบอกว่า วันนั้นคือนรกมาก สำหรับหนู เมียบักสีดา8-10 คน ขนลูกตัวเองมาแล้วก็ประชันกันค่ะ พวกที่ดีๆก็มีนะคะ (แต่มันน้อยไง)เค้าก็จะพยายามควบคุมลุกๆเค้าให้อย่างดี เมียบัสสีดาในออฟฟิศก็เอาเด็กสามขวบมาด้วยค่ะ แล้วเด็กคนนี้ไม่พูดไทยเลย แม่ตัวเองถามภาษาไทย เด็กมันก็ตอบเป็นอังกฤษ หล่อนก็ชื่นชมมาก อุ๊ย เนี่ยไม่ยอมพูดไทยเลย พี่ละกลุ้มใจ อยากให้เค้าพูดไทยได้ภาษาแม่ของเราแต่เค้าก็ไม่พูดดด หล่อนก็มาบุ้บใบ้ให้ลูกหล่อนพูดภาษาไทยกับหนู เอาพูดกับน้าเจ สิลูก พูดภาษาไทยสิคะ ไม่ได้นะคะหนุพูดแบบนั้น น้าเจเค้าฟังไม่รู้เรื่อง พูดไทย สิลูก บลาๆๆๆๆ เบื่อค่ะ นรกมากขอบอก แล้ววันนั้นหนูนก็กลายร่างเป็นคนรับใช้ ของเมียพวกบักสีดาค่ะ ทั้งๆที่หนูและทีมเพื่อนเป็นคนจัดโฟกัสกรุปนะคะ กว่าจะได้คำถามออกมา เราต้องประชุมกับทีมของออแกไนซ์คุยกันเป็นอาทิตย์ๆว่า เราจะตั้งคำถามยังไง เพื่ออะไร แล้วเราได้อะไร ต้องกลั่นสมองออกมาเยอะมากเพื่อมาทำงานตรงนี้ แล้วก็มาคอยควบคุมออแกไนซ์ที่เราจ้างมาอีกทีให้เป็นคนจัดการการทำโฟกัส วันนั้นหนูไปในฐานะผู้สังเกตุการณ์ แต่เมียบักสีดาพวกนีทำตัวประหนึ่งว่าหนูกับทีมงานเป็นคนรับใช้ค่ะ ขอน้ำ ขอขนม หยิบโน่นนี่นั่นให้หน่อย เก็บกระเป๋าให้ด้วย ฝากถือนู่น นี่ นั่น ดูลูกให้ชั้นด้วย แม่ม เซ็งค่ะ ขอบอก เมียบักสีดาร้อยละ90ของที่เจอมาเป็นแบบนี้เกือบทุกคน ก็ให้เกิดความสงสัยค่ะ เป็นเมียบักสีดามันต่างจากเป็นเมียคนไทยตรงไหน นอกจากค่าเงินดีกว่า จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 11:40:55

ความคิดเห็นที่ 18 ก็กำลังพยายามอยู่ค่ะ พยายามฝึกพูดอยู่ค่ะ คือประเด็นเรื่องอวดลูกผัว ของเมียบักสีดาพวกนี้ น่าเบื่อจริงๆค่ะ คนไทยหลายๆคนเขาก็ไม่เห็นจะมานั่งอวดเลย ลูกฉันดีอย่างนั้น ผัวฉันรวย อาชีพไฮโซอย่างนี้ ยกตัวอย่างนะคะ เช่นคนไทยที่หนูรู้จัก เธอทำงานเป็นผู้จัดการสาขา ธนาคารสีเหลืองเทาแห่งหนึ่ง สามีก็เป็นผู้จัดการธนาคารเหมือนกัน ลูกชาย ลูกสาวของสองคนนี้เรียนเก่งมากกกกลูกเค้าสอบติดแพทย์ ลูกสาวสอบติดทันตแพทย์ บ้านเค้าเป็นหมอกันเกือบทั้งตระกูล หนูไม่เคยเห็นเขาพูดอวดลูก อวดรถ อวดบ้านเข้าเลยสักครั้ง ที่รู้ได้เนี่ยก็เพราะไปเจอมากับตัวเอง แม่เค้าชวนไปดูคอนเสริตที่ลูกสาวเล่น เปียนโนในงานคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิค ถึงได้รู้ประวัติความเป็นมาของคนบ้านนี้ แต่กับพวกเมียบักสีดานี่ ไม่ได้ถามก็อวดค่ะ บอกตามตรงเบื่อมาก จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 11:42:41

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนแรกดิฉันคิดว่า คุณเบื่อผู้หญิงไทยเมียฝรั่ง ที่แต่งงานอยู่เมืองนอก อ่านแล้วจึงรู้ว่า คุณเบื่อเมียฝรั่งที่อยู่ในเมืองไทย ที่คุณมีโอกาสได้พบปะ เสวนาด้วยเป็นบางคราว ปรับทัศนคติใหม่ค่ะ ลดอคติลงนิดหนึ่ง มองด้วยใจกลางๆ  มีอารมณ์ขันในใจ บางทีคุณอาจจะไม่เบื่อมากเท่านี้ก็ได้ เป็นเมียฝรั่ง หรือ เมียไทยมันก็ไม่ต่างกันดอก มีลูกไทย หรือ ลูกครึ่ง ก็ทำหน้าที่แม่ ทำหน้าที่เมียเหมือนกัน มีทุกข์มีสุข คละเคล้ากันไป เหมือนกัน จากคุณ : พิพพ์ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 13:30:18

ความคิดเห็นที่ 20 เมียบักสีดาไทยต้องมาเจอไฮโซของจริง รับรองจ๋อยรับประทาน เพราะพวกได้ดีเพราะฝรั่งนี่ มิอยู่ในสายตา 5555 จากคุณ : :)) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 14:55:48 A:58.8.245.227 X: TicketID:369904

ความคิดเห็นที่ 21 ดิฉันว่าแล้วแต่คนค่ะ สาวฝรั่งที่เค้าคบเราเพราะชอบเราและชอบเมืองไทยก็มีเยอะ แต่คนที่เหยียดประเทศเราหรือคบแบบขอไปทีแบบนั้นก็มีและเราก็แก่พอที่จะรู้ว่าลึกๆแล้วเค้าคิดยังไง ส่วนเรื่องเมียฝรั่งขี้อวด อันนั้นเป็นบุคลิกส่วนตัวของคนๆนั้นเองค่ะ ถึงเค้าไม่ได้แต่งกับฝรั่งไปแต่งกับหนุ่มตัวดำๆทางไหนเค้าก็จะอวดอยู่ดี เพียงแต่ถ้าเค้าแต่งกับคนตัวดำแล้วอวด เราอาจจะไม่รู้สึกหมั่นไส้จนถึงกับเก็บมาคิดเพราะไม่ได้รู้สึกว่าดีจังเลยน่าอิจฉาจังเลยอะไรแบบนั้น แต่บังเอิญเค้าขี้อวดเป็นนิสัยด้วยและดันไปแต่งกับฝรั่งที่เราก็รู้สึกว่าดีจังเนาะมีปั๋วฝรั่ง พอเค้าอวดโอ่ออกมาเราจะยิ่งรู้สึกมีอคติเป็นทวีคูณเพราะเราเห็นว่าเค้าได้ในสิ่งที่เราก็เห็นว่าดีหรือเราก็อยากได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เมียฝรั่งที่ทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอน่าเหนื่อยหน่ายโดยธรรมชาติน่าเอาฝาหม้อฟาดปากให้หยุดคุยโอ่สักทีนั้นก็มีอยู่จริง หุ หุ จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 18:00:12 A:121.115.118.77 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ น้องจุ่นคะ เรื่องคนชอบอวดนั้น แน่นอนว่าการพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง เป็นของไม่ดี สำหรับส่วนตัวดิฉันแล้ว ดิฉันมองคนพวกนี้สองแบบ แบบแรก ดิฉันมองแบบชื่นชม  และยินดีไปด้วย   ที่คุณถามมาว่าผู้หญิงฝรั่งที่พบเจอหรือคลุกคลี ส่วนใหญ่ นิสัยเป็นอย่างไร ผู้หญิงฝรั่ง(เศส)ที่ดิฉันพบเจอเขาก็จะชอบอวดค่ะ แต่เขาไม่อวดเรื่องความร่ำรวยอะไรหรอก ถ้าไปเป็นแขกที่บ้านพวกเธอ เธอเลี้ยงน้ำชา กาแฟ เธอก็จะอวดว่าขนมที่รับประทานกับน้ำชา กาแฟนั้น เธอเป็นคนทำเอง ดอกไม้ที่จัดตกแต่งไว้บนโต๊ะรับแขก เธอก็จะอวดว่าเป็นดอกไม้ในสวนของเธอเอง เสื้อผ้าที่เธอใส่ ถ้าดิฉันชมว่าสวยจัง เธอก็มักจะอวดว่า เธอทำเอง คิดเอง ประดิดประดอยเอง พวกเธอจะชอบอวดสิ่งนั้นสิ่งนี้ว่าเธอทำเอง การที่ต้องทำอะไรด้วยตนเองนั้น เป็นสิ่งที่พวกเธอภูมิใจ ซึ่งตัวดิฉันก็รู้สึกชมเชยเพราะว่าด้วยฐานะของพวกเธอแล้วจะซื้อหรือจ้างให้คนอื่นทำก็ได้แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำเอง ที่เขาอวดๆกันก็มักจะเป็นเรื่องพวกนี้ค่ะ เรื่องของสามีก็คงจะมีพูดบ้างแต่กับเพื่อนสนิทเท่านั้นไม่ใช่พูดกับคนรู้จักไปทั่ว แต่จะเป็นปรับทุุกข์เรื่องสามี หรือเรื่องแม่สามีมากกว่า ไม่ได้พูดโอ้อวดเรื่องความร่ำรวยของสามีแต่อย่างใด แบบที่สอง ก็คงเป็นพวกชอบคุยโว โอ้อวดความร่ำรวย หรือชอบยกตนข่มท่าน คนพวกนี้ก็คงมีให้เห็นอยู่ทั่วๆไป (แต่บังเอิญคนที่ดิฉันได้เกี่ยวข้องในต่างแดนยังไม่มีแบบนี้) ถ้าคบแล้วไม่สบายใจ อึดอัดใจ ก็อย่าไปคบเลย ความรู้สึกอิจฉานั้น ดิฉันเข้าใจใครก็อาจเป็นได้ เป็นเรื่องธรรมดาค่ะคุณน้อง ใครไม่เคยนึกอิจฉาใคร อะไรใครเลยนี่สิแปลกกว่า55+ ประโยชน์ของอิจฉามันก็มี ถ้าเราเห็นคนอื่นมีมากกว่า แล้วเราอยากได้เท่าเขา อยากมี อยากเป็นให้ได้แบบเขา เราก็เอาเขามาเป็นแรงบันดาลใจพัฒนาตัวเองให้เท่าเขาไง แต่ควรจะอิจฉาแบบมีขอบเขตไม่เกินเลยไปถึง ริษยา ซึ่งมันคงไม่ดีแน่ เพราะตัวเราเองนั่นแหละที่จะรุ่มร้อนเอง พวกแบบนี้ดิฉันจะมองแบบ เอาไว้เตือนตัวเอง ว่าอย่าได้ (เผลอ)ทำ อย่าได้(เผลอ)พูด เพราะถ้าเราเผลอแสดงกิริยาแบบนี้ออกไป ก็คงจะน่าเกลียดตายเลย....... จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 21:29:46

ความคิดเห็นที่ 23 โอ้ จริงๆแล้วหนูไม่ได้อิจฉาพวกเมียบักสีดานะคะ เพราะหนูเองก็กำลังจะเป็นว่าที่เมียบักสีดาในอนาคต(อันไกล)เหมือนกัน แฟนบักสีดาคนแรก เป็นชายสวิสอยู่แถวๆลูเซิน บ้านเขารวยมากๆ มีฟาร์มในลูเซิน มีแมนชั่นในตัวเมือง มันก็น่าอวดนะคะ แต่หนูไม่ได้รู้สึกว่า มันอยากจะอวดเลย หนูห่างกับเขาไปแบบค่อยๆห่าง เพราะเขาไปเตะฟุตบอล ให้กับสโมสีหนึ่งในเยอรมัน ตอนนี้เล่นอยู่กับทีมดอร์ทมุน ลีกเยอรมันนะคะ น่าอวดกว่าอีกนะรายได้ก็ดี อาชีพการงานก็เทห์มาก แต่หนูไม่เห็นอยากจะเล่าให้ ใครฟังเลย ว่าเนี่ย ว่าที่ผัวฉันนะดีงั้นดีงี้ ดีกว่าผัวบักสีดาเธอตั้งเยอะ แฟนคนที่สองเป็นหนุ่มฮังการี เป็นวิศวกรทำงานในบริษัทอิเลคทรอนิค ใหญ่สุดในประเทศ หน้าตาขอบอกว่าหล่อม๊ากกก หุ่นนายแบบ อายุน้อยกว่าหนูอีก ถ้าหนูจะเอาไปเกทับพวกเมียบักสีดาที่มีผัวแก่ก็ได้นะ ขาดลอยเลยด้วยซ้ำ แต่มันไม่ใช่ไงคะ หนูก็ยังเป็นคนเดินดินธรรมดา หิ้วกระเป๋าเป้ใบละ250 ใส่คอนเวิร์สแพงสุดก้แค่2พัน ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ 250บาทมาทำงาน นั่งรถเมลล์ ทำไมจะต้องอวด ในเมื่อเราต่างกันแค่ค่าอัตราแลกเปลี่ยนของบักสีดาที่สูงกว่า??? ไม่ได้อิจฉาเลยค่ะ แต่อารมณ์เวลาที่ได้เจอความประพฤติพวกเมียบักสีดา มันแบบประมาณนี้เลยค่ะ อวดผัวอีกละ แม่มม KKรวยยย e dork กรูไม่อยากฟัง หุบปากซะทีได้มั้ย ขอโทษที่เขียนหยาบนิดนึงนะคะ แบบว่าอยากให้เห็นภาพนะค่ะ อารมณ์ของหนู แล้วก็เรื่อง ขี้อิจฉาค่ะ อันนี้หนักกว่า สาวไทยที่ไม่ได้มีแฟนหรือสามีบักสีดา หนักกว่ามากเลยอ่ะค่ะ แบบว่า โลกนี้ผัวกรูดีคนเดียวว เท่านั้น จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:34:11

ความคิดเห็นที่ 24 คุณน้องจุ่นคะ ขอเรียกตัวเองว่า พี่แล้วกันนะ พี่พอจะเข้าใจอารมณ์ของน้องเวลาฟังพวกภรรยาฝรั่งเหล่านั้น พูดๆ เรื่องอวดสามีและความร่ำรวยแล้วหล่ะ (ไม่ต้องเขียนคำแบบนั้นมาอีกก็ได้นะ) แต่ที่ไม่เข้าใจคือ แล้วทำไมน้องต้องมีอารมณ์ขนาดนั้น เขาเป็นภรรยาเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานหรือเปล่า แต่ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นใคร น้องต้องอย่าใส่ใจ เวลาของเรามีค่าเกินกว่าจะไปสนใจเรื่องความอวดร่ำรวย อวดสามีของคนอื่น ตีค่าเวลาของเราให้สูงๆไว้ ส่วนไม่ดีก็ปล่อยไว้ให้เจ้าของเขา ส่วนเรื่อง อิจฉา นั้น ที่พี่ให้ความเห็นเรื่องความอิจฉาไว้ พูดแบบรวมๆไม่ได้เจาะจงว่าใครและพี่ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  คิดก่อนแสดงความเห็นเสมอ ไม่ได้เขียนประชดประชัน หรือ มองคนที่อิจฉาในแง่ร้ายนัก ความอิจฉามันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับพี่ แล้วมันก็มีประโยชน์จริงๆถ้าเราใช้มันในทางบวก การที่น้องจุ่นได้เจอพวกชอบโอ้อวดแบบที่เล่ามา พี่ก็มองว่ามันก็มีแง่ดีอยู่บ้าง อย่าไปมองอะไรในทางอารมณ์เสียหรือในทางแง่ร้ายเลย อย่างน้อย น้องก็จะได้รู้ว่า การที่ตัวจะ   มีดี  นั้น จะต้องทำให้คนอื่นต้อยต่ำ หรือ มุ่งแต่จะแสดงว่าคนอื่นสู้ตัวไม่ได้  เป็นสิ่งที่พวกเขาเข้าใจผิด สำหรับพี่ พี่ก็คงทำอย่างที่บอกไว้ในความเห็นก่อนหน้านี้ คือ มองคนแบบนี้ไว้เตือนตัวเอง ว่าอย่าเผลอทำ อย่าเผลอพูด อย่าเผลอแสดงกิริยาโอ้อวดแบบนั้นออกไป จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 02:31:06

ความคิดเห็นที่ 25 จากประสบการณ์เพื่อนสาวชาวฝรั่งพูดตรงดี มีน้ำใจแตกต่างกันไปแล้วแต่คน เรื่องอวดเรื่องเม้าท์นั้นมองว่าเหมือนกันทุกชาติพันธุ์ค่ะ เรามองว่ามันเป็นของคู่กับสาวๆทุกชาติ ไม่ว่าจะรวยหรือจน หรือมาจากถิ่นฐานไหน อาชีพอะไร ขนาดคนญี่ปุ่นที่ว่าเป็นคนถ่อมตัว ถ้าลองไปคลุกคลีกับเหล่าแม่บ้านจะทราบดี ในบทสนทนาที่ถ่อมตัวนั้นก็มักจะตามมาด้วยประโยคแฝงความหมายอวดอวยไว้ อยู่ที่เรามากกว่าว่าเราจะวางตัวอย่างไร จากคุณ : konbachiwa เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:59:21

ความคิดเห็นที่ 26 เราแอบเข้าใจความรุ้สึกของจขกทค่ะ เหะๆ คงเพราะเคยเจอมาเหมือนกัน แต่เราไม่ได้อะไรมาก แค่สัมผัสประสบการณ์นั้นมาเข้าใจอารมณ์ คนไทยหลายๆคนมากๆที่อยุ่ต่างแดนชอบอวดนุ้นนี่นั่น อารมณ์แบบถ้าไม่ใช้ไอโฟนเหมือนกัน สายตาที่มองคำที่พูดอารมณ์ที่ใช้นี่เหมือนเราเป็นคนชั้นล่างกว่าอย่างงั้นเลยอะ เพลีย จากคุณ : Shylamb เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:02:45

ความคิดเห็นที่ 27 ด้วยความรังเกียจ รังเกียจจริงๆคะกับเมียฝรั่งพวกนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งดิฉันต้องไปอบรมร่วมกับพวกฝรั่ง (ดิฉันตำแหน่ง Supervisor เท่าๆกับพวกฝรั่งเหล่านั้น) เป็นการไปอบรมที่ ตปท ที่บริษัทแม่ เขาจะให้พัก รร เดียวกันหมด ไปวันแรกดิฉันลงไปทานอาหารเช้ากับบรรดาเพื่อนร่วมงาน (แต่งชุดธรรมดา ไม่ได้จัดเต็ม หน้าตาไม่ได้แต่ง) ปรากฏว่าหลายท่านพาภรรยามาด้วยก็คงไม่ต้องเอ่ยกล่าวว่าเขาได้พวกหล่อนมาจากที่ไหน หนึ่งในบรรดาเมียๆเหล่านั้นหันมามองดิฉันและหันไปซุบซิบกันเล็กน้อย แล้วเจ้าหล่อนก็ยิ้มให้พร้อมกับถามดิฉันว่า "ผัวเธอคนไหนเหรอ".....เป็นคำถามที่ทำดิฉัน Shock มากกกกกก แต่ดิฉันก็ไม่ตอบโต้อะไรนะคะแค่ยิ้มให้และบอกเธอว่า อ่อยังไม่มานะคะ (ในใจยังไม่มาเกิด)....ระหว่างนั้นดิฉันก็คุยกับบรรดาผัวๆหล่อน (แอบทำสำเนียงบ้านๆ) เพื่อนรวมงานของดิฉันก็แอบสงสัยว่าทำไมถึงไม่พูดสำเนียงปกติของดิฉัน แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร....ในวงสนทนาจะได้ยินเสียงบรรดาหล่อนๆพูดคุยกันแต่เรื่อง shopping ไปเที่ยวโน่นนี่นั่น ที่นั่นดีอย่างนั้น ที่นี่เลิศอย่างนี้ (อารมณ์ข่มกันเด่น).....ส่วนบรรดาผัวๆก็คงคิดว่าพวกเมียมันรู้่จักฉันแล้วเลยไม่แนะนำให้รู้จัก.... จนวันที่สองที่เริ่มมีการสัมนา ในการสัมนานั้นจะไม่ให้คนนอกเข้าไปในห้องประชุมรวมทั้งบรรดาเมียๆ....แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันขำมากกกกและไม่คิดว่าดิฉันจะพูดอะไรแบบนี้ออกไปคือ ขณะที่ดิฉันกำลังเดินไปห้องประชุมก็เจอกลุ่มเมียฝรั่ง พวกหล่้อนถามดิฉันว่าจะไปไหน ดิฉันบอกว่าไปห้องประชุม พวกนางหัวเราะแล้วบอกดิฉันว่าไปทำไมเขาให้แต่ผัวเข้าไปเท่านั้นพวกเรายังไม่ได้เข้าไปเลย (วันนั้นหน้าตา เฟอร์ครบ) เลยหันไปยิ้มเบาๆแล้วตอบพวกนางว่า "ดิฉันมาในฐานะ Supervisor ของบริษัท มาสัมนา และมาด้วยสิทธิของตัวเองคะไม่ใช่มาในฐานะเมีย"....................เงิบสิคะเพราะเราแตกต่าง (โลกสวยจะมาตบตีดิฉันก็ได้นะคะ แต่คงบังคับจิตใจดิฉันให้ยอมรับไม่ได้) จริงๆแล้วบรรดาสามีของพวกนางก็ไม่ได้ดีเด่ การศึกษาสูงอะไร แค่พูดภาษาอังกฤษได้และไม่ได้มีงานทำดีๆในบ้านเมืองตน เลยต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาหางานทำในเมืองไทย...พวกหญิงเหล่านี้เลยดีใจได้พลอยว่าได้สามีรวย โถ่ๆๆๆๆ สงสารหญิงไทยที่ไม่ได้มีอาชีพแบบนั้นที่โดนเหมารวม จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:11:34

ความคิดเห็นที่ 28 เข้าใจหัวอกของ คุณน้องจุ่น ตีคราดได้ดีจริงๆคะ...แต่ในมุมมองดิฉัน สมเพชมากกว่าคะ ตรรกแปลกๆคะ คนเราดีชั่วไม่ได้อยู่ที่อาชีพ...แสดงว่าโจรที่ยิงคนตายเป็นคนดีเหรอคะ หรือกำลังจะสือว่าอาชีพ Karee มีคนดีๆไปทำ (ดิฉันหมายรวมเฉพาะคนที่เดินลอยหน้าลอยตาเป็น Karee ไม่นับรวมคนที่โดนบังคับกักขังให้ขายบริการ)....อย่าบอกนะคะว่าทำเพราะความจำเป็นเห็นมีไอโฟนกัน(เกือบ)ทุกคน....ถ้าไม่เช่นนั้นน้องๆที่ทำงาน เคเอฟซี เซเว่น ไปทำงานแบบนั้นกันหมดแล้วสิคะ เพราะเขาคิดว่ายังไงจิตใจเขาดี ไปทำอาชีพแบบนั้นมันไม่ได้ทำให้คุณค่าของเขาเสียไป มาเสียเวลาทำงานแบบนี้ทำไม เงินก็ได้น้อยกว่า จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:26:44

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านไปอ่านมากลายเป็นว่าหญิงไทยที่ไม่ได้มีสามีฝรั่งน่ากลัวที่สุด เหอะๆ จากคุณ : อ่่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:14:58 A:121.115.118.77 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 30 .... แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 15:17:29 จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:15:31

ความคิดเห็นที่ 31 Ha ha ha ...Exactement !!! คุณ อ่าวโตเกียว จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:10:58

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านไปอ่านมากลายเป็นว่าหญิงไทยที่ไม่ได้มีสามีฝรั่งน่ากลัวที่สุด เหอะๆ จากคุณ : อ่่าวโตเกียว   เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:14:58 A:121.115.118.77 X: TicketID:299625     Couldn't agree more with khun อ่่าวโตเกียว. Many comments are full of hidden agendas. Many have tried very hard to disguise it at first but the more you read their comments the more it reveals how insecure they are. The inferiority complex comes in many forms regardless of marital status, spousal nationality, educational level or social background. It's all about the insecurities as you feel threatened by what the others might think or say about you. The ones that are feeling truely secure about oneselves wouldn't be bothered by what the orthers might react therefore wouldn't respond in such aggressive ways. ps:  Apologise for not typing in Thai as Thai keybpard is not available at work . แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 22:06:50 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 18:33:04 จากคุณ : หมูหนาว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:31:33

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับคุณหมูหนาว จากคุณ : Travel Animal เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 19:28:00

ความคิดเห็นที่ 34 น่ากลัวตรงไหนคะ คุณอ่าวโตเกียว จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 23:07:44

ความคิดเห็นที่ 35 สงสัยคงตีคราดกันแรงไปนะค่ะ แส้เลยพลาดไปโดน... ก็คงอารมณ์ที่ไปตบตีเรื่องบราซิลกับอาเจนติน่านะค่ะ จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 23:33:57

ความคิดเห็นที่ 36 คุณอ่าวโตเกียวเธอคงจะกลัวตรงคำพูดคำจาที่ใช้กันในกระทู้นี้กระมังคะคุณน้องจุ่น เพราะหลายความเห็นใช้ภาษาค่อนค่างจะดุเดือดไม่ใช่เล่น อย่างเช่น "อวดผัวอีกละ แม่มม KKรวยยย e dork กรูไม่อยากฟัง หุบปากซะทีได้มั้ย" พี่เองสมัยเรียนวิศวะเพื่อนร่วมคณะส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายยังไม่เคยใช้คำกันแรงขนาดนี้เลยค่ะ  ก็เข้าใจนะคะว่าอัดอั้นตันใจ  อีกเรื่องถ้าจะพูดถึงแฟนที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการกันอย่าใช้คำว่า"ัว" จะดีกว่าไม๊คะน้อง เพราะมันทำให้น้องดูไม่ดีโดยเฉพาะในเว็บบอร์ดสาธารณะแบบนี้ สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับกรณี่ที่คุณน้องจุ่นเจออยู่นี้ ถ้ารู้สึกว่าโดนดูถูกหรือโดนรังแกแบบไม่ยุติธรรมโดยเฉพาะถ้าสถาณะการณ์เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน พี่ว่าคุณน้องจุ่นน่าจะบอกคนๆนั้นไปตรงๆ อย่างเช่นกรุณาอย่าใช้คำพูดหรือน้ำเสียงในลักษณะดูถูกดิฉัน หรือบอกกล่าวเจ้านายให้เค้าจัดการให้  ถ้าไม่ใช่เวลาทำงานก็หลีกเลี่ยงที่จะคลุกคลีบุคคลจำพวกที่ทำให้คุณไม่สบายใจซะ ผู้หญิงไทยคงจะไม่เลวร้ายไปหมดหรอกค่ะ  พี่เองอยู่ที่อังกฤษนี่มีเพื่อนสนิททั้งต่างชาติและคนไทย เพื่อนๆพี่ๆคนไทยที่น่ารักมากๆก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว คบกันมาก็หลายปีก็ยังรักใคร่กลมเกลียวกันดีเหมือนเดิม  เพื่อนทั้งสองกลุ่มมีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างคือไม่มีใครคุยเกทับใคร เจอกันทีไรก็คุยกันเรื่องหมาเรื่องแมวหรืออาหารการกิน หรือแม้แต่การเมืองเศรษฐกิจอะไรก็ว่าไป แล้วแต่ว่าหัวข้อสนทนาในตอนนั้นคืออะไร ผู้หญิงจะต่างชาติหรือคนไทยก็มีทั้งดีหรือไม่ดีค่ะ เพื่อนร่วมงานของพี่เป็นฝรั่งล้วนๆ ที่บริษัทเก่าก็มีทั้งเพื่อนร่วมงานที่น่ารักและน่าฟาดก้านคอด้วยสันมือ ก็ต้องจัดการรับมือกันไปให้เหมาะสมค่ะ หนักๆเข้าก็ให้ฝ่าย HR เขาจัดการกันไปตาม Code of Conduct ของบริษัทค่ะ ขอรบกวนถามคุณ MrAll เพื่อเป็นความรู้ประดับตัวสักหน่อยค่ะว่า "ตีคราด" แปลว่าอะไร ดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วตีคราดไปเกี่ยวอะไรกับแส้ เคยได้ยินแต่ตีรวน หรือตีกลองร้องป่าว ปล.1  คะ กับ ค่ะ ใช้ให้ถูกต้องไม่ยากนะคะ สำเนียงของสองคำนี้ต่างกันอยู่ไม่น้อย พอดีเห็นหลายท่านยังใช้สลับกันอยู่   ปล.2 บราซิลกับอาร์เจนติน่าตอนนี้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกันแล้วล่ะค่ะ ที่ยังมีปัญหายืดเยื้อมาจนทุกวันนี้น่าจะเป็น อังกฤษและอาร์เจนติน่า เกี่ยวกับสิทธิเหนือเกาะ Falkland ซะมากกว่า แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 05:03:42 จากคุณ : หมูหนาว เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 01:01:16

ความคิดเห็นที่ 37 ถึงคุณน้องจุ่น เคยมีแฟนเป็นนักบอลทีมดอร์ทมุนจริงดิ่? ถ้าจริงนี่โครตเจ๋งอ่ะ แต่ว่านักบอลทีมดอร์ทมุนไม่มีใครเป็นคนสวิสนะ ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันนะ โกหกรึเปล่า 555555555 พอดีเราก็ดูบอลอ่ะ :) จากคุณ : หมีน้อยเทดดี้ เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 02:25:53 A:101.51.90.235 X: TicketID:384039

ความคิดเห็นที่ 38 เฮ้อ คนเรา รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา โอ้อวด แข่งขัน มันก็มีอยู่ในตัวคนทุกคนแหละ อยู่ที่ว่าคนๆนั้น ใช้มันออกมาในทางใด ถูกจริตก็คบกันไป ไม่ชอบใจก็เลี่ยงๆซะ แค่นี้เอ๊งง If you don't like something, change it. If you can't change it, change your attitude. จากคุณ : Febie เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 02:58:04

ความคิดเห็นที่ 39 อุอุ ต้องขอเข้ามาชี้แจงเรื่องอิจฉานิดนึงค่ะ เดี๋ยวจะเดาไกลไปกันใหญ่ ที่เราว่ามานั่นคือหมายถึงความอิจฉาที่จะนำพามาให้จิตใจร้อนรุ่มไม่สงบนี่แหละค่ะ ไม่ได้หมายถึงอิจฉาเล็กๆน้อยๆพอเป็นกระสายยา ตามประสามนุษย์มนาทั้งหลาย นะคะ เพราะถ้าอิจฉาเล็กๆนี่เราก็มีค่ะ อย่างที่โอ๋ยย...ทำไม่คนนั้นสวยจังรูปร่าง ดีมากอะไรงี้อยากมีมั่ง น่ะค่ะ อีกอย่างนึงเราว่าอยู่ที่ช่วงอายุด้วย ตอนอายุยังน้อยก็อาจจะมีบ้างบางทีแอบอิจฉาเพื่อนหรือไรทำนองนี้ เราว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นอย่างนี้มั้ง แต่พออายุมากขึ้นก็ปล่อยวางมากขึ้น ไม่มานั่งอิจฉาใครแล้วหละ อย่างเรานี่ไม่มีนะตอนนี้ที่จะมานั่งอิจฉาหมั่นใส้ใครๆ ไม่ใช่ว่าเราดีที่สุดในสามโลก...จ๊ากกกก............คิดไปได้ไง แต่เพราะว่าอายุมากขึ้นแก่แล้วค่ะเลยไม่มีแล้ว ส่วนใครจะเป็นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเราเพราะเขาอาจ จะมีความสุขแบบนั้นก็ได้ แค่เราคิดว่าถ้าเราต้องเป็นแบบนั้นคงไม่มีความสุข เราไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อยแค่นั้นเอ๊งงง.... และในเมื่อจขกท.ก็บอกว่าไม่ได้อิจฉาใคร ก็ผ่านความเห็นของเราไปเถิดค่ะ และอย่างจขกท. พออายุมากขึ้นมุมมองของชีวิตที่เกี่ยวกับคนอื่นๆและทั่วไปก็คงจะ เปลี่ยนไปเหมือนกัน ปล. เห็นด้วยกับคุณหมูหนาว แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 01:37:08 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 09:19:11 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 06:27:24 จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 05:55:35

ความคิดเห็นที่ 40 คุณหมีน้อยเท็ดดี้ จริงค่ะ ตอนที่คบกันสมัยนั้น เค้าเข้าได้เข้าเป็นนักฟุตบอลระดับ ทีมเยาวชนในสโมสร ดิวิชั่น1ของเยอรมันใน ปี 2545 ตอนนั้นเค้าอายุ 18 เราก็เริ่มๆห่างกันตอนเค้าอายุ22ค่ะเพราะเค้าต้องไปอยู่เยอรมัน จนตอนนี้ 10กว่าปีผ่านไป เค้าไปอยู่กับดอร์ทมุนกลัดบัคแล้วค่ะ ก็คอยติดตามข่าวอยู่ห่างๆ แล้วก็ดีใจกับอนาคตและหน้าที่การงานของเขา จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 08:10:09

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ได้โกหกค่ะ มันเช็คกันง่ายมากๆเลยนะคะ หนูจะโกหกทำไมคะ ก็หนูรู้ว่าเขาไปอยู่ในลีกเยอรมันแล้วก็อยู่กับดอทมุน ทีมที่ใส่ชุดเตะสีเหลืองสลับดำ แล้ะ สำหรับกรุทู้นี้ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยกับกระทู้นี้ที่ตั้งขึ้นมา เจตนาไม่ได้ตั้งใจจะตั้งขึ้นให้มาด่าเมียฝรั่งค่ะ หนูก็ต้องขออภัยด้วยที่ตัวเองเขียนๆไปแล้วของขึ้น เขียนว่าเมียฝรั่งไปด้วย เผลอตัวผสมโรงกับคนอื่นไปด้วย เมียฝรั่งที่นิสัยดีๆก็มีค่ะ เพียงแต่หนูยังไม่ได้เจอ และก็มีอคติเกินไปกับคนที่เป็นเมียฝรั่ง ก็ต้องขออภัยด้วย ถ้าตีวัวกระทบคราด ไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ เพราะหนูด่าเมียฝรั่ง ก็เหมือนด่าตัวเองครึ่งนึงเหมือนกัน ก็ต้องขอโทษทุกท่านจากใจจริงๆค่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 08:16:12

ความคิดเห็นที่ 42 คำว่า  "ตีคราด"  ดิฉันหมายถึง ตีคราดกระทบวัว(ควาย)...ตามคำเดิมคือตีวัวกระทบคราดนะค่ะ... ดิฉันไม่กล้าเฆี่ยนวัวเฆี่ยนควายนะค่ะ เลยขอตีคราดแทน.....ส่วนแส้ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ตีคราด   หวังว่าคงกระจ่างนะคะ คุณหมูหนาว แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 10:45:46 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 55 10:39:34 จากคุณ : MrAll (MrAll) เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 10:38:54

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยกับคุณหมูหนาว อ่านไปอ่านมาเริ่มสยอง ดูเหมือนว่าผญที่แต่งกับฝรั่งนี่ คนทั่วไปจะดูมี stereotype กับผญเหล่านี้แล้วนะคะ พวกที่นิสัยไม่ดีจริงๆ ก็มี คนดีๆ ก็มีค่ะ ถ้าวันนึงเราแต่งกับแฟนคนปัจจุบันขึ้นมาจริงๆ คงต้องห้ามพูดถึงสามีเดี๋ยวกลายเป็นอวด ผญที่ใช้ชีวิตสบายๆ ได้ด้วยตัวของตัวเองก็มีนะคะ ไม่ต้องการสามีมาซัพพอร์ต ถ้าแต่งงานกันขึ้นมาเดินกับฝรั่งแล้วถือกระเป๋าแบรนด์จะผิดมั้ยเนี่ย ซื้อเองนะคะ แฟนเนี่ยล่ะตัวงกเลย (ไอไม่รู้สึกว่ามูลค่าของกระเป๋ากับราคามันไปด้วยกัน จัดการกองทุน value หุ้นเป็นอาชีพ ไม่ต้องลามมาvalue เสื้อผ้าหน้าผมเราด้วยก็ได้ เรายังไม่ออกคหเรื่องไวน์แพงของยูเลย) มีแฟนฝรั่งแต่งตัวปอนๆ - โห หาแฟนจนล่ะสิ มีแฟนฝรั่งแต่งตัวดี คุยเรื่องช็อปปิ้ง - แหม ได้แฟนรวยแล้วทำเป็นอัพตัวเอง อวด ข่มคนอื่น คนเค้าอคติ ก็หาเรื่องว่าจนได้ สรุป เป็นตัวของตัวเองแล้วก็ไม่ต้องแคร์คหคนอื่นค่ะ อย่าเก็บมารำคาญใจเป็นลิงกำถั่วเลยค่ะ แก้ที่ตัวเองง่ายสุด ทั้งเรื่องว่าคนจะมองตัวเองยังไงแล้วก็เรื่องคนอื่นเค้าพรีเซ้นตัวเองยังไง จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 17:32:15

ความคิดเห็นที่ 44 ขอโทษนะคะจขกท ดอทมุนด์ที่ใส่สีเหลืองดำน่ะชื่อ โบรุสเซียดอทมุนด์. ไม่ใ่ช่กลัดบัค.  และอยุ่ในบุนเดสลีกา ไใม่ใช่ดีวิชั่น1.  และถ้าเป็นจริง อดีตแฟนคุณน่าจะอายุราวสามสิบปี.  ซึ่งเท่าที่ไปหาข้อมูลไม่มีชาวสวิสอายุเท่านี้เตะให้ดอทมุนด์ค่ะ.  และกรุณาอย่าเหมารวม. เพราะเราก็มีแฟนเป็นฝรั่ง. แลัเราเรียนหมอกำลังจะจบอีกสองเดือน. และอันที่จริงเราว่าการศึกษาไม่ได้สำคัญเท่ากิริยาวาจาที่เอ่ยออกมาเลยค่ะ. หลายคนจบไม่สูงแต่เค้าก็เป็นคนดี สุภาพ. การศึกษาขัดเกลาคนบางจำพวกไม่ได้จริงๆ จากคุณ : แม่หญิงลลิลลา เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 18:23:32

ความคิดเห็นที่ 45 ค่ะ รับทราบค่ะ และต้องขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : วันคริสต์มาส 55 18:47:54

ความคิดเห็นที่ 46 เข้าใจความรู้สึกค่ะ คนบางคนอยากหนีให้ไกลเลย ขุดคำถามมาแต่ละอย่างไม่คิดว่าจะถามได้นะคะ แต่คนดีเป็นเพื่อนแท้ก็มีนะคะ เลือกคบค่ะ ฝรั่งก็มีดีไม่ดีเหมือนกัน คนเหมือนกันล่ะค่ะ จากคุณ : พริกน้ำส้ม เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 00:28:26

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นความเห็นของคุณ #43 แล้วนึกขึ้นมาได้เลยว่าเคยโดนกับตัวเองจริงๆ ตอนแต่งกับแฟนฝรั่งใหม่ๆ เรากลับไปเยี่ยมบ้าน แต่งตัวธรรมดามาก เพราะอากาศก็ร้อน ไปไหนก็ขี่มอร์เตอร์ไซค์ตะลอนไปทั่วทองหยองก็ไม่ใส่ ยังได้ยินชาวบ้านเอาเราไปนินทาว่าคงได้ฝรั่งจนๆ ถึงได้ปล่อยตัวโทรมซะขนาดนั้น เฮ้อ ...ทำตัวจนก็โดนนินทา ทำตัวรวยก็โดนด่า เราว่ามีคนไทยส่วนหนึ่ง ที่มีอคติกับเมียฝรั่งเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะอะไรกันนักหนาคงขวางหูขวางตาไปหมด หรือว่าพวกเขามีปมด้อยอะไรจึงต้องคอยจิกกัดคนอื่นถึงจะมีความสุข แปลกมาก ส่วนคุณน้องจุ่น ก็ขอให้ใจเย็นๆนะคะ และพยายามคิดบวกเข้าไว้ค่ะ **ความคิดของคนเรานี่ไม่เหมือนกันจริงๆ อย่างเราคิดแค่เนี้ยและไม่ได้หมายความไปไกลอะไรที่ไหนเลยกับสิ่งที่เขียนแต่บางทีคิดว่า บางคนนี่คิดไปยาวเลย โน่น นี่ นั่น นู่น หูย.......ไรกันว๊า.....น่ากลัวมาก และเห็นด้วยกับคุณ JC2002 ค่ะ เราอายุมากแล้วจึงไม่มาคิดอะไรมากมายแล้ว อ้อ ไม่ได้ยกตนหรือไรนะ แค่บอกว่าพออายุมากขึ้นความคิดแบบเด็กๆก็จะลดไปเอง อย่างเรื่องอิจฉาหมั่นใส้อะไรเทือกนี้แค่นั้นแหละจ้าเราไม่มีแล้วเพราะแก่แล้ว เต็มแล้ว...เฮ้อเหนื่อย ปล.หลังคริสมาสแล้ว ไปช็อปปิ้งหาของเซลกันดีกว่าค่ะ  สบายใจ :) แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 00:43:15 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 10:56:02 จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 01:11:53

ความคิดเห็นที่ 48 เชื่อว่าทุก คห ไม่ได้มีใครอยากเหยียบจขกท จมดินแต่อยากให้ลองเปิดใจเปลี่ยนวิธีคิดมากกว่าค่ะ จะได้สบายใจได้ด้วยตัวเอง แต่บางท่านเจอ บางคห ของจขกท แบบคำหยาบ full on แบบนั้นแล้วอาจจะอึ้งไปหน่อยก็ได้ เห็นด้วยกับคุณแม่หญิงลลิลลา คนมีการศึกษาบางคนได้ยินเค้า สำรอก แต่ละคำพูดออกมาแล้วหมดกันความสวยภาพลักษณ์มีการศึกษา ไม่สุภาพกับไม่เฟคนี่คนละเรื่องกันหลายคนชอบเหมารวม จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 01:48:33

ความคิดเห็นที่ 49 อิฉันไม่ค่อยเหมือนคนอื่น  ไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัว  เป็นผู้ฟังที่ดี  อยากเล่าอะไรเชิญ ฟังมั่งไม่ฟังมั่งถามอีกทีอาจจำไม่ได้แล้ว  และที่สำคัญใคร ทำอะไร ทีไหน อย่างไร  เมื่อไหร  เรื่องของใครก็เรื่องของเขาจัดการเอง  ดีก็ดีตัวเขา  ไม่ดีก็ตัวเขาอีกเหมือนกัน  ไม่ใส่ใจเท่าไหร  นอกเสียจากคนในครอบครัว ที่บ้านมีอะไรเยอะหลายหลากอาชีพ  รู้จักคนดี ๆ มากอยู่   และถูกสอนจนเป็นนิสัยไม่ต้องพูดมากการกระทำพิสูจน์ตัวเรา ถ้าทำอะไรให้ใครได้ก็ทำเลยไม่ต้องลีลามาก  แต่ถ้าไม่ได้ก็แนะนำให้ไปหาคนที่ช่วยได้แบบดี ๆ ก็เท่านั้น จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 08:22:09

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นกระทู้นี้มาหลายวันแล้ว ขอแจมด้วยคนนะคะ ผู้หญิงไทยแบบที่น้องจุ่นเล่ามา เจอมาหน่ะ มีเยอะค่ะ เราเองก็เคยเจอแบบนั้นมาพอสมควร แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงที่มีสามีต่างชาติจะเป็นแบบนั้น ซะทั้งหมดทุกคน ผู้หญิงหน่ะไม่ว่าจะคนชาติไหน ถ้าได้สามีที่มีฐานะดีกว่า ก็อวดกันทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ว่าจะคนสิงคโปร์ คนจีน คนญี่ปุ่น คนฮ่องกง คนฝรั่ง คนแขก และ ไม่ว่าสามีจะเป็นคนชาติไหนไม่ใช่แต่เฉพาะฝรั่ง หรือ ผู้หญิงจากประเทศกำลังพัฒนาที่ได้แต่งงานไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ คนพวกนี้ส่วนหนึ่งถ้าไม่เคยไปอยู่เมืองนอก มาก่อน ถ้าไม่เคยไปเที่ยวเมืองนอกมาก่อน หรือ ถ้าไม่เคยไปร่ำเรียนที่ต่างประเทศมาก่อนก็มักจะมีอาการที่เรียกว่า เห่อเมืองนอกค่ะ ไม่ว่าจะสัญชาติไหน จะเห่อการใช้ชีวิตเมืองนอก เห่อการที่ได้ไปใช้ชีวิตในต่างแดน เห่อหิมะ เห่อการไปปาร์ตี้ เห่อการออกไปสังสรรค์กับคนนานาชาติ เห่อการแต่งกายแบบเมืองหนาว เห่อการทำอาหารทำขนมฝรั่ง เห่อการแต่งบ้านจัดบ้านแบบฝรั่ง เพราะเวลาอยู่ในประเทศของตัวเองอาจจะไม่เคยใช้ชีวิตในระดับนี้มาก่อน ทุกอย่างเป็นของใหม่หมด เรียกว่าถ้าไม่ได้ไปอาศัยอยู่เมืองนอกก็คงจะไม่เคยทำ หรือ ต้องเอามาคุยอวดกันว่าไป ฮอลิเดย์ตามประเทศไหนมาบ้าง หรือ บางครั้งต้องถามกันว่าอยู่เมืองนอกด้วยวีซ่าอะไร หรือ ว่าได้สัญชาติแล้ว คนต่างชาติจากประเทศกำลังพัฒนาที่อาศัยอยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว "บางส่วน" ไม่ทั้งหมด สามารถมี Stereotype แบบนี้ได้ ขอยกตัวอย่างคนอินเดียบางส่วน ที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศร่ำรวยแล้วได้สัญชาติได้พาสปอร์ต คนพวกนี้บางส่วน จะสามารถแสดงความเป็นบริติช ความเป็นอเมริกัน หรือ ความเป็นออสเตรเลี่ยน ได้มากกว่าคนบริติชแท้ๆ คนอเมริกันแท้ๆ หรือคนออสเตรเลี่ยนแท้ๆ ที่เกิดและโตมากับ Value ของประเทศนั้นๆ มาแต่อ้อนแต่ออกเสียอีกค่ะ พวกบริติชเทียม อเมริกันเทียม ออสซี่เทียมหน่ะค่ะ _และ หลายๆ คนหน่ะ อย่าได้ไปถามถึงอินเดียเชียว เขาไม่ค่อยรู้จักหรอกค่ะ ทั้งๆ ที่เกิดที่นั่น โตจนรู้ความหรือโตเป็นผู้ใหญ่ที่นั่นที่บ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ประเทศนอก นอกนั้นก็เห็นด้วยกับ คห. ของคุณ PuppyPower ทุกประการ น้องจุ่นไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรผิดหรอกค่ะ และน้อง PuppyPower ก็ไม่ได้เล่าอะไรผิดเลย เพราะทุกคนคิดเห็นแตกต่างกันมีประสบการณ์แตกต่างกัน ผู้หญิงเอเชีย ไม่ว่าจะคนไทย คนพม่า คนสิงคโปร์ คนเกาหลีใต้ คนญี่ปุ่น คนอินโด คนมาเลย์ คนฟิลิปปินส์ เป็นต้น ที่แต่งงานกับฝรั่งหน่ะค่ะ หลายๆ คนไม่จำเป็นต้องมาจากพื้นฐานระดับล่างระดับชาวบ้านยากจนเสมอไป มีผู้หญิงเอเีย ยอะแยะไปที่ทำงานระดับผู้บริหารบริษัทดังๆ หรือ มีคำนำหน้าชื่อว่า "ด็อกเตอร์" หรือ เป็น หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวงหรือ จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาโท หรือ อาจจะไม่ได้จบสูงมากแต่มีความสามารถความเก่งความถนัดใน ด้านอื่นๆ หรือ ทำงานยูเอ็น ทำงานยูเนสโก ทำงานเอ็นจีโอ ผู้หญิงเหล่านี้ที่มีสามีฝรั่ง มีสามีญี่ปุ่น มีสามีแขก เยอะแยะไปค่ะ ไม่ใช่ของแปลกและไม่ใช่ของที่ต้องอวดเลย ลูกครึ่งในเมืองไทยหน่ะค่ะ ประเภที่มีแม่ฝรั่งพ่อไทย หรือ แม่ไทยพ่อฝรั่ง ที่เขามีพ่อหรือแม่คนไทยที่เป็นคนมีการศึกษา หรือคนไทยที่มาจากครอบครัวดีๆ คนไทยเหล่านี้ที่มีลูกครึ่งเขามักจะพูดภาษาไทยกับลูกๆ ทั้งนั้นแหละค่ะ แล้วเด็กพวกนี้ มักจะเป็นเด็กมีการศึกษา มีมารยาท รู้จักกาละเทศะ พูดไทยชัดเจนสุภาพ พูดภาษาต่างชาติอื่นๆ ก็ชัดเจน แล้วเด็กพวกนี้ จะไม่พูดภาษาอังกฤษกับคนไทยทั่วๆ ไป เขาจะไม่อวดตัว และ รู้มารยาทไทยดีมากๆ ไม่ทำตัวกระโดกกระเดกเหมือนพวก ลูกเศรษฐีใหม่ในเมืองไทยที่ชอบส่งลูกเรียนอินเตอร์ เด็กๆ ลูกเศรษฐีใหม่เรียนโรงเรีบนอินเตอร์ พวกนี้มักจะไม่มีมารยาท มองไม่เห็นหัวคนไทยเลย และ มักจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยยอมพูดไทย เพราะเกรงว่าถ้าพูดไทยแล้วจะไม่อินเตอร์นั่นเอง หรือ กลัวคนไม่รู้ หุหุ น้องจุ่นเนี่ยรู้สึกว่าจะหมดมุ่นกับการอยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ การอยากไปอยู่เมืองนอก การเข้าสมาคมกับคนนานาชาติ หรือ การที่จะได้แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าน้องจุ่นรักที่จะมาเอาดีทางนี้ พี่ขอแนะนำให้น้องจุ่นเปิดใจกว้างๆ ค่ะ ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ต้องหมั่นฝึกฝน ถ้าอยากคบหาสมาคมกับคนนานาชาติต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย ต้องไม่แบ่งคนที่สัญชาติเชื้อชาติแต่ใหพิจารณาคนเป็นรายบุคคลไป และ การแต่งงานไปอยู่เมืองนอกไม่ได้สบายเสมอไป น้องจุ่นอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินคนที่มาจากต่างประเทศทีทมาเที่ยวเมืองไทยมีเงินจับจ่ายใช้สอยมาก นั่นเป็นเพราะว่า ค่าของเงินต่างกัน และ ค่าครองชีพต่างกัน คนต่างชาติหรือคนี่อาศัยอยู่ในประเทศร่ำรวยมากมาย คนพวกนี้บางส่วน คือ "คนร่ำรวย ที่รวยแต่เฉพาะเวลามาอยู่ประเทศยากจน" เท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 09:48:24 A:115.84.79.100 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 51 .บางความเห็นของบางคน  น่ะนะ ..ก็  รู้ๆ  กันอยู่...หุ..หุ.. จากคุณ : หยางกุ้ยเฝย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 14:32:32

ความคิดเห็นที่ 52 มนุษย์นี่ก็แปลกนะ คุยเรื่องดิน ฟ้า อากาศ  สุขภาพ การเมือง ยังไงก็วกกลับมาคุยโวโอ้อวด ยกตนข่มคนอื่นจนได้  หรือนี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ต้องมี ไม่ได้แปลกอะไร จากคุณ : แม่หญิงจอมซน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:43:20

ความคิดเห็นที่ 53 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสีย ตำลึงทอง จากคุณ : Febie เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 18:39:32

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบคุณ Been ค่ะ หนูหมกมุ่นมากจริงๆค่ะ พยายามจะพูดภาษาอังกฤษให้ได้(คล่องๆ) ฟังพูดอ่านเขียน เพราะมันสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราได้จริงๆค่ะ ถ้าเรายังทำงานอยู่เมืองไทย ส่วนเป้าหมายการไปเมืองนอกของหนู ไม่ไกลค่ะ ขอไปแค่ไปทำงานที่เวียดนาม หรือไม่ก็แถวๆตะวันออกกลาง ถ้าขืนยังทำงานที่เมืองไทย จนตายคงได้เงินเดือนไม่เกิน 30,000แน่ค่ะ เป้าหมายคนเราต่างกัน เป้าหมายของหนูก็พยายามดิ้นรนเพื่อสิ่งนี้ค่ะ อยากอธิบายให้ทราบวัตถุประสงค์จริงๆของหนูค่ะ ส่วนเรื่องพูดคำหยาบ ที่ยกตัวอย่างมาให้ฟังนั่น แค่ เพียง การคิดอยู่ในใจค่ะ จะหยาบคายแค่ไหนก็คิดไปเถอะทุกคนไม่ผิด ถ้าคิดอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ยังไงก็ดีกว่าคำพูด แสนสุภาพ แต่ความหมายเสียดสี เย้ยหยัน ประชดประชัน เพื่อสร้างความเจ็บใจให้คนฟัง แบบนี้ต่างหากจึงเรียกว่า การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจ คนเรียนจบสูงแค่ไหน เป็นถึงหมอ เป็นถึงดอกเตอร์ แต่ใช้ความหมายเสียทอคนอื่น นั่นเหมาะสมกับคำว่า การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจค่ะ ด้วยความเคารพ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 19:26:40

ความคิดเห็นที่ 55 จริง ๆ แล้ว ลองเปิดใจและทำความเข้าใจคำว่า "คน" ซักนิดนึงแล้วจะทำให้เราปลงและปล่อยวางได้เยอะเลยค่ะ(อีกส่วนอายุและประสบการณ์ชีวิตก็ทำให้คนเราใจเปิดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปลงและปล่อยวางได้มากขึ้นกับการกระทำของคนอื่น) โดยปกติคนเรามักจะมีความต้องการลึก ๆ ที่จะให้คนในกลุ่ม ในสังคมยอมรับ คิดว่าลึก ๆ ก็เป็นกันทุกคน เพียงแต่ขึ้นอยู่ว่าใครจะเป็นมากเป็นน้อยก็เท่านั้นเอง ถ้าเป็นนิดหน่อยก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าเป็นมากก็กลายเป็นพวกโชว์พาว โอ้อวด ไม่ว่าจะอวดเรื่องวัตถุที่ตัวเองมี อวดเรื่องดีกรีการศึกษา หน้าที่การงาน ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ตัวเองมี หรืออวดแม้กระทั่งรากเหง้าของตัวเองว่ามาไหน สูงส่งแค่ไหน แต่คนที่เค้ามีความภูมิใจและได้รับการยอมรับเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเค้าก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะคนยอมรับเค้าอยู่แล้วและส่วนมากคนที่อยู่ในจุดนี้จะไม่มีการดูถูกแบ่งแยกใครหรือแข่งขันอะไร เพราะเค้าอยู่ตัวอยู่แล้ว เหมือนที่บางท่านว่ามา คนที่มาจากที่ที่เค้าพร้อมจริง ๆ ตั้งแต่ดั้งเดิมของเค้าอยู่แล้ว นี่เค้าจะมีมารยาทไม่มาเบ่ง ไม่ต้องมาแข่งอะไร เท่าที่เคยเจอ(เคยเจอแค่นิดหน่อย เคยรู้จักแค่ไม่กี่คน)จิตใจเค้าจะอ่อนโยน มีความนิ่งอยู่ในตัว ไม่มานั่งดูถูกใคร แต่คนที่ชอบเบ่ง ชอบอวดนี่ส่วนมากก็มาจากที่แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ส่วนคนที่อยู่ในระดับล่าง ๆ หรือมาจากระดับล่าง ๆ ของสังคมก็ไม่มีให้อวดไง เลยไม่ได้อวด..อิอิ.. แต่ถ้ามาจากสังคมระดับล่าง ๆ แล้วค่อย ๆ ต่อสู้ชีวิตจนวันนึงได้มีโอกาสเท่าเทียมกับคนระดับกลาง ๆ ขึ้นมาบ้าง(ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง ฐานะ การศึกษา หน้าที่การงานและสิ่งอื่น ๆ)ก็จะมีแอบภูมิใจในตัวเอง และอาจจะมีเผลอพูดบ้าง(ก็เพราะแอบภูมิใจในตัวเองไงว่าฉันจนแต่ฉันก็มีสมองนะ ก็ไม่ได้ต่ำต้อยขนาดนั้นนะอะไรประมาณนี้) ถ้าใครมองในแง่ลบก็คิดว่ามาอวด ถ้ามองในแง่ดีก็คิดว่าเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ มันขึ้นอยู่กับคนฟัง คนอ่านว่าจะคิดและตีความเอาแบบไหน ด้วยเหตุนี้ก็เลยมีการแอบแข่งขันกันลึก ๆ(อาจจะรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง)เลยดึงเอาสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเกิดความภูมิใจออกมาโชว์(เพื่อให้คนในกลุ่มยอมรับ) ไม่อย่างงั้นคงจะไม่มีสินค้าราคาแพง ๆ มาขายไว้ให้คน(บางกลุ่ม)ซื้อมาไว้เพื่อประดับ เพื่อบ่งบอกฐานะของตัวเองกันหรอกหรือเพื่อเป็นตัวช่วยให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากสังคม(ซึ่งอาจจะเป็นสังคมรอบตัวเค้าเอง) เพราะเจ้าของสินค้าเหล่านี้เค้ารู้ว่า "คนเป็นแบบนี้" เลยเอาจุดนี้แหละมาเป็นเหยื่อล่อ เดี๋ยวถ้าอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าคุณ จขกท. ก็คงจะปลงและปล่อยวางได้มากขึ้นในเรื่องของการกระทำของคนค่ะ แต่ละคนเค้าก็จะมีเรื่องราวในชีวิตและประสบการณ์ที่แตกต่างกันและมีที่มาที่แตกต่างกัน การกระทำก็เลยแตกต่างกันไป ถ้าเราเอาสิ่งที่ไม่ชอบ(จากการกระทำของคนอื่น)เข้ามารบกวนจิตใจเรามาก คนที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ก็คือตัวเราเอง หงุดหงิดเอง บั่นทอนสุขภาพจิตตัวเราเองเปล่า ๆ ส่วนเจ้าตัวเค้าเค้าอาจจะแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เราเองต่างหากที่เลือกเอาสิ่งเหล่านั้นมาทำร้ายสุขภาพจิตเราเอง ปล. ด้วยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบใส่เครื่องประดับ(ก็พอมีกับเค้าอยู่บ้างแต่ไม่ชอบใส่(แน่ะมีแอบอวดแล้วนะเนี่ย..อิอิ)) พวกสร้อยทองหยอง แหวนเพชรอะไรพวกนี้ไม่ชอบใส่ ที่ใส่จนติดก็มีแค่นาฬิกากับแหวนแต่งงานที่เป็นทองเกลี้ยง แล้วเวลากลับเมืองไทยและกลับบ้านนอกก็มีโดนมองบ้างว่าฝรั่งที่แต่งงานด้วยนี่คงจะไม่รวย(ก็ไม่ได้รวยจริง ๆ และที่แต่งงานกับฝรั่งนี่ไม่ได้ต้องการความรวย แต่ต้องการความสบายใจ อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ) กลับเมืองไทยครั้งล่าสุดกลับกันแค่สองคนแม่ลูก ตอนจะกลับบ้านนอกก็เลือกนั่งรถทัวร์จาก กทม. เข้าขอนแก่น(ก็ทั้งขากลับเข้ากทม. ก็นั่งรถทัวร์อีก มีความสุขดีออกทำให้คิดถึงบรรยกาศตอนเทียวกลับบ้านตอนยังทำงานที่ กทม.) ก็มีแอบถูกถามจากคนในหมู่บ้านนิด ๆ ว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินจาก กทม. เข้าขอนแก่น (แถมพ่อของลูกไม่ได้กลับด้วยก็มีแอบถูกมองไปว่าโดนสามีฝรั่งทิ้งแล้ว...อิอิ..) คือเรียกว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับฝรั่งนี่จะมีโดนทั้งขึ้นทั้งร่อง แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดมากมายอะไรน่ะนะ ตอนนี้นี่แกร่งขึ้นเยอะแล้ว เราเลือกได้แล้วว่าจะเอาอะไรมาใส่ใจให้ตัวเองสบายใจ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 23:10:37 จากคุณ : อยู่กับต้นไม้แล้วสบายใจดี..... (JC2002) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 22:58:34

ความคิดเห็นที่ 56 รับทราบค่ะคุณ JC2002 ถ้ามีข้อความตรงไหนที่เขียนไปแล้ว กระทบจิตใจคุณ และ คนอื่นๆ เจ้าของกระทู้ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ จริงๆก็ตั้งใจจะลบข้อความในกระทู้ทิ้งนะค่ะ แต่เกรงว่า เดี๋ยวเกิดมีคนมาอ่านย้อนหลังจะพากันเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ก็เลยไม่ลบ ก็เลยมาเขียนคำขอโทษลงไปในกระทู้แทนค่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 00:06:45

ความคิดเห็นที่ 57 กลับมาอ่าน ตอนแรกคนว่าน้องหนูอยู่ต่างประเทศแล้วเจอสาวไทยนิสัยแย่ ๆ แล้วจำเป็นต้องคบ ต้องเจอ เพราะไม่มีเพื่อน แต่แปลกตัวเองอยู่เมีองไทย  ๆ จะมีปัญหาอะไรทำไมต้องไปคิดเพื่อนที่มีแฟนต่างชาติ แต่การคบเพื่อนต่างชาติเป็นสิ่งดีค่ะ เป็นการเปิดโลกกระทันให้กว้างขึ้น แต่ว่าอ่านไปเรี่อย ๆ ก็ได้คำตอบของคนถามว่า คนเรามันเป็นกระนั้นเอง ทำไมผู้หญิงไทยชอบดูถูกกันเอง ทำไมชอบอวดสามีหรือแฟน ทำไมชอบยกระดับตัวเอง ว่าง ๆ ไปเล่นห้องที่ศาสนานะ จะได้เรียนรู้ เปลี่ยนตัวเองมุมมองความคิดที่มี ขอให้มีความสุขกับการดำเนินชีวิตนะน้องจุ่น สักวันคงจะอิ่มกันการใช้ชีวิต จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 04:06:11

ความคิดเห็นที่ 58 เล่าอะไรให้ฟังสนุก ๆ นะคะ เพื่อนพี่ชาย (สนิทมาก) มาเรียนคอสสั้น ๆ ที่อเมริกา  พวกเรา 3 คนพี่น้องไปรับที่สนามบิน เพื่อนเฮียที่มาถึง  มอมแมมมาก ยับยู่ยี่มาเชียว  อิฉันเป็นคนทำข้าวต้มให้กินตอนถึงบ้าน  ตอนหลังถึงรู้ท่านไม่สบายแพ้อากาศ ตอนไปโรงเรียน  อิฉันทำหน้าที่รับบ้าง หรือส่งบ้างแล้วแต่ตารางเรียน  สลับกันพี่น้อง ตอนไปส่งเรียน  อิฉันก็อวดดี สั่งใหญ่เลย   พี่อย่างไปยุ่งกับพวกแต่งตัวแปลก ๆ นะคะ  ถ้าชวนไปไหนก็บอกว่านัดกับน้องแล้วไปไม่ได้นะคะ   ใครบอกให้ทำอะไรที่ดูแล้วไม่ปลอดภัยก็บอก  ขอเช็คตารางเรียนก่อน  อย่ารับอะไรเด็ดขาดนะคะ   ถ้ามีสาวชวนไปปาร์ตี้ก็บอกไปว่า  ไม่มีรถ  ถ้าจะให้ไปขอให้มารับ  จะได้เห็นหน้าตาคนชวนนะคะ สั่งนู่นนี่มากมาย  เพื่อนเฮียก็ได้แต่ยิ้ม ๆ บอก ครับ ครับ จะดูแลตัวเองดี ๆ พอวันหยุดก็พาไปเที่ยว  เฮียพาไปบางทีก็พวกเราไปด้วย  คราวไหนไปกันเองไม่มีเฮียไป  เพื่อนท่านชอบเล่าถึงบ้าน ... มองไปหลังบ้านเป็นทุ่งนา  มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่บ้างเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย  โอ้ย อิฉันตาโต  ฝันหวานบ้านชายทุ่ง  ขอท่านไปอยู่ด้วยตอนไปเที่ยวเมืองไทย  ท่านก็ยิ้ม ๆ บอกได้เลย  จะสอนขี่วัวขี่ควาย  แต่ควายดุต้องระวัง พอไปถึงวันที่ท่านกลับก็ลืม  จนวันหนึ่งเรากลับเมืองไทยกัน  ท่านก็ชวนไปเที่ยวบ้านท่าน  ตกลงอย่างเร็ว  หาเสื้อผ้าป่าน เกงขาก๊วย  ตั้งใจจะไปขี่ควาย ^^  จะได้อยู่บ้านชายทุ่ง เห็นบ้านท่านตอนแรกตกใจ  ท่านเป็นเศรษฐีโคราช  และมีทุกอย่างที่ท่านบอก  มีวัว มีควาย มีม้า เป็นไร่  ทุ่งที่ท่านบอกเลี้ยงวัวสุดลูกหูลูกตา  อิฉันหันไปถามเฮีย  เพื่อนเฮียมีกะตังค์หรือ  เฮียหัวเราะบอกว่า ไม่รู้ไม่เคยถาม  คบกันเรียนด้วยกันก็อยู่ดอมด้วยกัน  กินอยู่ เรียน โดนทำโทษ  จีบสาว  อกหักรักคุด  ก็ปรึกษากัน  แต่ไม่เคยถามว่ารวยแค่ไหน  บางทีที่บ้านส่งเงินมาไม่ทันก็ยังเคยอดด้วยกัน  ไปขอเชื่อของกินด้วยกันก็เคย เล่ามาทั้งหมด  จะบอกว่า  ของบางอย่าง  ไม่ต้องอวด  ทองแท้  อย่างไรก็เป็นทอง  จะกระดำกระด่างเวลาอยู่ต่างที่บ้าง  ก็ยังเป็นทอง   เมื่อเป็นทองก็คือ ทองแท้  ไม่ใช่กระไหล่ทอง อยู่ในตม  อยู่บนคอ  ก็ยังสถานะเป็นทองแท้ อีกอย่างนะคะ  ป้าผิงเคยสอนไว้  คนที่มีคุณค่าเต็มคน  จะเสมือนก้านข้าวที่มีเม็ดขาวสมบูรณ์  หนัก และโน้มมมมมมมม ตัวอ่อนลง  เหมือนคนที่มีความสมบูรณ์ทุกอย่างต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน  ........... ก้านข้าวที่ฝ่อ ไม่มีเม็ดข้าว  จะชี้โด่เด่  ไว้ปกปิดว่า  เป็นฉันก็เป็น ...ก้านข้าวนะ  แต่ข้างในหนะ  ข้าวดี ๆ สักเม็ดยังไม่มี ........ จบเรื่องเล่า ^^ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:40:50

ความคิดเห็นที่ 59 เป็นความเห็นที่น่ารักและมีความหมายดีมากเลยค่ะคุณ gift is a present ทองแท้เพชรแท้อยู่ที่ไหนก็ก็ยังเป็นทองเป็นเพชรนะคะ คุณค่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่และลักษณะภายนอกจริงๆค่ะ คนเราถ้ามีความภาคภูมิใจในตัวเองเสียอย่างแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครเขาจะดูถูกดูแคลน จะเป็นแม่ค้าส้มตำหรือนักวิจัยที่ MIT ก็มีคุณค่าเท่าๆกัน เมื่อไม่มัวมาคิดว่าคนนั้นจะดูถูกคนนี้จะดูแคลนแล้วจิตใจก็สบายไม่ต้องคอยคิดก่นด่าใครในใจหรือนอกใจ ไม่ต้องมาคอยเอาสถานะหน้าที่การงานมาเป็นเกราะเพื่อสร้างความแตกต่างทางด้านชนชั้นเพื่อให้คนอื่นรู้สึกต่ำต้อยกว่าตนเอง มีข้อคิดดีๆในกระทู้นี้มากมายจากหลายๆท่านนะคะคุณน้องจุ่น เลือกเอาที่ดีๆไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตค่ะ ปล ความเห็นของคุณ  gift is a present ทำให้ดิฉันอดนึกถึงนวนิยายเรื่องโปรดของคุณกิ่งฉัตรเรื่อง ตามรักคืนใจขึ้นมาทันทีเลยค่ะ จากคุณ : หมูหนาว เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 18:11:45

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านความเห็นคุณ gift is a present แล้วอยากร้องไห้ มันจุกในลำคอ(ก็เพราะคนบางคนที่เคยรู้จักเป็นแบบนี้แหละเลยฝังลึกในใจไปตลอด มีพร้อมแต่บุคคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เบ่ง คือถ้าเค้าเป็นประเภทเบ่งและดูถูกคนนี่ รับรองไม่เหลือในความทรงจำแม้แต่นิดเดียว(เรื่องในอดีตของหนุ่ม กทม. กับสาวอีสานนะ)...อิอิ..) แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 21:53:34 จากคุณ : JC2002 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 21:49:11

ความคิดเห็นที่ 61 แม้แต่ก่นด่าอยู่ในใจก็ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะพยายามฝึกฝนจิตใจตนเองให้สูงส่ง แทนก็แล้วกันนะคะ อนาคตได้ไปนิพพานแน่ๆ ขอบคุณที่ชี้ทางสว่างให้แก่หนูนะคะ คุณหมูหนาว คุณเป็นคนที่มีจิตใจงดงามมากค่ะ ไม่เคยก่นด่าใครเลยแม้แต่ในใจ หนูจะเอาเป็นตัวอย่างค่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 18:47:53