ตอนนี้แพทย์โรงพยาบาลรรัฐ ทำงานไม่ไหวแล้วครับ
โรงพยาบาลที่ผมเคยอยู่ มีแพทย์ 20 คน ปีหนึ่งๆลาออกไปถึง 6-7 คน ที่เหลืออยู่ก็มีที่ตั้งใจจริงทำงานเพื่อชาติ เพื่อประชาชน ประมาณ 8-9 คน
นอกจากนั้น นโยบายรัฐ ก็ออกมาเหมือนแกล้งหมอ ให้หมอทนอยู่ไม่ได้ (คงอยากจะให้ไปเอกชน เพราะรัฐบาลกว้านซื้อหุ้นโรงพยาบาลเอกชนไว้ในมือหมดแล้ว)
นโยบายสามสิบบาท ทำให้คนที่ไม่จนจริง แต่เขี้ยว มาโรงพยาบาลซ้ำๆเสียเวลาแพทย์ พยาบาล พวกนี้จะพูดเก่ง เอาใจเก่ง บุคลิกดี แต่มาเอาเปรียบคนจน
นโยบายศูนย์กลางการแพทย์ของโลก ก็ทำเพื่อให้เกิดสมองไหลจากโรงพยาบาลรัฐไปเอกชน และราคาค่ารักษาในอนาคตจะห่างกันมหาศาล ระหว่างโรงพยาบาลรัฐกับเอกชน ไปตรวจเป็นหวัดที่นึ่งที่โรงพยาบาลเอกชนจะกลายเป็นสามสี่พันบาท ในขณะที่โรงพยาบาลรัฐสามสิบบาท
นอกจากนั้น รัฐมีนโยบายจะให้อำนาจในการจ่ายยาทั้งหมดเป็นของเภสัชกร และร้านขายยาที่มีเภสัชกร เพราะตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท และผู้มีอำนาจต้องการจะเข้ามาได้ผลประโยชน์ตรงนี้ การคุม การจ้างเภสัชกร ให้มาทำงานให้เป็นเรื่องที่ไม่ยากและเงินเดือนไม่สูงมาก แต่สิ่งที่ต้องทำคือการออกกฏหมายให้แพทย์มีหน้าที่ตรวจโรคเพียงอย่างเดียว แล้วเขียนใบสั่งยา กฏหมายนี้จะทำให้คลินิกแพทย์ต้องปิดตัวทั้งหมด และคนไข้หันไปใช้บริการโรงพยาบาลแทน ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ไม่อยากรอนาน พอมีกำลังจ่ายจะไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน
อีกไม่เกิดห้าปีข้างหน้านี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน และเมื่อนั้น คนไทยชั้นรากหญ้าจะได้รู้ว่า นรกมันเป็นอย่างไร แพทย์โรงพยาบาลรัฐจะไหลออกไปอยู่เอกชนภายใต้การควบคุมของผู้มีอำนาจรัฐ ส่วนแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐที่เหลืออยู่ก็จะเป็นพวกกาฝากที่ต้องการโรงพยาบาลเป็นที่ admit หรือ มีผลประโยชน์บางอย่างจากในโรงพยาบาล ไม่ได้ตั้งใจอยู่เพื่อรักษาคนไข้
ผมลาออกมาจากโรงพยาบาลรัฐมานานแล้ว เจอเพื่อนเก่าที่ยังอยู่โรงพยาบาลรัฐทำงานเหมือนทาส ข้าวกลางวันไม่ได้กิน ตื่นมาผ่าตัดถึงตีสามตีสี่ เห็นแล้วสงสาร แม้จะได้บุญแต่ชีวิตลำบากมาก อีกทั้งต้องเจอคนไข้มีเส้น คนไข้เบ่ง คนไข้ฝาก ฯลฯ จากนักการเมือง ข้าราชการอีก
ตอนนี้ระบบของประเทศกำลังพังทั้งหมด ไม่เฉพาะระบบสาธารณสุข ระบบการศึกษา ระบบการจราจร ระบบธรรมาภิบาล ฯลฯ
จากคุณ |
:
รักหลอกจึงบอกให้
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ธ.ค. 55 07:08:28
|
|
|
|