อุปกรณ์ที่สำคัญ
1. ผ้าขี้ริ้ว หรือเสื้อเก่า ๆ , กางเกงเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้ว
2. แมว แมวตัวเป็น ๆ สิ่งมีชีวิตที่ร้องหง่าว ๆ เหมียว ๆ นี่แหละ จะไปยื้มแมว
บ้านใครมาก็ได้ (ปกติข้าภาพเจ้าเกลียดแมวเข้าไส้พึ่งมาญาติดีกันก็งานนี้
แหละ)
ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเองเพราะรถใช้ทุกวัน ไม่ได้
จอดทิ้งไว้เฉย ๆ เคยเห็นแต่รถเพื่อนซึ่งเสียค่าซ่อมซะบานเบอะเพราะหนูกัด
สายไฟในห้องเครื่อง (ยังดีที่ประกันเคลมให้ ไม่รู้ไปเจรจากันยังไง) เรื่อง
หนูๆ แต่ผลที่ตามมามันไม่หนูน่ะสิ .. เหตุเริ่มจากน้องหมาที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน
มันวิ่งเข้าวิ่งออกดมใต้ท้องรถ วิ่งวนรอบรถแบบแปลก ๆ ตอนช่วงเย็นหลัง
จากกลับจากทำงาน พอตอนเช้ามันก็ยังดมๆ และวนรอบรถกันไม่เลิก พ่อ
เลยจัดการเปิดกระโปรงหน้ารถดู และเห็นหนูตัวขนาดย่อม ๆ 1 ตัว พร้อมกับ
เศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหมือนว่าพร้อมจะปูเตียงนอนในห้องเครื่องรถ
ยังไงยังงั้นเลย เลยลองหาไม้เขี่ย ๆ และเคาะ ๆ ทั้งสตาร์ทรถ เปิดแอร์ จอด
กลางแดดเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ น้องหมาที่บ้านก็ยังดมและวนรอบรถกันไม่
เลิก "แสดงว่าน้องมิกกี้เม้าท์ยังคงแอบอยู่" จนตัวเราเองหมดความอดทน
ตักน้ำใส่ถังใหญ่ ๆ แล้วเทราดลงไปในห้องเครื่องโครม !! กะว่าจะทำให้มัน
โดนน้ำตกใจและหนีออกมา แต่กระนั้นมันก็ไม่ยอมออกมา แถมส่งเสียงร้อง
จี๊ดๆ อี๊ด ๆ ให้ได้ยินแบบชัดเจน จนน้องหมาที่บ้านร้องกรี๊ด ๆ ทั้งเห่าทั้งกรี๊ด
กันระงมสลับกันไป สุดท้ายเลยเอารถไปร้านล้างอัดฉีด และบอกร้านว่า
"ล้างห้องเครื่องให้ทีพอดีเจอหนูตัวนึงไล่ยังไงก็ไม่ออก" เพราะก่อนหน้านั้น
รถพึ่งเอาไปล้างได้ 2 วัน จนพนักงานรับรถถาม "รถพี่พึ่งล้างไปนิ" ในตอน
นั้นก็กะว่ามันจะออกหละนะ แรงน้ำของร้านล้างอัดฉีดแรงขนาดนั้น .. พอตก
เย็นกลับเข้าบ้าน น้องหมาที่บ้านก็เกิดอาการเดิม วน ๆ รอบรถ ดม ๆ มุดออก
มุดเข้าใต้ท้องรถ ลองเปิดกระโปรงหน้าดูอีกที ก้มส่องดูดี ๆ ก็ยังมีเสียง จุ๊ด
จิ๊ด ๆ อี๊ด ๆ ให้ได้ยินอีก แต่หาตัวไม่เจอ "แสดงว่ามันยังอยู่" จนไม่รู้จะทำยัง
ไง ปล่อยไว้คงแทะสายไฟรถแน่ ๆ แว๊ปนึงถึงกับกะว่าจะขับไปศูนย์แล้วบอก
ช่างช่วยรื้อดูให้ทีเพราะหนูเข้าไปอยู่ แต่ฉุกคิดได้ว่าที่ออฟฟิศมีแมว !!??
แมวเหมียวสัก 5-6 ตัว เลยนึกได้ถึง สัญชาตญาณแห่งนักล่าและผู้ถูกล่า ยืน
นึกอยู่พอประมาณจะทำยังไงดี ?? ครั้นจะจับแมวตัวเป็น ๆมาโยนใส่ห้อง
เครื่องรถหรือจับมาปล่อยให้มันไล่ฟัดหนูในห้องเครื่องรถ ก็คงเป็นไปไม่ได้
นึกขึ้นได้ว่า ที่น้องหมามันรู้ว่ามีหนูในห้องเครื่องรถก็เพราะกลิ่นของหนู !!
กลิ่น ?? เลยบังเกิดวิธีนี้ขึ้นมานี่แหละ คือหาผ้าอะไรก็ได้ 1 ผืนปูให้แมวนอน
หากที่บ้านไม่มีแมว จะไปขอเศษผ้าที่แมวนอนบ้านใครหรือฝากผ้าให้แมวมัน
ไปนอนเกลือกกลิ้งเล่น จะบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติก็ได้ (แต่ถ้าหาแมวไม่ได้
จริง ๆ วิธีนี้คงใช้ไม่ได้ เพราะอุปกรณ์หลักคือ "แมว" อิอิ) หลังจากที่ได้ผ้าที่
นังแมวเหมียวหรือน้องแมวเหมียวเกลือกกลิ้งดิ้นไปดิ้นมาและมีกลิ่นแมวติด
อยู่บนผ้าดีแล้ว ซึ่งปกติแมวมันจะชอบเล่นบนผ้า ไม่ก็ขยุ้มเล่น ก็ตะกุยเล่น
อยู่แล้ว ให้นำผ้านั้นมายัดหรือวางไว้ในห้องเครื่องของรถยนต์ที่มีหนูอาศัย
อยู่ในช่วงกลางคืน หรือช่วงที่จอดรถและไม่ได้ใช้รถ (ดังภาพ) และก็ปิดฝาก
ระโปรงรถไว้ดังเดิม "แต่อย่าลืมเอาผ้าออกเวลาจะใช้รถ เดี๋ยวจะกลายเป็น
ว่ารถพังไฟลุกเพราะผ้าแมวนอนเข้าไปติดในสายพานแอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ
ในรถแทน" แค่นี้หนูที่สร้างความรำคาญใจ และอาจจะก่ออันตรายให้กับรถ
ของเรานั้นก็จะอันตทธานเลือนหายไปจากห้องเครื่องของรถเรา โดยใช้กฎ
ง่าย ๆ ของห่วงโซ่อาหาร ผู้ล่าและผู้ถูกล่า และพิสูจน์ได้จากน้องหมาที่บ้าน
ตื่นเช้ามาหยุดอาการ วิ่งวน มุดเข้ามุดออก ใต้ท้องรถไปเลย ขนาดจับลาก
มาให้ดมน้องหมายังทำหน้าเมินใส่ ซึ่งต่างจากสองวันก่อนหน้านี้ วิธีนี้ที่เล่า
มาทั้งหมดใครจะเอาไปลองใช้ดูก็ได้นะ แต่เราลองใช้ดูแล้วได้ผล ไม่ได้ยิน
เสียงหนู น้องหมาที่บ้านเลิกแสดงอาการผิดปกติ และที่สำคัญมันเป็นวิธีที่
ออกจะตลกแต่ก็ได้ผลดี ส่วนผ้าแมวนอนนั้น ไม่จำเป็นต้องยัดทิ้งไว้ตลอด
เอาแค่ว่าหนูมันหนีออกไปแล้วเราก็เลิกใช้ เพราะมันยังจะคงหลงเหลือกลิ่น
แมวติดอยู่ แต่หากเมื่อใดเริ่มสงสัยว่ามีหนูเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้องเครื่องอีก
ถึงค่อยเอาไปปูล่อให้แมวมันนอนเกลือกกลิ้งใหม่
ปล. หากใครจะทดลองวิธีนี้ แนะนำและย้ำว่า "อย่าลืมเอาเศษผ้าออกก่อน
ก่อนที่จะใช้รถ ในช่วงระยะเวลาแห่งการขับไล่หนู" เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารถ
พังเพราะเศษผ้าแมวนอนแทน แต่ถ้าหนูไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเอาผ้าไปยัด
ไว้ตลอดเวลาเก็บไปทิ้งได้เลย หรือจะเก็บเอาไว้ใช้โอกาสหน้าก็ได้ ฮุ ๆ แต่
ไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ดักหนู ล่อหนูแบบชนิดต่าง ๆ มาล่อมาดักไว้บนห้อง
เครื่องรถ หรือใต้ท้องรถน่ะ เพราะยิ่งจะเป็นการเรียกการชุมนุมโต๊ะจีนหนูจาก
ที่มีอยู่ 1 อาจจะมีมาเป็นฝูงก็ได้ และเศษอาหารที่ใช้ล่อก็จะหล่นและมีกลิ่น
ติดในห้องเครื่องแทนอีกด้วย ..
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 22:44:37
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 22:38:58
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 22:30:35
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 20:45:07
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 20:35:04