|
ยุคพระเวท ( Vedie Period - Veda Period )
ในยุคนี้ได้มีคัมภีร์พระเวทซึ่งถือว่าเป็นวรรณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักวิชาการว่า เป็นวรรณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญบางท่านได้ประมาณเวลาของพระเวทที่เก่าแก่ที่สุดเอาไว้โดยอาศัยวิธีในการคำนวณทางดาราศาสตร์ ว่าน่าจะเริ่มมีมาตั้งแต่ 4,000-2,500 BC. แต่บางท่านก็ประมาณเวลาไว้ว่าน่าจะอยู่ในช่วงเวลา 1,400-1,000 BC
คัมภีร์พระเวท
คัมภีร์สำคัญของศาสนาพราหมณ์ที่ต่างก็รู้จักเป็นอย่างดีนั่นคือ คัมภีร์พระเวท คำว่า พระเวท (Vedas) หมายถึง ความรู้ศักดิ์สิทธิ์ คัมภีร์พระเวทนั้นถือเป็นแหล่งอันสูงสุดในการพิจารณาตัดสินปัญหาในทางปรัชญาและศาสนา ชาวอารยันได้รวบรวมบทสวดอ้อนวอนเทวะที่ใช้กันมาในวงศ์ตระกูลขึ้นเป็นหมวดหมู่ คัมภีร์เหล่านี้เรียกว่า เวท หรือ วิทยา ได้แก่ความรู้ซึ่งถือเป็น ศรุติ หมายถึง วิทยาที่ได้รับฟังมาจากเทวะ คือ ความรู้ที่พระผู้เป็นเจ้าแสดงให้ปรากฏ โดยบรรดา ฤษี รับการถ่ายทอดมาโดยตรง แล้วนำมาเผยแพร่ด้วยการท่องจำแบบปากเปล่าในเฉพาะหมู่ของพวกพราหมณ์ ความรู้เช่นนี้จะเรียนกันเฉพาะหมู่ของบุคคลที่เลือกสรรแล้ว คัมภีร์พระเวทนี้ก็ยังมีแยกย่อยลงไปอีกเป็น ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท อถรรพเวท
1. ฤคเวท
นับเป็นคัมภีร์เล่มแรกในวรรณคดีพระเวท เป็นตำราทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ประกอบไปด้วยบทสวดที่วางท่วงทำนองในการสวดไว้อย่างตายตัว กล่าวถึงบทสรรเสริญคุณอำนาจแห่งเทวะ และประวัติการสร้างโลก รวมถึงหน้าที่ของพระพรหมผู้สร้างมนุษย์และสรรพสิ่ง ซึ่งจะใช้ในพิธีการบรวงสรวงเทพเจ้าต่าง ๆ ของชาวอารยัน ตามประเพณีของฮินดูแล้ว การแบ่งหมวดหมู่ของคัมภีร์พระเวทนี้ วยาส ( ผู้แต่งมหากาพย์ มหาภารตะ ) เป็นผู้ทำขึ้นโดยรับคำสั่งจากพระพรหม การจัดรวบรวมบทสวดในคัมภีร์ฤคเวทนี้ เรียกว่า ฤคเวทสังหิตา
2. ยชุรเวท
แสดงถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งการบูชาและการบวงสรวง เป็นคัมภีร์ที่พวกพราหมณ์อัธวรรยุ ใช้ในการทำพิธีบูชา รจนาขึ้นราว 1-2 ศตวรรษหลังจากฤคเวท โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งได้มาจากฤคเวท นำมาดัดแปลงและเรียบเรียงขึ้นใหม่ อีกส่วนเป็นบทร้องกรองที่ใช้ในพิธีบูชาโดยเฉพาะ ยชุรเวทนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
2.1. ไตติริยะสังหิตา หรือ " กฤษณะ " หรือ " ยชุรเวทดำ " เป็นยชุรเวทเดิมที่ยังไม่ได้มีการแบ่งแยก
2.2. วาชเนยิสังหิตา หรือ " ศุคล " หรือ " ยชุรเวทขาว " คือยชุรเวทที่แบ่งเฉพาะโศลกไว้พวกหนึ่ง และร้อยแก้วไว้อีกพวกหนึ่ง ในการทำพิธีบูชายัญนั้น พิธีที่สำคัญคือ ทศปุรณมาส เป็นการกระทำพิธีในคืนพระจันทร์เต็มดวง และ อัศวเมธ คือการทำพิธีบูชายัญด้วยการถวายม้า
3. สามเวท
เนื้อหาส่วนใหญ่ของสามเวทนี้จะได้มาจากฤคเวท นำมาร้อยกรองเป็นบทสวด เป็นเนื้อหาในส่วนที่ใช้ในการแสดงกลศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์ รวมถึงสังคีตอันเป็นบทสวดสรรเสริญคุณและฤทธิ์ของเทวะ ใช้เฉพาะในหมู่ของพวกพราหมณ์ อุทคาตรี
สำหรับการทำพิธีบูชาน้ำโสมสังหิตาของสามเวทนี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ' อรชิต ' มีบทร้อยกรอง 585 บท และ ' อุตตรารชิต ' มีบทร้อยกรอง 1,225 บท
คัมภีร์พระเวทสามเล่มแรกนี้ หมายถึง ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท นับเป็นสามเล่มหลักรวมเรียกว่า ไตรเวท หรือ ไตรเพท
4. อาถรรพเวท
เป็นพระเวทที่สี่ซึ่งเขียนขึ้นมาในภายหลัง ประกอบด้วยบทสวดคาถาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ เป็นพระเวทย์ชนิดพิเศษเรียกว่า ' ฉันท์ ' อันมิได้ถูกจัดอยู่ในไตรเวทเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีบูชายันแต่อย่างใด อาถรรพเวทนี้ถือว่าเป็นความรู้ที่ปรากฏแก่พวกพราหมณ์อัธวรรยุ พระเวทตอนนี้มีความเกี่ยวของกับไสยศาสตร์บทสวดต่าง ๆ อันมีจุดประสงค์เพื่อขจัดโรคและภัยพิบัติ ทั้งกล่าวรวมถึงหน้าที่ของกษัตริย์และสัจธรรมขั้นสูง
คัมภีร์พระเวทแต่ละคัมภีร์นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ตอนใหญ่ๆ คือ มันตระ และ พราหมณะ มันตระ หรือ มนต์ จะรวบรวมบทสวดที่กล่าวถึงเทพเจ้าแห่งปัญญา สุขภาพ ความมั่งคั่ง และความมีอายุยืน รวมถึงบทสวดอ้อนวอนเพื่อขอทาสบริวาร สัตว์เลี้ยง บุตร ชัยชนะในสงคราม หรือแม้กระทั่งการขอให้ยกเลิกซึ่งบาปทั้งปวงอันได้กระทำลงไป บางทีก็เรียกว่า สังหิตา หมายถึง บทสวดหรือมนต์ที่ใช้ในการทำพิธีบูชานั่นเอง
ภาพพระอินทร์ทรงช้างกำลังโปรยฝน
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 19:36:19
จากคุณ |
:
Faraday
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ธ.ค. 55 18:08:54
|
|
|
|
|