อันนี้ ยาวหน่อยนะครับ เป็นตำนานพระธาตุดอยปูภูทับ เมืองลองและเมืองแหลมรี่ ที่จังหวัดแพร่ ครับ ตามประวัติว่า พระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมด้วยเจ้าเมืองน้อยใหญ่ทั้งหลาย ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาประดิษฐานไว้ที่นี่ จิรํ สุคตสาสนํ มนามิสุคตํนาถํ ธมฺมญฺ จ โลกทีปกํ สงฺฆญฺจ วรปุญฺญ เขตฺตํวนฺทิตฺวา รตนตฺยํ หนฺตฺวา อุปทฺวํคณฐํ วกฺชามิ ปุรทีปกํ นิวาสํ ปุญญวิภาคํ พุทธานํ สุตฺตเทสิตํ กาตพฺพํ สุขมิจฺเฉยยํ มหาถูปญฺจเยนรา อปฺเปว นามติวิธํ ลเภยฺยํ ทีฆมายุกนุติ อหํ อันว่าข้า มหาพุทธคุนเถรโร นามตนชื่อว่า มหาพุทธคุนเถร นมามิ ก็น้อมไหว้ด้วยครบยำ นาถํ ยังพระพุทธเจ้าตนเปนที่เพิ่งแก่โลกทังสาม สุคตํ อันมีที่ไปแล้วอันดีนักคือ นิพพานแล สุคตํ อันว่าพระพุทธเจ้าตนนั้น ถาปนฺนโต ก็ตั้งไว้ สาสนํ ยังคำสอน จิรํ มักว่าจิรกาลเลี้ยงกาลนานตราบ ๕๐๐๐ วัสสาแล จ มักว่า เกวลเมวพุทธวนฺทิตวา บ่เท่าแต่ข้าไหว้ยังพระพุทธเจ้าแล้วสิ่งเดียวแล อหํ อันว่าข้านมามิก็ไหว้ธมฺมํ ยังพระนวโรกุตรธัมเจ้าเก้าประการ สิบทั้งปริยัติธัมเจ้า โลกทีปกํ อันเปนไม้ไต้ส่องหื้อหันหนทางเมืองฟ้าและนิพพานแก่สัตวโลก คือว่าคนและเทวดาทังหลายนั้นแล จ มักว่า น เกวลเมว พุทธํ ธมฺมํ วนทิตวา บ่เท่าแต่ข้าไหว้ยังพระพุทธเจ้า และพระธัมเจ้าแล้วสิ่งเดียวแล อหํ อันว่าข้า นมามิก็น้อมไหว้สงฺฆํ ยังพระอริยสังคเจ้า ๘ จำพวก วรปุญญเขตตํ อันเปนนาบุญอันประเสิดนักแล อหํ อันว่าข้าวนทิตวาไหว้แล้ว รตนตฺยํ ยังชุมนุมแก้วทั้ง ๓ หนฺตฺวา อันกำจัดเสียแล้ว อุปทวํ ยังอุปัทวโทสทังมวน อหํ อันว่าข้าวฺกขามก็จักกล่าวบัดนี้ คณฺฐํ ยังคัมภีร์ตำนานปุรทีปกํ นามอันชื่อว่า ดอนรีเลี่ยม นิวาสํ อันเปนที่มายั้งหยู่ พุทธานํ แห่งพระพุทธเจ้าทังหลาย ปญฺญวิภาคํ ก็เปนที่อันมากระทำบุญแห่งคนและเทวดาทังหลาย สุตฺตเทสิตฺ เปนที่มาเทสนาธัม อันชื่อว่าสารมฺมจิตฺตสูตรแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันเกิดมาไนกัลป์อันนี้ขู่ตนแล เย นรา อันว่าชาวเจ้าและคนทังหลายฝูงได สุขมิจฺ เฉยยํ อันปราถนามักยังสุขอันยิ่ง คือ นิพพานดั่งอั้น กาตพฺพํ มักว่า ปวาเรตพฺพํ เพิงชักชวนกันส้างแปง ตํ ทีปกํ ยังดอนรีเลี่ยมที่นั้น มหาถูปญฺจ หื้อเปนมหาเจดียกวมธาตุพระเจ้าไว้หื้อบัวรมวนดั่งอั้น อปฺเปววฺ นาม แม่นชื่อดังรือก็ดี เต นรา อันว่าคนทั้งหลายฝูงนั้น ลเภยฺยํ เพิงได้ ติวิธํ สุขํ ยังสุข ๓ ประการ ทิฆามายุกํ มีอายุยืนร้อยซาวปีแท้ดีหลี อายุขยํ คันนี้ว่าเสี้ยงอายุไนเมืองคน ก็ได้เอาตนเมือเกิดไนเมืองฟ้าแท้จริงแล ด้วยมีแท้ไนเมื่อพระพุทธเจ้าแห่งเรายังทรมานหยู่ ๔๕ วัสสา วันนั้น ยังมีไนกาลวันหนึ่งพระพุทธเจ้า ก็จรเดินไปไนทิสานุทิสทั้งหลาย โดยลำดับประเทสบ้านไหย่เมืองน้อยกับด้วยอรหันตเจ้าทั้งหลาย ๔๐๙ ตน มีเรวตเถร เปนต้น วันนั้นพระพุทธเจ้าก็จรเดินมาแต่เมืองอาเลยยราโม ลุกแต่จอมเขาตะขด มาสังคหะพระยาลัมพกกันนราช ไนชนบทอันชื่อว่า เทพบุรีนิคมที่นั้น แล้วพระพุทธเจ้าก็ เทสนาธรรมสั่งสอนพระยาแล้ว พระพุทธเจ้าก็เจรจากับด้วยเจ้าเรวตเถร ว่าดูราเรวตเถร ไนอนาคตกาลพายหน้า อันถานะที่นี้เสลธาตุแห่งพระตถาคต จักมาตั้งหยู่ที่นี้ ไนเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วนั้น บ่หย่าชะแลว่าอั้น ครั้นว่าพระพุทธเจ้าทำนายสันนี้แล้ว พระก็สเด็ดขึ้นสู่จอมดอยพูทับที่นั้น พระก็สันหมากม่วงหอมแล้ว พระก็เจรจากับด้วยพระอรหันตเจ้าทั้งหลายว่า ไนถานะที่นี้ เสลธาตุแห่งตถาคตจักมาตั้งหยู่มึนชะแลว่าอั้น เมื่อพระพุทธเจ้าอยุ่เหนือจอมดอยที่นั้น ก็รับเอาเข้าบินทบาตแห่งพระยาอาเลยยะได้ ๗ วัน แล้วพระพุทธเจ้ากับอรหันตทั้งหลาย ก็จิ่งมาสู่ดอนรีเลี่ยมหั้นแล เมื่อนั้นยังมี พระยาตนหนึ่งชื่อ สมถะ เปนไหย่แก่เววาทภาสิตทั้งหลาย คือว่าเปนไหย่แก่ชาวลองที่นี้ พระยาตนนั้นกระทำไร่ฝ้ายในดอนรีเลี่ยมที่นั้น มันหันพระพุทธเจ้านั่งหยู่ที่นั้นกับด้วยอรหันตทั้งหลายสันนั้น พระยาก็ยินดีมากนัก พระยาก็เอาถั่ว งา เต้า แตง มาหื้อทานแก่อรหันตทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเปนประธาน แล้วพระยาก็ฟังธัมจำสีลเสี้ยง ๗ วัน และไนวันถ้วน ๘ พระพุทธเจ้าสันเข้าแล้วหยู่หน่อยหนึ่ง พระพุทธเจ้าก็กระทำแย้มไค่หัวหั้นแล เมื่อนั้น เจ้าเรวตเถร จิ่งไหว้และถามเหตุอันไค่หัว แห่งพระพุทธเจ้านั้นว่า ภนฺเตภควา ข้าแต่พระพุทธเจ้า เปนเหตุสันไดพระพุทธเจ้าพอยแย้มไค่หัวนั้นจา ขอพระพุทธเจ้าจุ่งสำแดงเหตุอันนั้นหื้อแจ้งแก่ผู้ข้าทั้งหลายแด่เทอะว่าอั้น ที่นั้นพระพุทธเจ้า จิ่งกล่าวว่าดูราเรวตเถร เกาะอันนี้เปนที่ประเสิดนัก มีน้ำแวดไต้ เหนือ ดั่งอโนดาตสระนั้น ดอนอันนี้จักเปน มหานครอันไหย่พายหน้ามื่นชะแล ดอนอันนี้ยาวได้ ๗๐๐ วา ลวงกว้างได้ ๕๐๐ วา จักเต็มด้วยเรือนแห่งคนทั้งหลายได้ ๔๕๐๐ หลังเรือน จักมีพายหน้ามื่นชะแล คนทั้งหลายจักมาหยู่ในเมืองอันนี้มากกว่าหมื่นพายหน้ามีชะแล อันว่าเทวดาและอรหันต์และท้าวพระยา และคนทั้งหลายก็จักเอา เสลธาตุแห่งตถาคต เมื่อนิพพานแล้วได้ ๒๒๐ ปี มาตั้งไว้ในที่นี้มื่นชะแล ดอนอันนี้เปนที่อุดมยิ่งนัก เปนที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายมาเทสนาธัมอันชื่อว่า สารัมมจิตตสูตร ชุ่ตนแล สูท่านทั้งหลายจงนบขาบไหว้ที่นี้ชุ่คนเทอะ พระพุทธเจ้ากกฺสนธ ก็ดี พระพุทธเจ้าโคนาคมน์ก็ดี พระพุทธเจ้ากัสสปก็ดี แม่นตนกูตถาคตนี้ก็ดี เม่นพระเจ้าอริยเมตไตยตนจักมาภายหน้าก็ดี ก็จักมาเทสนาธัมอันชื่อว่า สารัมมจิตตสูตร ไนที่นี้ชุ่ตนแล พระพุทธเจ้าทำนายสันนี้แล้วก็เทสนาธัมอันชื่อว่า สารัมมจิตตสูตรตามประเวนีแห่งพระเจ้าทั้งหลาย เมื่อก่อนไนที่นั้นเสี้ยง ๗ วัน เมื่อนั้นเทวดาอินทรพรหม นาคครุธทั้งหลายไนหมื่นโลกธาตุก็มาชุมนุมกันไนที่นั้นก็มีแล เมื่อนั้นเจ้านั้นระสีอันหยู่ไนดอยตากฟ้าตะวันตกเมืองเววาทภาสิต ไทยว่าเมืองลองนั้น ก็มาฟังธัมแห่งพระพุทธเจ้า ท่านมีดอกทายเหินสิบสองดอกมาบูชาพระพุทธเจ้าหั้นแล เมื่อนั้นก็กล่าวว่าระสีตนนี้ท่านจักได้บวชเปนภิกขุภาวตนหนึ่งชื่อ จุลเทวเถร ไนเมื่อสาสนาของตถาคตล่วงไปได้ ๒๙๑๙ ปีนั้นมื่นชะแล เมื่อนั้นยังมีพระยาตนหนึ่งชื่อ สัมพหุลี เกิดมาจักได้เปนไหย่เมืองอันชื่อ มีเนยะมื่นชะแล พระยาตนนั้นกับเจ้าภิกขุสองตน ตนหนึ่งชื่อว่า จิตกาโล ตนหนึ่งชื่อ จุลเทว จักเอากันมาส้างที่นี้หื้อ เปนมหาเจดีย์คำ สูงได้ ๒๕ วามื่นชะแลว่าอั้น ไนเมื่อแล้วธัมเทสนาแห่งพระพุทธเจ้านั้น อันว่าคนและเทวดาทั้งหลายก็ได้ธัมวิเสสคือ มัคคผลมากนักก็มีวันนั้นแล พระพุทธเจ้า สำแดงตำนานสถานที่นั้นแล้ว ก็เอาอรหันตทั้งหลายคืนเมือสู่เมืองสาวัตถี วันนั้นแล ปเทสํจาริกกณฺฑํ ปฐมํ ไนเมื่อพระพุทธเจ้านินพานไปแล้วได้ ๒๒๐ ปี วันนั้นยังมีพระยาตนหนึ่งชื่อ สรีธัมอโสกราช กับพระยาเมืองน้อยทั้งหลายเปนบริวารกับทั้งอรหันเจ้า ๕๐๐ ปลายตนหนึ่ง กับเทวดาทั้งหลายก็เอา เสลธาตุเจ้า ๓ องค์ๆ หนึ่งหยู่กระหม่อมพระเจ้า สององค์นั้นหยู่จอมบ่าแห่งพระเจ้า มีสันถานเหมือนดังหินหัวปลาค่อ ปลาช่อนนั้นแล ธาตุ ๓ องค์นั้นไหย่เท่าหน่วยหมากบ้าหนัก ๕ บาท เอามาบรรจุไว้ไนเมืองเววาทภาสิต คือว่าเมืองลองที่นั้นแล ในเมืองลองที่นั้นมี ๓ แห่งแล แห่งหนึ่งชื่อว่า เทวนิคม ไทยว่า ดอยขวยปูแช่ฟ้า แห่งหนึ่งชื่อ บัพพตรัฐ ไทยว่า ดอยภูทบ มีฟากน้ำก้ำวันออก แห่งบ้านอัมพคาม ไทยว่า บ้านม่วงแล แห่งหนึ่งชื่อ ปูรทีปกะ ไทยว่า ดอนรีเลี่ยม คือว่า แหลมรีแล ในที่สามแห่งนี้เปนที่ไว้ธาตุพระเจ้าและลูก และลูกทั้งมวนเปน ๓ พระองค์แล (ภาพข้างล่าง คือพระธาตุดอยปูตั๊บ ที่จังหวัดแพร่ ครับ)
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 14:01:40
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 13:55:33
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 13:52:00
จากคุณ |
:
ศรีวรุณะอิสโร
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ธ.ค. 55 13:49:44
|
|
|
|