ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าโปะหนี้ให้หมดให้เร็วที่สุดก่อนดีกว่าครับ สำหรับบ้านนะครับ ประหยัดดอกเบี้ยได้เยอะ แต่สำหรับรถ ผ่อนต่อปกติครับ เพราะโปะไม่ได้ จะต้องปิดยอดเลย ซึ่งดอกเบี้ยที่ประหยัดมามันไม่ค่อยคุ้มกันเท่าไหร่ จากคุณ : วิญญาณไม่ขายใคร เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:19:43

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่าออมเงินไว้ด้วยดีกว่า เผื่อฉุกเฉิน เหตุการณ์ไม่คาดฝัน จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:30:23

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคิดว่าบ้านที่ผ่อนเนี่ยถือเป็นการออมอย่างนึงนะ ดังนั้นผมไม่อยากให้คิดว่าคุณกำลังทำแล้วไม่มีอะไรเลย จริงๆมันมีครับ บ้านเราก็ได้อยู่ เวลาผ่านไปมูลค่ามันก็ยังมีมากอยู่ เรื่องเก็บเงินเก็บได้ 10% ก็เอาเลยครับ แต่จะเอาเงินไปลงทุนหรือไม่ อันนี้ขอตอบตามฉบับคนสินธรว่าควรครับ แต่ก่อนจะลงทุนแบบไหนอยากให้ลงทุนในความรู้ตัวเองก่อน จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:31:49

ความคิดเห็นที่ 4 โป๊ะหนี้ คิดง่ายๆ เรย ถ้าจำเป็นต้องใช้อะไรอีก   ไว้ค่อยสินเชื่อบุคคลใหม่ก็ยังไม่สาย กูมาเป็นล้านแล้ว โป๊ะหมด ถ้ากู้อีกไม่ได้ก็ไม่น่าเชื่อ จากคุณ : แมลงสาบส่ายหนวดไปมา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:33:58

ความคิดเห็นที่ 5 การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ จากคุณ : yacht7 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:37:14

ความคิดเห็นที่ 6 โปะบ้านก่อนค่ะเพราะดอกเบี้ยมีแต่ขึ้น ส่วนรถผ่อนต่อไปค่ะ จากคุณ : เทียนสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:37:56

ความคิดเห็นที่ 7 โป๊ะบ้านให้หมดเร็วที่สุด เงินสำรองไว้ใช้ซักพอค่าใช้จ่าย 6 เดือนก็พอ รถก็ผ่อนไปปกติ แล้วค่อยคิดเรื่องออม จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:42:23

ความคิดเห็นที่ 8 จ่ายหนี้ 80% อีก 20%เก็บไว้กินครับ ทำอะไรไม่มีหนี้สำหรับผมสบายใจสุดครับ ^^ จากคุณ : ต.เต่าต้วมเตี้ยม เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:43:45

ความคิดเห็นที่ 9 ทำไม ผมกลับคิดว่า เก็บเงินไว้ลงทุนดีกว่าละครับ มีเงินก้อน ถ้าบริหารเป็น จะ +10 +20 +50 % ต่อปี มันก็น่าจะพอไหวไม่ใช่หรือครับ แต่ถ้าโป๊ะบ้าน ชีวิตคุณจะเริ่มอีกที่ หลังจากที่บ้านหมดนะครับ ไม่รู้ว่า 10 หรือ 15 ปี จากคุณ : GoSaI เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:59:18

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าคิดว่าออม 10% นำไปลงทุนแล้วมีรายรับมากกว่าดอกเบี้ยก็เลือก 2 เลย ถ้าน้อยกว่าดอกเบี้ยก็ไปเลือก 1 แต่จะรู้ได้อย่างไรไม่ต้องคิดนาน มันก็ต้องลองทำ 2 ก่อน ถ้ามีทางลงทุนในใจแล้วก็เริ่มเลย สำเร็จไม่สำเร็จ 3-4 เดือนก็รู้แล้ว ว่าจะเลือก 1 หรือ 2 ในระยะยาว จากคุณ : KOHAKU เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:03:54

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าขึ้นอยู่กับว่าถ้าออมเงินแล้วเอาไปลงทุน สามารถได้กำไรเยอะกว่าดอกเบี้ยไหม ถ้าได้เยอะกว่าก็ลงทุนดีกว่าครับ เพราะดอกเบี้ยบ้านมันถูกกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลเยอะมาก ดอกเบี้ยบ้านหลังช่วงโปรไปก็อยู่ที่ 6-8 % เอง แต่ถ้าโปะหมดแล้วกู้สินเชื่อส่วนบุคคล โดนดอก 20% ส่วนตัวผมเองเคยกู้เงินซื้อบ้าน 4 ล้านบาท (แต่บ้านจริงๆราคา 16 ล้าน) พอมีเงิน มีรายได้เข้ามา แต่ผมก็ไม่โปะ เพราะคิดว่าดอกเบี้ยบ้านถูกมาก ผ่อนขั้นต่ำต่อเดือนไปเรื่อยๆ เอาเงินไปลงทุนขยายธุรกิจต่อ ได้กำไรเยอะกว่า 6-8% เยอะกว่ามาก ซึ่งตอนนั้นรายได้ต่อเดือนผมอยู่ที่ประมาณ 5 แสนต่อเดือนเอง จริงๆ 4 ล้านใช้เวลาผ่อนปีกว่าก็คงหมดอ่ะคับ แต่ผมไม่มีเงินไปขยายธุรกิจต่อ และธุรกิจผมก็คงเติบโตช้า ตอนนี้ผ่านมาแค่ 4 ปีกว่า หลังจากที่ยื่นกู้ ผมมีรายได้ต่อเดือนล้านกว่าบาทแล้ว ถ้าผมเอาเงินที่ได้กำไรมาไปโปะเงินกู้บ้าน ไม่ได้เอามาลงทุนต่อ ก็คงยังไปไม่ถึงไหนจริงๆครับ แต่ตอนนี้ผมผ่อนหมดไปแล้วนะครับ เพราะเตรียมตัวจะกู้ซื้อบ้านราคา 17 ล้านเพิ่มอีกหลัง อันนี้แนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัวจริงๆเลยนะคับ ถ้ามีลู่ทางการลงทุนแล้วได้กำไรเยอะกว่าดอกเบี้ยบ้าน ก็เอาไปลงทุนดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 23:38:15 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 23:26:24 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 23:24:55 จากคุณ : ปาปารัสซี่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:04:48

ความคิดเห็นที่ 12 2.จ่ายหนี้ปกติและออมเงินไว้ลงทุน 10% ของรายได้ --------------------------------------------------------------- เหมือนผมเลย แต่ผมอายุ 30 ที่ผมทำผมทำแบบนี้นะครับ 1 เก็บสำหรับสำรองผ่อนรถไว้ 12 เดือน 2 เก็บสำหรับสำรองผ่อนบ้านแบบขั้นต่ำไว้ 12 เดือน 3 เก็บค่ากินไว้อีก 12 เดือน มันเป็นทุนสำรองของชีวิตผมน่ะครับ ทำไงได้เรามันมนุษย์เงินเดือนธรรมดาขอใครก็ไม่ได้ ตอนที่ตกงานจะรู้ว่ามันมีค่ามากนะครับ ผมเคยตกงานมาแล้วรู้ถึงรสชาติชีวิตดี เรื่องผ่อนบ้าน (ตอนนี้อยู่ระหว่างยื่นกู้) ผมวางแผนว่าถ้ายังทำงานจะผ่อนมากกว่าขั้นต่ำ หนึ่งเท่าหรือครึ่งเท่า ให้มันลดต้นมากหน่อย การมีหนี้ผมมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ ถ้าบริหารดีดี มันก็ไม่ได้เดือดรอนเท่าไหร่ เงินออมเป็นเรื่องจะเป็นนะครับ ทั้งเงินออมเผื่อฉุกเฉิน และเงินออมเพื่อการลงทุนในอนาคต เอาเงินไปโปะหนี้หมดเกิดตกงานมาทำไง จะเอาเงินที่ไหนไปลงทุน แนะนำ จากคุณ : คุณชายเอก เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:07:48

ความคิดเห็นที่ 13 วางแผนการเงินก่อนครับ เพราะถ้าโป๊ะหมดสภาพคล่องก็จะหายไป 1 หาเงินกันสำรองประมณ 6 เท่าชองค่าใช้จ่ายก่อน เผื่อเป็นอะไร ตกงานจะได้มีเงินสำรองไว้ (สำคัญมากๆๆๆ) 2 สำรวจดูว่า บ้านที่เราผ่อน รถที่เราส่ง หากเราไม่อยู่ขึ้นมา มีคนต้องรับภาระหรือไม่ ถ้ามี ลองทำประกันหนี้สิน หรือประกันชีวิตครับ 3 เงินที่เหลือ ควรแบ่งครับ เก็บส่วนหนึ่ง โป๊ะส่วนนึง (อาจจะมากกว่าหน่อย) ผมว่าดีกว่านะครับ สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ จากคุณ : นายเก่งเงิน เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:21:09

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนตัวส่งบ้านเรื่อย ๆ ค่ะ มีโบนัส หรือเงินก้อนโปะบ้านก่อน ตอนนี้ อีก 2 ปีก็หมด และค่างวดส่วนใหญ่จะส่ง 2 เท่าของค่างวดที่แบงค์ให้ส่ง ทุกเดือน   รถเราซื้อสดไม่อยากผ่อน  ในเวลาเดียวกันที่ส่งบ้าน มีเงินเหลือ 20-30 % เราก็มาลง ฝากประจำ  ทอง K-gold  สามีลง LTF  ก็ได้ผลตอบแทนไปด้วยระหว่างส่งบ้าน จากคุณ : แกงเหลืองกะไข่เจียว เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 23:33:42

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บด้วย ผ่อนหนี้ด้วยค่ะ..... เพราะอนาคตคุณอาจจะต้องใช้เงินฉุกเฉินก็ได้นะคะ ถ้าคุณไม่มีเงินติดตัวเลย คุณจะรู้สึกว่าขาดสภาพคล่อง ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หายใจไม่ทั่วท้อง สาวๆไม่มอง(^_^)....... ถ้าคุณไม่มีเงินเก็บเลยแล้วคุณตกงาน คุณก็จะส่งค่าบ้านลำบาก อาจจะถึงขาดส่ง บ้านถูกยึดอีก....... เพราะฉนั้น การมีเงินเก็บนั้นอุ่นใจกว่ากันเยอะเลยค่ะ จากคุณ : i love tofu เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:09:09

ความคิดเห็นที่ 16 ปิดหนี้ให้เร็วที่สุดครับ จะได้ประหยัดดอกเบี้ย แถมสบายใจด้วย ^ ^ นอกจากว่า มั่นใจว่าสามารถหาผลตอบแทนได้ดีกว่าที่จ่ายดอกเบี้ยบ้าน อันนั้นข้อยกเว้นนะครับ (แต่จะมีซักกี่คนที่ทำได้กันหว่า) จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:17:05

ความคิดเห็นที่ 17 2-3ปีก่อน ผมก็มีโจทคล้ายๆแบบนี้ครับ รถผ่อนจนหมด บ้านผมเลือกโป๊ะครับ ยอดล้านนึง ดอกจะอยู่ราวๆเดือน5-6พันบาท ปีนึงดอก6-7หมื่น คิดแล้วเสียดาย เลยกัดฟันโป๊ะครับ แล้วค่อยเก็บเอาใหม่ ดีกว่าหาเงินให้แบงค์ เพราะเราไม่รู้นะ ว่าเราจะลงทุน(หุ้น)ได้กำไรเท่านั้นรึเปล่า  แต่ทั้งนี้ไม่กระทบเงินที่ทำธุรกิจครับ นั้นเว้นไว้แล้ว ก็เลยหอบเงินไปคืนแบงค์ซะ ขอบคุณครับTMB ที่ไม่คิดค่าอะไร ส่งหมดก่อน3ปี จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:18:57

ความคิดเห็นที่ 18 #17 เด็กคนนี้ เกิดมาบนกองเงินจริงๆครับ เห็นแล้วอิจฉา จากคุณ : LP. E. no SAINT เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:27:34

ความคิดเห็นที่ 19 โจทย์เหมือนผมกะแฟนเลย ผมเลย   รถก็ส่งไปตามนั้น บ้านก็ดูแยกยอดว่าเงินที่ส่ง ไปแต่ละงวด ดอกเท่าไร  เป็นเงินต้นที่ลดไปเท่าไร แล้วทำตารางคำนวนไปว่ากี่ปี่ส่งหมดหากเราเพิ่มยอดส่งรายเดือน ดูว่าเราพอใจตรงไหน ที่เหลือเก็บออมเป็นเงินสดสำรองโลด จากคุณ : ปลาเสืออ้วน เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 00:35:43

ความคิดเห็นที่ 20 ประเด็นของคุณคือ เมื่อเงินเดือนของคุณ หลังหักค่าใช้จ่าย และจ่ายค่างวดตามปกติแล้ว คุณจะมีเงินเหลืออยู่อีก 10% ซึ่งคุณกำลังตัดสินใจว่า "จะเอาเก็บไว้เป็นเงินออม" หรือ "จะเอาไปลงทุน" เงิน 10% ของคุณที่เหลืออยู่หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น ถือว่าค่อนข้างน้อยมาก อย่าลืมว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ คุณควรมีเงินสำรองเอาไว้ด้วย ดังนั้นผมคิดว่า เงิน 10% คุณควรออมเก็บไว้ก่อน ให้ได้เท่ากับที่คุณสามารถอยู่ได้โดยไม่มีเงินเดือน ไปซัก 6 เดือน ถือเป็นเงินสำรองของคุณ หลังจากนั้น เมื่อคุณมีเงินสำรองมากพอ คุณก็สามารถเลือกได้ว่า จะนำเงินส่วนเกินหลังจากนั้นเดือนละ 10% ไปลงทุน หรือ ไปโปะบ้าน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับคุณเองว่า คุณมีความสามารถทำให้เงินนั้นมันเพิ่มค่าได้รึเปล่า? ถ้าคุณมีความสามารถที่จะนำไปลงทุนให้มันงอกเงยได้ ก็เอาไปลงทุน ถ้าทำไม่ได้ ... อาจจะเพราะไม่มีเวลาว่างพอจากการทำงานประจำ ก็เอาไปโปะบ้าน ... แค่นั้นเอง จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 01:05:38

ความคิดเห็นที่ 21 เสนอให้ผ่อนบ้านให้เยอะขึ้นและออมเงิน พอเงินออมมากถึงจุดหนึ่งก็แบ่งไปลงทุนระยะสั้นครับ ตอนนี้คุณอายุ 28 ปี ถ้าคุณยังไม่แต่งงานคุณก็คงจะต้องแต่งภายใน 7 ปี (ก่อนอายุ 35) ถึงตอนนั้นคุณต้องใช้เงินก้อนใหญ่และเงินออมจะช่วยคุณในตอนนั้นครับ จากคุณ : KWM-2A (KWM-2A) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 01:33:47

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ผมแต่งงานแล้ว มีลูกสาววัย 3 ขวบ 1 คนครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ จากที่ฟังทุกท่านผมคิดว่าจะเก็บเงินไว้สำรองก่อน เพราะตอนนี้ไม่มีเงินเก็บเลย จะเริ่มเก็บตั้งแต่เดือนนี้เลยครับ เอาตามเพื่อน ๆ นี้แหละ 1 เก็บสำหรับสำรองผ่อนรถไว้ 6 เดือน 2 เก็บสำหรับสำรองผ่อนบ้านแบบขั้นต่ำไว้ 6 เดือน 3 เก็บค่ากินไว้อีก 6 เดือน หลังจากเก็บเงินได้เท่านี้แล้ว จะนำเงิน 10% จากที่เราจะออมไปโป๊ะบ้านครับ ปัจจุบันผมทำธุรกิจส่วนตัวครับ รายได้ประมาณ 30,000/ เดือน อยู่ตจว. ต้องหาเลี้ยงลูกและภรรยาด้วยครับ ฝันว่าซักวันจะมีเงินเก็บหลักล้าน ก่อนอายุ 45 ปี สู้ ๆ ครับ จากคุณ : Piboonsak เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 06:57:18

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับคุณความเห็น # 11 ครับ โปะบ้าน ถ้าเงินนอนอยู่ในแบงค์ไม่ได้เอาไปทำอะไรให้มันงอกเงย ก็โปะ            แต่ถ้ามีช่องทางเอาไปบริหารแล้วงอกเงยมากกว่า ก็อย่าโปะครับ จากคุณ : แมงปอล้อลม เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 07:44:48

ความคิดเห็นที่ 24 โปะหนี้ก่อนครับการจะบริหารเงินให้กำไรที่ได้สูงกว่าดอกเบี้ยจากหนี้นั้นยากครับ จัดการหนี้ก่อน จากคุณ : Fernando_Sor เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 08:09:02

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าหนี้บ้านดอกเบี้ยแค่ 6% ยังไงๆ ก็สู้ง่ายกว่าหนี้อย่างอื่นนะครับ แต่ถ้าเราไม่มีเงินสดอยู่ในมือเลย ผมว่ามันไม่มั่นคงอะครับ ถ้ายังไงลองเก็บเงินสดไว้ก่อนครับ ธุรกิจที่ได้กำไรมากกว่า 6% ต่อปี มีเยอะแยะครับ ยกตัวอย่างเช่น ซื้อมาขายไป สินค้าทั่วไปได้ประมาณ 20-25% ต่อรอบ ถ้าเดือนนึงหมุนได้ครบรอบ ปีนึงก็ได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาคือ พอเงินเยอะขึ้นแล้ว มันจะหมุนรอบได้ช้าลง ขายอาหาร ทั่วไปได้ประมาณ 50-100% ต่อรอบ พวกงานรับเหมาก่อสร้าง ได้ประมาณ 20 - 50% ปูนผสมเสร็จกระสอบละ 120  ค่าทรายอีกประมาณ 100 เอามาเทพื้น ทำงานชั่วโมงเดียว ได้ 1000 บาท การทำงานที่ใช้ฝีมือเยอะๆ บวกต้นทุนน้อยๆ แต่ให้กำไรดีมีเยอะแยะครับ เชื่อว่าธุรกิจของคุณน่าจะเป็นตัวหนึ่งที่ให้กำไรเยอะ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 09:01:42

ความคิดเห็นที่ 26 ลูกน่ารักมาก คุณทำได้แน่นอน เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (ข้าวตังหน้าตั้ง) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 09:10:25

ความคิดเห็นที่ 27 ตามประสบการณ์ของผม ผมผ่อนบ้านให้หมดก่อนครับ แล้วมาซื้อรถ จากนั้นก็เริ่มเก็บเงินลงทุน เหตุผลคือ  ป้องกันความเสี่ยงถ้าเราหมดหนี้ เราก็ไม่กลัวเรื่องการลงทุนในหุ้น หรือลงทุนอื่นๆ  เพราะดอกเบี้ยจากหนี้ต้องจ่ายแน่นอนไม่มีวันหยุด ส่วนลงทุนอาจจะได้หรือเสีย ถ้าเสียเหตุการเลวร้ายจะเข้ามาตลอด  การลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไปครับ สรุปล้างหนี้ให้หมดก่อนครับ จากคุณ : แจ้ห่ม47 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 09:22:58

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่ทนเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพื่อลูกนี้แหละครับ อยากให้เค้าได้เรียนสูงที่สุดเท่าที่เค้าอยากเรียน เพราะผมคงให้เค้าได้แค่การศึกษานี้แหละครับ สมบัติก็คงมีแค่บ้านหลังที่ผมกำลังผ่อนนี้แหละให้เค้า ผมจึงอยากมีเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่โดยไม่เป็นภาระลูก ลูกจะได้ตั้งตัวได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องคอยห่วงพ่อแม่ จากคุณ : Piboonsak เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 10:21:13

ความคิดเห็นที่ 29 มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอนาคตข้างหน้าคุณวางเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไร หรือจะเป็นอะไร ถ้าคุณต้องการเป็นเถ้าแก่ เจ้าของกิจการห้างร้าน คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะคิดแบบหนึ่ง  แต่ถ้าคุณต้องการเป็นลูกจ้างพนักงานบริษัท ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และต้องการความก้าวหน้าในอาชีพเดิมที่ทำอยู่ คนกลุ่มนี้ก็จะคิดไปอีกแบบหนึ่ง ถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านบาทไปถามคนสองกลุ่มนี้ คุณจะได้คำตอบที่ตรงข้ามกันเลย สำหรับคนเป็นเจ้าของกิจการแล้ว เงินสดถือว่าเป็นอะไรที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ คนกลุ่มนี้ทำยังไงก็ได้ให้มีเงินสดอยู่ในมือให้มากที่สุด เพราะมันหมายถึงสภาพคล่อง ที่เขาต้องพยายามรักษาไว้ให้กับกิจการให้มันดำเนินการได้ และสามารถนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่านำไป โปะหนี้โปะสิน หนี้สินสำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ ถือว่าเป็นเรื่องปกติคนที่ทำธุรกิจแล้วไม่มีหนี้นี่ซิถือว่าผิดปกติบาง คนบางคนมีเงินเป็นร้อยๆ ล้าน ซื้อรถยนต์ราคาไม่กี่แสนยังผ่อนไม่ซื้อสดเลย เพราะคนกลุ่มนี้มักมีนิสัยในการบริหารหนี้ที่เก่งและเล่นกับส่วนต่างของเงินได้เก่งกว่าคนกลุ่มที่สอง เพราะฉะนั้นการมีหนี้หนี้สำหรับคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ถ้ามีเงิน 1 ล้านบาท ไปถามคนกลุ่มนี้ ผมเชื่อเหลือว่าส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเอา ไปลงทุนหมุนเวียนกับกิจการ เรื่องหนี้สินก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามเดิมนั่นแหละ แต่ต้องรักษาเครดิตเอาไว้ให้ดีอย่าให้เสีย กลุ่มที่สองก็คือกลุ่มใหญ่สุดของสังคมนี้ คือพนักงานบริษัท ข้าราชการ ลูกจ้างทั่วไป คนกลุ่มนี้ การเป็นหนี้สินถือว่ามันเป็นอะไรที่ภาระ ที่ทำยังไงก็ได้ ที่จะปลดแอกมันออกไปให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือถ้าไม่มีภาระเรื่องของหนี้สิน ก็จะต้องมีเก็บเงินในรูปแบบที่มีความมั่นคงสูงเช่นฝากแบงค์กินดอก ซื้อพันธบัตร ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงสูง สลากออมสิน ซื้อหุ้นตัวที่มีพื้นฐานดีๆ หรือซื้อทองคำเก็บไว้ ถ้าคุณมีเงิน 1 ล้านบาทแล้วถามคนกลุ่มนี้ ผมเชื่อว่าคำตอบแรกๆ ที่ได้รับก็คือการปลดหนี้และก็ตามมาด้วยการออมรูปแบบดังกล่าวที่ว่ามา เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดว่าต้องการเป็นเถ้ากี่ก็ควร สำรองเงินสดเอาไว้ก่อน อาจจะฝากธนาคารหรือทำอะไรก็ได้ที่มันพร้อมนำออกมาใช้ได้ทันท่วงที เพราะบางทีโอกาสมันเข้ามาในขณะที่เรายังไม่พร้อมมันก็ทำให้เราเสียโอกาสไป แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณไปทำแบบนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันจะกลายเป็นว่า คุณต้องไปนั่งจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งๆ ที่เงินก้อนที่เก็บเอาไว้ ก็ไม่ได้เอาไปทำอะไรให้มันงอกเงยขึ้นมาเลย เพราะยังไงๆ ดอกเบี้ยเงินกู้มันก็ต้องสูงกว่าดอกเบี้ย เงินฝากอยู่วันยังค่ำนั่นแหละค่ำแหละครับ ถ้าเป็นแบบหลังนี้คุณควรเคลียร์หนี้ก่อนจะดีกว่า จากคุณ : vars เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 14:13:15

ความคิดเห็นที่ 30 อืม....สำหรับหนี้ ผมว่าไม่ต้องรีับโปะครับ ส่งตามงวดไป เอาเงินที่จะโปะไปลงทุนหรือสร้างประโยชน์ให้เกิดดอกผลงอกเงยดีกว่าครับ เมื่อมีมากๆ ก็ค่อยเจียดมาโปะทีละนิด ลองคิดดูสิครับ ถ้าลงทุนแล้วเกิดประโยชน์กว่าเดิม เราอาจปลอดหนี้เ็ร็วกว่าก็ได้ (การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่มีโอกาสได้ครับ) จากคุณ : thawatch27 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 15:09:17