ความคิดเห็นที่ 1 ข่าว Hot วันจันทร์... SET กระทิงดุทะลุ 1315 จุด!! New High ส่งท้ายเดือนพฤศจิกายน ดัชนี SET ในระหว่างวันขึ้นมาสูงสุดอยู่ที่ 1,328.27 จุดทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีนี้ และอ่อนตัวเล็กน้อยมาปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,324.04 จุด เพิ่มขึ้น +14.47 จุด หรือ +1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 77,598.25 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -1,599.50 ล้านบาท - บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +2,196.12 ล้านบาท - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +3,851.75 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -4,448.38 ล้านบาท นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูนะ พัฒนสิน บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีลุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม อัตราบวกอาจไม่เท่าสัปดาห์นี้ที่ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเกือบ 40 จุด จากระดับ 1,286-1327 จุด เนื่องจากสัปดาห์หน้าตลาดหลักทรัพย์ฯทำการซื้อขายเพียง 4 วันทำการ ส่วนปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย. โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.22% ในเดือนพ.ย. ค่อนข้างทรงตัว และดอกเบี้ยน่าจะผ่อนคลายต่อไป ส่วนประเด็นความคืบหน้าคดี 3จีต้องติดตามต่อไป นายชัย บอกอีกว่า จากสถิติย้อนหลัง 3 ปี สัปดาห์แรกของเดือนธ.ค. SET จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขายทำกำไร โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,335-1340 และรอซื้อกลับเมื่ออ่อนตัว โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,310 จุด จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ดังนี้ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,314-1,330 จุด หุ้นเด่น TOP บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,320-1,335 จุด หุ้นเด่น KCAR บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,310-1,335 จุด หุ้นเด่น QH ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....-new-high.html จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:18:41

ความคิดเห็นที่ 2 ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 84 ​เซนต์ จับตาหารือหน้า​การคลังสหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น​เมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) หลัง​การซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ตลาดยังคง​ให้​ความสน​ใจกับ​การหารือ​แก้​ไขปัญหาหน้าผาทาง​การคลัง (fiscal cliff) ​ในสหรัฐ ​และข่าวที่​เกี่ยวข้องกับ​การหารือจะปัจจัยที่ผลักดัน​ความ​เคลื่อน​ไหวของตลาด สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบ​เดือนม.ค.ปิดดีดตัวขึ้น 84 ​เซนต์ ​หรือ 0.95% ​แตะที่ 88.91 ดอลลาร์/บาร์​เรล ​โดยพุ่งขึ้น 2.67 ดอลลาร์ ​หรือ 3.10% ​ใน​เดือนพ.ย. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ (BRENT) ส่งมอบ​เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดปรับขึ้น 47 ​เซนต์ ​หรือ 0.42% ที่ 111.23 ดอลลาร์/บาร์​เรล ​โดยพุ่งขึ้น 2.53 ดอลลาร์ ​หรือ 2.33% ​ใน​เดือนพ.ย. ​ซึ่งนับ​เป็น​การปรับ​เพิ่มขึ้น​ในราย​เดือน​เป็นครั้ง​แรกนับ​แต่​เดือนส.ค. นายจอห์น ​โบห์​เนอร์ ประธานสภา​ผู้​แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ​การหารือระหว่างพรรค​เด​โม​แครต​และพรรครีพับลิกัน​เผชิญกับทางตัน ขณะภาวะหน้าผาทาง​การคลังที่อาจจะ​เกิดขึ้น​ใน​เร็วๆนี้ส่งผล​ให้ราคาน้ำมันมี​ความ​ไม่​แน่นอนมากขึ้นนั้น นักลงทุน​ได้ขานรับข้อมูล​เศรษฐกิจ​เชิงบวกของสหรัฐที่มี​การ​เปิด​เผย​เมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ​เปิด​เผยว่า ​การ​ใช้จ่าย​ผู้บริ​โภคประจำ​เดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.2% ​ทำสถิติร่วงลงครั้ง​แรก​ในรอบ 5 ​เดือน ​เนื่องจาก​การขยายตัวของราย​ได้หยุดชะงัก ​และจากผลกระทบของพายุ​เฮอริ​เคน​แซนดี้ที่พัดถล่มสหรัฐ​เมื่อปลาย​เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสถาบันจัด​การด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ​ในชิคา​โก​เปิด​เผยว่า ดัชนี​ผู้จัด​การฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค​การผลิต​เขตชิคา​โก​เพิ่มขึ้น​แตะ 50.4 ​ใน​เดือนพ.ย. ​ซึ่งป็น​การขยายตัวครั้ง​แรกของภาค​การผลิตนับ​แต่​เดือนส.ค. ราคาน้ำมันโลก ย้อนหลัง 70 ปีปี 1940 - 2008 นอกจากนี้ ​เทรด​เดอร์ยังคงจับตาดู​ความตึง​เครียด​ในตะวันออกกลาง ขณะที่​การประท้วง​ในอียิปต์ยังคงดำ​เนินต่อ​ไป​เมื่อวันศุกร์ ​และ​ความ​เป็น​ไป​ได้ที่​ความ​ไม่สงบจะทวี​ความรุน​แรงขึ้น​ในซี​เรีย​ก็จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน​ในภูมิภาคดังกล่าว สำหรับปัจจัยจากทางยุ​โรปนั้น สภาล่างของ​เยอรมนี (Bundestag) ​ได้อนุมัติข้อตกลงที่มี​เป้าหมาย​เพื่อลดภาระหนี้ของกรีซ​และช่วย​ให้กรีซ​ไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้ รวม​ถึงยังคงสมาชิกภาพ​ในยู​โร​โซนต่อ​ไป​ได้ ​ซึ่งช่วยผ่อนคลาย​ความกังวล​เกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของยู​โร​โซน ​แต่อัตราว่างงาน​ในยู​โร​โซน​เพิ่มขึ้น​แตะระดับสูงสุด​เป็นประวัติ​การณ์ที่ 11.7% ​ใน​เดือนต.ค. ​ซึ่งยิ่ง​เพิ่ม​ความวิตก​เกี่ยวกับภาวะถดถอย http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38552 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:19:36

ความคิดเห็นที่ 3 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $16.8 ขณะหารือ​การคลังสหรัฐยัง​ไม่มีข้อสรุป สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง​เมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) ขณะที่​ความขัด​แย้ง​เกี่ยวกับข้อตกลง​เพื่อ​เลี่ยงภาวหน้าผาทาง​การคลัง​ในสหรัฐยังคงดำ​เนินต่อ​ไป สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนก.พ..ปิดรูดลง 16.8 ดอลลาร์ ​หรือ 0.97% ที่ 1,712.7 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนมี.ค..ปิดร่วง 1.152 ดอลลาร์ ​หรือ 3.35% ที่ 33.279 ดอลลาร์ ​และสัญญา​โลหะทอง​แดงส่งมอบ​เดือนมี.ค.ปิดดีดขึ้น 4.45 ​เซนต์ ​หรือ 1.2% ที่ 3.65 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนม.ค.ปิดลบ 14.90 ดอลลาร์ ​หรือ 0.9% ที่ 1,604.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนมี.ค.ปิดบวก 0.75 ดอลลาร์ ​หรือ 0.1% ปิดที่ 688.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ​ในสัปดาห์นี้ สัญญาทองส่งมอบ​เดือนก.พ.ร่วงลง 2.3% ​และปรับตัวลง 0.5% ​ใน​เดือนพ.ย. นักวิ​เคราะห์กล่าวว่า ​การ​เจรจา​เพื่อคลี่คลายปัญหาหน้าผาทาง​การคลัง​ในสหรัฐยังคงมีอิทธิพลต่อ​ความ​เชื่อมั่นของนักลงทุน ​โดยตลาดทองวิตกว่าจะ​ไม่มี​แนวทาง​แก้​ไขปัญหาดังกล่าว หากภาวะหน้าผาทาง​การคลังส่งผล​ให้​เกิดภาวะถดถอยอีกครั้ง ดอลลาร์จะทะยานขึ้น ​ซึ่งมี​แนว​โน้มจะ​เป็นปัจจัยลบต่อทอง นายจอห์น ​โบห์​เนอร์ ประธานสภา​ผู้​แทนราษฏรสหรัฐกล่าว​เมื่อวันศุกร์ว่า​การหารือปัญหาหน้าผาทาง​การคลังระหว่างพรรครีพับลิกัน​และฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีบารัค ​โอบามา​เผชิญกับภาวะชะงักงัน ส่วนสัญญาทอง​แดงล่วงหน้าพุ่ง​แตะระดับสูงสุด​ในรอบ 6 สัปดาห์​เมื่อวันศุกร์จากสัญญาณ​เกี่ยวกับอุปสงค์ที่​เพิ่มขึ้นจากสหรัฐ​และจีน ​ซึ่ง​เป็น​ผู้บริ​โภคทอง​แดงราย​ใหญ่ของ​โลก นักวิ​เคราะห์กล่าวว่าราคาทอง​แดงที่พุ่งขึ้นสะท้อน​ถึงมุมองของตลาดที่ว่าอุปสงค์จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก​ในปีหน้า จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:27:09

ความคิดเห็นที่ 4 Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง 3 ธันวาคม 2555 General News ----------------- • สภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี มีมติเห็นชอบให้เงินกู้งวดใหม่ต่อกรีซวงเงิน 44 พันล้านยูโร (57 พันล้านดอลลาร์) โดย รมว.คลังเยอรมนี ยืนยันว่าจำเป็นที่กรีซจะต้องได้รับความช่วยเหลือตามที่ยูโรโซนได้เห็นชอบไว้ • อัตราการว่างงานยูโรโซนเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11.7% จาก 11.6% ในเดือนก่อนหน้า หลังมาตร การลดขาดดุลงบประมาณส่งผลให้เลิกจ้างมากขึ้น ประกอบกับวิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่คลี่คลาย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนในเดือน พ.ย.ลดลงมาอยู่ที่ 2.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี • อัตราว่างงานอิตาลีเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ 11.1% ทำสถิติพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจลดการจ้างงานหลังจากที่อิตาลีเผชิญภาวะถดถอยเป็นปีที่ 2 ส่วนอัตราว่างงานของโปรตุเกสเพิ่มขึ้น 0.1% ไปแตะ 16.3% ในเดือน ต.ค. • เวลส์ ฟาร์โก บริษัทให้บริการทางการเงินรายใหญ่ เปิดเผยว่า ธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐกำลังวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับ Fiscal Cliff ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งยังไม่มีสัญญาณการคลี่คลายปัญหา และยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ซึ่งการปรับเปลี่ยนนโยบายและภาษีอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและรายจ่ายในการดำเนินงาน • ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมต.คลังสหรัฐ เสนอแผนหลีกเลี่ยง Fiscal Cliff ต่อ จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินอย่างน้อย 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคาดหวังว่าแนวทางการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด Fiscal Cliff (การขึ้นภาษีและตัดลดงบประมาณรายจ่ายวงเงินรวมกว่า 600 พันล้านดอลลาร์) จะเจรจาหาทางออกกันได้สำเร็จ • ดัชนียอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 5.2% มาอยู่ที่ 104.8 จุด หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่าตลาดบ้านสหรัฐกำลังฟื้นตัวได้มั่นคงขึ้น โดยผู้ซื้อเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและกล้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น อันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาบ้านที่มีเสถียรภาพ และการบังคับจำนองที่ลดลง • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ ติดลบ 22 จุด จาก ติดลบ 30 จุด ในเดือน ต.ค. หลังภาคครัวเรือนมีฐานะการเงินและความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดังกล่าวกำลังสวนทางกับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของ ธ.กลางอังกฤษ ซึ่งได้ลดประมาณการเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงต้นเดือน • จีน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 50.6 จาก 50.2 ในเดือน ต.ค. ป็นการปรับตัวขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน แสดงว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีการปรับตัวขึ้นปานกลาง และมีลดสต็อกน้อยลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า • ศูนย์วิจัยการเงินแห่ง ธ.แบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของภาคธนาคารจีนจะขยายตัวช้าลงในปีหน้า โดยจะขยายตัวเป็นเลขหลักเดียว อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปดอกเบี้ยที่ธ.กลางจีนลดลง 2 ครั้งในเดือน มิ.ย.และ ก.ค. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว • นักเศรษฐศาสตร์ที่อิโตชูคอร์ป ชี้ว่า เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 1% ที่ BOJ ได้กำหนดไว้ยังคงห่างไกล เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือน ต.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ 4.2% ไม่เปลี่ยนแปลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 • ยอดค้าปลีกญี่ปุ่นเดือน ต.ค.หดตัวสูงสุดในรอบ 11 เดือน หรือลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากยอดซื้อสินค้าหมวดรถยนต์และโทรทัศน์หดตัวลง เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นจากสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว • สโกเทียแบงก์ ได้รับรางวัล “ธนาคารระดับโลกแห่งปี” และ “ธนาคารแห่งปีประจำทวีปอเมริกา” จากนิตยสารเดอะแบงค์เกอร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารสัญชาติแคนาดาได้รับ 2 รางวัลข้างต้น โดยพิจารณาจากความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นและสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ • สหรัฐ เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือเตรียมทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในสัปดาห์นี้ หลังตรวจพบการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ไปยังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกการปล่อยดาวเทียมตรวจการณ์เนื่องจากพบข้อผิดพลาดทางเทคนิค ขณะที่ญี่ปุ่นขอความร่วมมือจากชาติต่างๆ ในการกดดันให้เกาหลีเหนือหยุดการยิงจรวดส่งดาวเทียม • เวียดนาม ตั้งเป้าหมายลดอัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 6% ในปีหน้า ซึ่งจะต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลังคาดว่า อัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 7% และการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีข้างหน้า และรัฐบาลจะเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กับเพิ่มทุนให้กับธนาคาร • เศรษฐกิจอินเดียไตรมาส 3 ขยายตัว 5.3% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 ปี และต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่เป็น 5.4% ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัว 5.5% ซึ่งตอกย้ำถึงความเร่งด่วนในการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเร่งรัดนโยบายส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจ • เจแปน แอร์ไลน์ (JAL) วางแผนจ้างวิศวกรจบใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2557 ซึ่งถือเป็นการจ้างพนักงานในตำแหน่งดังกล่าวครั้งแรก หลังจากที่บริษัทหยุดจ้างไปเพราะล้มละลายเมื่อปี 2553 • โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เรียกร้องให้พนักงานเก่าแก่ในสหรัฐปลดเกษียณตัวเองจำนวน 2,000 คน หรือ 10% ของพนักงานโตโยต้าทั้งหมดในสหรัฐ เพื่อรับพนักงานรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน • ธปท. ไม่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้มีรายได้น้อยก่อหนี้เกินตัว พร้อมขอให้ธ.พาณิชย์ลดการโฆษณาเพื่อจูงใจให้ก่อหนี้ลง โดยธปท.ได้เตรียมประเมินการขยายตัวของสินเชื่ออย่างใกล้ชิดว่าเกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อกลุ่มใด ซึ่งถ้าเป็นการขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังถือว่าดีอยู่ สำหรับสินเชื่อภาคธุรกิจยังขยายตัวในระดับสูงที่ 12%ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการลงทุนเป็นหลัก • รมว.คลัง ตั้งเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ให้ขาดดุลเหลือ 2.25 แสนล้านบาท หรือเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า 2% ของ GDP โดยเน้นเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 มียอดขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดดุลเกินระดับ 3% ของ GDP • ธปท.เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ต.ค. โดยการบริโภคและการลงทุนขยายตัวในเกณฑ์ดี การส่งออกเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอลงก็ตาม นอกจากนี้ อัตราว่างงานก็ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อชะลอลงเล็กน้อยจากราคาอาหารเป็นสำคัญ สำหรับการส่งออกในปีนี้คาดว่ายังอยู่ที่ 4.4% โดยจะขยายตัว 9% ในปีหน้า Equity Market ------------------ • SET Index ปิดที่ 1,324.04 จุด เพิ่มขึ้น 14.47 จุด หรือ +1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 77,585 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,852 ล้านบาท • นักวิเคราะห์ต่างคาดว่าในสัปดาห์นี้ SET Index จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นความคืบหน้าของมาตรการแก้ปัญหาทางการคลังของสหรัฐ (Fiscal Cliff) ซึ่งสหรัฐเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติเร่งทำข้อตกลงและหลีกเลี่ยง Fiscal Cliff ซึ่งคาดว่าเดโมแครตกับรีพับลิกันจะลงนามในข้อตกลงด้านการคลังได้ในเร็วๆ นี้ Fixed Income Market --------------------------- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.06% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี วงเงินรวม 110,000 ล้านบาท • ธปท. ชี้ว่า ภาวะเงินทุนไหลเข้ายังปกติ หลังจาก กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ต่อปี และยืนยันว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามาในประเทศก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ แต่ยังขึ้นกับหลายปัจจัย อย่างเช่น กรณีฮ่องกงที่ดอกเบี้ยต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐ แต่เงินก็ยังไหลเข้ามามาก Guru Corner --------------- • Jim Rogers ---------------- ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่นั่นก็ไม่แปลกเลย เพราะเมื่ออะไรพังลงไปแล้วก็มีวันฟื้นขึ้น มาได้เสมอไม่ทางใดทางหนึ่ง มันยากที่จะพูดออกไปตรงๆ เพราะผมเป็นพลเมืองอเมริกัน เป็นคนอเมริกันที่จ่ายภาษี เป็นพลเมืองอเมริกันที่ออกเสียงเลือกตั้ง แต่ผมเชื่อว่าสหรัฐกำลังอยู่ในทศวรรษแห่งความสูญเปล่าในเรื่องของตลาดหุ้น การจ้างงาน หรือการผลิตภาคอุตสาหกรรม ผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังฟื้นขึ้นอย่างแท้จริง ผมต้องรับความจริงในข้อนี้เพราะไม่เช่นนั้ผมอาจล้มละลายได้ ผมเคยยากจนมาก่อน และผมไม่ชอบมันเลย ผมไม่อยากกลับไปยากจนอีกครั้ง ผมจึงต้องรับความจริง ในช่วงต้นที่ผมมีอาชีพเป็นนักลงทุนนั้น ผมเชื่อว่าคนอื่นที่ประสบผลสำเร็จรู้มากกว่าผม ผมเลยพยายามก๊อปปี้การลงทุนของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของคนเหล่านั้น ผมเลยเลิกทำตามแบบคนอื่นและพบแนวทางที่ทำให้ประสบความสำเร็จเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมฟังเหตุผลของตนเองมากกว่าไปเชื่อและทำตามคนอื่น • Peter Schiff ----------------- อันตรายที่แท้จริงของสหรัฐไม่ใช่การตกหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) แต่เป็นการที่ไม่ยอมตกลงไป เพราะมันจะทำให้เป็นหนี้และขาดดุลงบประมาณมากขึ้น http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38550 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:28:17

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่อากาศที่แจ่มใสครับ จากคุณ : พันเกลียว เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:36:52

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38553 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:55:50

ความคิดเห็นที่ 7 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38509 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 07:56:42

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีค่ะคุณฮัท คุณพันเกลียว และทุกท่านที่จะตามมา จากคุณ : Kading เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 08:08:49

ความคิดเห็นที่ 9 รวมข่าวหุ้นเช้าวันจันทร์ สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น 'CCET' ปั๊มผลงานปี 55 พุ่ง 250% HP ดันราคาหุ้นชนบุ๊ก 3.78 บาท CCET ส่งซิกงบ Q4/2555 โตแรง หลังออเดอร์ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลียทะลัก ส่องรายได้ทั้งปี 2555 กระฉูด 1.70-1.75 แสนล้านบาท กางแผนปี 2556 สร้างโรงงานใหม่จากกำลังผลิตทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศเต็มพิกัดแล้ว แถมเซ็นสัญญา HP ดันกำไรรายได้โตเท่าตัว กูรูแย้มปี 2555 กำไร 1.8 พันล้านบาท EPS พุ่ง 0.45 บาท หรือโตกว่า 250% เป้าวิ่งชนบุ๊ก 3.78 บาท 'EE' ปลดล็อกแคชบาลานซ์ เอทานอลหนุนกำไร 1.72 พันล. EE ดี๊ด๊าหลังหลุดแคชบาลานซ์วันนี้ ขึ้นแท่นหุ้นเทิร์นอะราวนด์ อานิสงส์ธุรกิจเอทานอลและ CBG หนุน เติบโตระยะยาวภายในปี 2558 ปั๊มกำไร 1.72 พันล้านบาท โชว์ EPS 0.62 บาท ส่วนไตรมาส 4/2555 รุ่งโรจน์ แย้มปี 2555 พลิกทำกำไรรอบหลายปี กูรูแนะสอยเข้าพอร์ตก่อนวิ่งชนเป้าหมาย 3 บาท SINGER กำไรปีนี้เฉียด 300 ล. พุ่งเป้ารายได้ปี 56 โตแตะ 20% SINGER โบรกส่องกำไร ทั้งปี 2555 เฉียด 300 ล้านบาท ส่วนปีหน้าผลงานโตก้าวกระโดด แนะสอยให้เป้าเหมาะสม 22.40 บาท ฟากผู้บริหาร "บุญยง ตันสกุล" ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 15-20% ชัวร์ ฟากเทคนิคแนะเป็นจังหวะดีเข้าลงทุนให้ต้าน 19.00 บาท MINT น่าสอยอัพไซด์เพียบ ส่งซิกกำไรปีนี้ทุบสถิติใหม่ MINT โบรกมองเชิงบวก ส่องกำไรปี 2554-2557 โต 30% อัตรานักท่องเที่ยวเข้าไทยล้นหลาม ดันธุรกิจโรงแรมโตเต็มสูบ เคาะเป้า 24.50 บาท Upside 24.36% ด้าน "ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์" ลุ้นกำไรปีนี้ทุบสถิติใหม่ พร้อมคาดปีหน้าจ่ออัพราคาค่าห้องเพิ่มเฉลี่ยมากกว่า 5% ฟากเทคนิคจับเส้นกราฟ แนะ "เก็งกำไร" ให้ต้านชน 21 บาท PERM ส่งท้าย Q4 ผลงานพีค สัญญาณเทคนิคฟื้น-ต้าน 1.05 บ. PERM ไตรมาส 4/2555 ธุรกิจโดดรับช่วงไฮซีซัน แย้มยอดขายเหล็ก 9 เดือนกว่า 2,000 ตัน มั่นใจผลงานทั้งปีโตตามนัด ที่ 10% จากปีก่อน ทำไว้ 4.7 พันล้านบาท เดินหน้าศึกษาแผนลงทุนพม่า ฟากโบรกส่องเทคนิคฟื้นตัว แนะ "เก็งกำไร" ให้ต้าน 1.05 บาท เปิดขายซองไอพีพี 20 ธ.ค.นี้ EGCO ปันผลงาม-เป้า 136 บ. กระทรวงพลังงาน เตรียมเปิดขายซองประมูล IPP 5,400 เมกะวัตต์ 20 ธันวาคมนี้ และประกาศรายชื่อผู้ชนะได้ มีนาคม-มิถุนายน 2556 ฟากโบรกชู EGCO เด่นปันผลสม่ำเสมอคาดจ่ายปีนี้ 5.50 บาท หากชนะประมูลโรงไฟฟ้า IPP จำนวน 1 โรงไฟฟ้าเพิ่มมูลค่าอีก 12.90 บาท บวกแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเคซอนเพิ่มราคาหุ้นอีก 2.60 บาท แนะ "ถือ" เป้า 136 บาท RPC ลุยธุรกิจอสังหาถือหุ้นสัมมากร 22.54% RPC เผยเข้าถือหุ้น "สัมมากร" 22.54% รุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดปีหน้าส่งตัวแทนเข้านั่งบริหาร เล็งเห็นธุรกิจมีความเสี่ยงน้อย และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า ส่วนธุรกิจเหมืองแร่โปแตช รอความชัดเจนจากรัฐบาล TTW ตั้งงบปี 5 ปี 2.38 หมื่นล. ปีหน้ารายได้แตะ 6 พันลบ. TTW ตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 56-60) จำนวน 2.38 หมื่นล้านบาท แม้ส่วนใหญ่ยังเป็นการลงทุนในธุรกิจน้ำประปา แต่ที่เหลือจะลงทุนในธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ส่วนปีหน้าคาดรายได้แตะ 6 พันล้านบาท ลุยธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และลมและเตรียมออกหุ้นกู้ 1.8 พันล้านบาท EASON ตั้งเป้าปี 56 โตขั้นต่ำ 10% แย้มไตรมาส 4/5 ออเดอร์แกร่ง EASON ตั้งเป้าปี 2556 รายได้รวมเติบโตอย่างน้อย 10% แย้มไตรมาส 4/2555 ออเดอร์ยังแรงต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปี 2555 โตไม่ต่ำกว่า 20% รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวสูง ส่วนการตั้งบริษัทในอินโดนีเซียอยู่ระหว่างดำเนินการคาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/2556 เล็งปรับสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่ม 50% จาก 10% TTA ชูแนวโน้มกำไรปี 56 วิ่งฉิวน้ำมัน-ก๊าซดัน TTA แย้มแนวโน้มธุรกิจปี 2556 ไปได้สวย ส่องกล้องธุรกิจ โทรีเซนชิปปิ้ง และเมอร์เมด สัญญาณการปรับตัว-พื้นฐานการดำเนินงานฟื้นตัว หลังอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขาขึ้น ชี้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,974 ล้านบาท หรือสูงกว่าปีก่อนถึง 1,261% 'QH' ลุ้นกำไรแตะ 2.1 พันล้านบาท ผุดโครงการตจว.-ต้าน 2.40 บ. QH เร่งทำแผนปี 2556 มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% พร้อมโชว์ Backlog ในมือกว่า 9 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ไปถึงปี 2557 เดินหน้าบุกตลาดภูธรเพิ่มฟากโบรกส่องกำไรสุทธิปี 2555 โตเด่นจากรายการพิเศษ คาดแตะระดับ 2.1 พันล้านบาท แนะนำ "ถือ" ราคาพื้นฐาน 2.20 บาท ด้านกลยุทธ์การลงทุนเทคนิคเชียร์ "ซื้อ" ให้ต้าน 2.40 บาท PTTEP ราคาเพิ่มทุน 142 บ. ระดมทุน 9.8 หมื่นล้าน PTTEP ส่องราคาขายหุ้นเพิ่มทุน เคาะราคา 142 บาท หวังได้เงินทุนราว 9.8 หมื่นล้าน จากหุ้นเพิ่มทุน 650 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 0.195783 หุ้นใหม่ หนุนความแข็งแกร่งทางการเงิน เดินหน้าเต็มสูบแหล่งมอนทาราในออสเตรเลีย ปี 2556 หนุนกำไร-รายได้เพิ่ม TLGF โชว์ความสำเร็จระดมทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF) ประสบความสำเร็จในการระดมทุน โดยระดมทุนได้ทั้งหมด 7,544,862,942 บาท ผ่านการออกหน่วยลงทุนเพิ่มทุนจำนวน 567,282,928 หน่วย แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อในราคาหน่วยละ 13.30 บาท "โลตัส" จัดของขวัญ ปันน้ำใจให้น้อง ส่งต่อความสุขแก่เด็กน้อยผู้ยากไร้ เทสโก้ โลตัส ร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิต และคู่ค้าของเทสโก้ โลตัส ในการส่งต่อความสุขให้กับน้องผู้ยากไร้ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้กับโครงการ "กระเช้าของขวัญ ปันน้ำใจให้น้อง" ตั้งเป้ามอบอาหารเช้าจำนวน 200,000 มื้อ ให้แก่เด็กนักเรียนใน 3 จังหวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้แก่เยาวชนไทย ถอดรหัสยุทธศาสตร์ประเทศ ใต้เงาวิกฤติเศรษฐกิจ-การเมืองโลก กรุงเทพธุรกิจผนึกธนาคารไทยพาณิชย์ และเครือข่ายเอกชน จัดสัมมนายิ่งใหญ่ Thailand Economic Outlook 2013 ถอดรหัสเศรษฐกิจไทย ใต้เงาวิกฤติเศรษฐกิจ-การเมืองโลก พบกับ รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และกูรูด้านเศรษฐศาสตร์เจาะลึกสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของประเทศภายใต้ภาวะกดดันรอบด้าน TIES ลั่นรายได้ทะลุเป้า 30% ดีดลูกคิดอนาคตไกล 1.59 บ. TIES ส่องผลงานปี 2555 ทะลุเป้าพุ่ง 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.4 พันล้านบาท อานิสงส์รับเหมาเฟื่องฟู พร้อมเร่งเครื่องสอยงานใหม่ 2 พันล้านบาท เสริม Backlog ที่มีราว 1.35 พันล้านบาท ซดยาวถึงปีหน้า ฟากโบรกเกอร์ เชียร์ "เก็งกำไร" มองคุณค่า 1.59 บาท ส่องกำไรปีนี้ 32 ล้านบาท "ซีซีเอ็น-เทค" จ่อเทรด mai ระดมทุนเสริมแกร่งธุรกิจ ซีซีเอ็น-เทค เตรียมขาย ไอพีโอ 60 ล้านหุ้น หวังเข้าระดมทุนในตลาด mai ต้นปี 2556 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการนำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีประสิทธิภาพเข้าไปช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการในการปฏิบัติงานต่างๆ ในธุรกิจของลูกค้า งานนี้ได้มือดี บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน MOONG จุดวัดใจ 4.80 บาท โดดรับไฮซีซัน Q4 งบพีค MOONG แย้ม Q4/2555 ผลงานเด่นสุดในรอบปี อานิสงส์เข้าช่วงไฮซีซันธุรกิจ พร้อมมั่นใจปีนี้ยอดขายตามนัดพุ่ง 33% จากปีก่อนที่ 155.61 ล้านบาท หลังดีมานด์ทะลักต่อเนื่อง แจงค่าแรงใหม่กระทบธุรกิจน้อย ฟากนักวิเคราะห์ แนะนำ "เก็งกำไร" มองต้านไกล 4.80 บาท http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38554 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 08:09:42

ความคิดเห็นที่ 10 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น อสังหาฯQ4กำไรนิวไฮ รายได้พุ่ง6.9หมื่นล้าน แนะซื้อ 3 หุ้นเด่น 'PS-SC-RML' ผลงานเจ๋ง กลุ่มอสังหาฯไตรมาส 4 กำไรสูงสุดรอบปี คาดรายได้กระฉูด 6.9 หมื่นล้านบาท หนุนทั้งปีรายได้พุ่ง 1.73 แสนล้านบาท อานิสงส์แบ็กล็อกทะลัก 2.3 แสนล้านบาท เชียร์ซื้อ 3 หุ้น "PS-SC-RML" ลุ้นรายได้-กำไร Q4 เติบโตโดดเด่น PTTEPปลดล็อกเพิ่มทุน เป้าหมายหุ้นสู่195บาท "ปตท.สผ." ปลดล็อกเรื่องเพิ่มทุน เคาะราคาขายหุ้นละ 142 บาท "เทวินทร์" ลั่นถือเป็นการระดมทุนครั้งประวัติศาสตร์ สูงที่สุด มูลค่า 92,300 ล้านบาท ฟากวงการเงินชี้ช่วยเสริมแกร่งฐานะการเงิน วางราคาเป้าหมายหลังเพิ่มทุน 195 บาท SRICHAงานใหม่เข้า2พันล้าน ศรีราชาคอนสตรัคชั่นโล่งอก งานใหม่เข้า 1.5 พันล้านบาท หลังบอร์ดโรงกลั่นแถวศรีราชา อนุมัติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดันงานก่อสร้างในมือเพิ่มเป็น 2 พันกว่าล้านบาท มีลุ้นอีก 2 งานก่อนสิ้นปี ด้านโบรกฯเล็งปรับเป้าราคาใหม่ หลังเข้า MSCI และได้งานใหม่ Q4 กำไรดีต่อเนื่อง MAKROราคาพุ่งขานรับเข้าMSCIพื้นฐานดีกำไรโต ราคาหุ้น MAKRO พุ่งปรี๊ด 4.76% วิ่งขานรับถูกเลือกเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI โบรกฯคาดกำไรโตต่อเนื่อง ปีนี้ลุ้นกำไร 3,236 ล้านบาท โต 24% ตามการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ ส่วนปีหน้าเปิด 3-4 สาขา คาดกำไรโต 20% หุ้น1,360จุดฟันด์โฟลว์ทะลัก หุ้นไทยวิ่งแตะ 1,324 จุด ทำนิวไฮสูงสุดในรอบ 16 ปี 6 เดือน รอบนี้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหลังคลายกังวลภาวะหน้าผาการคลัง แถมรับอานิสงส์หุ้นไทยถูกบรรจุเข้า MSCI 4 ตัวหลัก และมีอีก 9 ตัวที่เข้า MSCI Global small cap อาทิตย์นี้หุ้นวิ่งต่อ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,310 จุด แนวต้านไว้ที่ 1,360 จุด โบรกฟันศาลไม่ขวาง3จี ADVANCดูดีสุดเชียร์ซื้อ วันนี้ลุ้นศาลปกครองชี้ชะตาประมูล 3 จี โบรกฯมั่นใจศาลฯไม่ขวางกสทช.ให้ไลเซนส์ 3 จี แนะนำซื้อ ADVANC คาดช่วง 3 ปีข้างหน้าค่าเสื่อมราคาโครงข่ายสัมปทานลดลง หนุนจ่ายปันผลสูงกว่าตลาดคาดไว้ 0.5-2 บาท/ปี ซีซีเอ็น-เทคยื่นไฟลิ่ง ขายไอพีโอ 60 ล้านหุ้น เล็งเข้าmaiต้นปีหน้า "ซีซีเอ็น-เทค" ผู้รับเหมาระบบไอทีแบบวงจร ยื่นไฟลิ่งเตรียมขายไอพีโอ 60 ล้านหุ้น หวังเข้าระดมทุนในตลาด mai ต้นปี 2556 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ งานนี้ได้ บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน TICONโอนคลังสินค้าขายทีโลจิส บุ๊ครายได้ 1.99 พันล้าน แนะซื้อเป้า 15.79 บาท "ไทคอน" โอนขายอาคารคลังสินค้า 36 หลัง มูลค่า 1,998.90 ล้านบาทให้แก่กองทุนรวมฯ TLOGIS โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 4/55 โดดเด่น แนะนำ "ซื้อ" รับเงินปันผล คาดปันผล 1 บาท/หุ้น ยีลด์สูง 7.6% ราคาพื้นฐานใหม่ 15.79 บาท ROBINSราคาร่วงAIIเทขาย ยันกลุ่มจิราธิวัฒน์ถือเท่าเดิม "โรบินสัน" ราคาหุ้นร่วง 4.35% หลังมีบิ๊กล็อตทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 112 ล้านหุ้น คาด AII เทขายหุ้น ROBINS ยันกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ "กลุ่มจิราธิวัฒน์" ยังคงถือหุ้นสัดส่วนเท่าเดิม TTAขาดทุนทั้งปี4,600ล้าน โดนบันทึกทางบัญชี มั่นใจปีหน้าหวนทำกำไร TTA ขาดทุนทั้งปี 4,619 ล้านบาท โดนบันทึกรายการทางบัญชีเพียบ "ม.ล.จันทรจุฑา" ลั่นงวดปี 2556 พร้อมกลับมาทำกำไร หลังกลุ่มธุรกิจในมือหวนคืนชีพ ชี้จับตากลุ่มสายงานเมอร์เมดและ AOD เติบโตได้โดดเด่น TTWทุ่ม2.38หมื่นล้านลงทุน5ปี ลุยโครงการพลังงาน ตั้งเป้ารายได้โตปีละ 15% "น้ำประปาไทย" ตั้งเป้ารายได้ช่วง 5 ปี เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ทุ่มงบลงทุนรวม 2.38 หมื่นล้านบาท เตรียมลุยโครงการพลังงานในปี 2556 ลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าไบโอแมส รวมทั้งมองหาโอกาสลงทุนโครงการพลังงานลม พร้อมคาดจะเข้าซื้อกิจการผลิตน้ำประปาในประเทศ 1 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท SPALIปลื้มคอนโดสาทรขายดี เปิดจองโกยยอดขายเกือบ90% "ศุภาลัย" ปลื้มโครงการคอนโดใหม่ "ศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์" กวาดยอดขายได้เกือบ 90% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโดดเด่น มีห้องพักหลากหลายราคาที่จูงใจ ออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน พร้อมระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน BMCLวางแผนรุกตลาดปีหน้า เล็งงดเก็บมัดจำบัตรโดยสาร เพิ่มผู้ใช้บัตรเป็น 70% "BMCL" วางแผนรุกตลาดปี 56 เพิ่มทั้งรายได้ผู้โดยสารและรายได้เชิงพาณิชย์ เตรียมเปิดพื้นที่ร้านค้าปลีกอีก 4 สถานี พร้อมให้ผู้สนใจมาจัดกิจกรรม เพื่อดึงดูดผู้โดยสารเดินทางนอกช่วงเวลาเร่งด่วน แถมมีแผนงดเก็บมัดจำบัตรโดยสาร เพิ่มสัดส่วนผู้ใช้บัตรเป็น 70% ช่วยระบายความแออัดตรงเครื่องสแกนเข้า-ออกชานชาลา 'พงษ์ศักดิ์'กำหนด20ธ.ค.นี้ เปิดขายเอกสารประมูลIPP รมว.พลังงาน ลั่นเปิดขายเอกสารประมูล IPP ตั้งแต่ 20 ธ.ค.นี้ จำนวน 5,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง คัดเลือกผู้ชนะประมูลภายในช่วงปี 2556 หุ้นทั่วเอเชียลิงโลดในเดือนพ.ย. เยนอ่อนช่วยหนุนหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่หุ้นจีนดิ่งสวนกระแส ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวขึ้นในเดือนพฤศจิกายน โดยหุ้นญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นเพราะเยนอ่อนค่า ในขณะที่หุ้นจีนสวนกระแสหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเริ่มต้นการซื้อขายในวันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนอย่างระมัดระวัง โดยมีความวิตกเกี่ยวกับการซื้อตราสารหนี้คืนของกรีซและก่อนที่รัฐสภาเยอรมันจะลงมติเกี่ยวกับแพ็กเกจช่วยเหลือกรีซล่าสุด โพลเชื่อมั่นรัฐบาล-ค้านเท่าเดิม หลังศึกอภิปรายฯ -'ปู'คะแนนนำ'มาร์ค' สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นต่อฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านในระดับเท่าเดิม ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมทั้งเห็นว่ารัฐบาลควรแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ฉลองยอดการผลิต 2 ล้านคันในมอเตอร์เอ็กซ์โป แลนด์โรเวอร์เชิญทูตเปิดตัวรถหรู 3 รุ่น ซูบารุพานางฟ้าเพิ่มสีสัน กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วน และอะไหล่ยานยนต์ พร้อมด้วยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสถาบันยานยนต์ จัดงานฉลองความสำเร็จ "2 ล้านคันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มิติใหม่สู่ความสำเร็จระดับโลก" ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "นโยบายภาครัฐต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย" ที่ได้รับการตอบรับจากบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมงานอย่างคับคั่ง TMBมองหนี้เสียทั้งระบบพุ่ง ติดกัน2ไตรมาส - สัญญาณลบสินเชื่อผู้บริโภค ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics จับตา แข่งปล่อยสินเชื่ออุปโภคบริโภคดุ ดัน NPL หน้าใหม่เพิ่มกระฉูดทะลุหมื่นล้านบาทติดกันสองไตรมาส ชี้สูงที่สุดตั้งแต่วิกฤตซับไพร์ม KTBรับชำระค่าฟี ของชาวต่างชาติ เข้าเมืองผ่านEDC ธนาคารกรุงไทยจับมือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้บริการรับชำระค่าธรรมเนียมและค่าปรับชาวต่างชาติตามกฎหมายคนเข้าเมือง ด้วยบัตรเอทีเอ็มกรุงไทย บัตรเดบิต บัตรเครดิตทุกธนาคารผ่านเครื่อง EDC เป็นธนาคารแรก เตรียมพร้อมก้าวสู่ AEC นำร่องให้บริการชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ ก่อนขยายไปทั่วทุกภูมิภาค กสิกรไทยคาดประกันภัย เบี้ยปีหน้าแตะ 2 แสนลบ. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองแนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 56 จะมีเบี้ยประกันรับตรงรวม แตะระดับ 2 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก แต่อัตราการขยายตัวจะชะลอลงเป็นประมาณ 12-15% จากผลของฐานที่สูงในปี 55 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 25-28% ด้วยเบี้ยรับรวม 1.75-1.80 แสนล้านบาท 'ธปท.'เผยเอกชนลงทุนหนุนศก.โตส่งออกเริ่มฟื้นตัว นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนต.ค. 55 คงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี สอดคล้องกับการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ยังขยายตัว แต่การส่งออกสินค้ายังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก คลังเล็งเพิ่มทุนSME3พันล. ฟื้นฟูกิจการ 3 ปี-ขอเว้นตั้งสำรองหนี้เสีย เอสเอ็มอีเตรียมเพิ่มทุน 3 พันล้านบาท รองรับแผนฟื้นฟูกิจการ 3 ปี ระบุได้ขยายสินเชื่อใหม่ เพิ่มรายได้เข้าแบงก์ พร้อมกับเร่งลดเอ็นพีแอล ด้านบอร์ดฟื้นฟูฯขอยกเว้นตั้งสำรองหนี้เสีย ดันบีไอเอส ขณะที่สคร.เล็งเสนอเพิ่มทุนแบงก์รัฐเข้าครม. ประกันสังคมยืดเงินสมทบ ช่วยนายจ้างกรณีขึ้นค่าแรง คณะกรรมการประกันสังคม เห็นชอบขยายระยะเวลาลดอัตราเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง ในอัตราฝ่ายละ 4% ออกไปอีก 1 ปี (ปี 56) จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 55 เพื่อช่วยเหลือนายจ้างที่รับภาระจากค่าจ้างกรณีขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 08:10:43

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่า คุณฮะ คุณฮัท คุณพันเกลียว คุณกุ้ง คุณNat_YFS2011และเพื่อนๆ พี่ๆ ที่น่าร๊ากกกกกกกกกกกกทุกๆท่าน อยากโดนเงินเหมือนข้างบนหล่นทับจัง 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:03:02

ความคิดเห็นที่ 12 เอามาฝากคนแถวๆนี้ 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:15:40

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบแมะ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:16:27

ความคิดเห็นที่ 14 แอร๊ยยยยยยยย.. ลืมเปลี่ยนสี 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:17:21

ความคิดเห็นที่ 15 หน้าตาก็งั้นๆ สู้เราก็ม่ายด้ายยยยยยยยยย กร๊ากกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:18:34

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบจร้าป้ากุ๊ก จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:18:51

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเรียกเค้าว่าป้าอีกคำนึง เค้าจากัดลิ้นตัวเองตายยยยยยยยยยย 555 จากคุณ : งอลลลลลลลลลล ชิ (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:21:18

ความคิดเห็นที่ 18 เดี๋ยวชกเยยยยยยยยยยยย 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:27:01

ความคิดเห็นที่ 19 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38557 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:30:03

ความคิดเห็นที่ 20 . จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:30:27

ความคิดเห็นที่ 21 วันนี้มีแยงเงา เย้ๆ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:41:15

ความคิดเห็นที่ 22 เสื้อสวยนะเธอววววววววว..ว์ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:43:16

ความคิดเห็นที่ 23 ดีค่า คุณnoinoom18 คุณsu_k3430 คุณjester คืนนี้อย่าลืมดูแยงเงานะคร้า 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 09:47:25

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีครับหนุ่มๆสาวๆแห่งปิ๊งๆๆๆๆ และผู้ที่กำลังจะมาสมัครเข้าบ้าน และผู้เยี่ยมชมบ้านทั้งหลายครับ ถ้าจะให้กิฟท์แก่ผู้เปิดบ้าน ก็จะสร้างกำลังใจได้เยอะครับ และจะได้รู้ด้วยว่า มีพี่ๆน้องๆท่านใดมาบ้างแล้วหรือไม่ครับ ข่าวสารและข้อมูลทั้งมีสาระและไม่มีสาระ นำมาเพื่อคิดพิจารณาและวิเคราะห์ ไปด้วยอารมณ์ดีๆด้วยกันนะครับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:02:29

ความคิดเห็นที่ 25 ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากจีนเปิดเผยว่าจีนเปิดเผยว่าดัชนี PMI ภาคบริการและภาคการผลิตขยายตัวได้ดีในเดือนพ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน MSCI Asia Pacific Index เพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 124.87 จุด ณ เวลา 10.08 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,484.20 จุด เพิ่มขึ้น 38.19 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,937.28 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,509.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.80 จุด ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,582.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.48 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,086.49 จุด เพิ่มขึ้น 16.54 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,608.31 จุด ลดลง 2.52 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,070.44 จุด เพิ่มขึ้น 40.05 จุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.6 จากระดับของเดือนต.ค.ที่ 55.5 ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นหลักฐานยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวขึ้น ส่วนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.6 จาก 50.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยตัวเลขที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า หุ้นฮิตาชิ คอนสตรัคชัน พุ่งขึ้น 17% หุ้นฮุนได มอเตอร์ ดีดขึ้น 1.8% จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:17:30

ความคิดเห็นที่ 26 นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้มีโอกาสขยับตัวขึ้นต่อแต่ไม่แรงมาก เนื่องจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามารอบใหม่ และตัวเลขเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นของตลาด แต่มีประเด็นที่ยังต้องติดตามเรื่องคดี 3G ของศาลปกครองและการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,317-1,320 จุด แนวต้าน 1,330-1,335 จุด นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า  ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้น่าจะขยับตัวขึ้นต่อได้ทำดัชนีสูงสุดใหม่ได้ หลังจากทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 1,314 จุด ที่ทำไว้ในช่วง 2 เดือนที่แล้ว ปัจจัยมามากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ารอบใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิถึง 3 พันกว่าล้านบาท และมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างหนาแน่นอยู่ที่ 7.7 หมื่นล้านบาท เป็นสัญญาณที่ดีแสดงถึงภาวะตลาดที่คึกคักและเป็นแนวโน้มขาขึ้น และปัจจัยจากประเทศจีนที่ประกาศตัวเลข PMI ภาคอุตสาหกรรม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการขยายตัวดีขึ้น จากเดิม 50.2 ในเดือนตุลาคม ขยายตัวเป็น 50.6 ในเดือนพฤศจิกายน ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นผลดีให้กับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย วันนี้การปรับตัวขึ้นของตลาดฯไม่น่าจะขึ้นแรงเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว เพราะตลาดหุ้นไทยขยับตัวขึ้นมา 7 วันติดต่อกัน ฉะนั้นโอกาสที่ขึ้นต่อไปอีกมีน้อยมาก น่าจะเห็นการปรับฐานลงชั่วคราวภายใน 1-2 วันจากวันนี้ ส่วนประเด็นที่ยังต้องติดตามในวันนี้คงเป็นการอ่านคำสั่งศาลปกตรองเกี่ยวกับการประมูล3G และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในคืนนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,317-1,320 จุด แนวต้าน 1,330-1,335 จุด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:28:34

ความคิดเห็นที่ 27 TISCO Market Insight : บทวิเคราะห์กลยุทธ์รายวัน สรุปภาวะตลาดวันก่อน     : SET +14.47 จุด วอลุ่มทะลัก 7.75 หมื่นลบ. หุ้นไทยไต่ขึ้นตั้งแต่ภาคเช้าต่อเนื่องจนถึงปิดตลาดภาคบ่าย นลท.คาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาหั่นงบประมาณสหรัฐฯ  ด้านปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงถึง 7.75 หมื่นลบ. และต่างชาติโหมซื้อสุทธิ 3.85 พันลบ. เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนหนึ่งมาจากวันที่ 30 พ.ย. เริ่มบังคับใช้ตระกร้าหุ้นใหม่ในดัชนี MSCI ทิศทางตลาดวันนี้     : ไม่วิ่งขึ้นแรง แต่ยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ หุ้นโลกวันศุกร์ (30 พ.ย.) ปิดกรอบแคบ +/- เพียงเล็กน้อย ขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่นลท.รอความคืบหน้าการเจรจางบประมาณสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีช่วงวันเสาร์ (1 ธ.ค.) จีนประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่องจาก 50.2 ในเดือนก่อนหน้า มาที่ 50.6 ในเดือน พ.ย. น่าจะหนุน SET ขยับขึ้นต่อ ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่คงไม่แรงเหมือน 2 วันที่ผ่านมา แนวต้าน 1330-35 แนวรับ 1317-20 กลยุทธ์การลงทุน     : ขึ้นเน้นขายทำกำไรต่อไป รออ่อนตัวค่อยซื้อคืน แนวโน้มตลาดเป็นบวกมากขึ้นอีก หลัง SET ทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 1314 และต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิรอบใหม่ แต่ระยะสั้นยังเน้นขายทำกำไรช่วงหุ้นขึ้น (Sell into Strength) เพราะ SET ขึ้นมา 7 วันติดแล้ว ใกล้จะปรับฐานลงชั่วคราวเต็มทีแล้ว รอซื้อคืนช่วงอ่อนตัว แต่อาจไม่ต่ำกว่า 1300 ที่เรามองไว้เดิมแล้ว หุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวกเหมาะแก่การเทรดดิ้งระยะสั้น คือ BAY, PTTEP, INTUCH สำหรับพอร์ตลงทุน ยังแนะนำหาจังหวะสะสมช่วง SET อ่อนตัว มอง SET น่าจะทำจุดต่ำของรอบนี้ไปแล้วที่ 1263 และมีแนวโน้มซิกแซกขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ จากเม็ดเงิน LTF & RMF ที่ไหลเข้ามาสุดในเดือน ธ.ค. หุ้นน่าทยอยสะสม หุ้นพื้นฐานดี-เป้าหมายการซื้อของ LTF & RMF แนะนำ ADVANC, AOT, AP, BGH, CPN, INTUCH, KBANK, TOP, SCB, SCC, STEC  หุ้นที่น่าจะเข้า SET50 คือ KK, TTW, JAS หุ้นเข้า MSCI ได้แก่ AOT, BGH, CPN, MAKRO  อนึ่ง INET, PLE, TSF, WHA ติด Cash Balance ตั้งแต่ 3-21 ธ.ค. หุ้นเด่นเล่นสั้น     : BAY , BGH BAY – มองราคาหุ้น BAY ที่ลดลงจากที่ซื้อขาย PBV ปี 56F ที่ 1.8 เท่า เป็น 1.4 เท่าได้สะท้อนความเสี่ยงจากการขาย GE ไปแล้ว คาดจะรู้พันธมิตรใหม่ภายใน 1-2 เดือนนี้ น่าจะช่วยปลดล็อกปัจจัยกดดันราคาหุ้น เราเลือก BAY เป็นหุ้นแนะนำเด่นสำหรับกลุ่มธนาคารขนาดกลางที่เน้นด้านสินเชื่อผู้บริโภคและมีงบดุลที่แข็งแกร่ง เราคาดว่า BAY จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทีมผู้บริหารระดับกลางที่ส่งผลถึงการดำเนินงาน มูลค่าที่เหมาะสม 38 บาท (GGM)     BGH – ราคาหุ้น BGH ตอบสนองเชิงบวกต่อการเข้าสู่ MSCI Global Standard Indices ที่มีผลเมื่อ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา มองแนวโน้มธุรกิจบริษัทยังแข็งแกร่ง จากจำนวนผู้ป่วยและค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งผลประโยชน์จากการทำ M&A มูลค่าเหมาะสม 123 บาท (DCF) ปัจจัยติดตาม 3 ธ.ค.TH ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในเดือน พ.ย.     CHตัวเลข HSBC PMI ภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน พ.ย.     EUตัวเลข PMI ภาคอุตฯ ของสหภาพยุโรป พ.ย. (สุดท้าย) รวมทั้งเยอรมัน-ฝรั่งเศส-อิตาลี-อังกฤษ     USตัวเลข ISM Manuf.ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง เดือน ต.ค. 3-4 ธ.ค.EUประชุมรมต.คลังยูโรโซน 4 ธ.ค.THตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในเดือน พ.ย.     JPตัวเลขการเปลี่ยนแปลงของฐานเงินของญี่ปุ่นในเดือน พ.ย.     EUตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. SPตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการว่างงานของสเปนในเดือน พ.ย. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:30:30

ความคิดเห็นที่ 28 หยิบเงินหยิบทอง : บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง กลยุทธ์วันนี้ Consolidate ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทะลุไฮเดิม 1315 จุด มาปิดที่ 1324.04 จุด เป็นระดับปิดสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี บวก 14.47 จุด 3 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 77,598 ล้านบาท ซึ่งรวมรายการ Big Lot หุ้น ROBINS มูลค่า 6.7 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,852 ล้านบาท Long สุทธิใน Index Futures เป็นวันที่ 7 มากถึง 6.858 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 2,912 ล้านบาท MBKET คาด SET INDEX วันนี้มีโอกาสย่อตัวลงสู่แนว 1,315/20 จุด หลังหมดแรงเก็งกำไรต่อกรณีปรับน้ำหนักและสมาชิก MSCI ซึ่งทำให้ราคาหุ้นหลายหลักทรัพย์เคลื่อนไหวผิดปกติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมกลับเสี่ยงอีกครั้ง หลัง Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกองทุน EFSF และ ESM ลง 1 ขั้นเป็น Aa1 สร้างต้นทุนทางการเงินให้แก่กลุ่มอียูสูงขึ้น ประเด็นสำคัญวันนี้: ศาลปกครองนัดฟังผลการพิจารณากรณีประมูลใบอนุญาต 3G เวลา 13.30 น. คาดว่าจะเกิดแรงเก็งกำไรต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง โดยเฉพาะ TRUE ที่น่าจะเด่นในกรณีนี้ และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. Bloomberg Consensus คาดไว้ 3.20% yoy MBKET แนะนำให้ “รอซื้อกลับบริเวณ 1,315+/- ราว 5% ของพอร์ต” กลับมาถือพอร์ต 50% อีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “เพิ่มน้ำหนักอีก 5% ของพอร์ต” พร้อม “ทยอยสะสม” BBL “เก็งกำไร” TRUE พร้อม “ขายทำกำไร” CPN / SCB กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้: MBKET แนะนำ “พอร์ตที่เปิด Long หลังดัชนีทะลุ 878 จุด น่าจะทำกำไรปิดสถานะออกมาก่อนในลักษณะเล่นรอบ หลังดัชนีดีดแรงไป แนวต้านวันนี้ติด 905-908 จุด” Portfolio   Add 5%: VNT/AMATA/ MAJOR/ SPCG/ SMT/ BTS/ PJW/ IRPC/ TPIPL/ RCI/ MK/ INET/ BCP/ BBL/KBANK/ KTB/ BAY/ PTTGC/ QH/ MFEC/ LOXLEY Accumulative Buy: BBL Speculative Buy: TRUE Profit-Taking: CPN / SCB Technical View แนวรับ 1315 +/- จุด แนวต้าน 1330-1335 และ 1345-1350 จุด หากไม่ถอยหลุด 1305 +/- ยังมองทิศทางตลาดเชิงบวก มีสิทธิไต่ระดับเหนือแนวโน้มเส้นค่าเฉลี่ยเพื่อเข้าทดสอบหมายแนวปะทะถัดไป จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:33:51

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ เขียวสดใส ขอให้ร่ำรวย ทุกท่านนะครับ        จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:40:41

ความคิดเห็นที่ 30 วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน : บมจ.ไทยออยล์ "ความรุนแรงในอียิปต์หนุนราคาน้ำมัน แม้วิกฤติการคลังในสหรัฐฯ ยังไม่มีทางออก" เบรนท์ส่งมอบ ม.ค ปรับเพิ่มขึ้น 0.47 ปิดที่ 111.23 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.84 ปิดที่ 88.91 เหรียญฯ + สถานการณ์ความรุนแรงในการชุมนุมประท้วงประธานาธิบดีอียิปต์ยังคงยืดเยื้อและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสภาร่างรัฐธรรมนูญอียิปต์ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้บานปลายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากฝ่ายต่อต้านไม่เห็นด้วยในหลายมาตราของร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว + สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังคงเปราะบางหลังจากล่าสุด ที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติมีมติรับรองสถานภาพของปาเลสไตน์ให้เป็นรัฐผู้สังเกตุการณ์แบบเดียวกับนครรัฐวาติกัน ซึ่งหลังการประชุมทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อมติดังกล่าว + วุฒิสภาสหรัฐฯ เห็นชอบมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออิหร่านซึ่งครอบคลุมถึงต่างชาติที่ทำธุรกิจกับอิหร่านทั้งในส่วนของพลังงาน ท่าเรือ เดินเรือ และการต่อเรือ แม้ว่าจะมีเสียงขัดค้านจากทำเนียบขาวเนื่องจากเกรงว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อความพยายามหาทางออกปัญหานิวเคลียร์อิหร่านโดยการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันระหว่างชาติมหาอำนาจกับอิหร่าน - อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนและล่าช้าของการเจรจาระหว่างพรรคเดโมเครตและรีพับลิกันในความพยายามในการหาทางออกให้กับปัญหาวิกฤติการคลังในสหรัฐฯยังเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุน - รวมทั้งเมื่อวันศุกร์ตัวเลขยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ประจำเดือน ต.ค. ปรับลดลง 0.2% เทียบกับเดือนก่อนซึ่งแย่กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับขึ้น 0.1% นอกจากนี้ตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลยังทรงตัวเทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานภายในภูมิภาคที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอินเดีย อย่างไรก็ดียังมีการนำเข้ายังมีอย่างต่อเนื่องจากอินโดนีเซียและศรีลังกา ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบเช่นกัน อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งออกของจีนและอินเดียที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดันราคาภายในภูมิภาคไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 -113 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 85-92 เหรียญฯ ราคาน้ำมันในระยะสั้นจะถูกกดดันจากปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ วันนี้ติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ยุโรปและเยอรมนี ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ วันจันทร์: ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซนและเยอรมนี วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้ผลิตยูโรโซน วันพุธ: ดัชนีภาคบริการสหรัฐ ดัชนีภาคบริการและยอดขายปลีกของยูโรโซน รวมทั้งดัชนีภาคบริการจีนโดย HSBC วันพฤหัส: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์การว่างงานสหรัฐ การประชุมธนาคารกลางยุโรป รวมทั้ง จีดีพีไตรมาส 3 และยอดคำสั่งซื้อของโรงงานของยูโรโซน วันศุกร์: อัตราการว่างงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี วันเสาร์/อาทิตย์: ยอดขายปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน - ติดตามการประชุมธนาคารยุโรป (ECB) วันที่ 6 ธ.ค. ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่อยู่ในภาวะถดถอยในปัจจุบัน - ติดตามว่ากรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือจากอียูจำนวน 34.4 พันล้านยูโรอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ธ.ค. เรียบร้อยตามแผนหรือไม่หลังจากเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย.รวมทั้งตามว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือจาก IMF จำนวน 9.3 พันล้านยูโรเมื่อไร - ความคืบหน้าของการหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ ระหว่างผู้แทนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันที่จำเป็นต้องสำเร็จก่อนที่มาตรการเพิ่มภาษีและลดค่าใช้จ่ายจะมีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า - ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทั้งในเรื่องความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เหตุการณ์การประท้วงผู้นำในอียิปต์ ความรุนแรงในซีเรียและบริเวณตอนเหนือของอิรักกับชาวเคิร์ดยังสร้างความกังวลในเรื่องความเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันดิบในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:42:16

ความคิดเห็นที่ 31 *กลุ่มสื่อสาร -นสพ.รายงาน บอร์ด กทค.เตรียมรับมือคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีประมูล 3G ยันพร้อมยื่นอุทธรณ์ หากผลออกมาในทางลบ ส่วนคณะทำงานตรวจสอบใบอนุญาต "บีเอฟเคที" บริษัทในกลุ่มทรูฯ ว่ามีใบอนุญาตให้เช่าโครงข่ายถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สรุปผลสอบในวันที่ 3 ธันวาคมนี้เช่นกัน *SSI -นสพ.รายงาน โบรกเกอร์ชี้"สหวิริยาฯ"ขาดทุนและเงินสดจากการดำเนินงานติดลบ กระทบราคาหุ้น 3 ธนาคารเจ้าหนี้ระยะสั้น ทั้ง กรุงไทย-ไทยพาณิชย์-ทิสโก้ กังวลกระทบความสามารถคืนหนี้ 4.3 หมื่นล้านบาท กดดันต้องตั้งสำรองเพิ่มเติม ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดว่าต้องมีการปรับโครงสร้างหรือยืดเวลาชำระหนี้ แต่กระทบ 3 ธนาคารน้อย *BMCL -นสพ.รายงาน เปิดเกมรุกตลาด เพิ่มรายได้ทั้งจากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและจากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เตรียมเปิด 4 สถานี เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมและร้านค้าปลีก ตั้งเป้าจูงใจให้มีผู้โดยสารช่วงนอกเวลาเร่งด่วนเพิ่ม คาด เม.ย.-พ.ค.56 เริ่มทยอยเปิด *SAFARI -นสพ.รายงาน ทายาทซาฟารีเวิลด์ โหมลุยธุรกิจร้านอาหาร ประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ปีหน้ารวด 3 แบรนด์ ชูกลยุทธ์ทั้งสร้าง แบรนด์เองและซื้อแฟรนไชส์ คุยสิ้นปีนี้กวาดรายได้ 120 ล้านบาท เติบโต 40% *SST -นสพ.รายงาน โอ บอง แปง เดินหน้าปรับแผนชู 3 นโยบายเพิ่มศักยภาพรับเออีซี "พัฒนาด้านภาษา-คิดค้นเมนูใหม่-สร้างมาตรฐานเทียบเท่าสากล" ชี้แนวโน้มการแข่งขันร้านเบเกอรี่คาเฟ่ยังคงรุนแรง จากการเข้ามาของแบรนด์ต่างชาติ และไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่นิยมความสะดวกรวดเร็ว *RS -นสพ.รายงาน คาดปี 56 หลังเกิดทีวีดิจิตอลตลาดจะยังไม่คึกคัก เหตุผู้ประกอบการหลายฝ่ายยังไม่แน่ชัดเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน และกฎระเบียบของ กสทช. พร้อมประเมินสถานการณ์เรตติ้งค่าโฆษณาเติบโต 12-15% ของมูลค่าตลาดกว่า 6 หมื่นล้านบาท ล่าสุดทุ่มงบ 150 ล้านบาทเปิดตัวช่องใหม่ STAR MAX Channel มั่นใจคุ้มทุนภายใน 1 ปี *TRUE -นสพ.รายงาน ทรู เตรียมเข้าลงทุนเพื่อให้บริการโทรคมนาคมในประเทศพม่าโดยสนใจที่จะไปลงทุนในธุรกิจข่ายสายและเคเบิลทีวี ซึ่งพม่ามีความใกล้เคียงกับประเทศไทย มีความนิยมเนื้อหาต่างๆ ในลักษณะเดียวกันและมีฐานการให้บริการดาวเทียมที่ครอบคลุมถึงทั้งประเทศอยู่แล้ว *SRICHA -นสพ.รายงาน โล่งอกงานใหม่เข้า 1.5 พันล้านบาท หลังบอร์ดโรงกลั่นแถวศรีราชา อนุมัติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดันงานก่อสร้างในมือเพิ่มเป็น 2 พันกว่าล้านบาท มีลุ้นอีก 2 งานก่อนสิ้นปี ด้านโบรกฯเล็งปรับเป้าราคาใหม่ หลังเข้า MSCI และได้งานใหม่ Q4 กำไรดีต่อเนื่อง *TTA -นสพ.รายงาน ขาดทุนทั้งปี 4,619 ล้านบาท โดนบันทึกรายการทางบัญชีเพียบ “ม.ล.จันทรจุฑา" ลั่นงวดปี 2556 พร้อมกลับมาทำกำไร หลังกลุ่มธุรกิจในมือหวนคืนชีพ ชี้จับตากลุ่มสายงานเมอร์เมดและ AOD เติบโตได้โดดเด่น *SPALI -นสพ.รายงาน ปลื้มโครงการคอนโดใหม่ “ศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์" กวาดยอดขายได้เกือบ 90% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโดดเด่น มีห้องพักหลากหลายราคาที่จูงใจ ออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน พร้อมระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน *กลุ่มพลังงาน -นสพ.รายงาน รมว.พลังงาน ลั่นเปิดขายเอกสารประมูล IPP ตั้งแต่ 20 ธ.ค.นี้ จำนวน 5,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง คัดเลือกผู้ชนะประมูลภายในช่วงปี 2556 *BTS -นสพ.รายงาน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร เผยบริษัทตัดสินใจที่จะชะลอการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่มีกำหนดก่อน เพื่อหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ ที่ภาครัฐเตรียมจะเปิดประมูล *LST, UVAN, UPOIC -นสพ.รายงาน ปาล์มล้นประเทศ-ผลปาล์มราคาร่วงต่ำสุดรอบ 30 ปี ชาวสวนแฉโรงกลั่นน้ำมันปาล์มฟันกำไรพุงกาง 6-7 พันล้าน จากส่วนต่างต้นทุนลดแต่คงราคาน้ำมันขวดที่ 42 บาท จี้พาณิชย์สั่งปรับลดราคาควบคุมเหลือไม่เกิน 38 บาท ด้านนายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ปัดส่วนต่างกำไรอยู่ที่ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว กรมการค้าภายในก้นร้อนเตรียมหารือผู้ประกอบการบีบลดราคาสัปดาห์หน้า *CENTEL -นสพ.รายงาน "จิราธิวัฒน์" บุกตลาดบัดเจ็ตโฮเต็ล เปิดตัว 6 ธันวาคมนี้ ตั้งเป้าใน 5 ปี ขยายเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 20 แห่งใน-นอกประเทศ ลงทุนห้องละ 1.5 ล้านบาท ขาย 1.2 พันบาทต่อคืน ขนาดห้องพัก 18 ตร.ม. *CCET -นสพ.รายงาน ส่งซิกงบ Q4/2555 โตแรง หลังออเดอร์ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลียทะลัก ส่องรายได้ทั้งปี 2555 กระฉูด 1.70-1.75 แสนล้านบาท กางแผนปี 2556 สร้างโรงงานใหม่จากกำลังผลิตทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศเต็มพิกัดแล้ว แถมเซ็นสัญญา HP ดันกำไรรายได้โตเท่าตัว *PERM -นสพ.รายงาน ไตรมาส 4/2555 ธุรกิจโดดรับช่วงไฮซีซัน แย้มยอดขายเหล็ก 9 เดือนกว่า 2,000 ตัน มั่นใจผลงานทั้งปีโตตามนัด ที่ 10% จากปีก่อน ทำไว้ 4.7 พันล้านบาท เดินหน้าศึกษาแผนลงทุนพม่า *EASON -นสพ.รายงาน ตั้งเป้าปี 2556 รายได้รวมเติบโตอย่างน้อย 10% แย้มไตรมาส 4/2555 ออเดอร์ยังแรงต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปี 2555 โตไม่ต่ำกว่า 20% รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวสูง ส่วนการตั้งบริษัทในอินโดนีเซียอยู่ระหว่างดำเนินการคาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/2556 เล็งปรับสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่ม 50% จาก 10% *QH -นสพ.รายงาน เร่งทำแผนปี 2556 มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% พร้อมโชว์ Backlog ในมือกว่า 9 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ไปถึงปี 2557 เดินหน้าบุกตลาดภูธรเพิ่ม *TIES -นสพ.รายงาน ส่องผลงานปี 2555 ทะลุเป้าพุ่ง 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.4 พันล้านบาท อานิสงส์รับเหมาเฟื่องฟู พร้อมเร่งเครื่องสอยงานใหม่ 2 พันล้านบาท เสริม Backlog ที่มีราว 1.35 พันล้านบาท ซดยาวถึงปีหน้า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:53:16

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะคุณ*-==HUTCHISON==-* คุณใหญ่  คุณฮะ  คุณหมูแดง  คุณ Kading  คุณ พันเกลียว,  คุณNat_YFS2011, คุณnoinoom18, คุณsu_k3430, คุณjester, คุณชาญดำ, คุณมารหุ้นแสวงพ่าย  และเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนค่ะ ชอบรูปเปิดวันนี้จัง  อยากได้ซักมัดสองมัดก็พอ  อิอิ วันนี้ขอให้เพื่อน ๆ ทุก ๆ คนปอดเขียว ๆ นะคะ  เอารูปสวย ๆ มาฝาก  วันหยุดนี้ไปเที่ยวมาอีกแล้วววว  อิอิ ทะเลน้อย  จังหวัดพัทลุง  ^_^ จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:53:55

ความคิดเห็นที่ 33 ดีค่า คุณมารหุ้นแสวงพ่าย ปอดเขียวขจี มีลำไยเช่นกันคร่า 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 34 - บ่ายนี้ ศาลปกครองกลางจะตัดสินคดีพิพาทระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดิน กับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(ผู้ถูกฟ้องคดี) ในประเด็นการจัดประมูลคลื่น 2.1GHz พร้อมทั้งการออกประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า ได้วางแนวทางไว้ 3 กรณี 1) กรณีศาลไม่รับฟ้องจะออกใบอนุญาตได้ภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ 2) กรณีศาลรับฟ้องแต่ไม่คุ้มครองชั่วคราว กสทช. จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม กทค. เพื่อพิจารณาว่าจะออกใบอนุญาตได้หรือไม่ เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และ 3) กรณีศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กสทช. จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด - คณะทำงานตรวจสอบการประกอบการให้เช่าโครงข่าย 3G ตรวจสอบใบอนุญาต "บีเอฟเคที" บริษัทในกลุ่มทรูฯ ว่ามีใบอนุญาตให้เช่าโครงข่ายถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จะสรุปผลสอบเพื่อจะนำเสนอต่อ พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. - นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นัดแถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) ประจำเดือน พ.ย.55 ซึ่งต้องตามดูว่าจะเป็นไปในทิศทางใด - นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) นัดผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งร่วมประชุมเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงานประจำปี พร้อมขอความร่วมมือไม่ให้มีการโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยกู้เงินมากเกินความจำเป็นจนเกิดปัญหามีหนี้สินล้นพ้นตัว ณ สำนักงานใหญ่ ธปท. - วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน ซึ่งเป็นที่จับตาว่าในการประชุมครั้งนี้นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะเข้าร่วมการประชุมในฐานะประธาน ส.อ.ท.อย่างแน่นอน แต่ฝั่งตรงข้ามของนายพยุงศักดิ์ยืนยันว่าจะไม่เข้าประชุม กกร.ครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าประเด็นเรื่องประธาน ส.อ.ท.ที่เป็นปัญหาภายใน ส.อ.ท.ยังไม่จบ - ศูนย์อเมริกันศึกษา ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดสัมมนาในหัวข้อ "แนวโน้มทิศทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบต่อเอเชีย อาเซียน และประเทศไทย" ณ ห้องประชุมชั้น 2 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เวลา 13.00 น. โดยมีวิทยากรรับเชิญ เช่น นายชัยชนะ อิงคะวัต, นายประภัสสร์ เทพชาตรี และนายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ เป็นต้น - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ กสทช.จัดเสวนาในหัวข้อ "CEO Networking Forum Going Beyond 3G:Opportunities and Competition" โดยเชิญ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช., นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น นายปรัธนา ลีลพนังผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส, นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น, นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุขกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น, นายกรัณย์พล อัศวสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น และนายไพโรจน์ไววานิชกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมแกรนด์เชอราตัน สุขุมวิท เวลา 13.00 น. - ผู้บริหารบมจ. เอส แอนด์ พี (S&P) แถลงข่าวเรื่องการขยายธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น  ภายใต้แบรนด์ Maisen(ไมเซน) สาขาแรกในเมืองไทย ณ ร้าน Maisen สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้นใต้ดิน - ผู้บริหารสำนักงาน กสทช.ร่วมกับ กองทัพบก(สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก), บมจ.อสมท(MCOT) และกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่อง ความร่วมมือในการทดลองระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ณ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เวลา 13.00 น. - สำหรับภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าเป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และช่วงบ่ายเวลา 15.00 น.เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล - นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน 2 แสนคนที่จะมาเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ในวันที่ 5 ธ.ค.55 - นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูผู้ประสานงานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะประชุมคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อรวบรวมประเด็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนส่วรายงานฉบับสมบูรณ์ให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล - ควันหลงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เดินสายหอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิด และในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปร้องเรียนกรณีเดียวกันนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) - ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีเมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค.52 ได้ปราศรัยบนเวทีกลุ่ม นปช.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งได้มีถ่ายทอดโทรทัศน์ผ่านช่องพีเพิลแชนแนล พาดพิงว่านายอภิสิทธิ์สมัยเป็นนายกฯ ได้สั่งทหารฆ่าประชาชน และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์กู้เงินมาโกง อีกทั้งยังเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี - ด้านโรงเรียนในจ.ปัตตานี จำนวน 332 แห่ง จะเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติอีกครั้ง หลังจากคนร้ายยิงนางนันทนา แก้วจันทร์ ผอ.โรงเรียนบ้านท่ากำชำ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังจากที่ประชุมสมาพันธ์ครูมีมติให้โรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาที่ 1, 2 และ 3 รวม 332 แห่ง ปิดเรียนชั่วคราวไม่มีกำหนด เพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายดูแลครูจริงจัง ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กำชับเจ้าหน้าที่ในการเพิ่มมาตราการความปลอดภัยให้มากขึ้น และการดำเนินการต่างๆ ยังคงเป็นไปตามปกติ ส่วนในช่วงวันขึ้นปีใหม่นั้น ก็จะเพิ่มความระมัดระวัง จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:55:43

ความคิดเห็นที่ 35 ดีค่า คุณจอยลี่ คุณคุณชาญดำ น่าอิจฉาคนได้ไปทะเลจัง 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 10:58:17

ความคิดเห็นที่ 36 ดีคร่าาคุณจุ๊กกุ๊กจัง  ไปทะเล  แต่เป็นทะเลน้ำจืดนะคะ ปลาน้ำจืดสด ๆ ถูกมาก ๆ ด้วยค่าาา จากคุณ : เอาปลาแดดเดียวมาฝากนะคะ ^^ (joyly_polly) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 11:04:56

ความคิดเห็นที่ 37 Bangkok--3 Dec--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส Price Movement ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,712.70 USDต่อออนซ์ลดลง 16.80 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,710.20 - 1,733.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงแรงอีกครั้ง เมื่อจอห์น โบเนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า อาจเผชิญกับทางตันในการแก้ปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลอีกครั้ง ราคาทองคำปิดลดลง 38 USDต่อออนซ์ หรือ 2.2% จากสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,705 — 1,752 โดยผันผวนไปตามการคาดการ์ณในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff และการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ โดยยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม กองทุน ETF ทองคำได้เข้ามาสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสะสมสูงสุด สำหรับในสัปดาห์นี้ คาดว่าทองคำมีความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700 — 1,755 คาดว่าวันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้ม rebound ขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ดัชนี PMI ของจีนปรับตัวสูงขึ้นทั้งภาคการผลิตและบริการ คาดว่าวันนี้ทองคำมีแนวต้านบริเวณ 1,723/1,728/1,735 แนวรับบริเวณ 1,715/ 1,708 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,708 — 1,735 หากพ้นกรอบบริเวณ 1,735 ได้ให้ follow buy แต่ถ้าหลุด 1,715 ให้รออ่อนตัวบริเวณ 1,705 — 1,708 ค่อยเปิด Long Spot Gold Technical Analysis ภาพกราฟทางเทคนิคในราย 60 นาที ราคา rebound ขึ้นหลังดิ่งลงแรงโดยมี แนวต้านบริเวณ 1,723/1,728/1,735 แนวรับบริเวณ 1,715/ 1,708 ภาพกราฟในรายวันมีเส้น MA 9 วัน และเส้น MA 50 วันเป็นแนวต้านที่บริเวณ 1,728 — 1,730 ถ้าหากไม่มีแรงซื้อหนาแน่นและผ่าน 1,730 — 1,735 ไปได้ มีโอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงได้อีก แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,708 — 1,735 หากพ้นกรอบบริเวณ 1,737 — 1,740 ได้ให้ follow buy แต่ถ้าหลุด 1,715 ให้รออ่อนตัวบริเวณ 1,705 — 1,708 ค่อยเปิด Long Key Point in Precious Market - ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ( + ) ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ( + ) สเปนยังไม่ขอรับความช่วยเหลือ ( - ) ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อลดลง ( - ) ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น ความต้องการของกองทุน ETF ทองคำเพิ่มขึ้น ( + ) ดัชนี PMI ของจีนปรับตัวสูงขึ้นทั้งภาคการผลิตและบริการ ( + ) - ประเด็นที่ต้องติดตาม การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐ การชุมนุมประท้วงในอียิปต์ การชุมนุมประท้วงในซีเรีย - การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ วันจันทร์ ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. วันอังคาร ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ วันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. ตัวเลขที่มีการปรับแก้ไขสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2012 ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค. - SPDR ซื้อ 1.81 ตัน ถือทองจำนวน 1,348.83 ตัน Spot Silver ราคาโลหะเงินปิดที่ 33.28 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.22 - 34.43 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขาย 22.58ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,757.86 ตัน คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 33.4/33.0 แนวต้านบริเวณ 34.0/34.3 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับแนวต้าน กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส - ทองร่วงต่อหลังไม่มั่นใจปัญหา fiscal cliff - SPDR ถือทองเพิ่มขึ้น 1.81 ตัน - หลุด 1,700 ดอลลาร์ ระวังแรงขาย - มีแรงขายกลับออกมาในตลาดทองคำในการซื้อขายช่วงค่ำวันศุกร์ หลังจากราคาดีดตัวขึ้นในการซื้อขายวันพฤหัส จนทำให้ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิคยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ เช่นเดียวกันกับราคาโลหะเงินซึ่งดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงในการซื้อขายวันพฤหัส กลับมีแรงขายออกมามาก จนราคาปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันพฤหัส จนทำให้ภาพเทคนิคมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเช่นกัน - การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐได้ โดยในช่วงค่ำของวันศุกร์ ประธานาธิบดีของสหรัฐได้กล่าวโจมตีพฤติกรรมของพรรครีพับลิกันที่พยายามขัดขวางร่างกฎหมายต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับชนชั้นกลางสหรัฐ ส่วนผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนสหรัฐซึ่งมาจากพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวว่าความพยายามแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 พรรค เริ่มใกล้ถึงทางตัน จึงทำให้นักลงทุนกลับมากังวลกับประเด็นนี้อีกครั้ง - เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนเดือนพฤศจิกายนเป็นไปตามที่ตลาดประเมิน โดยรายงานดัชนีดังกล่าวทำสถิติขยายตัวขึ้นสูงที่สุดในรอบ 7 เดือน ส่วนประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจในสัปดาห์นี้กลับมาอยู่ที่เรื่องการรายงานตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งในการรายงานเดือนก่อนนั้นตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมิน แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผลจากประเด็นการเมืองของสหรัฐที่ใกล้เลือกตั้ง ดังนั้นในการรายงานครั้งนี้จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุน - ภาพเทคนิคของราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ หลังจากไม่สามารถดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,740 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ แนวรับของวันอยู่ที่บริเวณ 1,700-1,705 ดอลลาร์ หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณนี้ได้ คาดว่าจะเป็นปัจจัยลบกดดันให้มีแรงขายออกมามากขึ้น จนราคาปรับตัวลงไปสร้างฐานที่แนวรับบริเวณ 1,680 ดอลลาร์ ต่อไป ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินซึ่งเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 33.0 ดอลลาร์ ซึ่งจะเกิดสัญญาณขายขึ้นหากราคากลับลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับบริเวณนี้ โดยคาดว่าราคาโลหะเงินจะปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 33.30-33.50 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวขึ้นได้ต่อไป โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนธ.ค.55 Close   chg.  Support        Resistance 25,310  +30   25,150/25,000  25,400/25,600 หากราคาทองปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ หากถือครองสถานะซื้ออยู่ควรปิดสถานะออกไปก่อน เพราะอาจมีแรงขายกลับออกมามากจนราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 1,690 ดอลลาร์และ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่สามารถกลับมาเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวกลับซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนธ.ค.55 Close  chg.  Support            Resistance 1,050  +10   1,035/1,030/1,010  1,060/1,065 ราคาโลหะเงินไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 33.40-33.50 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ และมีแรงขายออกมามากในการซื้อขายวันศุกร์ จนราคาปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับบริเวณ 33.0 ดอลลาร์ ซึ่งอาจเลือกเก็งกำไรฝั่งซื้อจากการดีดตัวกลับ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 32.80-32.90 ดอลลาร์ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 11:16:45

ความคิดเห็นที่ 38 คนอะไรนี่  อิจฉาเค้าไปหมด ว่าคนอื่นเก้บกด ไม่รู้ใครโดนกดมากกว่ากันนี่ กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,726 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,723 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.70 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,000 บาท กับ 25,100 บาท และกลับมาปิดที่ 25,050 บาท กับ 25,150 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,925 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,707 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 124 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.8% แบบ 10 บาท ลดลง 0.2% Silver Futures เพิ่มขึ้น 1.2 % GFZ12 ปิด 25,280 บาท และ GFG12 ปิด 25,410บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,290บาท GF10G12 ปิดที่ 25,410บาท SVZ12 ปิดที่ 1,049บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 16.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,712 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 1.15 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.27 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,348.82 ตัน ( ซื้อเข้า 1.8 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 84 เซ็นต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 88.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 3.76 จุด ปิดที่ 13,025.58 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.96 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC - ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงเกือบ 1% โดยเป็นวันสุดท้ายของเดือนที่นับว่าเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยเดือนตุลาคมที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงประมาณ 3% ในขณะที่เดือนพฤศจิกายนราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.4% จากความกังวลว่าภาวะ Fiscal Cliff อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และเมื่อวันศุกร์เป็นช่วงสิ้นเดือนที่นักลงทุนเข้าทำกำไรซึ่งได้กระตุ้นให้เกิด Sell Orders อย่างมากมาย ส่งผลให้ราคาปิดตลาด COMEX ลดลง 16.8 เหรียญ ที่ระดับ 1,712.7 เหรียญ ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 140,000 ล็อต ประมาณ 25% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 250 วัน โดยจุดเปลี่ยนนี้มีการปรับตัวลดลงอย่างมากหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 486,315 คู่สัญญาเมื่อวันพุธ ในขณะที่ลอนดอน เบส โบรกเกอร์ ไทรแลนด์ เมเทิลส์ ได้ระบุว่า Open Interest ในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงถึง 40,000 ล็อตในช่วง 3 วันที่ผ่านมาจากการปรับเปลี่ยนพอร์ทของนักลงทุน ราคาทองคำใช้เวลาตลอดทั้งวันศุกร์ย่ำอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว แต่ภายหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ส่วนบุคคลและตัวเลขการใช้จ่ายต่างๆ ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม นายวิลเลี่ยม อดัมส์ นักวิเคราะห์จากฟาสต์มาร์เก็ตสได้กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่างๆ ที่ออกมาน่าผิดหวังทั้งในส่วนของการใช้จ่ายและรายได้ แม้ว่าจะมีสัญญาของภาวะเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย แต่ตลาดกำลังมีปฏิกิริยาตอบกลับในเชิงลบต่อตัวเลขเศรษฐกิจ หรือกำลังใช้ผลของตัวเลขเป็นข้ออ้างในการเข้าทำกำไร นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาทองคำดูจะชะลอตัวลงจากการประกาศตัวเลข Chicago PMI ที่ออกมาที่ 50.4 ซึ่งยังบ่งชี้ถึงการขยายตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักยังคงมุ่งมาที่ประเด็น Fiscal Cliff โดยความขัดแย้งเกี่ยวกับข้อตกลงเพื่อเลี่ยงภาวหน้าผาทางการคลังในสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากโฆษกสภา นายจอห์น โบห์นเนอร์ ได้กล่าวว่า ผู้กำหนดกฎหมายของสหรัฐจากพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตกำลังอยู่ในลักษณะคุมเชิงกันอยู่ในเรื่องข้อตกลงด้านงบประมาณ อีกทั้งนักลงทุนเกี่ยวกับองค์กรสำคัญๆ บางรายยังได้ลดสถานะการถือครองทองคำลง ซึ่งมีความกังวลว่าความล้มเหลวในข้อตกลงทางด้านงบประมาณนี้อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและกัดกร่อนความน่าดึงดูดใจของทองคำลง CME Group ระบุในรายงานความคิดเห็นตลาดว่า มีการเก็งกำไรในตลาดทองคำทั้ง 2 ฝั่งจึงทำให้ราคาในช่วงแรกของวันศุกร์ไม่เปลี่ยนแปลงนัก ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่อง Fiscal Cliff ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่ และการหลุดระดับแนวรับที่ 2 ได้ก่อให้เกิดการเข้าใกล้สัญญาณขาลงของราคาทองคำ - ในภาคการซื้อขายปลีก ปริมาณความต้องการทองคำแท่งยังคงดูแข็งแกร่ง โดยยอดขายเหรียญทอง American Eagle gold coin ของสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายนทำจุดสูงสุดในรอบ 14 ปี จากความไม่แน่นอนในเรื่อง Fiscal Cliff ที่แผ่ขยายไปทั่วสหรัฐ รวมไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย - ปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ยังคงยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,348.826 ตัน ซื้อเพิ่มเข้ามาเมื่อวันศุกร์อีก 1.808 ตัน โดยตลอดเดือนพฤศจิกายนทาง SPDR เพิ่มการสำรองทองคำเกือบ 11 ตัน เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 - World Gold Council ได้รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ปริมาณความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2013 อาจมีผลจากความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน และการฟื้นตัวในอินเดีย ซึ่งเป็นการช่วยให้ทองคำยังคงอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 13 - วุฒิสภาสหรัฐมีมติอนุมัติการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อภาคธุรกิจพลังงาน เดินเรือและต่อเรือของอิหร่าน ด้วยคะแนนเสียง 94-0 ซึ่งเป็นการเห็นชอบมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่เสนอโดยวุฒิสมาชิกบ็อบ เมเนนเดซ และวุฒิสมาชิกมาร์ค เคิร์ก อันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายด้านกลาโหมที่มี้เนื้อหาครอบคลุม นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาออกโรงเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การที่เกาหลีเหนือเตรียมยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้งในเดือนนี้ จะส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค - สำหรับข่าวทางฝั่งยุโรป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ประกาศลดอันดับกองทุนช่วยเหลือทางการเงิน EFSF และกองทุน ESM สู่ระดับ Aa1 จาก Aaa ตามมาหลังจากที่มูดี้ส์ได้ดาวน์เกรดฝรั่งเศสก่อนหน้านี้ อัตราการว่างงานของยูโรโซนประจำเดือนตุลาคมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีคนว่างงานเพิ่มขึ้นอีก 173,000 ราย ในขณะที่ราคาผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ของกรีซอาจมองหาหนทางการตัดลดหนี้ของกรีซเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ก่อนช่วงที่การช่วยเหลือทางการเงินในปัจจุบันดำเนินอยู่ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลีเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด สู่ระดับ 11.1% จากระดับ 10.8% ในเดือนก.ย. ทำสถิติพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจปรับลดการจ้างงาน หลังจากที่อิตาลีเผชิญภาวะถดถอยเป็นปีที่ 2 ในช่วงเช้านี้ราคาทองคำยังคงไม่เคลื่อนไหวมากนัก หลังจากที่ปรับตัวลดลงไปติดต่อกัน 2 เดือน จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาทางด้านงบประมาณของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักเก็งกำไรต่างๆ มีการเพิ่มการลงทุนในทองคำขา Long ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม รวมไปถึงการที่กองทุน ETFs ได้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ยังชี้ให้เห็นถึงความสนใจในทองคำยังมีอยู่ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Core PCE Price Index m/m ออกมาที่ระดับ 0.1% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1 % - Personal Spending m/m ออกมาที่ระดับ -0.2% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.8% - Chicago PMI ออกมาที่ระดับ 50.4 จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 49.9 ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ISM Manufacturing PMI คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 51.5 ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 51.7 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — โดยภาพรวมราคาทองคำในช่วงตลาด COMEX ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ยืนขึ้นได้ในวันพฤหัสบดีและไปสัมผัสที่บริเวณ 1,730 เหรียญ ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้งโดยยังเป็นความกังวลของนักลงทุนและไม่มีความแน่ชัด ภาพรวมตลาดยังให้ความสนใจภาวะ Fiscal Cliff สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในคืนวันศุกร์ไม่มีผลกระทบใดๆ เนื่องจากตัวเลขออกมาทรงตัวคือตัวเลข CPI และตัวเลขในคืนวันพฤหัสบดีก็ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบกับทองคำ แต่ทำให้ราคาทองคำสามารถดีดกลับ ภาพรวมราคาทองคำน่าจะถูกกดดันจากการที่สิ้นสุดอายุสัญญาออปชั่นและสัญญาฟิวเจอร์ส คาดว่าวันนี้น่าจะไม่มีผลแล้ว และน่าจะหยุดตกได้ โดยราคาทองคำวันนี้น่าจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,710-1,730 เหรียญ ภาพรวมยังแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูผลการประชุม Fiscal Cliff ที่จะมีผลในสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่เทศกาลคริสมาส ในเชิงเทคนิคจะเห็นได้ว่าราคาทองคำขึ้นลงสลับกัน โดยมีบริเวณแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,720-1,725 เหรียญ ซึ่งจะมีค่าเฉลี่ยไปกองอยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ราคาจะสามารถกลับไปเป็นขาขึ้นได้ก็ต่อเมื่อราคากลับไปยืนเหนือระดับ 1,735 เหรียญได้เท่านั้น สัญญาณโดยทั่วไปเป็นทั้งเชิงบวกและลบสลับกัน โดยสัญญาณระยะสั้นเป็นลักษณะ Technical Rebound สัญญาณระยะกลางยังไม่มีความแน่นอน คือทั้งบวกและลบ แนะนำให้ระยะกลางและยาวยังไม่ต้องทำอะไร ให้รอความชัดเจนก่อน ส่วนนักลงทุนระยะสั้นแนะนำให้เข้าเร็วออกเร็วโดยคาดว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบที่ระดับ 1,710-1,730 เหรียญเท่านั้น Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,320 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,450 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,060 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว เป็นการเข้าเร็วออกเร็วในกรอบแคบๆที่ระดับ 1,712-1,725 เหรียญ และให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น ขายในกรอบสั้นๆแคบๆ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ถือครอง Portfolio เท่าเดิม 50% เป็นการรอความชัดเจนของตลาด ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อเพิ่ม รอจังหวะขายทำกำไรเมื่อแนวต้านเท่านั้น นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ถือครอง Portfolio อยู่ที่ระดับ 50-60% เป็นการรอความชัดเจนของตลาด ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อเพิ่ม รอจังหวะขายทำกำไรเมื่อแนวต้านเท่านั้น บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--GT Wealth Management ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น US$10.77 มาปิดที่ระดับ US$1,714.19 (Gold Spot) ราคาทองคำอ่อนตัวลงในช่วงวันศุกร์ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็น Fiscal Cliff หลังจากการหารือของผู้นำสหรัฐฯ และสมาชิกสภาของฝ่ายค้านยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะประเด็นเรื่องภาษีของคนรวยที่มีความต่างกันชัดเจนในเชิงนโยบาย ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความวิตกต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ รวมถึงความรุนแรงในอียิปต์ที่กระตุ้นต่อการคาดการณ์ปัญหาด้าน Supply ในอนาคต ค่าเงินบาทช่วงเช้า (10.00 น.) ทรงตัวใกล้ระดับ 30.70 ต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ระดับ 1,348.83 ตัน เพิ่มขึ้น 1.81 ตัน โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (GFZ12) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 25,210 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 24,900 บาท ราคาเสนอขาย 25,000 บาท คงที่ แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ต้นสัปดาห์ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขหนี้ยุโรปจากการประชุมยูโรกรุ๊ป โดยเฉพาะประเด็นความช่วยเหลือกรีซ ส่วนสหรัฐฯยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจจากเรื่อง Fiscal Cliff ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นตามความเสี่ยงในตะวันออกกลางแต่เชื่อว่าปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากการชะลอตัวด้าน Demand ที่ลดลง GT Wealth Management จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 11:37:27

ความคิดเห็นที่ 39 กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ สยามแก๊สฯ คาดการณ์ไม่ผิด ไตรมาสสุดท้ายราคาก๊าซในตลาดโลกปรับตัวขึ้นตามฤดูกาล เชื่อหนุนศักยภาพการทำกำไรดีขึ้น เผยจีนออกใบอนุญาตคลังก๊าซที่ซัวเถาเป็นคลังทัณฑ์บน สามารถนำเข้าก๊าซเพื่อส่งออกได้โดยไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้นำตลาด LPG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาก๊าซช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เชื่อว่ามีราคาเฉลี่ยสูงกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการปรับขึ้นตามฤดูกาลช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยแนวทางบริหารคลังเก็บก๊าซของบริษัทฯ นั้นได้ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้มการปรับตัวของราคาก๊าซอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนอกเหนือจากสภาพอากาศแล้ว ยังต้องดูแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกด้วย เพื่อพิจารณาซื้อก๊าซเข้ามาเก็บในคลังให้สอดคล้องกับทิศทางความต้องการใช้ ทั้งนี้ จากการบริหารคลังเก็บก๊าซขนาดใหญ่ 2 แห่งในประเทศจีนอย่างมีประสิทธิภาพ จึงคาดว่าศักยภาพการทำกำไรของบริษัทฯ จะดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนที่ออกใบอนุญาตคลังก๊าซที่ซัวเถา เป็นคลังก๊าซทัณฑ์บน ที่ได้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าก๊าซเพื่อส่งออก ทำให้มีบริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้นในการจำหน่ายเพื่อการส่งออก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะใช้ศักยภาพด้านการกระจายสินค้าด้วยเรือขนก๊าซขนาดใหญ่ หรือ VLGC ซึ่งเปรียบเสมือนคลังลอยน้ำ ทำให้ SGP ได้เปรียบในด้านการขนส่งและช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำตลาดก๊าซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดี ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นใน SGP มากยิ่งขึ้น “ในไตรมาสนี้ ที่ราคาเฉลี่ยก๊าซได้ปรับตัวสูงขึ้นนั้นมาจากช่วงฤดูกาลที่ปลายปีราคาก๊าซจะทยอยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเราก็คาดการณ์ได้ถูกต้อง จึงเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของเรามีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องแน่นอน” นางจินตณา กล่าว ส่วนในด้านของยอดขายนั้น บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 50,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยงวด 9 เดือนของปี 2555 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 36,209 ล้านบาท แล้ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้ 13,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 9,973 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 190.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,439% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 11:42:12

ความคิดเห็นที่ 40 หลังสร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลกกับการจัดประกวดสุดแปลก เฟ้นหาสาวงามที่มีบั้นท้ายสวยที่สุดของบราซิล โดยเปิดให้ผู้ชมร่วมกันโหวตหาสาวสวยบั้นท้ายเป๊ะในดวงใจเพียงหนึ่งเดียวในรอบ 15 คนสุดท้าย ล่าสุด ผลการประกวดจากเวที "มิสบัมบัม บราซิล 2012" ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน และมีผู้สนใจเข้าร่วมการประกวดกว่า 500 ชีวิต ก็ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยสาวที่คว้าแชมป์รางวัลบั้นท้ายงามไปครอง ได้แก่ คารีน เฟลิซาร์โด สาวงามวัย 25 ปี จากรัฐปารา ที่สามารถเอาชนะสาวงามอีก 14 คนในรอบสุดท้ายมาได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับรางวัลที่ เฟลิซาร์โด ได้รับจากการประกวดในครั้งนี้ก็คือ เช็คเงินสดมูลค่าราว 7 หมื่นบาท และได้รับเชิญไปถ่ายนู้ดลงหน้าปกนิตยสาร "SEXY MAGAZINE" ฉบับเดือนมกราคม 2013 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 11:47:48

ความคิดเห็นที่ 41 นายฐิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) คาดว่าในไตรมาส 4/55 จะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/54 เพราะปีนี้ไม่มีผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องการขนส่ง และทั้งปี 55 คาดว่ารายได้อยู่ที่ 5 แสนล้านบาท สำหรับปี 56 คาดว่า อัตรากำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานประจำปี ทำให้กำลังการผลิตดีขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ราคาประมาณ 105-115 ดอลลาร์/บาร์เรล และมองว่าตลาดปิโตรเคมีจะมีแนวโน้มดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทำให้ทางการสหรัฐสามารถดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:08:16

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณค่า คุณจอยลี่ขรา.. ตะเองรู้ได้ไง ว่าเค้าต้องกินปลามากที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดด 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:08:37

ความคิดเห็นที่ 43 เอามาแข่ง 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:09:29

ความคิดเห็นที่ 44 PTTGC คาดกำ​ไร Q4/55 ดีกว่า Q4/54 ​เหตุ​ไม่มีผลกระทบน้ำท่วม นายฐิติพงษ์ จุลพรศิริดี ​ผู้จัด​การฝ่าย​การ​เงินองค์กร​และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที ​โกลบอล ​เคมิคอล(PTTGC) คาดว่า​ใน​ไตรมาส 4/55 จะมีราย​ได้​และกำ​ไร​เพิ่มขึ้นจาก​ไตรมาส 4/54 ​เพราะปีนี้​ไม่มีผลกระทบจากสถาน​การณ์น้ำท่วม ​ทำ​ให้​ไม่​ได้รับผลกระทบ​เรื่อง​การขนส่ง ​และ​ทั้งปี 55 คาดว่าราย​ได้อยู่ที่ 5 ​แสนล้านบาท สำหรับปี 56 คาดว่า อัตรากำ​ไรจะ​เติบ​โตอย่างต่อ​เนื่อง ​เนื่องจากบริษัท​ไม่มี​แผนปิดซ่อมบำรุง​โรงงานประจำปี ​ทำ​ให้กำลัง​การผลิตดีขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ราคาประมาณ 105-115 ดอลลาร์/บาร์​เรล ​และมองว่าตลาดปิ​โตร​เคมีจะมี​แนว​โน้มดีขึ้นตาม​แนว​โน้ม​เศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นหลัง​การ​เลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ​ทำ​ให้ทาง​การสหรัฐสามารถดำ​เนินน​โยบายทาง​เศรษฐกิจ​ได้อย่างต่อ​เนื่อง อิน​โฟ​เควสท์ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38579 UAC ลุ้นปี 58 ราย​ได้​แตะ 3 พันลบ.,​เล็งตั้ง​โรงงานผลิต Bio Oil ​ในพม่า-​ไทย นายกิตติ ชีวะ​เกตุ ประธาน​เจ้าหน้าที่บริหาร​และกรรม​การ​ผู้จัด​การ บมจ.ยูนิ​เวอร์​แซล ​แอดซอร์บ​เบ้นท์ ​แอนด์ ​เคมิคัลส์(UAC)คาดว่าราย​ได้จากพลังงานทด​แทนจะ​เข้ามา​เสริมธุรกิจ​เดิมที่​เป็น​การจำหน่ายอุปกรณ์​และผลิตภัณฑ์ปิ​โตร​เคมีที่ปกติมีอัตรา​เติบ​โตปีละ 10-15% ​โดยจะ​ทำ​ให้ราย​ได้ของบริษัท​เติบ​โต​เฉลี่ยปีละ 30% ภาย​ในช่วง 3 ปีข้างหน้า​ในช่วง​การทยอยรับรู้ราย​ได้ตามกำหนดที่​แต่ละ​โครง​การ​แล้ว​เสร็จ ​และคาดว่าราย​ได้จะพุ่งขึ้น​เป็นกว่า 2 พันล้านบาท​ในปี 58 ​เมื่อ​โครง​การ​โรงผลิตก๊าซ​แล้ว​เสร็จครบถ้วนตาม​แผนงาน ​และมี​โอกาสลุ้น​ทำราย​ได้​ถึง 3 พันล้านบาท หากราคาก๊าซปรับตัวสูงขึ้นตามที่คาด​การณ์​ไว้ "อีก 3 ปีข้างหน้าราย​ได้พลังงานทด​แทนจะทยอย​เข้ามา ​ทำ​ให้ราย​ได้รวมของ​เราน่าจะ​โต​เฉลี่ย​ถึง 30% ธุรกิจ​ใหม่จะมีสัดส่วนราย​ได้​เพิ่ม​เป็น 60% ธุรกิจ​เดิม 40% ช่วงที่​โรงก๊าซ CBG ​ทั้ง 20 ​แห่งกับ​โรง​แยกก๊าซที่สุ​โขทัย​แล้ว​เสร็จ​ในปี 58 ​ก็จะมีราย​ได้​เข้ามา​เต็มที่ คาดว่าราย​ได้จะ​ทำ​ได้กว่า 2 พันล้านบาท ​และมี​โอกาสจะ​ไป​ถึง 3 พันล้านบาทด้วย"นายกิตติ กล่าว ก่อนหน้านี้ UAC ระบุว่าตั้ง​เป้าราย​ได้ปี 56 ​ในระดับ 1.1 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ราย​ได้อาจจะพลาด​เป้าที่ตั้ง​ไว้ 1 พันล้านบาท ​เนื่องจากปัญหา​การขนส่งล่าช้า อย่าง​ไร​ก็ตาม นายกิตติ กล่าวว่า กำ​ไร​ในปีนี้ยัง​เติบ​โตขึ้นมาก ​โดย​ในช่วง 9 ​เดือน​แรกของปีกำ​ไรสูงกว่า​ทั้งปี 54 ​แล้ว ​และคาดว่าปลายปีน่าจะ​ทำ​ได้ดีอย่างต่อ​เนื่อง บริษัท​จึงคาดว่าจะสามารถจ่าย​เงินปันผล​ให้กับ​ผู้ถือหุ้น​ได้ดี​เช่นกัน ​ทั้งนี้ บริษัทมีน​โยบายจ่ายปันผล 40% ของกำ​ไรสุทธิ นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทยังมี​การลงทุน​เพิ่ม​เติมอย่างต่อ​เนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่าง​การวาง​แผนธุรกิจ​เพื่อดำ​เนิน​โครง​การผลิต Bio Oil จากของ​เสีย​ในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ​โดย​เฉพาะกากปาล์ม ​ซึ่งผลผลิตที่​ได้มีคุณสมบัติ​ใกล้​เคียงน้ำมัน​เตา ​และมีค่าพลังงาน​ความร้อน​เท่ากับครึ่งหนึ่งของน้ำมัน​เตา มี​โรงงาน​แห่ง​แรก​เป็นต้น​แบบที่มา​เล​เซีย ​โดยกำลังพิจารณา​ความ​เป็น​ไป​ได้​ใน​การตั้ง​โรงงาน​ในพม่า ​และทางภาค​ใต้ของ​ไทย ​ทั้งนี้ บริษัท​ได้​เจรจากับ​ผู้ร่วมทุน​ในพม่าอย่างต่อ​เนื่อง​และคาดว่าน่าจะ​ได้ข้อสรุป​ใน​เร็ว ๆ นี้ ​ซึ่ง​เป็นธุรกิจท้องถิ่น​ในพื้นที่​เกาะสองที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันขนาด​ใหญ่ ​และมี​โรงสกัดน้ำมันปาล์มขนาด 8 ​แสนลิตร/วัน ​แต่​เนื่องจากพม่ายังมี​การ​ใช้น้ำมัน​ไม่มากนัก บริษัท​จึงมองว่า​ไม่คุ้มกับ​การผลิต​ไบ​โอดี​เซล ​ในขณะที่​ความต้อง​การ​ใช้พลังงาน ​โดย​เฉพาะ​ไฟฟ้า ​ในพม่ามี​แนว​โน้มสูงขึ้นอย่างมาก ​ซึ่งผลิตภัณฑ์ Bio Oil สามารถนำ​ไป​ใช้​ใน​โรง​ไฟฟ้า​ได้ ​และพม่ายัง​ไม่​ได้​ทำของ​เสียจากกระบวน​การผลิตปาล์ม​ไป​ใช้ประ​โยชน์มากนัก ​ทำ​ให้มี​ความ​เสียง​ในด้านวัตถุดิบค่อนข้างต่ำ ส่วน​ใน​ไทยนั้น บริษัทมี​แผนจะร่วมมือกับพันธมิตร ตั้ง​โรงงาน Bio Oil ​ใน​แหล่งปลูกปาล์มทางภาค​ใต้ของ​ไทย ​โดยมองพื้นที่​ใน จ.สุราษฎร์ธานี ​ซึ่งขณะนี้​ทั้งสองพื้นที่อยู่ระหว่าง​การ​ทำ Business Model ​เพื่อพิจารณา​ความคุ้มค่า​ใน​การลงทุน ขณะที่​โครง​การร่วมทุนระบบน้ำดี​และน้ำ​เสีย​ในพม่ากับ บมจ.​ไฮ​โคร​เทค(HYDRO)ที่ UAC ถือหุ้น​ในสัดส่วน 50% ​เศษ ​โครง​การ​แรกจาก​ทั้งหมด 2 ​โครง​การ ​ใกล้​ได้ข้อสรุป​และน่าจะ​เริ่มก่อสร้าง​ได้​ในปีหน้า ​ซึ่ง​เป็น​โครง​การระบบบำบัดน้ำ​เสีย​ให้กับนิคมอุตสาหกรรม​ใน​เมืองมัณฑะ​เลย์ มูลค่าลงทุนราว 300-400 ล้านบาท คาดว่าจะ​ทำราย​ได้ราว 200 ล้านบาท/ปี ส่วน​โครง​การผลิตน้ำประปา​และบำบัดน้ำ​เสีย​แห่งที่ 2 มูลค่าลงทุนราว 800 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างราย​ได้ราว 300 ล้านบาท/ปี น่าจะ​เริ่มสร้าง​ได้กลางปีหน้า​และ​แล้ว​เสร็จ​ในปี 58 นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทยัง​เดินหน้า​โครง​การผลิตก๊าซชีวภาพอัด​ความดันสูง(CBG)อีก 20 ​แห่ง​ทั้งลงทุน​เอง​และร่วมทุนกับภาคธุรกิจท้องถิ่นที่จะ​แล้ว​เสร็จ​และสร้างราย​ได้​เต็มที่​ในปี 58 ​โดยจะตั้ง​โรงผลิตก๊าซส้วน​ใหญ่​ในพื้นที่ภาค​เหนือตอนบน​และขอน​แก่น ​ซึ่ง​ในส่วนของ​โครง​การร่วมทุนนั้น บริษัท​ได้พันธมิตรท้องถิ่น​เป็นธุรกิจปั๊มน้ำมันราย​ใหญ่​ใน จ.ขอน​แก่น​แข้ามาร่วมด้วย ขณะที่​โครง​การดังกล่าว​ได้รับ​การสนับสนุน​เงินลงทุนจากกรมพัฒนาพลังงานทด​แทน​และอนุรักษ์พลังงาน 10% ของวง​เงินลงทุน​แต่ละ​โครง​การที่คาดว่าจะ​ใช้ราว 100 ล้านบาท "​เราคาดว่า CBG ​แต่ละ​โครง​การจะมีรี​เทิร์น 15-20% ​ใช้​เวลา 5-6 ปีจะคุ้มทุน"นายกิตติ กล่าว พร้อมกันนั้น บริษัทยังมี​การศึกษา​แนวทาง​การลด​ความ​เสี่ยงด้านวัตถุดิบของ​โครง​การ CBG ด้วย​การนำกากพืช​และผล​ไม้มาทดลองหมัก​เพื่อผลิตก๊าซ หลังจากที่​ได้นำหญ้า​เน​เปียร์ (หญ้า​เลี้ยงช้าง)ที่มีคุณสมบัติ​โดด​เด่นคือ​เติบ​โต​ได้​เร็วมา​เป็นวัตถุดิบร่วมกับมูลสัตว์ที่​ได้จากฟาร์มสุกร คาดว่าจะ​ได้ข้อสรุปผล​การศึกษา​ใน​เร็ว ๆ นี้ "​เรามี​ความ​เสี่ยงด้านวัตถุดิบ ปริมาณขึ้นกับฟาร์มสุกร ​แม้ว่าจะมีสัญญาระยะยาว 15 ปี​เท่ากับสัญญาที่​เราขายก๊าซ LPG ​ให้กับปตท. ​แต่​ก็อาจะ​เกิด​โรคระบาด​ทำ​ให้ปริมาณหมู​และของ​เสียลดลง ​เรา​จึง​ได้หันมา​ใช้พืชพลังงานมา​เสริม ​และตอนนี้​ก็มอง​เห็นว่าของ​เสียจากพืช​และผล​ไม้​ในภาค​เหนือมีปริมาณมาก ​โดย​เฉพาะจาก​โรงงาน​แปรรูปผลผลิตทาง​การ​เกษตร ​เรา​ก็กำลังทดสอบอยู่"นายกิตติ กล่าว สำหรับ​โครง​การผลิต​ไบ​โอดี​เซลที่อยุธยา ​ซึ่ง UAC ร่วมทุนกับ บมจ.บางจากปิ​โตร​เลียม(BCP) ​ในนามบริษัท บางจาก​ไบ​โอฟลู​เอล จำกัด คาดว่าจะ​เริ่มก่อสร้าง​ในปีหน้า​เช่นกัน ส่วน​โครง​การ​โรง​แยกก๊าซ Petroleum Product Production (PPP) ที่ จ.สุ​โขทัย จะก่อสร้าง​แล้ว​เสร็จ​ใน​ไตรมาส 1/56 ​และ​เริ่มรับรู้ราย​ได้​ใน​ไตรมาส 2/56 ​และบริษัทยังอยู่ระหว่างมอง​โอกาส​ใน​การลงทุนตั้ง​โรง​แยกก๊าซ​แห่งที่ 2 ​ในสุ​โขทัย​ไปพร้อม ๆ กับ​แหล่งปิ​โตร​เลียมที่อยู่ระหว่าง​การสำรวจปริมาณสำรอง​เพิ่ม​เติม คาดว่าจะ​ได้ข้อสรุปภาย​ในปลายปี 56 นายกิตติ กล่าวว่า หลังจากที่บริษัท​ได้มี​การ​เพิ่มทุน​เพื่อจำหน่ายหุ้น​ให้กับ​ผู้ถือหุ้น​เดิม​และจะจัดสรรหุ้น​ให้กับประชาชนทั่ว​ไปที่คาดว่าจะดำ​เนิน​การ​ได้​ใน​เดือน ม.ค.56 นี้ รวมกับ​การออกวอร์​แรนต์อีกส่วนหนึ่ง ​และ​การ​ใช้​เงินกู้จากสถาบัน​การ​เงิน ​ก็คาดว่าจะ​เพียงพอกับ​การลงทุนตามที่​ได้วาง​แผนงาน​ไว้​โดย​ไม่จำ​เป็นต้อง​เพิ่มทุนอีกภาย​ใน 3 ปีจากนี้ ​และบริษัทมี​เป้าหมายจะรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)​ไม่​ให้​เกิน 1 ​เท่า จากปัจจุบันที่อยู่​ในระดับ 0.5 ​เท่า อิน​โฟ​เควสท์ จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:15:25

ความคิดเห็นที่ 45 MCOT พุ่งกว่า 5% ค่าโฆษณาหนุน ราคายัง laggard เข้ากลุ่มปันผลดี ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ณ เวลา 11.17 น. บวก 2.25 บาท หรือ 5.88% มาที่ 40.50 บาท สูงสุดที่ 41.00 บาท ต่ำสุดที่ 38.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 79.57 ล้านบาท ด้านข้อมูลจาก www.settrade.com โบรกเกอร์ 7 แห่ง แนะนำ "ซื้อ", 4 แห่ง แนะนำ "ถือ" และ 1 แห่ง แนะนำ "ขาย" โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 37.34 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.31% บล.โกลเบล็กระบุว่า ราคาหุ้น MCOT ยังถือว่า laggard เมื่อเทียบกับตัวอื่นในกลุ่ม ที่ปรับขึ้นไปมากแล้ว นอกจากนี้ MCOT ยังได้ปรับขึ้นราคาค่าโฆษณาซึ่งส่งผลทำให้รายได้ดีขึ้น ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการมีการโฆษณาสินค้ากันมากด้วย ทั้งนี้แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" สำหรับ MCOT ทางเทคนิคมีแนวต้านที่ 40.75 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 40 บาท โดยหากไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าวแนะนำให้ขายทำกำไรไปก่อน ด้านบล.ทรีนีตี้ มองหุ้นกลุ่มบันเทิงว่าจะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า ได้แก่ MCOT ขณะที่บล.บัวหลวงแนะนำ MCOT เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มปันผลดี และปันผลสูง ข่าวหุ้น http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38578 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:16:32

ความคิดเห็นที่ 46 รายละเอียดข้อมูลของบริษัทที่จะมีการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป (IPO) และเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท                                            วันยื่น Filing      จำนวนหุ้น             วันเสนอขาย        ราคาIPO     วันเข้าเทรด          ที่ปรึกษา การเงิน (ล้านหุ้น)                                     (บาท) บิวตี้ คอมมูนิตี้                                         7 ก.ย.55                    82.50                ปลาย พ.ย.55            8.00            7 ธ.ค.55           ฟิลลิป (ประเทศไทย) แอร์โรว์ ซินดิเคท                                    27 ก.ย.55                    50.00             17-19 ธ.ค.55            5.00-6.00          ธ.ค.55          ฟิลลิป (ประเทศไทย) อัคคีปราการ                                         3 พ.ค.55                     84.00                        พ.ย.55               -                     ปี 55     คันทรี่ กรุ๊ป อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์                               18 พ.ย.54               1,333.00                              -            4.2-4.9              ธ.ค.55          บัวหลวง เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น                       1 ต.ค.54                    600.00                           -                -                    ปี 55     เวลท์ พลัส แอ๊ดไวเซอรี่ ดีเอ็นเอ 2002                                           20 ก.ค.55                   160.00                           -                -                     -         ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ สยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์                           1 ส.ค.55                     65.00                            -                -                    ปี 55     โกลเบล็ก พลังงานบริสุทธิ์                                    24 ก.ย.55                   560.00                           -                -     ปี 55/ต้นปี 56       แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ แปซิฟิค เลินนิ่ง คอร์ปอเรชั่น                        20 ก.ค.54                    74.90                            -                -                     -         แอ๊บโซลูท แอ็ดไวเซอรี่ เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(APLUS) 27 มี.ค.55                                      60.00                            -                -                     -         สีลม แอ๊ด ไวเซอรี่ ยูเรกา ดีไซน์                                            6 ก.ย.55                    50.00                            -                -                     -         ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ พรีเมียร์ โพรดักส์                                    18 ก.ย.55                    82.50                            -                -                     -         เคจีไอ (ประเทศไทย) สหการประมูล                                        4 ต.ค.55                    70.00                            -                -                     -         คันทรี่ กรุ๊ป พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)                                         -                         -                            -                -                ต้นปี 56     เซจ แค ปปิตอล จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 12:48:28

ความคิดเห็นที่ 47 SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,330.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.46 จุด(+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 15,919.75 ล้านบาท นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังมีช่วงแกว่งตัวจากการขายทำกำไร เพราะไม่มีปัจจัยใหม่หนุนตลาด แต่นักลงทุนยังคาดหวังผลบวกกับการแก้ปัญหา Fiscal Cliff และปัญหายุโรป สำหรับช่วงบ่ายติดตามผลการพิจารณาคดี 3G ของศาลปกครองกลางในเวลา 13.30 น.ช่วงบ่ายให้แนวรับที่ 1,324-1,320 จุด แนวต้านที่ 1,332-1,335 จุด ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,330.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.46 จุด(+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 15,919.75 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,332.55 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,327.10 จุด นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากวันศุกรที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีจังหวะแกว่งตัว เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้มาในตลาด และมีแรงขายทำกำไรออกมบ้าง แต่นักลงทุนก็ยังคาดหวังว่าการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐ(Fiacal Cliff) จะผ่านไปได้ด้วยดี รวมทั้งปัญหาของยุโรโซนลดลง ช่วงบ่ายต้องติดตามการอ่านคำสั่งคดีประมูล 3G ของศาลปกครองกลาง  ถ้าหากออกมาเป็นลบก็จะส่งผลให้ตลาดลงได้ โดยตลอดวันคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบสลับกัน ให้แนวรับที่ 1,324-1,320 จุด แนวต้านที่ 1,332-1,335 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ ADVANC  มูลค่าการซื้อขาย  1,271.88  ล้านบาท ปิดที่  218.00 บาท  ลดลง  2.00 บาท INTUCH  มูลค่าการซื้อขาย  1,192.85  ล้านบาท ปิดที่   65.50 บาท เพิ่มขึ้น  1.25 บาท PTT     มูลค่าการซื้อขาย    706.85  ล้านบาท ปิดที่ 323.00  บาท เพิ่มขึ้น  3.00 บาท TRUE    มูลค่าการซื้อขาย    616.10  ล้านบาท ปิดที่   5.20  บาท เพิ่มขึ้น  0.20 บาท SCB     มูลค่าการซื้อขาย    440.40  ล้านบาท ปิดที่  163.00 บาท เพิ่มขึ้น  0.50 บาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 13:58:03

ความคิดเห็นที่ 48 ครึ่งเช้า วันที่ 3 ธันวาคม 2555 ฝรั่ง Net buy 170 M. จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:16:19

ความคิดเห็นที่ 49 ช่วยย่อยกั๊บ.. จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:26:48

ความคิดเห็นที่ 50 3G    goodddddddd         จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:28:37

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ แสดงว่ามีเยอะ 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:39:12

ความคิดเห็นที่ 52 ศาลปกครองฯไม่รับคำร้องประมูลใบอนุญาต 3G วันจันทร์ที่ 03 ธันวาคม 2555 เวลา 14:12:33 น.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยองค์คณะผู้พิพากษา กล่าวบนบัลลังก์ ว่า ผู้ฟ้อง(ผู้ตรวจการแผ่นดิน) ไม่มีอำนาจในการยื่นฟ้องดังกล่าว ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นคำร้องต่อศาลฯ ขอให้ไต่สวนฉุกเฉินและขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการให้ใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ไว้ก่อน หลังมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ 3G ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ.2555 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.55 ข่าวหุ้น http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=38587 จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:56:37

ความคิดเห็นที่ 53 หุ้น INTUCH, TRUE, DTAC นำทีมกลุ่มสื่อสารดีดตัวบวกรับคำสั่งศาลปกครองไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)กรณีการประมูล 3G ไว้พิจารณา ยกเว้นหุ้น ADVANC ที่ยังลบต่อเนื่องจากช่วงเช้า หลังราคาปรับขึ้นไปมาแล้วก่อนหน้านี้   เมื่อเวลา 14.32 น.หุ้น INTUCH บวก 3.11% มาที่ 66.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หุ้น TRUE บวก 4.00% มาที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หุ้น DTAC บวก 1.14% มาที่ 88.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ส่วนหุ้น ADVANC ลบ 0.91% มาที่ 218.00 บาท ลดลง 2.00 บาท บ่ายวันนี้ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินคดีการประมูล 3G ไว้พิจารณา โดยระบุว่าแม้ผู้ฟ้องมีอำนาจตรวจสอบเรื่องต่างๆ แต่รัฐธรรมนูญมีข้อยกเว้นว่าสำนักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ไม่ใช่ข้าราชการ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานท้องถิ่น บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า คำสั่งศาลปกครองวันนี้มีน้ำหนักต่อการเดินหน้าออกใบอนุญาต 3G ของ กสทช. มากที่สุด อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคำสั่งศาลฯ จะเป็นเช่นไรเชิงกลยุทธ์เราประเมินว่า ADVANC มีความเสี่ยงในการปรับตัวลงของราคามากที่สุด (นับตั้งแต่วันประมูล ADVANC ปรับขึ้นมาแล้ว 13% เทียบกับ 3% ของ DTAC และ INTUCH ขณะที่ TRUE -9%) ดังนั้น แนะนำให้เปลี่ยนไปลงทุน DTAC หรือ INTUCH ที่เปิด upside มากกว่าแทน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:58:43

ความคิดเห็นที่ 54 กอ เอ๋ย กอ ไก่.. จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:02:43

ความคิดเห็นที่ 55 ขอ ไข่ ใน เล้า จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:03:36

ความคิดเห็นที่ 56 ขอ ขวด ใส่เหล้า 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:05:23

ความคิดเห็นที่ 57 คอ คน ดึ๋ง ดั๋ง จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:08:42

ความคิดเห็นที่ 58 ผลการสำรวจของดีลอยท์ระบุชัด ปีนี้ประเทศไทยมีความ สามารถในการแข่งขันอยู่ในอันดับ 11 ของโลก แต่ในอีกห้าปีข้างหน้าไทยจะตกไปอยู่อันดับที่ 15 ขณะที่คู่แข่งสำคัญคือเวียดนามจะทะยานจากอันดับ 18 ในปีนี้ไปอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก อย่างไรก็ตามภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มส่องประกายสดใสในแง่ความสามารถในการแข่งขัน ในขณะที่จีนผงาดเป็นอันดับหนึ่งอย่างไร้เทียมทานโดยมีอินเดียตามมาติดๆ และ มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา-เยอรมัน-ญี่ปุ่นต้องทบทวนกลยุทธ์อย่างหนัก นางสาวนวลใจ กิตติศรีบูรณ์กุล หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสายงานธุรกิจอุตสาหกรรม ดีลอยท์เซาท์อีสต์เอเชีย กล่าวถึง ผลการสำรวจดรรชนีศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกปี 2556 ของดีลอยท์ ซึ่งเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีศักยภาพสูงในแง่ของการแข่งขัน โดยประเทศในภูมิภาคนี้ เช่น สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ เวียดนาม สามารถเกาะกลุ่มอยู่ใน 20 อันดับแรกของโลก และคาดว่าในอีกห้าปีข้างหน้าประเทศที่กล่าวมาส่วนใหญ่ จะเลื่อนอันดับสูงขึ้นหรืออย่างน้อยก็รั้งอันดับเดิมไว้ได้ โดยเฉพาะตลาดชายขอบที่กำลังมาแรง อย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย อินโดนีเซียซึ่งปีนี้อยู่อันดับที่ 17 คาดว่าในอีกห้าปีจะเลื่อนขึ้นไปอยู่อันดับที่ 11 ส่วนประเทศยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างประเทศจีนซึ่งขณะนี้อยู่ในอันดับ 1 นั้น อีกห้าปีก็จะยังสามารถรักษาอันดับไว้ได้เหมือนเดิม ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อีกรายคืออินเดียจะเลื่อนจากอันดับ 4 ในปัจจุบัน เป็น อันดับ 2 รองจากจีน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จีนและอินเดียจะยังโดดเด่นในอุตสาหกรรมการผลิต แต่ในความเป็นจริงผู้ผลิตเริ่มหันความสนใจไปยังตลาดชายขอบมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการตลาดท้องถิ่นที่เติบโตขึ้น รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการผลิตที่มีความสำคัญในห่วงโซ่สายการผลิตโลก ขณะเดียวกันมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเดิมต่างประสบภาวะสั่นคลอนอย่างรุนแรง ในอีกห้าปีข้างหน้า สหรัฐอเมริกาจะหล่นจากอันดับ 3 ไปอยู่ที่ อันดับ 5 ตามมาด้วยเกาหลีใต้ในอันดับ 6 เยอรมนีซึ่งปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 จะหล่นไปอยู่อันดับ 4 ตามหลังบราซิลซึ่งจะขึ้นมาเป็นอันดับ 3 แทนที่สหรัฐอเมริกา แม้กระทั่ง ญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้อยู่อันดับ 10 จะร่วงหลุดจากโผท้อปเท็นลงไปอยู่อันดับที่ 12 ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการแข่งขันจะของประเทศต่างๆในยุโรปจะลดลงอย่างมาก เปิดทางให้เอเชียผงาดขึ้นมาแทนที่ "อเมริกากับยุโรปคงต้องทำตาปริบๆเมื่อเห็นตลาดเกิดใหม่เมื่อราวสิบปีที่แล้ว มีความเข้มแข็ง ขึ้นจนกลายมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญในวันนี้"นายเครก กิฟฟิ รองประธานดีลอยท์สหรัฐอเมริกา (Deloitte LLP) และหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยและร่วมเขียนรายงานวิจัยชิ้นนี้ กล่าว "ถึงแม้ว่าภูมิภาคอเมริกาจะยังมีศักยภาพที่ดีอยู่ เพราะตอนนี้สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา และเม็กซิโกยังติดกลุ่ม 15 อันดับแรก แต่อีกไม่นานปัจจัยหลายๆอย่างจะหนุนให้ทวีปเอเชียได้ก้าว ขึ้นมาแทน ซึ่งในอีกสิบปีข้างหน้า สิบประเทศจากเอเชียจะติดอยู่ใน 15 อันดับแรกของประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขัน"นายกิฟฟิ กล่าว นางเดบอราห์ แอล. วินซ์-สมิธ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สภาการแข่งขันแห่งสหรัฐอเมริกา แสดงทัศนะว่า การตกอันดับของภูมิภาคอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ จัดว่าเป็นแนวโน้มอันตรายที่ผู้เกี่ยวข้องต้องร่วมกันหาทางกำหนดมาตรการจัดการโดยด่วน "เราต้องตีโจทย์ให้แตกถึงความซับซ้อนและความเชื่อมโยงที่เป็นตัวขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมการผลิต และการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่ทำให้โฉมหน้าเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป ตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมาก นโยบายและการจัดการที่ชาญฉลาดจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้น" นางวินซ์-สมิธ กล่าว การสำรวจดรรชนีศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกปี 2556 หรือ 2013 Global Manufacturing Competitiveness Index จัดทำโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการผลิต ดีลอยท์สหรัฐอเมริกา (Deloitte Touche Tohmatsu Limited’s (DTTL) Global Manufacturing Industry group) ร่วมมือกับ สภาการแข่งขันแห่งสหรัฐอเมริกา U.S. Council on Competitiveness ผลสำรวจนี้ได้มาจากการวิเคราะห์เจาะลึกของข้อมูลจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้นำระดับ แนวหน้าของบริษัทผู้ผลิตต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 550 คน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:09:12

ความคิดเห็นที่ 59 ฆอ ระ คัง หง่าง หง่าง จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:09:49

ความคิดเห็นที่ 60 ฮอ นก ฮะ ตาโต๊วววววววววววววว 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:12:49

ความคิดเห็นที่ 61 รุ้สึกบู๊ทนี้นี่คนสนใจเข้ามาดูเยอะนะครับ เห็นรูปชุดน้องเค้าติดอยู่ทุกเวปที่มีภาพเกี่ยวกับมอร์เตอร์โชว์ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ(SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายยอดขายปี 55 เป็น 42,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 40,000 ล้านบาทที่มีการปรับล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากยอดขายในขณะนี้ทะลุเป้าหมายดังกล่าวไปแล้ว   ทั้งนี้ การประกาศปรับเป้าหมายยอดขายเป็น 42,000 ล้านบาทในครั้งนี้ นับเป็นครั้งล่าสุดจากที่ทยอยปรับเพิ่มมาตั้งแต่ต้นปี โดยภายหลังจากที่บริษัทดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายมาแล้ว 2 เดือน ปรากฎว่าบริษัทสามารถสร้างยอดไปได้ถึง 14,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายไตรมาสสุดท้ายซึ่งตั้งไว้เดิมเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เป็นยอดขายรายไตรมาสทุบสถิติสูงที่สุดที่บริษัทเคยทำได้ในช่วงไตรมาสเดียว "ณ ขณะนี้ ขณะที่เป้าหมายยอดขายใหม่ 42,000 ล้านบาทนั้น หากสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี นั่นหมายถึงการเติบโตของยอดขายที่สูงขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังเป็นการทุบสถิตินับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ดังนั้นจึงนับว่าในปีนี้เป็นปีที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุด" นายเศรษฐา กล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการพิจารณาและปรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 55 ครั้งล่าสุดเพื่อให้สอดรับกับผลการดำเนินงานของบริษัทซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เทอร์ทีไนน์ มูลค่าโครงการ 2,700  ล้านบาท ปิดการขาย 100% ทันทีในช่วงพรีเซลล์, โครงการเดอะ เบส ไฮท์ มิตรภาพ-ขอนแก่น มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ปิดการขายได้ภายในครึ่งวันแรกที่เปิดพรีเซลล์, โครงการเดอะ เบส พาร์คเวสต์ สุขุมวิท 77 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 80% ในช่วงพรีเซลล์ จากมูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท รวมถึงโครงการล่าสุดในจังหวัดภูเก็ต “ดีคอนโด ไมน์” จำนวนทั้งสิ้น 436 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 740 ล้านบาท ซึ่งสามารถปิดการขายภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมงที่เปิดพรีเซลล์ที่ Sale Gallery ถนนพระภูเก็ตแก้ว  จ.ภูเก็ตในวันที่ 1 ธ.ค.55 ที่ผ่านมา แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 55 15:28:12 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:25:52

ความคิดเห็นที่ 62 จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:32:07

ความคิดเห็นที่ 63 พีเอสไอ เตรียมทุ่มงบร่วมทุนพันธมิตรต่างแดน ทั้งลาว เวียดนาม และพม่า เผยเจรจา กสทช.ปี 2556 ผู้ประกอบการรายการกว่า 30 ช่องต้องปรับตัว   ล่าสุดจับมือ เวิร์คพอยท์ ลุยธุรกิจทีวีดาวเทียม ก่อตั้งบริษัท ฟรีไซส์ บรอดแคสติ้ง จำกัด มั่นใจเปิดช่องต้นปี 2556 คุยสามารถทำกำไรทันที มั่นใจสิ้นปีหน้ารายได้รวมเติบโต 25%     นายสมพร  ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทมีแผนร่วมทุนกับบริษัทในประเทศลาว เวียดนาม และพม่า เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรขยายการลงทุนในประเทศ  โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้นราว 25-30 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนขยายการให้บริการในประเทศลาว ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่ง  ส่วนในประเทศเวียดนามบริษัทได้เจรจาร่วมทุนกับบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด เปิดตัวบริษัทใหม่ ในโฮจิมินห์ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท ขณะที่ประเทศพม่าบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ     อีกทั้งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา บริษัทได้เจรจากับทางกสทช.กรณีเรื่องการควบคุมช่องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในระบบการถ่ายทอดของบริษัท พบว่ามีจำนวนกว่า 30 ช่องที่เผยแพร่ออกอากาศไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่องการขายสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดังนั้นต้องรีบปรับปรุงแก้ไข ไม่อย่างนั้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะโดนตัดการเผยแพร่ได้     ขณะที่แผนการทำตลาดในปี 2556 บริษัทได้วางงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ในประเทศกว่า 300 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการทำสื่อโฆษณาป้ายบิลบอร์ดตามทางด่วนมากขึ้น หรือคิดสัดส่วนเป็น 50% ของการทำสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งหมด สำหรับภาพรวมธุรกิจทีวีดาวเทียมของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30-35% ลดลงจากปี 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจทีวีดาวเทียมมีฐานกว้างขึ้น อีกทั้งยังมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาจำนวนมาก  แต่ในแง่ของรายได้กลับสวนทางเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาโดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะปิดรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีรายได้ 2 พันล้านบาท     "ในภาพรวม 10 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการขายจานซียูแบรนด์ทั้งชุดในกรุงเทพฯมากขึ้นกว่า 100% ทำให้ในปีหน้า บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายผู้บริโภคในกรุงเทพฯมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าวมีกำลังซื้อ และเป็นตลาดใหม่ จึงคาดว่าการทำตลาดดังกล่าวจะส่งให้ปี 2556 มีกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ซื้อจานซียู-แบนด์ทั้งชุดเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ขณะเดียวกันในแง่ของตลาดต่างจังหวัดกลับมีอัตราการขายจานชุดติดลบ เนื่องจากตลาดดังกล่าวอยู่มานานกว่า 20 ปี แต่ในแง่ของการขายกล่องรับสัญญาณตลาดต่างจังหวัดยังมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งในภาพรวมปี 2555 การขายกล่องของบริษัทมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3 ล้านกล่อง และคาดว่าในปี 2556 บริษัทจะสามารถจำหน่ายกล่องเพิ่มขึ้นกว่า 3.5-4 ล้านกล่อง"     ล่าสุดบริษัทได้จับมือร่วมทุนกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ฟรีไซส์  บรอดแคสติ้ง จำกัด โดยร่วมกันผลิตและจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม พร้อมทั้งมีแผนการผลิตรายการครอบคลุมทุกประเภทเพื่อเข้าถึงฐานผู้ชมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการก่อตั้งบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้น 50:50   ขณะที่ในปี 2556 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทจะเปิดตัวช่องแรกโดยวางตำแหน่งช่องให้มีโอกาสขยายธุรกิจได้หลายช่องทาง และมีแนวโน้มอาจจะขยายไปยังช่องเคเบิลทีวี และทีวีดิจิตอล พร้อมเปิดรับพันธมิตรต่างๆที่จะเข้ามา     นอกจากนี้บริษัท ยังได้เตรียมประมูลลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ เช่น เกาหลี ยุโรป และอเมริกาเหนือ มารวมอยู่ในช่อง ซึ่งการเปิดช่องใหม่ครั้งนี้บริษัทมองว่านอกจากได้ผู้ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพของประเทศไทยเข้ามาร่วมแล้ว  เทคโนโลยีของบริษัทยังรองรับเรื่องภาษาได้กว่า 10 ประเทศ และมีสัญญาณที่ครอบคลุมกว่า 22 ประเทศ  ดังนั้นในปี 2558 ที่จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีนั้นบริษัทมั่นใจว่า "ฟรีไซส์ บรอดแคสติ้ง"จะตอบรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี     ด้านนายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งภายในสิ้นปี 2555 บริษัทคาดว่าจะสามารถทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 130 ล้านบาท พร้อมทั้งในปี 2556 บริษัทมีแผนจะปรับค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 6 พัน -1 หมื่นบาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 15:46:55

ความคิดเห็นที่ 64 ตาโต๊วววววววววววววว จากคุณ : *-==HUTCHISON==-* เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 16:10:54

ความคิดเห็นที่ 65 ผมเห้นด้วยตาโตๆว่าแตงโมนะ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ายอดค้าปลีกในประเทศจะอ่อนตัวลงก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนหันไปขานรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณของการฟื้นตัว ขณะที่ตลาดจับตาการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลียในวันพรุ่งนี้ ดัชนี S&P/ASX 200 บวก 25.50 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 4,531.50 จุด  ส่วนดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 4,540.00 จุด เพิ่มขึ้น 22.00 จุด หรือ 0.49%   -- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มก่อสร้าง อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างสาธารณะ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น 12.17 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 9,458.18 จุด -- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ร่วงลง แม้ว่าจีนจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 20.35 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 1,959.77 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นร่วง 192.38 จุด หรือ 2.43% ปิดที่ 7,710.88 จุด -- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวสูงขึ้น 0.37% ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศนำการพุ่งขึ้นในตลาด จากการคลายความกังวลในยูโรโซนและข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวก ขณะที่เงินวอนอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปรับตัวสูงขึ้น 7.12 จุด สู่ระดับ 1,940.02 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 304.6 ล้านหุ้น มูลค่า 3.3 ล้านล้านวอน (3 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 484 ต่อ 318 -- ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดตลาดวันนี้ปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ขานรับรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.6 จากระดับของเดือนต.ค.ที่ 55.5 ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นหลักฐานยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี VN เพิ่มขึ้น 1.45 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 379.27 จุด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 16:20:27

ความคิดเห็นที่ 66 ตลาดหุ้นยุโรปเปิดในแดนบวกวันนี้ เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตจีนที่ออกมาดีขึ้น ขณะที่กรีซเตรียมซื้อคืนพันธบัตรที่ได้มีการเปิดขายไปเมื่อช่วงต้นปี ดัชนี Stoxx Europe 600 Index บวก 0.2% แตะ 276.31 เมื่อเวลา 8.03 น.ตามเวลาลอนดอน ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 3,567.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.69 จุด และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดวันนี้ที่ 7,427.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.91 จุด   เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนพ.ย.ของจีน ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มดีดตัวขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนปีนี้ ข้อมูลที่เป็นบวกดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.6 จาก 50.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งตัวเลขที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 16:25:08

ความคิดเห็นที่ 67 ซีไอเอ เผยประชาชนโมนาโก มีค่าเฉลี่ยอายุมากสุดในโลก ที่ 89.68 ปี ขณะที่รัฐชาดอายุประชากรโดยเฉลี่ยน้อยสุดที่ 48.69 ส่วนไทยหล่นมา 4 อันดับจากปีก่อน อยู่ที่ อันดับ 114 สำนักข่าวกรองซีไอเอ ของสหรัฐ เผยผลสำรวจประเทศที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยสูงสุดในโลก ประจำปี 2555 โดยประชาชนในรัฐโมนาโก ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีค่าเฉลี่ยอายุรั้งอันดับ 1 ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 114 จากการจัดอันดับทั้งหมด 222 ประเทศ   เดอะ เวิลด์แฟกต์บุก ของ ซีไอเอ เปิดเผยว่า ประชากรโมนาโกมีอายุเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 89.68 ปี ตามด้วยมาเก๊าในอันดับที่ 2 ที่ 84.43 ปี ญี่ปุ่น 83.91 ปี สิงคโปร์ 83.75 ปี และซานมารีโน ติดอันดับ 5 มีค่าเฉลี่ยอายุที่ 83.07 ปี ขณะที่สหรัฐอยู่อันดับที่ 51 ด้วยอายุเฉลี่ยประชากรที่ 78.49 ปี และจีนครองอันดับที่ 96 ที่ 74.84 ปี ด้านสาธารณรัฐชาด ในทวีปแอฟริกาอยู่ในอันดับสุดท้าย โดยประชากรมีอายุเฉลี่ยเพียง 48.69 ปี ตามด้วยประเทศกินีบิสเซา ที่ 49.11 ปี และแอฟริกาใต้ 49.41 ปี ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 114 ประชาชนมีอายุเฉลี่ย 73.83 ปี ถึงแม้คนไทยจะมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นจากเมื่อปีก่อน ซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 73.1 ปี แต่อันดับหล่นลงมาจากปีก่อน 4 อันดับ หากเทียบกับชาติอื่น และอยู่ในอันดับ 4 ของประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลังสิงคโปร์ บรูไน และ มาเลเซีย อย่างไรก็ดี ผลสำรวจเผยว่า โมนาโกเป็นประเทศที่มีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบเป็นรายได้ต่อหัว ขณะที่ประเทศชาดซึ่งมีประชาชนกว่า 80% ที่มีฐานะยากจน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 17:04:59

ความคิดเห็นที่ 68 ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ  บมจ.ปตท. ประเมินแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำสัปดาห์ที่ 26-30 พ.ย. และแนวโน้มในสัปดาห์ที่ 3-7 ธ.ค. 55 ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 26-30 พ.ย.  น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ปรับตัวลดลง 0.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 108.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 110.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 0.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 87.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 1.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 121.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 125.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) -  การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ไม่มีความคืบหน้า เพิ่มความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐฯ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะงบประมาณรายจ่ายถูกลดขณะที่ภาษีเพิ่มมากขึ้นวงเงินรวมถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) -  Reuters คาดการณ์ปริมาณการส่งออกของกลุ่ม OPEC ยกเว้นแองโกลาและเอกวาดอร์ใน 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. 55 เพิ่มขึ้น 640,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 4 สัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 24.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) -  ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิรักเดือน ต.ค. 55 เพิ่มขึ้น 220,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อน อยู่ที่ระดับ 2.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงลบ) -  The National Development and Reform Commission (NDRC) ของจีนรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค. 55 เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 17.82 ล้านตัน ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) +  รัฐมนตรีพาณิชย์จีนยืนยันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 7.5%  และการค้าต่างประเทศของจีนจะปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่ปีนี้          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) +  รัฐมนตรีคลังยุโรปและกรีซบรรลุข้อตกลง อาทิ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทวิภาคี (Bilateral Loan) ระหว่างประเทศ ให้แก่กรีซลง 0.01% และกรีซได้รับการผ่อนผันระยะปลอดดอกเบี้ย EFSF อีก 10 ปี ส่งผลให้กรีซยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป โดยไม่ผิดนัดชำระหนี้          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) +  กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3/55 เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 2.7% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2%          (ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลในเชิงบวก) +  ประชาชนอียิปต์ชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดี นายโมฮาเหม็ด มอร์ซีที่ออกกำหมายใหม่เพิ่มอำนาจให้ตนเองโดยการประท้วงทำให้เกิดความวุ่นวายและแบ่งประเทศออกเป็นฝักฝ่าย ทั้งนี้หากอียิปต์เกิดวิกฤติในประเทศภูมิภาคตะวันออกกลางจะสูญเสียเสถียรภาพทางการเมือง แนวโน้มราคาน้ำมัน          ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน แม้สหรัฐฯ กำลังพิจารณาอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่เข้มงวดขึ้น โดยล่าสุดเน้นจำกัดการใช้ทองคำแท่งซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านที่ตุรกีดำเนินการอยู่ เพื่อปิดช่องโหว่และเพิ่มแรงกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ด้วยวิธีทางการทูต ซึ่งอิสราเอลมองว่าเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเท่าการใช้กำลังทหาร ส่งผลให้ความกังวลต่อปัญหา Supply Disruption เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตในทะเลเหนือและไนจีเรียยังไม่กลับมาดำเนินการเต็มที่ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นและจะขยายตัวต่อไปจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือน พ.ย. 55 อยู่ที่ 50.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.4 จุด และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ลดความร้อนแรง หลังการแสดงพลังของผู้สนับสนุนประธานาธิบดีอียิปต์กว่า 200,000 ราย ไม่ก่อความรุนแรงยืดเยื้อ โดยอียิปต์จะลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ และตัวแทนของซูดานใต้บรรลุข้อตกลงด้านพรมแดนกับซูดาน ทำให้การผลิตน้ำมันกว่า 350,000 บาร์เรลต่อวัน จะเริ่มดำเนินการเร็วๆ นี้จากกำหนดเดิม 15 พ.ย. 55 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 4/55 มีแนวโน้มอ่อนตัวกว่าที่ประเมิน หลังรายงานการใช้จ่ายของเอกชนเดือน ต.ค. 55 ลดลง 0.25%  และยอดขายผู้ค้าปลีกรายใหญ่เดือน พ.ย. 55 ลดลง บ่งชี้ผลกระทบเชิงลบของพายุเฮอริเคน Sandy ทั้งนี้ให้จับตาการเจรจาเกี่ยวกับการเก็บภาษีผู้มีรายได้สูงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในการหาทางออกจากหน้าผาทางการคลัง คาดว่าสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบ WTI  และ Brent เคลื่อนไหวในกรอบ 87.3-90.2 USD/BBL และ 108.5-112.2 USD/BBL ตามลำดับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 17:47:28

ความคิดเห็นที่ 69 ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,332.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.88 จุด(+0.67%) มูลค่าการซื้อขาย 34,141.85 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,333.64 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,326.95 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 338 หลักทรัพย์ ลดลง 229 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 180 หลักทรัพย์   นายทวีรัตน์ มัททวีวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีลักษณะไซด์เวย์ปรับตัวขึ้น เนื่องจากการทยอยเข้าซื้อของกองทุน LTF และ RMF เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี และช่วงบ่ายมีความชัดเจนจากศาลปกครองยกคำร้องการประมูล 3G ทำให้คลายความกังวลลงไปได้ ส่วนปัจจัยในต่างประเทศยังคงต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) ที่น่าจะมีมาตรการในการแก้ปัญหา Fical Cliff ของสหรัฐฯ โดยลดรายรายจ่ายลง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และการปรับขึ้นภาษี ส่วนภาวะเศรษฐกิจในยุโรปการคาดว่าจะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวทางด้านข้างและปรับตัวขึ้นต่อจากวันนี้ เนื่องจากปัจจัยในวันนี้ยังส่งผลต่อเนื่อง แนะนำนักลงทุนให้ถือหุ้นต่อ และเลือกเล่นหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร อสังหาฯและค้าปลีก ซึ่งเป็นหุ้นที่นำตลาดอยู่ในวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,315-1,320 จุด แนวต้าน 1,330-1,350 จุดสำหรับวันพรุ่งนี้ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ ADVANC  มูลค่าการซื้อขาย  2,947.83 ล้านบาท ปิดที่ 220.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง INTUCH  มูลค่าการซื้อขาย  2,454.98 ล้านบาท ปิดที่  65.75 บาท เพิ่มขึ้น  1.50 บาท TRUE    มูลค่าการซื้อขาย  1,437.36 ล้านบาท ปิดที่   5.10 บาท เพิ่มขึ้น  0.10 บาท PTT     มูลค่าการซื้อขาย  1,276.10 ล้านบาท ปิดที่ 325.00 บาท เพิ่มขึ้น  5.00 บาท KBANK   มูลค่าการซื้อขาย  1,021.65 ล้านบาท ปิดที่ 187.50 บาท เพิ่มขึ้น  0.50 บาท สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,958.65 ลบ.(SET) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 18:11:44

ความคิดเห็นที่ 70 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 23:05:22

ความคิดเห็นที่ 71 สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 83,807 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 68,119 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 81.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้  ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,584 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 872 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B LB176A และLB15DA (รุ่นอายุ 1.4 ปี 4.5 ปี และ 3.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,692 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด   ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ หุ้นกู้ของ 1. บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)  (HEMRAJ16OA)     มูลค่า 206 ล้านบาท 2. บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A) มูลค่า 150 ล้านบาท 3. บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด  (TLT12DA)      มูลค่า 112 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 679 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้ ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มียอดซื้อสุทธิ สูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน   ซื้อสุทธิ 20,612 ล้านบาท 2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้   ซื้อสุทธิ 3,574 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ มูลค่า 6,284 ล้านบาท >>ภาพรวมของตลาดในวันนี้ Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุของตราสาร ประมาณ 1 — 5 Basis Point   ภายหลังความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลกต่างๆเริ่มผ่อนคลายลง โดยธปท. เปิดเผยข้อมูลภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. 2555 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนขยายตัวในเกณฑ์ดี ทางด้านนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,284 ล้านบาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 07:00:00

ความคิดเห็นที่ 72 นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดวันนี้ยังแกว่งตัวขึ้น และต่างชาติถือสัญญา long สุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์  โดยมีจำนวน 6.8 พันสัญญา ทำให้ตลาดทรงตัวในแดนบวก และเริ่มเห็นการเวียนกลุ่มเล่น โดยเข้ามาในกลุ่มพลังงานมากขึ้นจากก่อนหน้านี้ underperform ส่วนผลคดี 3G หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้หุ้น ADVANC มีการ sell on  fact โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังราคาปรับขึ้นติดต่อกัน 4-5 วันทำการ และมีการเปลี่ยนกลุ่มเล่นจากกลุ่มสื่อสารมาเป็นกลุ่มพลังงาน แนวโน้มพรุ่งนี้ มองระยะสั้นเป็นขาขึ้น อาจชะลอตามแนวต้านเป็นระยะ โดยให้แนวต้านไว้ที่ 912 และ 922 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 900-897 จุด บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำหากไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแรงแกร่งอาจทำให้เกิดแรงขายทางเทคนิคออกมา อย่างไรหากราคามีการย่อตัวลงไป เชื่อว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง สำหรับตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ Thailand Futures Exchange (TFEX) ปิดทำการเนื่องใน "วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"ในวันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งนักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ กลยุทธ์การลงทุน  ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวลงมาแรง ทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นมาบ้าง โดยราคาทองคำกำลังพยายามทดสอบแนวต้านในบริเวณ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ประเมินว่าจะมีแรงซื้อหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,738 หรือ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนได้ หรือ ไม่สามารถผ่านไปได้ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมาอาจเห็นการปรับตัวลงของราคาทองคำ โดยประเมินแนวรับที่ 1,707 หรือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดัชนีอ้างอิง SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 904.43 จุด เพิ่มขึ้น 5.62 จุด, +0.63% ปริมาณ                        สถานะคงค้าง Total Market                      35,760                             233,718 Total Futures                     35,586                            229,152 Brent Crude Oil                       424                              1,103 Metal                                    10,704                               41,107 - 50 Baht Gold                   3,225                               15,001 - 10 Baht Gold                   7,306                               25,790 - Silver                                 173                                 316 USD                                             624                             14,035 Interest Rate                             -                                     - - 3M BIBOR                               -                                      - - 6M THBFIX                              -                                     - - 5Y Gov Bond                           -                                     - SET50 Index                         13,778                               46,296 - S50Z12                          11,899                                40,557 - S50F13                                  19                                     59 - S50G13                                     3                                     - - S50H13                             1,688                                5,003 - S50M13                                  83                                  446 - S50U13                                  86                                  231 Sector Index Futures                  -                                     6 - BANK Index Futures               -                                     4 - COMM Index Futures               -                                     - - ENERG Index Futures            -                                      1 - FOOD Index Futures               -                                     - - ICT Index Futures                -                                      1 Single Stock                      10,056                             126,605 - ADVANC Futures                  396                                 395 - BANPU Futures                       2                                  103 - BAY Futures                       502                              1,290 - BBL Futures                       275                                  952 - BTS Futures                       286                             64,804 - CPALL Futures                       5                                  178 - CPF Futures                           2                              1,465 - DTAC Futures                       38                                     67 - HMPRO Futures                      28                                 451 - IRPC Futures                       17                              2,325 - ITD Futures                   1,134                                 4,706 - IVL Futures                          67                             1,042 - KBANK Futures                   245                              1,170 - KTB Futures                   2,373                                12,494 - LH Futures                          319                             1,168 - MINT Futures                          -                                 118 - PS Futures                           20                                  100 - PTT Futures                          45                                 650 - PTTEP Futures                   144                              1,512 - QH Futures                          457                             8,160 - SCB Futures                       225                                  597 - SCC Futures                           -                                  101 - STA Futures                           2                                  321 - TCAP Futures                       17                                  274 - THAI Futures                       33                                  191 - TMB Futures                       224                             13,422 - TOP Futures                       112                                  481 - TRUE Futures                      587                             2,478 - TTA Futures                   2,501                                 5,146 - TUF Futures                           -                                  441 Total Options                             174                             4,566 SET50 Index                              174                              4,566 Call                                     88                              1,212 Put                                        86                             3,354 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 07:06:02

ความคิดเห็นที่ 73 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเผยดัชนีภาคการผลิตหดตัวลงในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 59.98 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 12,965.60 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.72 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 1,409.46 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 8.04 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 3,002.20 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 51.7 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งหลังจากที่ขยายตัวติดต่อกันสองเดือน เนื่องจากดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552 โดยภาคการผลิตที่กลับมาหดตัวลงในเดือนที่แล้วมีสาเหตุมาจากซูเปอร์สตอร์มแซนดี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังที่อาจส่งผลให้มีการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติในเดือนม.ค. ประกอบกับยอดสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานในภาคการผลิตที่ลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตากกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังของสหรัฐ ขณะที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ CNN ว่า รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณ หากไม่ปล่อยให้มาตรการลดภาษีสำหรับคนร่ำรวยหมดอายุลงตามกำหนด พร้อมกับกล่าวว่า การลดภาษีสำหรับครัวเรือนร่ำรวยซึ่งมีรายได้กว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีนี้ ทำให้สหรัฐต้องแบกรับต้นทุนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทั้งนี้ สหรัฐจะเผชิญกับมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการลดหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ที่ราว 16.2 ล้านล้านดอลลาร์ หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงหลังจากภาคการผลิตสหรัฐหดตัวลงในเดือนพ.ย. โดยหุ้นดูปองท์ ดิ่งลง 1.7% หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง กรุ๊ป ร่วงลง 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ร่วงลง 3.8% ขณะที่หุ้นเดลล์ อิงค์ พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากโกลด์แมนแซคส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเดลล์ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 07:07:30

ความคิดเห็นที่ 74 สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2555 กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 8.81 ล้านล้านเยนในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี   -- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.6 จากระดับของเดือนต.ค.ที่ 55.5 ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นหลักฐานยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวขึ้น -- เซี่ยงไฮ้ ซีเคียวริตีส์ นิวส์ รายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของนายยี่ กัง รองผู้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) ว่า การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภคจีน (CPI) มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 2.7% ในปีนี้ ส่วนในปี 2556 คาดว่าการขยายตัวมีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 4% -- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทีบบเป็นรายปี ซึ่งดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน -- ออสเตรเลียน อินดัสทรี กรุป (AI Group) เปิดเผยในวันนี้ว่า ภาคการผลิตของออสเตรเลียหดตัวลงอีกในเดือนพ.ย. จากความอ่อนแอทั้งในยอดคำสั่งซื้อล็อตใหม่และการผลิต ผลสำรวจรายเดือนซึ่งเปิดเผยโดย AI Group ระบุว่า ดัชนีประสิทธิภาพการผลิตของออสเตรเลียลดลง 1.6 จุด สู่ระดับ 43.6 ในเดือนพ.ย. -- สำนักงานสถิติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของออสเตรเลียอยู่ในระดับที่ทรงตัวในเดือนต.ค. หลังจากที่ขยายตัว 0.5% ในเดือนก.ย. และ 0.3% ในเดือนส.ค. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มูลค่ายอดค้าปลีกนั้นค่อนข้างจะทรงตัวที่ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 2.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติในเดือนก.ย. -- นายกรัฐมนตรี ลี เซียงลุง ของสิงคโปร์กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้สูงเกินจริงเหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่จะผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนราว 2-3% ต่อปี -- นาย ยุน ชาง-ฮยอน ประธานสถาบันการคลังเกาหลีใต้ (KIF) เปิดเผยว่า คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีจะยังคงขยายตัวในระดับต่ำที่ 2% ในปีหน้า เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ -- สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียแปดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. ทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีโอกาสตรึงดอกเบี้ยมากขึ้น รายงานระบุในวันนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงสู่ระดับ 4.32% เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อน เมื่อเทียบกับตัวเลข 4.61% ในเดือนต.ค. -- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถล่าสุดในจีนตกลง 22.1% ในเดือน พ.ย. จากปีก่อน มาอยู่ที่จำนวน 63,800 คัน ขณะที่ยอดขายกำลังฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาในจีน -- มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสเปนในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นแตะ 45.3 จากระดับ 43.5 ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่ภาคการผลิตของสเปนก็ยังอยู่ในภาวะหดตัว เนื่องจากดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างภาวะขยายตัวและหดตัว -- ผลการสำรวจเผยภาคการผลิตของเยอรมนีหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนีขยับขึ้นมาอยู่ที่ 46.8 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 46.0 ในเดือนต.ค. และไม่เปลี่ยนแปลงจากการประเมินเบื้องต้น -- ผลการสำรวจเผยกิจกรรมภาคการผลิตของอิตาลีหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากยอดสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศอ่อนตัวลง ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอิตาลีปรับตัวลงมาอยู่ที่ 45.1 ในเดือนพ.ย.จากระดับ 45.5 ในเดือนต.ค. -- กรีซเตรียมใช้เงิน 1 หมื่นล้านยูโร (1.3 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อคืนพันธบัตรที่ได้มีการเสนอขายไปเมื่อต้นปีนี้ ด้วยความหวังที่จะลดภาระหนี้สินที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการให้เงินช่วยเหลือจากนานาประเทศในอนาคต จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 07:11:11

ความคิดเห็นที่ 75 สรุปข้อมูลการขายชอร์ตของหุ้นไทย ณ วันที่ 03 ธ.ค. 2555 มีรายละเอียดดังนี้ หลักทรัพย์        ปริมาณหุ้นที่           มูลค่าการ  %ปริมาณการขายชอร์ต ขายซอร์ต           ขายชอร์ต  เทียบกับปริมาณการซื้อขาย (หุ้น)             (บาท)     บนกระดานหลัก ADVANC        1,652,300    360,778,400.00        12.23% AOT             260,800     24,556,525.00         6.94% BJC             124,300      7,268,875.00         5.42% SCCC              4,500      1,866,600.00         4.95% MAKRO            17,400      8,103,600.00         4.02% KTB           1,405,600     26,124,160.00         3.66% PTTGC           370,000     24,047,500.00         3.44% TUF             133,100      9,286,950.00         2.57% BANPU            15,000      5,947,000.00         2.42% BLA             105,000      5,330,500.00         2.35% BEC              25,400      1,487,275.00         2.07% BBL              75,700     13,889,200.00         1.97% THAI            120,000      2,618,570.00         1.87% RATCH            25,200      1,357,100.00         1.54% THCOM           150,000      3,675,000.00         1.45% CPF             204,800      6,758,400.00         1.37% EGCO              7,000        878,500.00         1.33% PS               33,400        718,200.00         1.15% SC               20,000        470,000.00         0.96% PTTEP            47,000      7,453,000.00         0.89% DTAC             65,000      5,703,750.00         0.83% MINT            139,400      2,779,220.00         0.83% STEC             68,700      1,666,800.00         0.81% HMPRO            75,100        863,650.00         0.75% TRUE          2,068,600     10,649,895.00         0.74% BECL              7,400        209,050.00         0.69% CENTEL           30,000        802,500.00         0.68% BTS             350,000      2,257,500.00         0.62% IVL              62,000      1,550,000.00         0.60% TICON            50,000        715,000.00         0.59% BIGC              3,800        747,800.00         0.55% KBANK            28,800      5,391,000.00         0.53% MCOT             20,700        842,475.00         0.50% SPALI            58,000      1,067,200.00         0.47% TCAP             40,600      1,467,225.00         0.40% CPALL            45,000      1,794,250.00         0.32% LH               76,000        738,750.00         0.30% CPN              10,000        787,500.00         0.23% ROBINS           12,300        754,650.00         0.20% BAY              29,000        891,750.00         0.18% SIRI            100,000        350,000.00         0.13% TMB              43,700         81,654.00         0.13% TPIPL            17,000        255,000.00         0.13% ITD              40,000        161,600.00         0.06% SCC                 200         79,600.00         0.03% BLAND            40,000         50,600.00         0.02% LOXLEY           20,000        108,500.00         0.02% PTT                 500        162,000.00         0.01% TOP                 400         26,600.00         0.01% INTUCH              500         33,000.00         0.00% ที่มา: www.set.or.th ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย All Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน              ซื้อ       ขาย       สุทธิ สถาบัน           10,960    15,000    -4,040 ต่างชาติ           3,195     4,589    -1,394 ในประเทศ        21,431    15,997     5,434 ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย Index Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน               ซื้อ       ขาย       สุทธิ สถาบัน             2,902     3,761      -859 ต่างชาติ            2,634     2,532       102 ในประเทศ          8,242     7,485       757 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 09:03:49