ผ่ามุมมอง'กอบศักดิ์'ศก.ไทยผ่านจุดต่ำสุดจริงหรือ

การเงิน - การลงทุน
วันที่ 4 ธันวาคม 2555 18:48
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

คำต่อคำ : "กอบศักดิ์ ภูตระกูล"ผ่ามุมมองเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดจริงหรือ?

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดแล้ว...ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ความกังวลปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐ (Fiscal Cliff) ปัญหาหนี้ยุโรป การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน Morning News กรุงเทพธุรกิจทีวี สัมภาษณ์ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ว่า เขามีความเห็นอย่างไร...


ถาม แบงก์ชาติบอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเราอยู่ในจุดต่ำสุดแล้ว ตรงนี้เลยไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ย มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

ตอบ อยากจะให้ดูข้อมูลล่าสุดของแบงก์ชาติว่าแบงก์ชาติบอกอะไรบ้าง ก่อนอื่นถ้าเกิดเรากลับไปย้อนดูก็จะพบว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาชัดเจน ว่าเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับภายนอกประเทศก็คือภาคส่งออกถูกกระทบจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาคส่งออก ภาคที่เกี่ยวเนื่องตามลงมา แล้วก็ถ้าเกิดไปดูเรื่องของการผลิตที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบ และผลกระทบส่วนใหญ่ก็มาจากทางยุโรปเป็นสำคัญ เพราะการส่งออกของไทยไปยุโรปในช่วงที่ผ่านมาติดลบประมาณ 21-22% อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจของหลายๆ คน และก็นำไปถึงเรื่องของการปรับตัวของภาคการผลิตที่ติดลบลงมา 13% บ้าง 11% บ้าง ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา อันนี้เป็นสิ่งที่หลายๆ คนกังวลใจ

แต่ว่าถ้าเกิดย้อนกลับไปดูอีกข้างหนึ่งตัวในประเทศของเมืองไทย ถ้าเกิดไปถามภาคเศรษฐกิจต่างๆ ผมก็เคยเจอตัวภาคก่อสร้างคอนสตรัคชั่น เขาบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำไมถึงตอบอย่างนั้นก็เพราะว่ารัฐบาลกำลังออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการประชุม กรอ.ในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะไปสมุย ไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต หรือที่ต่างๆ เขาจะมีโครงการในภูมิภาคต่างๆ เกิดขึ้นมา ทำให้ภาคก่อสร้างกำลังคึกคัก โครงการลงทุนภาครัฐกำลังจะเกิดขึ้น ภาคยานยนต์ก็ใช้ได้ คอนโดมิเนียมดีมากๆ ในต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น ขึ้นมาหลายหลังมากจนกระทั่งคนสนใจ นักท่องเที่ยวก็ใช้ได้ ภาคยานยนต์ ภาคโรงแรม ภาคโรงพยาบาล ภาคค้าปลีก ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับภาคต่างจังหวัดกำลังไปได้ดี ก็เลยทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศไปได้และทดแทนสิ่งที่ชะลอตัวลงจากต่างประเทศ

ในการประชุมครั้งล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจที่เขาเห็นมีอะไรบ้าง เนื่องจากการประชุมใกล้กับปลายเดือน คิดว่าคงเห็นข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จากข้อมูลล่าสุดที่ออกมาตีความอย่างไรกับเรื่องของค่ำว่าต่ำสุดแล้ว มี 2 ส่วน ถ้าเกิดทางคุณอภิชาติไปดูในเรื่องของเศรษฐกิจในประเทศเรื่องของการบริโภค การลงทุน ระดับการบริโภคของคนไทย ไม่ได้บอกว่าแตกต่างในช่วงก่อนหน้า เดือนตุลาคมอาจขยายตัวขึ้นมานิดนึง 0.4% เทียบกับเดือนก่อนหน้า เดือนกันยายนลดลง 0.5%

ถ้าเกิดอย่างนี้ผมคิดว่าผู้บริโภคไม่แตกต่างจากเดิมคือว่าขึ้นมาความจริงปีหน้าน่ากลัวกว่าเพราะรถคันแรกจะหมดแล้ว อันนี้จะเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจว่าภาคการบริโภคปีหน้าจะเป็นอย่างไร ตัวของลงทุนภาคเอกชนก็เหมือนกัน เดือนล่าสุดที่บอกว่าดีๆ ดีขึ้นมา 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ติดลบ 0.9% เพราะฉะนั้นระดับของการลงทุนมองว่าไม่ลงแต่ไม่ขึ้น จริงๆ ในประเทศไม่ได้แย่และไม่ดีมากนักคิดว่าทรงตัวต่อไปเรื่อยๆ ที่บอกว่าดีขึ้น ผมคิดว่าที่แบงก์ชาติต่ำสุดแล้ว ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องในประเทศ ไม่มีปัญหาอะไรมาก

แต่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาคงพูดถึงว่าเศรษฐกิจต่างประเทศถึงจุดต่ำสุดแล้ว เขามีตัวเลขล่าสุดแล้วการส่งออกของเมืองไทยเดือนตุลาคมที่บอกว่าดีๆ ใช่ไหมครับ ถ้าเกิดหักทองคำออกไป เปรียบเทียบเดือนกันยายนทองคำเยอะมากเป็นพิเศษ เดือนตุลาคมส่งออกได้ประมาณ 1 หมื่น 9 พันยูเอสดอลลาร์

ถาม ไม่ถึง 2 หมื่นล้าน

ตอบ ไม่ถึง ต่ำกว่าเดือนกันยายนด้วย ถ้าเกิดเทียบเดือนต่อเดือนหักทองคำทิ้งไปจะพบว่าตัวของยอดส่งออกขยายตัวนิดๆ ประมาณ 2.4% อันนี้น่ากังวลใจหรือเปล่า ดีใจหรือเปล่า ผมคิดว่า ผมเฉยๆ ผมไปดูตัวเลขภาคการส่งออก พยายามให้ทุกคนดูข้อมูลเศรษฐกิจปลายเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออกภาคอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าการส่งออกภาคอุตสาหกรรมตกจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาพอถึงเดือนกันยายน ตุลาคม แค่ทรงๆ ตัว ถ้าเกิดจะบอกว่าอันนี้เป็นสัญญาณที่กลับขึ้นมา อันนี้คิดว่าเร็วเกินไปที่จะบอก เพราะอะไร เพราะว่าตัวของเศรษฐกิจโลก ณ ปัจจุบัน

ถ้าเกิดเราไปดูภาคส่งออกถามว่าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับ 3 ส่วน 1.ยุโรป 2.อเมริกา 3.จีน เอเชีย ถามว่ายุโรปจะดีขึ้นแล้วหรือยัง ผมบอกว่าดูยากมาก ผมคิดว่ายุโรปยังอยู่ในช่วงอันตรนายพอสมควร ตัวของสภาพคล่อง ความกังวลใจของนักลงทุนต่างๆ การลงทุนอาจจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจจริงๆ ผมคิดว่ายังอยู่ในช่วงที่ทรุดลงมา ถ้าส่งออกไปยุโรปเอง ยังไม่อยู่ในช่วงพีคขึ้นมาอย่างที่เราคิดกัน

ถาม แล้วอเมริกาละครับ

ตอบ ตัวอเมริกาผมคิดว่า ที่บอกว่าดีหรือไม่ดี ถ้าดูข้อมูลล่าสุดเมื่อคืนนี้เห็นไหมครับ PMI ของอเมริกาเองก็ไม่ดีมากนัก หลายคนกังวลใจว่าตัวของเศรษฐกิจอเมริกาภาคบ้านดี ภาคบริโภคอาจจะดีนิดนึง แตภาค PMI ทุกคนจะกังวลแถมยังมีปัญหาพริสซิเพิลคริสที่กำลังคุยกันว่าวันนึง ตกลงได้ วันนึงตกลงไม่ได้ สุดท้ายแล้วชัดๆ ทุกคนกำลังหาทางว่าจะรัดเข็มขัดอย่างน้อยประมาณ 2 แสนล้าน เมื่อคืนรีพับลิกันพูด 2.2 ล้านๆ ในช่วงเวลา 10 ปี เฉลี่ยก็คือประมาณ 2 แสนล้านต่อปี ถ้าเกิดเป็นอย่างนี้หมายความว่าตัวของพริสซิเพิลคริสของอเมริกาจะทำให้อเมริกาต้องรัดเข็มขัดบางส่วนเศรษฐกิจอเมริกาที่ยังขึ้นไม่ได้ทำให้เกิดการชะลอตัว

มีคนตีความว่า ถ้าอุตสาหกรรมอเมริกาปัจจุบันที่บอกว่าไม่ดี เพราะกลัวเรื่อง Fiscal Cliff กัน พอถึงเอเชียผมว่าจีนอาจจะมีหวังขึ้น แต่ตัวเลข PMI ที่บอกว่าดีขึ้นคือ 50.5 เทียบกับ 50 50 คือทรงตัว 50 คือ หดตัว 50.5 คือดีขึ้น แต่ดีขึ้น 0.5 ผมคิดว่าดี ไม่ใช่ดีขึ้นมาก ยังอยู่ในช่วงกำลังปรับตัวอยู่ ขณะเดียวกันกำลังรอว่าตัวรัฐบาลใหม่ที่กำลังเข้ามาจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน คิดว่าถ้าเกิดรวมๆ ในจุดนี้ผมคิดว่าเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามูลค่าการส่งออกเริ่มทรงตัวแล้ว

ถาม ถ้าสัตว์เศรษฐกิจที่ส่งออกไปต่างประเทศยังไม่ดี แล้วเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เมื่อว่าพูดกัน ระหว่างแบงก์ชาติ กับสมาคมธนาคารไทย ตรงนี้น่าเป็นห่วงกังวลไหมครับสำหรับเศรษฐกิจในปีหน้า

ตอบ ผมคิดว่าหนี้ครัวเรือนเมืองไทยเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง อย่าลืมว่าปีนี้ ความจริง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็น 3-4 ปีที่สินเชื่อภาคครัวเรือนของภาคธนาคารพาณิชย์ปรับตัวขึ้นเยอพอสมควร บางปี 20% บางปี 15% เนื่องจากต่อเนื่องกัน 3-4 ปี หมายความว่าทุกคนเป็นหนี้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว อันนี้ยังไม่รวมไปถึงอิออน เฟิร์สช้อยส์ หรือพวกกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินเชื่อกับคนที่มีรายได้ต่ำลงมาตรงนี้ถูกกระทบจากปีที่แล้ว ปีที่ผ่านมาจากโครงการของรัฐบาลที่เสนอให้ประชาชนสามารถมีรถคันแรกได้ มีบ้านได้

รวมถึงซอฟท์โลนที่ออกมาทำให้คนออกไปกู้บ้านอะไรต่างๆ เน็ตๆ รวมๆ แล้ว ผมคิดว่าคนมีหนี้มากขึ้นและไม่น่าแปลกใจว่าพอได้ยินเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ แน่นอนว่าทุกคนอยากพยายามจองรถให้ได้ ได้ค่าส่วนต่าง 1 แสนบาท พอถึงเวลาเดินเครื่องไปแล้วมันจ่ายคืนไม่ได้เป็นหนี้หลากหลาย ตรงนี้เป็นจุดที่เริ่มจับตามอง เพียงแต่ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าท่ามกลางเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ ท่ามกลางความเท็จจริงที่ว่าคนไทยเป็นหนี้ครัวเรือนก็จริงแต่ไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับบ้านอื่น คิดว่าโดยรวมอยู่ในสถานการณ์ที่กำกับดูแลได้ ผมดีใจที่แบงก์ชาติออกมาก่อน เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ควรที่จะปล่อยล่วงเลยไปจนกระทั่งเรารับไม่ไหวแล้ว กลับมาสั่งห้ามทำต่อไป ถ้าเกิดจะจัดการปัญหาเรื่องที่เป็นปัญหาเปราะบางของเศรษฐกิจต้องจัดการแต่เนิ่นๆ ลักษณะนี้ ผมคิดว่าดีที่คุยกัน

ถาม ถ้ามองว่าต่างประเทศการส่งออกน่าจะยังไม่ดี เพราะว่าในภูมิภาคหลักๆ ยังมีปัญหาอยู่ แต่เรื่องของการลงทุนในประเทศ การบริโภคจะยังสามารถทดแทน ช่วยเหลือการส่งออกเหมือนปีที่ผ่านมาได้ไหมครับ

ตอบ ผมคิดว่าการลงทุนการบริโภคในช่วงที่ผ่านมา ถ้าดูข้อมูลทางเศรษฐกิจจะเห็นเหมือนเป็นเส้นตรง ขึ้นๆ ลงๆ เล็กๆ น้อยๆ ไม่มีการไต่ระดับ เหมือนกับช่วงตอนต้นๆ ปีที่ผ่านมา หมายความว่าการลงทุน การบริโภคของคนไทย พยายามขยายตัว แต่ไม่มีแรงโมเมนตัมมากเหมือนช่วงก่อน ถามว่าจะฝากความหวังได้มากน้อยแค่ไหน คิดว่าช่วยได้ระดับหนึ่ง สามารถมีภูมิต้านทานการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจโลกได้ ขณะเดียวกันในประเทศขอให้ระมัดระวังนิดนึงเพราะว่าการบริโภครถยนต์ปีหน้าจะลงแล้ว จากฐานที่สูงปีนี้ทุกคนเร่งซื้อ ปีหน้ารถยนต์จะเป็นแรงถ่วงของภาคบริโภคเมืองไทยในเรื่องอัตราการเจริญเติบโต

ส่วนเรื่องการลงทุน มีความหวังคิดว่าท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนการลงทุนจะเป็นสิ่งที่หลายคนจับตามอง และบริษัทเมืองไทยกำลังอยากจะลงทุน ล่าสุดมีข่าวเมื่อเช้าว่านักลงทุนต่างชาติกำลังมีความหวังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยิ่ง ตรงนี้หมายถึงเงินลงทุนที่จะลงมา แต่ปัญหาของเมืองไทยมีปัญหาเฉพาะที่แตกต่างจากประเทศอื่น คือว่าเมืองไทยมีปัญหาการเมือง ถ้าเกิดปัญหาที่เราเห็นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วลุกลามในปีหน้าผมว่าอันนี้จะกระทบถึงสภาพแวดล้อมภายหน้า การลงทุน บริษัทที่จะลงทุน ทำให้ทุกคนลังเลใจเล็กน้อยทำให้การลงทุนไม่ฮึกเหิมเพียงพอ ความจริงการลงทุนไทยจะไปได้ดีถ้าปัญหาการเมืองเข้ามาครอบงำ บดบัง การลงทุนจะแผ่ว ปัญหาจุดต่ำสุดหรือการผันผวนคิดว่ายังไม่จบ ปีหน้าจะมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมว่ารัฐบาลควรเร่งเครื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐจะช่วยเป็นภูมิคุ้มกันจะทำให้ฝ่าฟันไปได้

จากคุณ	: Wild Rabbit
เขียนเมื่อ	: 4 ธ.ค. 55 23:26:48

bookmark

เก็บเข้าคลังกระทู้

ส่งต่อกระทู้

พิมพ์

หน้าหลัก

กระทู้ก่อนหน้า

กระทู้ถัดไป