ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นอยู่กับว่า LTF หรือ RMF นั้นเอาไปลงทุนในอะไรครับ ส่วนตัวคิดว่า RMF มีระดับความเสี่ยงให้เลือกมากกว่า อีกทั้งถ้าใช้ LTF ลดหย่อนภาษีเต็มแล้ว หากต้องการลดเพิ่มอีก บางคนอาจจะมาพิจารณา RMF ก็เป็นได้ครับ จากคุณ : NightMarE_JuNioR เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 11:47:58

ความคิดเห็นที่ 2 ผมยกตัวอย่างให้ ทั้ง LTF และ RMF ลงทุนในหุ้นทั้งคู่ เดิน 70% ครับ จากคุณ : tensei_ryo เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 11:52:05

ความคิดเห็นที่ 3 RMF ในภาวะขาลง สามารถswitch ไปลงกองที่ลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตร พวกที่เสี่ยงต่ำๆได้ แต่ LTFบังคับว่า ต้องลงในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่ากองทุน จึงมีความเสี่ยงมากกว่า RMF (ต้องติดตามภาวะตลาดขาขึ้น-ขาลงด้วยนะครับ) จากคุณ : sexysang เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 11:56:04

ความคิดเห็นที่ 4 ๑. ใครที่ต้องเสียภาษีเยอะๆ  เขาก็ลงทั้ง ๒ อย่าง  เขาก็ได้ลดภาษีจากทั้งสองส่วนค่ะ ๒. RMF มีหลายนโยบายให้เลือก  ให้สับเปลี่ยนได้  มันก็สบายใจกว่าเวลาเห็นหุ้นลง ก็สับไปกองอื่น  ลงเยอะๆ ค่อยสับกลับมา ก็ได้หน่วยเยอะขึ้น เข้าใจ๋ ๓. LTF ซื้อแล้วได้สิทธิลดหย่อนภาษี  คุณลงทุน 3-4 ปีแรก  ปีที่ 4-5 ก็ ขายแล้วก็ เอาเงินนั้นมาลงทุนใหม่  ได้ลดหย่อนภาษีอีก   เห็นยังว่ามันไม่ต้องใช้เงินจนมากไป คุณมีหมุนเวียนสักไม่กี่แสน  คุณก็ลดหย่อนภาษีไปได้ตลอดชีพ  เข้าใจยังน้องเอ้ย จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 12:06:51

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ากองที่มีนโยบายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ltf rmf หรือกองทุนเปิดทั่วไปก็ให้ผลตอบแทนพอๆกันครับ ผมว่าคนส่วนใหญ่ชอบลง ltf ก่อน rmf นะครับ การลง ltf แล้วถือยาวถือเป็นเรื่องที่ดีครับ แนะนำให้ลงแบบที่มีปันผล จะได้มี income เข้ามา จากคุณ : ดีเจน้อย เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 12:46:20

ความคิดเห็นที่ 6 รับแซ่บบครับพี่ต้อตโต้ะ จากคุณ : tensei_ryo เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 12:51:24