CPALLได้บริษัทย่อยดันมาร์จิน ROEสูงสุดกลุ่มค้าปลีก-เป้า52บ.
|
|
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2555 เวลา 09:46:39 น.
ทันหุ้นออนไลน์
บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” CPALL การเติบโตระยะยาวเด่นชัดขึ้น หลังแผนบริษัทย่อยชัดเจน ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก คือไม่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยและมี ROE สูงสุดในกลุ่มค้าปลีกถึง 40% ราคาเป้าหมาย 52 บาท โดยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
บ.ย่อยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตป้อนยอดขาย CPALL หนุน Margin ขยับสูงต่อเนื่อง
CPRAM ซึ่งบริษัทย่อยที่ CPALL ถือหุ้น 99.99% และเป็นผู้ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน (เบเกอรี, ติ่มซำ, อาหารแช่เย็นและแช่เยือกแข็ง ฯลฯ) โดยมากกว่า 50% ของสินค้าที่ผลิตถูกจัดจำหน่ายเข้าสู่ร้าน 7-eleven โดยตรง ทั้งนี้ CPRAM ได้เปิดเผยแผนกลยุทธ์ช่วง 5 ปีจากนี้ ภายใต้งบประมาณทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาท โดยเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานเดิมทั้ง 6 แห่ง และสร้างโรงงานใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศอีก 7 แห่ง เพื่อรองรับการเปิดตลาดในต่างประเทศและเพื่อสนับสนุนการขยายสาขาของร้าน 7-eleven ที่เน้นทำตลาดอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น และเพิ่มความหลากหลายของอาหารครบทั้ง 3 มื้อ ซึ่งถือเป็นจุดขายและเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนของ CPALL
ขณะที่แผนการเพิ่มกำลังการผลิตของ CPRAM จะส่งผลบวกต่อ CPALL โดยตรง คือ 1) ช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าอาหารประเภท Food service: เบเกอรี่, ฟาสฟู้ดส์, อาหารแช่เย็นและแช่เยือกแข็ง) ซึ่งมี Margin สูงกว่าสินค้าอาหารประเภทอื่น โดย 9M55 มีสัดส่วนราว 21% ของยอดขายและมี Gross margin ราว 35% ขณะที่สินค้าอาหารโดยรวมมีสัดส่วนที่ราว 73% และ Gross margin ราว 25.5% และ 2) การที่ CPRAM ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้ผลิตและป้อนสินค้าให้ CPALL โดยตรง จะทำให้ CPALL มีต้นทุนทีถูกลง เพราะเปรียบเสมือน CPALL เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอง โดยประเมินว่าสินค้าที่ผลิตจาก CPRAM จะทำให้ CPALL มี Gross margin สูงกว่าสินค้าที่สั่งซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นราว 15% (อ้างอิงจากงบ CPRAM ปี 2554) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตจาก CPRAM ยังมีสัดส่วนเพียง 4-5% ของยอดขายทั้งหมด เนื่องจากกำลังการผลิตปัจจุบันมีค่อนข้างจำกัด แต่อย่างไรก็ตามแผนเพิ่มกำลังการผลิต CPRAM ข้างต้น คาดจะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าจาก CPRAM และช่วยขยับ Gross margin ของ CPALL อย่างชัดเจนในอนาคต ทั้งนี้ในปี 2556 CPRAM จะยอยเพิ่มกำลังการผลิต ภายใต้งบลงทุนราว 1,000-1,500 ล้านบาท โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของอาหารแช่เย็นเยือกแข็ง (Frozen food) ก่อนเป็นลำดับแรกตั้งในงวด 1H56
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรระยะยาวช่วง 5 ปี สะท้อนอัตรากำไรที่ดีต่อเนื่อง
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเชื่อว่าประสิทธิภาพในการทำกำไรของ CPALL จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ระยะ 5 ปีนับจากนี้ ขณะที่ CPALL ได้ปรับเพิ่มแผนขยายสาขาจากเดิมที่ปีละ 500 แห่ง เป็นปีละ 550แห่ง บวกกับกำไรสุทธิงวด 9M55 คิดเป็น 77% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555 ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2555 และปี 2556 4% และ 10% ตามลำดับ และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 2557-60 ภายใต้สมมติฐานขยับขึ้น Gross margin เป็นปีละ 40 bps จากเดิมเพิ่มปีละ 10 bps ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานใหม่ กำไรสุทธิปี 2555 จะอยู่ที่ 11,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อนหน้า และคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีก 26% ในปี 2556 ขณะที่คาดการเติบโตของกำไรในระยะ 5 ปีนี้ (CARG 5 Yrs) จะอยู่ที่เฉลี่ยปีละ 22%
มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 52 บาท บวกกับยังเห็นการเติบโตในระดับสูง เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ
ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก คือไม่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยและมี ROE สูงสุดในกลุ่มค้าปลีกถึง 40% ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตยังโดดเด่นดังกล่าวข้างต้น โดยล่าสุดพึ่งเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 5 (ลำพูน) เพื่อรองรับการเติบโตของสาขาใหม่ภาคเหนือและเพื่อบริหาร โลจิสติกต์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเชื่อว่าจะสามารถขยายสาขาเป็น 10,000 สาขา จากปัจจุบันราว 6,800 สาขาภายในระยะเวลา 5-6 ปีตามเป้าหมาย ทั้งนี้กำหนดมูลค่าพื้นฐานปี 2556 วิธีใหม่ อิง DCF (WACC 9.51%, TV Growth 2%) อยู่ที่ 52 บาท เพื่อสะท้อนสมมติฐานกำไรระยะยาว 5 ปี (เดิม อิง PER) และมี Upside ถึง 27% ขณะที่ ระดับราคาปัจจุบันที่อยู่นิ่งมาตลอดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ภายหลังงบ 3Q55 จากปัจจัยกดดันของการทำ Big lot ที่ผ่านมาซึ่งจบลงไปแล้ว ถือเป็นโอกาสให้เข้าทยอยสะสมอีกครั้ง จึงขอปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อลงทุน” อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยังอาจได้รับแรงกดดันจากผลกระทบทางจิตวิทยาเชิงลบจากความกังวลเรื่องการลดสัดส่วนการลงทุนของบริษัทแม่ CP Group ในอนาคต เนื่องจากนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง
| จากคุณ |
:
Wild Rabbit  
|
| เขียนเมื่อ |
:
11 ธ.ค. 55 12:55:37
|
|
|
|
