บล.เกียรตินาคิน : BEAUTY แนะนำซื้อ ประเมินมูลค่าเหมาะสมเท่ากับ 13.80 บาท
บุฟเฟต์ความงาม แตกต่างที่คุณภาพและความหลายหลาก Shop Brand สร้างความต่าง ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเป้าหมาย BEAUTY ผู้ให้บริการค้าปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว มีช่องทางจำหน่าย ด้วยแนวคิด Shop Brand เพื่อให้เกิดความโดดเด่นและแตกต่างได้แก่ ร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ และร้าน บิวตี้ คอทเทจ เรามองว่าการสร้างแบรนด์ที่หลากหลาย มีช่องทางจำหน่ายร้านค้า ปลีกที่ต่างกัน ทำให้วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มชัดเจน ช่วยขยายฐานลูกค้า ใหม่ๆ หากเทียบกับคู่แข่งขันโดยตรงอย่าง KAMART เรามองว่าบริษัทมีโอกาสสร้างการเติบโต ของยอดขายดีกว่า KAMART จากการมีช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกมากกว่า ปัจจุบันบริษัท มีส่วนแบ่งการตลาด 7.7% และอัตรากำไรขั้นต้น 71% สูงกว่า KAMART
คุณภาพสินค้า ราคาสมเหตุผล กลยุทธ์อยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง มูลค่าตลาดเครื่องสำอางในประเทศมีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 9% ในปี 2550-2554 สูงกว่า GDP เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มาก เนื่องจากพฤติกรรมผู้ บริโภคให้ความสนใจต่อบุคคลิกภาพมากขึ้น ประกอบกับมีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดมี การแข่งขันสูง เรามองว่าการเน้นสร้างความเชื่อมั่นและมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์สินค้า จะเป็น โอกาสสร้างรายได้ตามการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในประเทศ ขณะเดียวกันสินค้ามี คุณภาพ ราคาสมเหตุผลเป็นกลยุทธ์สำคัญต่อความอยู่รอดในธุรกิจ
เพิ่มมูลค่าสินค้า กระจายช่องทางจำหน่ายหนุนกำไรสุทธิเติบโต 20% ต่อปี บริษัทมีแผนขยายสาขาร้าน บิวตี้ บุฟเฟต์ และ บิวตี้ คอทเทจ จาก 138 สาขา และ 24 สาขาในปี 2555 เป็น 180 สาขาและ 50 สาขา ในปี 2556 ตามลำดับ โดยจะขยายไป กับศูนย์การค้า และโมเดิร์นเทรดในต่างจังหวัดมากขึ้น มองว่าจุดเด่นคุณภาพสินค้า และการเพิ่ม มูลค่าสินค้าแต่ละแบรนด์จะช่วยเพิ่มยอดซื้อต่อใบเสร็จของลูกค้าปัจจุบันที่ 400-450 บาท เรา ประเมินกำไรสุทธิปี 2555-2556 จะมีอัตราการเติบโต 20% ต่อปี (CAGR ปี 2555-2556) มี อัตรากำไรสุทธิต่อปี 22%
ราคาหุ้น ถูก มีปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจแนะนำ ซื้อ เราประเมินมูลค่าเหมาะสมเท่ากับ 13.80 บาท ด้วยวิธี PE @ 20.9 เท่า มี Upside 73% จากราคาเสนอขาย IPO มองว่าบริษัทมีความน่าสนใจจาก 1) ราคาหุ้น ถูก เมื่อเทียบกับ แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้า 2) ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวมี แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เป็นโอกาสเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้ารายใหม่ 3) บริษัทมีความยืดหยุ่น ในการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยรักษาอัตรากำไรสุทธิสม่ำเสมอที่ระดับ 22% และ 4) มี ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล คาดปี 2555-2556 จะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อปี 3-4%
เรียบเรียง โดย อรนุช ภัทรกุล อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 12/12/12 เวลา 9:14:53
จากคุณ |
:
อ้วนตุ้ยนุ้ย
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 55 09:47:08
|
|
|
|