เปิด10หุ้นเด่นขวัญใจกองทุนรวม ลงทุน11เดือนฟันกำไรดันรีเทิร์นพุ่งปรี๊ดกว่า50%
|
|
12 ธ.ค. 2555 เวลา 11:56:26 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค.-30 พ.ย.) พบว่ากองทุนรวมที่สร้างรีเทิร์นสูงนั้นมักให้น้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ใกล้เคียงกัน โดยกองทุนที่ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) ซึ่งสร้างผลตอบแทนได้สูงสุด 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมเน้นลงทุนใน 5 หลักทรัพย์ดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Equity General) ที่สร้างผลตอบแทนสูง 5 อันดับแรก นิยมลงทุนใน 5 หลักทรัพย์ คือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO)
"กองทุนที่ให้ผลตอบแทนดี ถ้าเป็นกองทุนขนาดใหญ่ จะนิยมลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างจากกองทุนหุ้นเล็กที่ไม่โฟกัสว่าจะลงทุนกลุ่มไหนเป็นพิเศษ แต่จะกระจายการลงทุนไปหลาย ๆ หลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่กองทุนพวกนี้ได้รับผลตอบแทนดีเป็นเพราะเขาใช้กลยุทธ์ถือลงทุนยาว และที่สำคัญกองทุนที่โดดเด่นจะไม่เลือกลงทุนหุ้นพลังงานมากนัก เพราะถ้าให้น้ำหนักเยอะก็จะกลายเป็นกลุ่มที่แพ้ตลาดทันที"
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาพรวมของกองทุนหุ้นไทยช่วง 11 เดือนถือว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยกองทุนหุ้นขนาดใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ราว 32% โดย 5 อันดับแรกคือ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม กองทุนเปิดทรัพย์บัวหลวง กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว และกองทุนหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กเฉลี่ยอยู่ที่ราว 36% มี 5 อันดับแรก คือ กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ฟันด์ อเบอร์ดีน สมอลแค็๋พ กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสรส้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ และอเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว ซึ่งรีเทิร์นถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่สร้างรีเทิร์นได้ไม่เกิน 10%
สำหรับปี 2556 นายกิตติคุณประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่จะยังคงผันผวนจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นเชื่อว่าการลงทุนในลักษณะถือลงทุนยาวจะสร้างผลตอบแทนที่ดี
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยของบริษัทได้ให้เป้าหมายดัชนีปีหน้าไว้ที่ระดับ 1,450 จุด และมีโอกาสปรับเป้าหมายขึ้นได้อีก เพราะยังมีปัจจัยบวกรออยู่มาก ทั้งจากแรงหนุนของฟันด์โฟลที่จะเข้ามาลงทุนต่อ การลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้แก่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เหลือ 20% จากปีนี้ที่อยู่ 23% ซึ่งจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ บจ.ปีหน้าอยู่ที่ราว 15-20% จากปีนี้ที่ 14-15%
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ควรจับตาคือ ปัญหาหนี้สินในยุโรปและสหรัฐ ที่เข้ามากดดันการลงทุนเป็นระลอก ดังนั้นจึงประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,300 จุด
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 55 22:12:31
|
|
|
|