จากวันแรกที่เริ่มเทรด(4มค.2555)จนถึงวันนี้(15ธค.2555)เหลือเวลาอีก2อาทิตย์ก็จะถือว่าอยู่ในตลาดครบ1ปี ตอนแรกว่าจะทำบทสรุปนี้ในอีก2อาทิตย์ แต่ดุจากโปรแกรมอาจจะมีงานนิดหน่อยเลยขอสรุปวันนี้เลยละกัน วันที่เริ่มเทรด ผมเริ่มด้วยเงิน250,000บาท ก่อนที่จะมาเพิ่มอีก80,000บาทในเดือนสิงหาคม เริ่มต้นก็เทรดตามประสาเม่าซื้อแพงขายถูก เอ้ย ซื้อถูกขายแพง เพียงแต่เน้นหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัยและมีปันผล แถมโชคดีเข้ามาในช่วงตลาดขาขึ้นเลยได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี จากในรูปจะมี2พอตคือพอตบน(CIMB)เป็นพอตที่ผมใช้เทรดตามระบบส่วนตัว จะเห็นว่าผลตอบแทนในภาพจะได้เพียง2% แต่พอตนี้มีเงินของผมที่ใส่ในพอต270,000บาท ตอนนี้มีเงินสดที่ยังกองอยุ่พอตอยุ่104,336บาท เทียบกับมูลค่าพอตตอนนี้เท่ากับ+อยู่21,748บาท แต่ผมไม่อยากเทียบกับมูลค่าพอตเพราะตรงนี้สามารถเปลี่ยนไปมาตามราคากระดานหุ้น สิ่งที่ผมอยากจะไปเทียบก็คือ จำนวนเงินเริ่มต้น แล้วนำมาเทียบกับจำนวนเงินที่เรานำไปซื้อหุ้นแล้วจริงๆ(งงรึเปล่าหว่า?)เช่นจากพอตแรกก็นำไปเทียบกับช่อง Cost จากในรูปผมมีเงินเริ่มต้น270,000บาท นำไปซื้อหุ้นแล้วเป็นเงิน183,298 เท่ากับว่าผมต้องมีเงินเหลือ 86,702 บาทแต่ในพอตกลับมีเงินสด 104,336 บาท เท่ากับว่ามีกำไรอยู่ 17,634 คิดเป็น 6.5% สำหรับพอตแรกครับ
คราวนี้มาดูพอตล่าง(ธนชาติ)พอตนี้เป็นพอตเริ่มต้น แต่เนื่องจากมีค่าคอมขั้นต่ำ50บาท จึงไม่สะดวกเพราะบางวันก็เทรดไม่ถึง จึงต้องไปเปิดใหม่ที่CIMB เงินในพอตนี้ก็ทะยอยถอนออกมาเรื่อยๆ ส่วนหุ้นก็พยายามให้เหลือแต่หุ้นที่คิดจะถือยาว จากในพอตจะเห็นต้นทุนอยู่ที่ 87,754 บาท แต่จริงๆแล้่วเงินสดที่ลงไปคือ60,000บาท และมีเงินสดเหลือในพอตอีก2700บาท เท่ากับว่าเงิน60,000 สามารถไปซื้อหุ้นที่ราคา(ทุน)87,754และมีเงินเหลืออีก2700บาท มีกำไรคิดเป็น50.75% แต่ถ้าคิดผลกำไรจนถึงราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน(108,980)+(เงินสด2,700)จะเท่ากับมีกำไรอยุ่ถึง86.13%(แม่เจ้าาาา) คราวนี้ มาถึงแผนการของปีหน้า เริ่มจากพอตธนชาติที่ตั้งใจจะถือกินปันผลไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากราคาหุ้นขึ้นสูงมาเยอะ จะเป็นเพราะแรงซื้อจากต่างชาติ แรงหนุนจากนักลงทุนในประเทศหรือจะเหตผลใดก็ตามที ทำให้ผมดูๆแล้วราคาวิ่งเกินความคุ้มค่าของปันผลไปแล้ว(คหสต.ล้วนๆ) ดังนั้นผมจึงเริ่มตั้งจุดเทคกำไรขึ้นมา ถ้าราคาตัวไหนลงมาต่ำกว่าราคาเทคกำไรผมจะขายทันทีโดยมีเป้าหมายที่"เมื่อไหร่ผมขายและนำเงินสดออกจากพอตครบ60,000บาท"หุ้นที่เหลือในพอตผมจะไม่ทำอะไรแล้ว จะขึ้นหรือลงก็ตามแต่ใจนายตลาดยกเว้นแต่มีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อพื้นฐานหุ้นผมก็จะขายทิ้งครับ แต่ถ้าแค่ราคาวิ่งขึ้นลงตามสภาพอารมของนายตลาด ผมก็จะไม่ขายและจะถือเอาปันผลต่อไปเพราะถือว่าเป็นเงินที่ได้มาจากกำไรล้วนๆไ่ม่มีต้นทุนแล้วจึงไม่ต้องไปเครียดกับหุ้นในพอตนี้ ถือว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกในตลาดแห่งนี้ครับ ส่วนพอตCIMB ผมจะพยายามบริหารหุ้นและเงินในพอตต่อไปตามระบบส่วนตัว โดยมีเป้าหมายคือ เอากำไรและปันผลจากหุ้นต่างๆมารับหุ้น(ตัวเดิมๆในพอต)เพิ่มขึ้น แต่จะไม่พยายามขยาย"จำนวนหุ้น"ให้มากเกินไป เพราะจากที่ลองมา1ปี หุ้นจำนวนน้อยตัวแต่ปริมาณมาก จะได้ผลตแบแทนสูงกว่า จำนวนหุ้นหลายตัวแต่ตัวละนิดละหน่อย (อันนี้ก็คหสต.ล้วนๆแหะๆ) หุ้นในพอตธนชาต คงจะไม่มีเพิ่มหรือเปลี่ยนไปจากนี้แล้ว มีแต่จะลดลง(ยกเว้นมีการปันผลเป็นหุ้น ก็อาจจะมีแค่เพิ่มปริมาณ) ส่วนในพอตCIMB อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้อยุ่ เพราะตอนนี้ยังถือว่ายังอยุ่ในขั้นตอนทดสอบและรวบรวมข้อมูลอยุ่ ขอเวลาอีกปีหรือ2ปีหรือจนกว่าจะเจอภาวะหุ้นตกอย่างรุนแรงซักรอบก่อนถึงจะรุ้ว่าเราสามารถอยุ่รอดในสนามแห่งนี้ได้รึเปล่า มาติดตามกันต่อไปนะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม ปล.คิดไปพิมไปใครสงสัยอะไรก็ถามได้ เพราะอาจจะวกวนไปมา5555+
จากคุณ |
:
ลงหลักปักฐาน
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 55 07:50:52
|
|
|
|