ความคิดเห็นที่ 1 ไฟล์ประกอบ จากคุณ : Zalengzeng เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 22:41:33

ความคิดเห็นที่ 2 กระทรวง สธ. ถ้าหักค่าแรงแล้ว ก็เหลือแค่ 4 หมื่นล้าน สุขภาพคนไทยมีค่าน้อยกว่ารถคันแรก แต่เอาเข้าจริงๆ ผมอยากให้เข้ากับรถใหญ่ด้วยนะ สะใจดี อยากใช้สิทธ์บ้าง แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 07:15:38 จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 22:48:59

ความคิดเห็นที่ 3 รัฐจะต้องคืนภาษีรถคันแรกน้อยกว่านี้ครับ เพราะคนจะผ่อนไม่ไหว ยอมขายทิ้ง สรุปรัฐมีแต่ได้กับได้ครับ ความซวยตกอยู่ที่คนซื้อ ไม่ก็คนค้ำครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 22:58:04

ความคิดเห็นที่ 4 บริษัทรถยนต์ บริษัทไฟแนนซ์ และอื่นๆ สุดท้ายมีผลกำไรก็ต้องจ่ายภาษีกลับมาที่รัฐอยู่ดี คนซื้อรถไปแล้วก็ต้องขยันมากขึ้น ทำงานหนักขึ้น ผลผลิตมวลรวมก็มากขึ้น คุณภาพศักยภาพก็ต้องมากขึ้น สุดท้านรัฐก็เก็บภาษีนำมาพัฒนาประเทศได้มากขึ้นอยู่ดี เมืองไทยระบบการจัดเก็บภาษีค่อนข้างห่วย เงินนอกระบบเยอะมาก โครงการรถยนต์คันแรก ก็ช่วยนำเงินนอกระบบของพ่อค้าแม่ขายต่างๆ มาเข้าระบบ ผ่านการซื้อน้ำมัน ซื้ออะไหล่ บลาบลาๆ สุดท้ายรัฐก็เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอยู่ดี รัฐบาลคืนเงินภาษีล่อให้คนใช้จ่าย ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นนโยบายที่ชาญฉลาด แต่ก็มีหลายๆคนไม่ชอบเพราะยึดถือนโยบายแบบอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ข้กลัวหัวหด มัวแต่ Play Safe ประเทศมันเลยดักดานไง จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 23:35:32

ความคิดเห็นที่ 5 รถยนต์ผมว่าเป็นของฟุ่มเฟือยนะ ถ้าจะใช้เงินนับแสนล้านมาลงกับของฟุ่มเฟือย สู้เอาเงินส่วนนี้ไปทุ่มให้กับโครงการบ้านหลังแรก อัดโปรโมชั่นให้ดึงดูดใจกว่านี้ ยังไงซะบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ก็ให้ประโยชน์ในระยะสั้นและระยะยาวอยู่มากโขอยู่ และประโยชน์ที่ตกลงไปสู้ชาวบ้าน กระจายไปสู่หน่วยผลิตย่อยๆไม่ต่างจากรถยนต์ ดูแลผลประโยชน์จะหมุนเวียนในประเทศมากกว่ารถยนต์ซะอีก จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 23:44:09

ความคิดเห็นที่ 6 คห4 มองโลกดีจัง play safe นะดีแล้ว จะหาเรื่องเสี่ยงทำไม ก็เพราะพื้นฐานดี ต่างชาติมันเลยเอาเงินมาลงบ้านเรา ข้อดีของเราคือ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ใช่ขึ้น 20 แล้วลง 10 คนที่บริหารพอร์ตเป็น เค้าไม่ได้หวังว่าต้องกำไรมากที่สุด แต่ต้องการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีให้ได้เสถียรที่สุด การควบคุมความเสี่ยงเป็นหัวใจหลักของบริหารพอร์ต ประเทศก็เช่นกัน คุณกลับไปศึกษาปี 40 ให้ดี นั้นเพราะเรา aggressive เกินไป เราเลยล้มทั้งยืน ตั้งแต่นั้นมาเราก็รู้จักบริหารความเสี่ยงมากขึ้น พื้นฐานของเราเลยแข็งแกร่งมาจนถึงตอนนี้ การค่อยๆโตนะดีสุด จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 23:46:10

ความคิดเห็นที่ 7 เหรียญมีสองด้าน  ของทุกอย่างก็ย่อมต้องเป็นเหมือนดาบสองคม หากมองเห็นประโยชน์และใช้ให้ถูกทาง ผู้ใช้ก็จะได้รับประโยชน์จากเหรียญด้านดีนั้นๆ.. เรื่องรถคันแรก รัฐบาลไม่ได้บังคับให้ใครต้องซื้อ (หรือขาย) เชื่อว่าคนที่จะขับรถได้ ย่อมต้องมีวุฒิภาวะพอสมควรอยู่แล้ว.. ทุกๆคนย่อมต้องพึงค้นหาความสามารถในการผ่อนชำระด้วยตนเองมากกว่า และการจะผ่อนรอดหรือไม่ หรือทำให้ผู้ค้ำฯต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่.. อันนี้เชื่อว่าอยู่ที่นิสัยส่วนตัวของคนนั้นๆ เหมือนอย่างการใช้บัตรเครดิต หากใช้ให้เป็นก็จะป็นประโยชน์พอสมควร แต่หากใช้ไม่เป็น ไม่มีวินัยหรือหน้าใหญ่มือเติบ ก็รังแต่จะเป็นอันตราย.. **สำหรับตัวเองแล้ว คิดว่าต่อให้รัฐบาลจะออกนโยบายคืนภาษีให้มากขนาดไหน แต่หากตนเองไม่มีเงินหรือด้อยศักยภาพในการผ่อนชำระหนี้ได้ แน่นอนว่าไม่ซื้อชัวร์... แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 00:09:19 จากคุณ : ดั่งตะวันและจันทรา เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 00:04:46

ความคิดเห็นที่ 8 ฝากพิจารณาคำถามเหล่านี้ครับ 1. ประเทศไทยควรส่งเสริมการถือครองรถยนต์หรือไม่ 2. จะป้องกันการสวมสิทธิ์ได้อย่างไร 3. โครงสร้างพื้นฐานด้านถนนหนทางมีการพัฒนาตามปริมาณรถหรือไม่ ความแออัดสูงขึ้นหรือไม่ 4. การเร่งแบบนี้เป็นการดึง Demand ในอนาคตมาซื้อวันนี้หรือไม่   ซึ่งเทียบเท่าการดึงรายได้ภาษีในอนาคตมาใช้หรือไม่(เพราะปีถัดๆไปที่ไม่กระตุ้น ยอดตกแน่ๆ) และถ้ามองเป็นการหารายได้ดังกล่าวต้นกระทู้ ก็เท่ากับเป็นการหารายได้ภาษีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่อยใช่หรือไม่ 5. ผลจากข้อ 2. ทำให้เกิดการกระจุกตัวของการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐศาสตร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์(ซึ่งมี supply ตึงตัว)ทำให้ต้นทุนการผลิตและค่าเสียโอกาสสูงขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือไม่ 6. Segment ที่ควรส่งเสริมอย่าง Eco กลับได้รับสิทธิ์ไม่ต่างจาก Segment รถใหญ่ 7. กำลังซื้อที่เอามาลงกับยานยนต์ เป็นการดึงกำลังซื้อออกมาจากอุตสาหกรรมอื่นหรือไม่ 8. ผลของการเติบโตของยานยนต์ปีนี้ กระตุ้นให้การวางแผนในระยะ 1-3 ปีข้างหน้าของบริษัทรถยนต์มีการลงทุนเพิ่มหรือไม่ 9. กลุ่มที่ซื้อรถ เป็นกลุ่มไหน มีกลุ่มระดับกลางล่างหรือไม่ ซึ่งระดับรายได้ยังไม่ควรก่อหนี้แต่กลัวเสียโอกาสจึงรีบซื้อ (แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 55 20:56:32 จากคุณ : pzifrius เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 01:22:01

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าไม่มีโครงการนี้แล้ว คนจะยังออกรถใหม่สักเท่าไหร่หรือครับ? เพราะดูจากผลได้ผลเสีย เหมือนจะเหมารวมว่าคนซื้อรถคันแรกทุกคน ซื้อเพราะโครงการนี้นะครับ ถึงไม่มีโครงการนี้ ผมว่าคนออกรถคันแรกก็ยังเยอะอยู่ดีนะครับปีๆนึง ==" ในโมเดลนี้ผมว่ามันออกแนว เจ๊าๆ ระหว่างรัฐกับผู้ซื้อมากกว่า (รัฐ : ไม่คืนภาษี คนส่วนนึงก็ซื้ออยู่ดี คืนให้เสียตังปล่าวๆ คนซื้อ : เฉพาะคนที่เอื้อมคว้าเกินกำลังตัวเอง หรือกลุ่มที่ปีต่อๆไปโชคร้ายด้านการเงินตามมาจากโครงการยุให้ซื้อ) ไอ้ที่ได้ประโยชน์ตรงๆก็ผู้ประกอบการ(อยู่แล้ว) กับทำให้เงินมันหมุนเวียน อันนี้น่าจะปัจจัยหลัก ปอลิง ผมก็มั่วๆเอานะครับ ^^" จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 01:55:49

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับพวกอนุรักษ์นิยม คำกลอนนี้ยังใช้ได้มั้ย มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท          อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง          อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ          ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล          จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดรันทดใจ จากคุณ : chi_pentium เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 05:52:21

ความคิดเห็นที่ 11 โครงการนี้เมื่อคิดโดยรวมจะเกิดอะไร ในแง่มุมของความเลื่อมล้ำทางสังคม ผู้ที่มีฐานะที่พร้อมจ่ายอยู่แล้วได้ประโยชน์ที่ได้ช้อปปิ้งสินค้าที่ถูกลง ผู้ที่ยังไม่พร้อมจริงจะต้องทำงานหนักมากขึ้น  - ถ้าคนที่ซื้อเป็นผู้ประกอบการรายย่อยก็จะทำให้ได้ประโยชน์มากขึ้น  - ถ้าผู้ซื้อเป็นพนังงานบริษัทที่นำเงินจากอนาคตมาใช้เราจะเห็นปัญหาทางสังคมมากขึ้น จากคุณ : chi_pentium เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:05:26

ความคิดเห็นที่ 12 แค่นึกถึงว่าจะต้องมีรถมาเพิ่มบนถนนที่รถติดทุกวันอยู่แล้วก้อเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : ความปลอดภัยเริ่มต้นที่ตัวเรา เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:21:09

ความคิดเห็นที่ 13 งั้นๆอ่ะ ก็ไม่ต่างกับปั่นหุ้นหรอก พอเม่าตามมาเยอะๆ ก็ดอยไง คนกำไรก็มี แต่ขาดทุนมากกว่าก็แค่นั้นเอง มองสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ แล้วผมว่าคิดไม่ยากเลยนะ ในเชิงการดึงเม็ดเงินเข้าระบบมันก็ดูดีอ่ะนะ แต่มีอะไรที่มันทำแล้วดีกว่านี้อีกเยอะ พลังงานของประเทศ หากจัดการให้ดี ผมคิดว่าจะเป็นการแก้ระยะยาว อย่างนี้มันก็กระตุ้นแบบกระแสตามเห่ออ่ะ สรุปเลยละกัน เขายากให้คนเป็นหนี้เยะๆ อ่ะ จบละ จากคุณ : หวังซินเสีย (kimlt) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:44:09

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าเอาไปสร้างระบบขนส่งมวลชนมันจะได้ประโยชน์กว่ามั้ย จขกท.ลืมคำนึงถึงพวกพลังงาน ที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อใส่รถ  สิ่งแวดล้อมที่มีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้น  ทางอ้อมคนก็จะสุขภาพแย่ลง จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:54:01

ความคิดเห็นที่ 15 ยิ่งรถมากภาษีก็มาก ก็ดีเนอะ ขายได้สักหกสิบล้านคัน ประเทศเรารับรองเงินล้นประเทศ จากคุณ : หวังซินเสีย (kimlt) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:55:03

ความคิดเห็นที่ 16 ประเทศเข้มแข็งเพราะประชาชนในประเทศมั่นคงจากปัจจัย 4 ปัจจุบันปัจจัย 5-6-7 แซงหน้าปัจจัย 4 ทำให้คนทำงานเพื่ออนาคตโดยที่ยังมองไม่เห็นอนาคต(เหมือนคนตาบอดเดินไปโดยไม่มีผู้นำทาง) จะเกิออะไรขื้นถ้าการปกครองคนในประเทศแบบปัจจุบันเป็นการปกครองแบบบริษัทมหาชน คนเก่ง คนทำดี ได้โปรโมท ได้เลื่อนขั้นเลือนตำแหน่ง คนกลางระดับกลางไม่เด่น ทำงานไปให้เขาเยียบหัวข้ามไป คนที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยนั่งอยู่ในซอกหลืบคอยป่วนคนอื่นตลอดเวลาเพราะไม่มีอนาคต (เพราะไล่ออกหรือลาออกจากการเป็นประชาชนไม่ได้) ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ประเทศไทยเป็นคนกลุ่มไหน แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 06:56:49 จากคุณ : chi_pentium เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 06:55:59

ความคิดเห็นที่ 17 ^ กลุ่มคนชอบเชลีย จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 07:19:08

ความคิดเห็นที่ 18 ^ กลุ่มแมงสาบ สลิ่ม จากคุณ : Eig Q San เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 07:36:17

ความคิดเห็นที่ 19 เคยดูทอมกับเจอรี่ตอนเด็กๆ เวลาเจ้าทอมมันจะล่อเจ้าเจอรี่ให้เดินตาม มันจะเอาชิ้นเนยแข็งวางไว้ตามพื้น เพื่อล่อให้เจ้าเจอรี่มันเดินตาม แค่นี้เอง ง่ายมั้ย ตอนนี้มีชิ้นเนยแข็งวางอยู่หลายจุด รอแค่มีคนมาตามกินกันเยอะๆ คราวนี้จะให้เดินไปทางไหน ก็แค่เอาชิ้นเนยมาวางไว้ให้เยอะกว่าเดิม ถี่กว่าเดิม แค่นั้นเอง ง่ายจะตายไป อิๆ แซวเล่นครับ จากคุณ : หวังซินเสีย (kimlt) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 07:38:24

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้กำลังล่อให้ติดกับดักอยู่ เมื่อคนใช้จนติดแล้ว ก็หาวิธีหาเงินกับมันเพิ่มจนรู้สึกรำคาญ เหมือนๆ กับบัตร ATM ที่เหมือนได้ฟรีในตอนแรกๆ สุดท้ายก็ต้องมาแอบเก็บเล็กเก็บน้อยกันไป การทำเอกสารต่างๆเกี่ยวกับรถ ก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวายขึ้น สุดท้ายก็ต้องจ่ายเงินเพื่อให้มันจบเร็วๆ ผมรู้สึกว่าการยืนเรื่องเอกสารของหน่วยงานราชการต่างๆ เดี่ยวนี้วุ่นวายมากขึ้น การให้ข้อมูลหน้าเว็บและของเจ้าหน้าที่ ไม่สอดคล้องกับการปฎิบัติจริง ทำให้ต้องเสียเวลาเดินทางและเตรียมเอกสาร สุดท้ายก็ต้องเสียเงินเพิ่ม จ่ายค่านายหน้าเดินเรื่องให้จบเร็วขึ้นทั้งๆที่เอกสารก็เท่าเดิมด้วยซ้ำไป ทำให้รู้สึกถึงว่าหากินกับการขูดเลือดขูดเนื้อกันแบบนี้แล้วหรือ จากคุณ : talekko เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:01:56

ความคิดเห็นที่ 21 คนได้ประโยชน์ ลืม บริษัทน้ำมัน (ที่มันยกเลิก 91 มาลง E20 ตบทรัพย์อย่างเดียว ) โรงพยาบาลต่างๆ ในกทม และใกล้เคียง เพราะป่วยกันหมด คนเสียประโยชน์ ลืม คนค้ำประกัน คนเข้าโครงการ เพราะ ปีหน้า เน่าแน่ ขอด่า พวกเสื้อแดงเฝ้าบอร์ด มีปัญญาเขียนมากกว่า1บรรทัดหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 08:17:03 จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:16:30

ความคิดเห็นที่ 22 ถึง คห.20 หากรัฐมีความสามารถสร้างจุดจ่ายเดียวเบ็ดเสร็จ ขึ้นมา โดยกำหนดให้มีทุกอำเภอ ใครชำระตรงตามกำหนด ได้สิทธิพิเศษอะไรก็ว่าไป ส่วนใครจ่ายช้า จะมีค่าปรับเพิ่มเข้ามา แต่ไม่ต้องเสียเวลาไปหลายๆจุด ผมคิดว่าคนคงชอบ จริงอยู่การรับทุกจ่ายของ 7-11 มีอยู่แต่ก็ไม่สามารถรองรับขีดความสามารถนอกเหนือได้ เช่นการจ่ายล่าช้า ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่น้อย การลดค่าใช้จ่ายโดยสร้างจุดจ่ายเดียวเบ็ดเสร็จขึ้นมา รัฐได้เก็บค่าส่วนต่างโดยตรง และประชาชนก็ประหยัดเวลา และค่าเดินทางได้ทุกตำบลทุกอำเภอ และรัฐยังสร้างงานให้ภาคประชาชนได้มากขึ้นจากโครงการนี้ เพราะมีทุกอำเภอ คุณว่าดีกว่าไหม ??? จะบอกว่าหากรัฐเอาจริง คนจะเลือกไปจ่ายกับท่าน มากกว่า 7-11 ได้อย่างแน่นอน เพราะท่านย่อมสร้างโปรโมชั่นได้มากมาย ตามสบายใจของท่าน จากคุณ : หวังซินเสีย (kimlt) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:21:16

ความคิดเห็นที่ 23 แสดงความคิดเห็นไปก็เท่านั้น ไม่มีใครทบทวนนโยบายอะไร คนได้ประโยชน์ ก็บอกว่าดี  จนมันจะจบโครงการอยู่แล้ว ไว้ค่อยดูผลงานต่อเนื่องถึงประมาณปี 57-58 ก็คงรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ว่ามีผลดีและผลเสีย อย่างไหนมากกว่ากัน ครับ จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:25:48

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 1 งบกระทรวงศึกษา งบกระทรวงกลาโหม งบกระทรวงมหาดไทย หายไปไหน หรือ กลัวสลิ่มรู้ความจริงว่ามันมากกว่า แปดหมื่นล้านเลยไม่อยู่ในรูป จากคุณ : NecroLord เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:48:21

ความคิดเห็นที่ 25 มาเข้าหุ้นกันดีกว่า - ว่า Leasing ของ ธ.ไหนคนใช้ในการออกรถใหม่มากที่สุด - ประกันภัยไหนบ้างที่รถแต่ละยี่ห้อเลือกใช้และอยู่ในตลาดฯหรือไม่ - รถคันแรกที่เข้ามาในระบบ คิดเป็นเท่าไหร่ในกทม. ปัจจุบัน BECL มีรถวิ่งเท่าไหร่ และอนาคตจะเป็นเท่าไหร่ - บริษัทอะไหล่ของแต่ง ยาง แบตฯ เบาะหนัง จะได้รับออร์เดอร์เพิ่มหลังจากนี้มั้ย - ปริมาณ E20 ที่เป็นเชื่อเพลิงหลักๆของรถใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ใครเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย - บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตมีแนวโน้มจะถูกใช้ชำระหนี้หรือไม่ นี่อาจจะเป็นบางส่วนของ Trend ที่จะเกิดขึ้นในปี - 5ปี ข้างหน้า ภายในช่วงเวลารับนโยบาย เรามาคิดกันดีกว่าว่าหุ้นตัวไหนจะยังได้ประโยชน์ ไม่เอาเรื่องการเมืองเนาะ ^___^ จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:57:31

ความคิดเห็นที่ 26 ผลกระทบเริ่มออกแล้ว การจับจ่ายสินค้าอื่นน้อยลงเพราะคนเอาเงินไปผ่อนรถก็ลองดูยอดขายสินค้าของแต่ละบริษัทในปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เงินภาษีที่รัฐจะเก็บได้จะลดลงหรือเพิ่มขึ้น จากคุณ : ไข่เจียวมิชิลิน เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:08:29

ความคิดเห็นที่ 27 ปีๆนึง งบซื้ออาวุธเยอะกว่าไม่รู้กี่เท่า ถ้าเอามาพัฒนาประเทศคงดี แต่ก็ไม่เห็นมีคนคัดค้าน จากคุณ : Post in Android (สมชายตลอดมา) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:11:16

ความคิดเห็นที่ 28 เริ่มตอบคำถามจากข้างบนจากประสบการณ์ของตัวเอง Nissan Almera 1. ใช้ Leasing ของ กรุงศรีฯ เพราะดอก 2.75% ต่อปีถูกที่สุด แต่ยังไม่ได้เจาะว่า กรุงศรีออโต้ แต่เดิมคิดเป็นรายได้กี่เปอร์เซนต์ของเครือ BAY ทั้งหมด 2. เซลล์นิสสัน ขายควบวิริยะประกันภัยให้ วิริยะประกันภัย ไม่ได้อยู่ในตลาด 3. ไม่รู้ เพราะออกรถมาวิ่งในเชียงราย 4. ยางและแบตฯคงซัก 1-2 ปีจะเปลี่ยน ยางที่มากับรถยี่ห้อ บิสโตน, แบตเป็น BAT3-K, ส่วนเบาะหนังเท่าที่ทราบจะมีในเฉพาะรุ่นตัว Top ในแต่ละค่ายรถฯ ใน segment รถเล็กที่รับกับนโยบาย 5. E20 ยังไม่รู้ใครเป็นผู้ผลิตและได้ประโยชน์แตส่วนตัวเลือกเติมที่ PTT 6. ยังไม่ได้ทำบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด และไม่คิดจะนำส่วนนี้มาจ่ายค่างวดรถ แต่เห็นคนแถวบ้านบอกจะทำบัตรกดเงินสด AEONTS กับ ยูเมะ เผื่อไว้ ถ้าช็อต จบละครับ สำหรับความเห็นส่วนตัวของ ค่ายนิสสัน รุ่น Almera อยากรู้ความเห็นของค่ายอื่น จังหวัดอื่น บ้างจัง จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:12:07

ความคิดเห็นที่ 29 ผลกระทบเริ่มออกแล้ว การจับจ่ายสินค้าอื่นน้อยลงเพราะคนเอาเงินไปผ่อนรถ ไหนจะต้องจ่ายค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษารถอีก ก็ลองดูยอดขายสินค้าของแต่ละบริษัทในปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เงินภาษีที่รัฐจะเก็บได้จะลดลงหรือเพิ่มขึ้น ปีนี้ภาพยังไม่ชัดนักแต่ปีหน้าถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้อยู่(หมายถึงชาวโลกยังเดือดร้อนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ) กำไรแต่ละบริษัทจะเป็นอย่างไร จากคุณ : ไข่เจียวมิชิลิน เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:12:12

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 25 ไม่คิดตรงข้ามบ้างหรือครับ อย่างเช่น -คนทิ้งรถกันเยอะ บริษัทสินเชื่อรถยนต์ไหนได้รับผลกระทบ -มือใหม่ออกรถ ขับรถไม่เป็น รถชนกันเยอะ เคลมกัน บริษัทไหนรับไปเต็มๆ -รถขึ้นทางด่วนกันเยอะ ติดจัง ลงมาติดข้างล่างก็เหมือนกัน -ไม่มีเงินผ่อนรถ ค่าน้ำมัน  อไหล่เก็บไว้ก่อน ทนๆเอา ขับไม่ได้ก็จอดไปก่อน -รถถูกรีดกำลังซื้อ ออกไปสามปี ระหว่างนี้ เซล จะทำไงดีหว่า คิดเล่นๆ ขำๆนะครับ คงไม่เกิดขึ้นหรอกมั้ง จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:20:00

ความคิดเห็นที่ 31 #30 ถ้ากรณีแบบนั้นเกิดขึ้นจริง....ผมว่าคนยอมเป็นหนี้เล็กๆเพิ่ม ให้มันสุดๆ จนมันไม่ไหวจริงๆ ถึงทิ้งรถแน่เลยครับ....งานนี้ บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสด รับทรัพย์(และความเสี่ยง) ไปเต็มๆครับ ไปหากันต่อดีกว่า ว่าบัตรเครดิตไหนของธนาคารอะไรอยู่ในตลาดบ้าง คนใช้ของที่ไหนมากทีุ่สุด ค่ายไหนปล่อยให้ออกบัตรง่ายที่สุด ^_____^ จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:26:27

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าน่าจะเอาเงินไปพัฒนา ต่างจังหวัดให้มันทัดเทียม กทม. นะครับ งบทั้งหมดนี้ เอาไปหนุนการพัฒนาต่างจังหวัด เพิ่มจำนวนรถสาธารณะ ติดแอร์ ลดภาษีโดยให้พวกบริษัทที่ตั้งฐานที่ต่างจังหวัดเสียภาษีน้อยลง และพัฒนาการศึกษาที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ประเทศน่าจะก้าวหน้าได้อีกเยอะ แถมรถทั้งหมดก็จะไม่มากระจุก อยู่ที่ กทม. ที่เดียวนะครับ จากคุณ : Bruce Wayne เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:47:09

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่ามันยัง เป็น นโยบาย ที่ ยังใช้หัวคิดบ้าง แต่ งบ 6900 ล้าน ไปฝึกอบรมแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง พร้อมกับจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงชีพให้ อีก 3 เดือน  ---->  อบรมอะไร เหรอ จ๊ะ   ส่วน ไอ้ เช็ค 2000 ช่วยชาติ  18,970 ล้าน นี่ สิ เอาอะไรคิด ?????  แจกเงินเฉยๆ เด็กอนุบาล ยังคิด นโยบายเป็นเลยครับ http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02sup02171252&sectionid=0218&day=2009-12-17 จากคุณ : ก้ามปูจอมพลัง เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 09:57:52

ความคิดเห็นที่ 34 ขอแสดงความเห็นเพิ่มอีกมุมนึงครับ รถเก๋งที่เข้าโครงการส่วนใหญ่เป็น eco car ผมว่าเป็นผู้ขับหน้าใหม่ส่วนนึง และเป็นคนที่เปลี่ยนจากรถเก่ามาเป็นรถใหม่จะใช้น้ำมันต่อคันลดลง  เนื่องจากมาตรฐาน eco car และยังทำให้เพิ่มอัตราการใช้น้ำมัน E20 อีกด้วยครับ จากคุณ : civil เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:08:26

ความคิดเห็นที่ 35 เพิ่มเงินในระบบ ดีกว่าเพิ่มรถบนถนนครับ จากคุณ : Natchaphon เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:30:28

ความคิดเห็นที่ 36 ผิดด้วยหรือ..ถ้า(คนจน)จะมีรถคันแรก ? รถติดเพราะนโยบายรถคันแรก  หรือระบบขนส่งมวลชนมีปัญหา ?? http://shows.voicetv.co.th/divas-cafe/54158.html จากคุณ : เบิกได้จ่ายตรง เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:40:13

ความคิดเห็นที่ 37 แปดหมื่นล้านใช้ประโยชน์โดยตรงกับคนซื้อรถได้แค่เก้าแสนคน (ประโยชน์โดยอ้อมไม่รู้) แต่ถ้าเอาไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจะได้ประโยชน์โดยตรงกับคนมากกว่าเก้าแสนคนแน่นอน จากคุณ : เป็นตับ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 12:12:55

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่ารัฐจะได้เงินกลับคืนเข้ามาในระบบทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อมค่อนข้างเยอะหลังจากที่จ่ายคืนภาษีรถคันแรกไปแล้วครับ (อย่าลืมนะครับว่าไม่ได้คืนให้ทันที รัฐเอาเงินท่านไปหมุนก่อน 1 ปีแล้วค่อยจ่ายคืน) จากนั้นก็ภาษีประจำปีที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ภาษีอุปกรณ์อะไหล่ VAT ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์รถยนต์ เหมือนที่ข้างบนได้บอกไปแล้ว ถ้าจะให้เรียงตัวผมว่าเยอะล่ะครับ ขอเป็นแบบภาพรวมก็แล้วกัน แต่ว่ามองย้อนกลับกันว่ายังมีภาระที่รัฐบาลมองไม่เห็นซ่อนอยู่นะครับ เช่นค่าจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ซ่อนไว้ตามมา ปัญหารถติดที่ต้องทุ่มงบประมาณอีกเท่าไร อาจจะต้องทำการขยายถนน ??  สิ่งเหล่านี้คือถ้าคนคิดตื้นๆ หรือว่าคิดว่าอยู่ไม่นานทำเอาหน้าผมว่ามันไม่ใช่การจัดการระยะยาวที่แท้จริงครับ  ที่แน่ๆการใช้พลังงานเชื้อเพลิงบ้านเราซึ่งปกติสูงมากในเอเซีย อยู่แล้วก็จะเพิ่มขึ้นอีกครับ สิ่งเหล่านี้เป็นการนำเงินตราออกนอกประเทศล้วนๆ ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร อยากให้มามองเรื่องการจัดการพลังงานมากกว่าด้วย โดยเฉพาะไฟฟ้าที่กำลังมีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนถ้าไม่ทำอะไรกับมัน กว่าจะลงทุนทำโรงไฟฟ้าแต่ละที่มันใช้เงินและเวลาเยอะครับถ้าไม่รีบทำตอนนี้อนาคตคงได้ปิดๆเปิดๆไฟเป็นเวลาแน่นอน อยากให้ลงทุนกับตรงนี้เยอะๆแล้วมาเน้นนโยบายเรื่องรถไฟฟ้ามากกว่า หรือว่าพวก hybridge ถ้าว่าถ้าคนจนผิดด้วยเหรอถ้าจะมีรถคันแรก >> ไม่ผิดครับ แต่ว่าถ้ามีรถคันแรกแล้วยังจะจนจะมีไปทำไมล่ะครับ สู้เอาเงินไปลงทุนไม่ดีกว่าเหรอ ??  ผมจะบอกว่าคนที่มีรถได้นี่ไม่จนแล้วครับ เค้ามีความสามารถในการเลี้ยงตัวเองในระดับหนึ่งแล้วครับ ผมกระทบที่แท้จริงว่าจะมีคนทิ้งรถ NPL มากขนาดไหนคงต้องรอปีหน้า 57-58 แน่นอนครับ จะรู้ว่าคนที่ผ่อนไหวหรือไม่ไหวมีเท่าไรกันแน่ .. ตอนนี้ยังได้รับรถกันไม่ครบก็ยังบอกไม่ได้แน่ๆ จากคุณ : น้องหนอนนุ่ม เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 12:28:18

ความคิดเห็นที่ 39 .               แล้ว โครงการ... " แช่แข็งฯ " มันส์ เอา หัว... อะไร  คิด?             จากคุณ : ศิษย์ซุนวู เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 12:37:50

ความคิดเห็นที่ 40 คนที่ไม่เห็นด้วยก็ช่วยกันห้ามญาติพี่น้อง อย่าเข้าร่วม ถ้าเข้าร่วมก็ตัดญาติกันไปเลย จำนวนน่าจะลดลงเยอะ เห็นด่ากันจัง ยอดไปเกือบ 1000000 คันแล้ว ไม่งั้นคงเอาตังภาษีจากแมวเหมียว ไปเยียวยาบริษัทรถ อะไหล่ นิคมที่โดนน้ำท่วม ส่วนที่พัฒนาระบบขนส่งมวลชลเพิ่ม จริงๆก็ดีนะ ถามต่อว่าเอาตังมาจากไหน แต่ยังดีนี่ห้องการลงทุน มีสาระหน่อย ไม่ค่อยมีการเมือง จากคุณ : Petercopdi เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 15:22:15

ความคิดเห็นที่ 41 เรื่องรถก็ "พอเพียง" เรื่องความคิดเห็นก็ "พอเพียง" กันเตอะเจ้า ^^ คนออกนโยบาย ยังไม่ทะเลาะกันเลย จากคุณ : yamr เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 16:19:03

ความคิดเห็นที่ 42 ประเทศพัฒนาแล้วคนรวยจะใช้ขนส่งสาธารณะ ประเทศกำลังพัฒนาคนจนจะนิยมซื้อรถส่วนตัว จากคุณ : watmyung เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 16:24:05

ความคิดเห็นที่ 43 เอาเป็นว่า อีกสองปี รถไฟฟ้าเสร็จ ผมจะเลิกขับรถมาทำงานขอเบียดเป้นปลากระป๋องในรถไฟฟ้าดีกว่า ทุกวันนี้เจอรถติดแล้วเหนื่อยสุดๆเลยครับ จากคุณ : Bazophil เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 16:41:55

ความคิดเห็นที่ 44 คห.12 คุณลองขายรถแล้วมานั่งรถเมล์แทนสิครับ ไปต่างจังหวัดก็ขึ้นรถไฟไป จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 18:41:37

ความคิดเห็นที่ 45 รถ1คันใช้ชิ้นส่วนทั้งหมดกี่ชิ้นครับ แล้วมาจากกี่โรงงาน แล้วแต่โรงพนักงานกี่คน ลูกเมียพนักงานกี่คน เงินที่จะหมุนในระบบเศรษกิจเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วภาษีที่รัฐจะได้กลับคืนจากโครงการนี้เท่าไหร่ คิดให้กว้างครับอย่ามองแค่คืนเงินรถคันแรก80000ล้าน ก็ดีกว่าอยู่ดีๆแจก2000หล่ะ จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 18:50:19

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าเราต้องไปดูเหตุการณ์ก่อนที่จะแจกเช็ค 2,000บาทนะครับ เพราะตอนนั้นเกิดวิกฤติ แฮมเบอร์เกอร์ ส่งผลให้ภาคการส่งออกติดลบเป็นสิบเปอร์เซนต์ ภาคการท่องเที่ยวก็ชะลอตัวทั้งจากเหตุปัจจัยด้านการเมืองและปัจจัยภายนอกประเทศ ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นเงินเฟ้อติดลบด้วยครับ ผมว่าตอนนั้นเขาเน้นเอาเงินกระตุ้นทางตรงให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เพื่อการเพิ่ม GDP ในส่วนการของการบริโภคภายในประเทศแบบทันที แต่ ณ ตอนนี้ บริบทของเหตุการณ์มันต่างกันนะครับ ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม ปีหน้าเงินเฟ้อพุ่งแน่ๆ รวมทั้งอาจจะเกิดหนี้เสียพอสมควร ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กไม่รู้ครับ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 20:16:44

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเห็นด้วยกับ บ้านหลังแรก มากกว่า รถคันแรก เนื่องจากเห็นว่ารถมีความจำเป็น รองๆๆๆๆๆๆลงมา และค่อนข้างจะฟุ่มเฟือยกับคนรายได้ไม่มาก แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 55 21:39:44 จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 21:20:30

ความคิดเห็นที่ 48 สงสัยยันท้ายปีว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มันมีปัญหาอะไร ไอ้ยุ่นกำลังขู่ผูกคอตายรึเปล่าถึงต้องออกนโยบายอุดหนุนกัน ถ้าไม่ใช่ตรงนี้ก็แสดงว่ายุ่นไม่ได้ขอ แต่รัฐบาลท่านใจดีอยากให้คนไทยมีรถทุกคน ก็สงสัยว่าแล้วที่เสียเงินเสียทองรณรงค์ให้ประหยัดน้ำมันมาเป็นสิบๆปีจะทำไปทำไม แล้วที่มีนโยบายจะแก้รถติด สร้างรถไฟฟ้าจะทำไปทำไม ตกลงว่าอุดหนุนสองทางเลย งงมาก กลางวันเป็นชาย กลางคืนเป็นหญิงรึเปล่า? จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 22:06:56

ความคิดเห็นที่ 49 ขอถามคนที่บอกว่า เอาเงิน 8 หมื่นล้านไปทำอย่างอื่นดีกว่า ว่าถ้าไม่มีโครงการนี้ คนไมได้ซื้อรถจะมีเงิน 8 หมื่นล้านให้ใช้ใหมครับ ที่เขาได้คืนก็เป็นภาษีที่เขาจ่ายให้กับรัฐ แต่รัฐคืนให้เท่านั้นเอง จากคุณ : PheakEngi เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 22:53:10

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบจากการที่เราทำงานสายไฟแนนซ์โดยตรงนะคะ หนี้เสียบานแน่ๆ เพราะทุกวันนี้คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ก็ไม่ได้ใช้ชื่อตัวเองซื้อ พอจะตามหนี้ คราวนี้ล่ะสนุก โยน ขะ รี้ กันไปมา ไอ่คนที่ใช้ชื่อตัวเอง ก็บ้านๆ ซื่อๆ ก็บอกแต่ตนไม่ได้ใช้ ให้ไปตามกับอีกคน ไอ่คนที่เอารถไปใช้ แต่ใช้ชื่อคนอื่น ก็จะไปจ่ายทำไมให้โง่ ตัวเองไม่จ่ายก็ไม่เดือดร้อนนิ เห็นมาเยอะแล้ว ใช้ชื่อคนอื่นซื้อเนี่ย อีกประเด็น คนที่คาดว่าจะพร้อมออกรถปีหน้า ปีถัดไป หรือ 2ปีข้างหน้า ก็ต้องกระวีกระวาดทำให้ตัวเองพร้อมภายในปีนี้ด้วยความงก 1แสน ทั้งที่เงินเดือนกระจ๋อยเดียว จับเซ้นค้ำกันทั้งตระกูลกว่าจะผ่าน เฮ่อ... จะเอาปัญญาที่ไหนผ่อน ไหนจะค่าน้ำมัน ไหนจะค่าบำรุงรักษารถ ไหนจะผ่อนรถอีก  ตามหนี้กันเพลิดเพลินละงานนี้ จากคุณ : พุดดิ้งนมสด เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 00:07:56

ความคิดเห็นที่ 51 คคห 49 ครับ  ก็ไม่ได้ถึง 8 หมื่นล้านหรอกครับ แต่ว่าได้ อย่างน้อย ๆ 3-4 หมื่นล้าน มาพัฒนาประเทศครับ แล้วปีต่อไปได้อีก 3 - 4 หมื่นล้าน นี่เล่นดูด Demand มาหลายปี รัฐเงินขาดมือแน่ ๆ ครับ ยังไม่รวมโครงการจำนำข้าวที่ใช้งบอีก 3 แสนล้าน และวันนี้เพิ่งประกาศมาตรการ 300 บาททั่วประเทศ ว่ารัฐบาลจะอุดหนุน SME โดยเอา ภาษีไปจ่ายให้ส่วนต่างที่เอกชนจ่ายได้ โดนไปอีก 5 หมื่นล้าน สรุปว่าเงินรัฐบาลหายไป 4 แสนกว่าล้าน ถามว่า รัฐบาลจะไหวไหมครับ เวลาพังมัน พังทั้งประเทศ ไม่ว่าเสื้อสีไหน หรือว่าชอบหรือเกลียดรัฐบาลครับ จากคุณ : ผมปล่าวนา เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 00:15:37

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องจำนำข้าว เราไปประท้วงไล่รัฐบาลกันดีมั้ยครับ หรือเราก็ได้แต่กล่นด่ากันต่อไปว่ารัฐบาลเค้ากำลังจะทำประเทศล่มจม โดยพวกเราก็นั่งดูมันล่มจม ??? ส่วนเรื่องภาษีรถคันแรก ผมมองเป็นนโยบายที่ชาญฉลาด ถ้าไม่กระตุ้นการบริโภคในประเทศปีนี้ สงสัยเศรษฐกิจไทยคงแย่ C+I+G+XM <<<< export หดตัวเยอะเลย และดุลการค้าเราก็ลดลงอย่างมีนัยยะเพราะ Import ลดในสัดส่วนที่น้อยกว่า ถ้าไม่ได้ C I G ป่านนี้ GDP หดตัวไปละ อย่างว่าทำดีก็แค่พยักหน้า ถ้าไม่ถูกใจก็พร้อมจะกระทืบซ้ำ 555+ ถ้าไม่มีนโยบายกระตุ้นการผลิตพวกนี้ บริษัทเค้าจะรีบเร่งกระตือรือร้นในการรีบผลิตสินค้าเพื่อป้อนตลาดบริโภคมั้ย    <<< บริหารประเทศเค้ามองกันที่ macro จากคุณ : hunchback เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 00:37:33

ความคิดเห็นที่ 53 เอาเหอะ ไม่บอกการเมือง ในความคิดเห็นมันก็แฝงการเมืองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นอยู่ข้างไหน ไม่มีหรอกที่วิจารณ์ของเหตุผลเพียวๆ มีไบอแสด้วยกันทั้งนั้น จากคุณ : As you know เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 09:14:27

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นนโยบายที่เริ่มจับระดับกลางเพิ่มขึ้นจากเดิมที่จับระดับล่าง จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 09:38:29

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อเช้า ได้ยินข่าว ขึ้นภาษีรถยนต์ ตั้งแต่ 1500 cc ขึ้นไป คร่าว ๆ มีใครพอทราบรายละเอียดบ้างไหมค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : แม่ลูกสอง (Linda-Poo) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 09:54:03

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ได้ประชานิยมใดๆจากรัฐบาลตกถึงตัวเองเลย ทำงานงกๆจ่ายภาษีให้รัฐเอาไปแจกจ่ายคนอื่นๆ ...แท็ปเล็ตเอย รถคันแรกเอย จำนำข้าวเอย ค่าแรงสามร้อยเอย จ่ายเสื้อแดงที่ตายไปเอย คือแท็ปเล็ตเนี่ย ตัวเองยังไม่ซื้อใช้เองเลย... แล้วเงิน 7.5 ล้านที่เอาไปจ่ายให้เสื้อแดงต่อคนเนี่ย... เราทำงานสุจริตมาหลายปียังไม่เคยจับเงิน 7.5 ล้านเลย ค่าแรงสามร้อยก็จ่ายๆไปเหอะ สงสารผู้ใช้แรงงาน แต่ว่าเราต้องมาจ่ายค่าของขึ้นราคาอีก จ่ายสองต่อเลยเรา... อยากได้นโยบายอะไรที่มันเป็นการลงทุนยั่งยืนยาวมากกว่านโยบายโปรยเงิน จากคุณ : narumol_tama เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 10:21:01

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นอีกคนที่ใช้นโยบาลรถคนแรกกับเขาด้วย. ทั้งๆที่ไม่เห็นด้วย.?.? เพราะภาษีที่คืน. ถ้าไม่มีโครงการนี้ ซักสองปีก็เก็บได้แล้ว. เอาไปพัฒนาประเทศได้เลย เห็นประโยชน์โดยตรง. ไม่ต้องมาหาภาษีอ้อมๆเอา จากคุณ : ไขตุ๋น (ไข่ตุ๋นคุณยาย) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 20:38:28

ความคิดเห็นที่ 58 ผมขอต่อว่าคนที่บอกว่า นโยบายนี้จะทำให้รถติดเต็มท้องถนน แค่นี้รถก็ติด จะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากให้มีโครงการนี้ ผมอยากจะถามกลับแรง ๆ ว่า ทั้งประเทศไทยมีแค่กรุงเทพหรือครับ ? คน ต่างจังหวัดที่เหลืออีก 76 จังหวัดก็คนไทยทั้งนั้น รถในกรุงเทพมันติดมาก ก็เลยไม่อยากให้รถมันเพิ่มอีก แต่ไม่คิดบ้างหรือว่า โครงการนี้ทำให้คน ตจว. ที่ไม่มีระบบขนส่งมวลชนใช้ เลยด้วยซ้ำไป ได้เดินทางสะดวกมากขึ้น หรือมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้มีรถ ใช้กับเขาบ้าง คนกรุงเทพ ไม่มีรถแต่ก็ยังพอมีระบบขนส่งมวลชนให้ใช้ได้บ้าง ถึงจะทุเรศ ทุรังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพก็ยังดีกว่าไม่มีใช้เลย คน ตจว. จะเข้าอำเภอทีรอรถโดยสาร หรือไม่ก็ขี่มอไซค์กันเป็นสิบกิโลฯ ถ้าเขาจะมีปัญญาออกรถบ้าง ทำไมจะไม่ได้ คนกรุงเทพมีแค่กระหยิบมือเดียว อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลใช่ว่า ตนเองมีปัญหา แล้วที่อื่นเขาจะมีปัญหาตามไปด้วย คนที่ไม่มีปัญญาผ่อนรถ มันใช่ความผิดรัฐบาลหรือเปล่า? ถ้าไม่ประมาณตน แล้วตนเองลำบาก จะโทษเทวดาก็ได้ ง่ายดี แต่ไม่โทษตัวเอง จากคุณ : Shinosuke08 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 21:01:38

ความคิดเห็นที่ 59 คิดง่ายๆ อย่าง( ^o^ )คือ มีคนได้ประโยชน์ พอมีปัญหา แม่ม โทษคนอื่น คือ กระจกสองด้าน คิดได้แค่ด้านเดียว คือไม่เคยแก้ๆปัญหาว่างั้น คือต่อว่าตัวเองเถอะครับ มีใครเคยว่าคนซื้อรถขับที่ยะลาเหรอ ซื้อไปเลยล้านคัน จะขับยังไงก็ไม่ติด เพราะขับออกมาก็เจอระเบิด ใครจะต่อว่าคนที่ซื้อมา แล้วรู้ว่าผ่อนได้ 1 รู้ว่ามีที่ขับ 2 ไม่ใช่ซื้อเพราะโลภ โดนด่าน่ะถูกแล้วไอ้คนโลภ จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 21:18:54

ความคิดเห็นที่ 60 ข้อเสีย ปีหน้าเซลล์ขายรถ หืดขึ้นคอแน่ๆ เพราะเล่นขายล่วงหน้า demand ไปอีกหลายปี จากคุณ : viviblue เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 22:23:14

ความคิดเห็นที่ 61 เถียงกันยังไงก็ไม่จบ แต่โครงการใกล้จบแล้ว ตอนนี้นั่งดูกันดีกว่าว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากคุณ : doctorpond เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 07:30:52

ความคิดเห็นที่ 62 ที่มา : ดัชนีปากท้องคนไทย จากคุณ : Pattaya@post เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 13:51:03

ความคิดเห็นที่ 63 ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ... จากคุณ : justic เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 14:20:41

ความคิดเห็นที่ 64 #58 ถ้าอย่างนั้น แทนที่จะเงินจำนวนนี้คืนให้คนไม่กี่แสนคนที่ซื้อรถคนแรก ก็เอาเงินมาพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดให้ดีขึ้นไม่ดีกว่าหรือ ถ้าบอกว่าต่างจังหวัดไม่มีระบบขนส่งมวลชนดีๆ แต่กรุงเทพฯ มี ก็เอาเงินไปสร้างไปสนับสนุนให้มีสิคะ เอามาอุดหนุนคนซื้อรถทำไม จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 14:55:33

ความคิดเห็นที่ 65 #64 จากที่อ่านแล้วเชื่อได้ว่าพี่อยู่ที่กรุงเทพ ไม่เคยไปทำงานต่างจังหวัดใช่มั้ยครับ อยากให้ลองไปดูการเดินทางต่างจังหวัดก่อนนะครับว่าคนเยอะพอจะสร้างขนส่งมวลชนให้ทุกที่เลยหรือไม่ครับ และขออนุญาตแนะนำให้กลับไปดูงบที่ต้องใช้ครับว่าถ้าพัฒนาการขนส่งมวลชนต่อโครงการด้วยครับว่าเท่าไหร่ ถ้าคนเบาบางแบบต่างจังหวัดได้อยู่แน่นๆ แบบกรุงเทพมันจะคุ้มมั้ยเนี่ย ซึ่งถ้าดูแล้วอยากขอคำแนะนำด้วยครับว่าด้วยเงินเท่ากันถ้าจะพัฒนาทั้งประเทศจะทำอย่างไรให้มีเงินพอ นอกเมืองเข้าอำเภอเมืองนี่คิดว่ามีกี่ที่ มีกี่เส้นทางครับ ถ้าคิดได้ช่วยเสนอด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 15:51:12 จากคุณ : leo_attack เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 15:50:11

ความคิดเห็นที่ 66 สุดท้ายวนเข้าการเมือง จากคุณ : Gunz_za เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 16:25:23

ความคิดเห็นที่ 67 ต่างจังหวัดบางที่อย่าว่าแต่หารถขนส่งมวลชนไปวิ่งเลยครับ  ไฟยังไม่ยอมมาติดให้เลย เพราะเขาบอกคนน้อยทำไปก็ขาดทุน     ใครเจ็บป่วย ไส้ติ่งแตก ถ้าไม่มีรถก็แล้วแต่เวรกรรม จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 22:18:38

ความคิดเห็นที่ 68 คงต้องมองแยกเป็นสองส่วนครับ เป็นในส่วนรายบุคคล กับ ภาพรวมทั้งหมด    ในส่วนรายบุคคล แต่ละคน  แต่ละบริษัท ที่เกี่ยวข้องคงได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า ส่วนในด้านผลเสีย ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลดูแลและบริหารจัดการกันเอง ที่จะทำยังไงไม่ให้เกิดภาวะหนี้มากจนเกินกว่าที่แต่ละคนจะรับไว้     แต่ในส่วนภาพรวมทั้งหมด ผมอยากจะถามเป็นคำถามแรกครับ ว่ามีประเทศไหนในปัจจุบันนี้ ที่ออกนโยบายสนับสนุนหรือส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศมีรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น รถยนต์เป็นสินค้าที่รัฐควรอุดหนุนให้กับคนซื้อหรือครับ หรือมันเป็นสินค้าที่ไม่ควรอุดหนุน การตัดสินใจซื้อควรเป็นเรื่องที่แต่ละคน ควรตัดสินใจจากความจำเป็น ความพร้อม หรือความต้องการต่างๆ ของแต่คนไป ปกติก็มีคนซื้อรถแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งเสริมโดยการนำเงินภาษี ที่เป็นงบประมาณของประเทศมาอุดคนซื้ออีก รัฐควรนำเงินไปเร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้รองรับและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในส่วนผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ  ก็คงมีอยู่แล้ว แต่ผมกลัวมันจะเหมือนกับพลุ ที่สว่างวาบแล้วก็หายไป เพราะมันเป็นการเร่งเอาอุปสงค์ในอนาคตมาใช้ในปัจจุบัน ในอนาคตการบริโภคจะลดลงไหม การจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจะลดลงหรือเปล่า ในด้านผลเสีย อย่างแรกก็เป็นการเร่งเพิ่มรถบนถนน ที่แต่คนก็คงประสบพบเจอกันอยู่ ไหนจะปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการใช้นำ้มัน และค่าเสียโอกาสที่สามารถนำเงินจากนโยบายนี้ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สร้างรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ผมเคยอ่านเจอว่างบประมาณในการสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงหรือสีอะไรไม่แน่ใจใช้เงินประมาณ 70,000 ล้านบาท เราอาจจะได้รถไฟฟ้าเพิ่มอีกสายก็ได้    เป็นความเห็นส่วนตัวครับ จะว่าไปน้องผม แฟนผมก็ซื้อรถในปีนี้ครับ จากคุณ : คนแจวเรือ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 01:49:39

ความคิดเห็นที่ 69 ถามคนด่านโยบายนี้นะครับถ้าพรรคที่คุณเชียร์เป็นคนออกนโยบายนี้หละ คุณจะด่ามั้ย ถามคนชมนโยบายนี้นะครับถ้าพรรคที่คุณไม่ได้เชียร์เป็นคนออกนโยบายนี้หละ คุณจะชมมั้ย ส่วนตัวผม ชมแน่นอนครับ ใครคิดนโยบายแบบนี้ได้ก็ตาม จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 08:51:56

ความคิดเห็นที่ 70 ต้องมอง2ด้านครับ สำหรับคนที่คิดจะซื้อ กำลังจะซื้อ ถือเป็นโอกาสดี ได้ของถูก แต่สำหรับบางคน ที่คิดถึงแต่เรื่องเงินคืน กลัวขาดทุน รีบซื้อโดยที่ไม่ได้ดูความสามารถในการผ่อนของตัวเอง อันนี้เกิดปัญหาแน่ๆครับ(สังคมต่างจังหวัด ข้างๆบ้านซื้อ ตัวเองก็ต้องซื้อบ้าง เพื่อความมีหน้ามีตา)  ผมอยู่ต่างจังหวัด เริ่มเห็นได้เลยว่า กำลังซื้อสินค้าลดลง ผมคิดคร่าวๆ ถ้าจังหวัดละ 10000 คัน ก็จะมีคนประมาณ 10000 ครอบครัวต้องประหยัด คิดว่าค่าผ่อนเดือนละ 9000 ก็วันละ 300 ก็เท่ากับเงินหายไปจากระบบวันละ 3ล้าน ตอนนี้ร้านขายข้าวแกงยังเหลือเลย ร้านค้าต่างๆ ต้องมายืนมองว่าลูกค้าหายไปไหนหมด     ผมมองว่านโยบายนี้ดีนะ แต่คนไทยเป็นพวกจนไม่เจียมครับ บ้านคนงานผมมีรถกันอยู่แล้ว(กระบะ) เห็นข้างบ้านออก ก็ต้องไปออกบ้าง กลัวน้อยหน้า อีกสองปีลูกผมจะเข้ามหาลัย ถึงตอนนั้น คงมีรถมาให้เลือกตามเต้นท์อีกเพียบ เลือกสีเลือกรุ่นได้สบาย อิอิ จากคุณ : hungfung เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 16:43:33

ความคิดเห็นที่ 71 แตะไม่ได้กันเลยทีเดียว ความชอบของคนเดียวนี้ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรือความถูกต้องหรือความจริงมารองรับแล้ว จากคุณ : Register_AC เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 11:22:18

ความคิดเห็นที่ 72 เอิ่มมมม สรุปแล้ว เม่าน้อยจะรับหุ้นตัวไหนดีคะเนี่ย อย่าเครียดไปเลยคะ ผิดถูกค่อยๆแก้ไขไป การพัฒนาประเทศไม่ใช่เรื่องที่ทำกันเดือนเดียว ปีเดียว แล้วสำเร็จ ลองให้เค้าทำหน้าที่ก่อน ไม่ชอบใจ สมัยหน้าเลือกคนอื่นมาบริหารแทน จากคุณ : amel91 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 12:24:56

ความคิดเห็นที่ 73 ตกลง รถยนต์ มีความจำเป็น มากกว่า การที่พลเมืองเสียภาษี ต้องไปทำงานเช้าขึ้น และกลับบ้านได้ช้าลง สรุปว่า คุณภาพชีวิตคนเมืองดีขึ้น หรือว่า ลดลง กันแน่ กับการมีรถยนต์เพิ่มขึ้น มีวิทยุคลื่นนึง โฆษณาว่า ปริมาณรถ มากกว่า ถนน ถึง เกือบ 5 เท่า หากส่งเสริมการกำเนิดขึ้นมา และ ไม่มีการนำรถที่ปล่อยมลภาวะ รถเก่า ที่กินน้ำมันมาก ออกจากระบบการใช้ทาง ไม่มีมาตรการรองรับเรื่องการจราจร และที่ประชาสัมพันธุ์กันโครมๆๆๆ ว่า ให้ลดการใช้ พลังงาน สรุปแล้ว ไม่ทราบว่าเรา ได้หรือเสียมากกว่า กันแน่ จากคุณ : C_WIN เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 00:48:26