Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เบรกรูดปรื๊ดซื้อทอง อ้างแบงก์ผวาเอ็นพีแอล/ทองตู้แดงเจ๋ง คิดสูตรลงทุนใหม่ vote ติดต่อทีมงาน

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2012 เวลา 10:10 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - คอลัมน์ : Big Stories


รูดปรื๊ดซื้อทองพ่นพิษแล้วสมาคมค้าทองคำเผยแบงก์งดบริการจ่ายผ่านบัตรเครดิต อ้างพบเอ็นพีแอลพุ่งผิดนัดชำระอื้อ ระบุเกิดจากกลุ่มนักลงทุนที่หมุนเงินทำกำไรจนปรับตัวไม่ทัน ขณะที่อีกกลุ่มหวังเงินสด หวั่นเกิดทองคำเขียวหรือทองคำยัดไส้

ส่วน"ทองตู้แดง"เจ๋งพลิกกลยุทธ์คิดสูตรลงทุนทองรูปแบบใหม่ ก.ล.ต.ยอมรับเอาผิดไม่ได้เพราะมีใบอนุญาต ด้านแบงก์ใหญ่ยืนยันยังไม่งด ยกเว้นพวกทุจริต

    นายพิชญา  พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2555 มานี้ได้เกิดการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตของกลุ่มนักลงทุนและประชาชนที่ซื้อทองคำด้วยการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือรูดบัตรเครดิต จนทำให้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา(ก.ย.-ต.ค.) ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งรวมถึงผู้ให้บริการซื้อขายทองคำผ่านบัตรเครดิต ให้ทยอยงดให้บริการซื้อทองคำด้วยการรูดบัตรเครดิตแล้ว หลังจากเห็นสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ หรือเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจากการรูดบัตรเพื่อซื้อทองคำ

   ทั้งนี้พฤติกรรมการลงทุนในทองคำของผู้ที่รูดบัตรเครดิต  ส่วนหนึ่งมีเป้าหมายเพื่อหมุนเงินโดยการทำกำไรจากราคาทองคำที่แกว่งตัวแรงหรือมีความผันผวนสูง และเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงก็อาจทำให้เกิดการขาดทุน และไม่มีเงินมาชำระหนี้บัตรเดรดิต ซึ่งได้รูดซื้อทองไปก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้

**มือหนักรูดหลักแสนหมุนเงิน

   เลขาธิการสมาคมค้าทองคำกล่าวว่า  การรูดบัตรซื้อทองคำส่วนใหญ่จะซื้อกันตั้งแต่ 2-5 บาท(บาททองคำ) หรือเป็นเงิน 49,400 - 123,500 บาท ส่วนสาเหตุที่มีการหมุนเงินด้วยการจ่ายค่าซื้อทองคำผ่านบัตรเครดิต เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าที่มีสภาพคล่องสูงมาก ทำให้เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย และที่สำคัญราคาก็ไม่ได้ถูกกด อาทิ ซื้อทองจ่ายที่ราคาบาทละ 2.4 หมื่นบาท เมื่อขายออกก็ยังอยู่ในระดับนี้ไม่ต่างกันมากนัก เหมือนกับการรูดบัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าประเภทอื่น เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

   นอกจากนี้สิ่งที่ทางสมาคมค้าทองคำเป็นห่วงคือผลกระทบจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน ที่มาราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น จนทำให้เกิดภาวะการนำทองคำที่ไม่ได้คุณภาพหรือที่เรียกว่า ทองคำเขียว และทองคำยัดไส้ มาเสนอขายให้กับทางร้านทอง รวมถึงโรงรับจำนำที่ถือเป็นอีกสถานบริการที่รับจำนำทองด้วย ซึ่งมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วม 1 พันล้านบาทต่อปี จนทำให้ทางสมาคมค้าทองคำร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ออกให้ข้อมูลและให้ความรู้แก่ร้านทองในการดูทองปลอมแล้วด้วย

***หมุนเงินไม่ทันจนชักดาบ

   น.พ.กฤชรัตน์  หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก จำกัด กล่าวว่า กรณีที่เกิดภาวะธนาคารพาณิชย์งดให้บริการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในการซื้อขายทองคำนั้น คงมาจากกลุ่มนักลงทุนที่หมุนเงินไม่ทันจึงทำให้เกิดภาวะเอ็นพีแอล อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทไม่นิยมจ่ายด้วยบัตรเครดิตอยู่แล้ว และบริการที่บริษัททำร่วมกับธนาคารคือการจ่ายชำระด้วยบัตรเดบิต ซึ่งลูกค้าจะต้องมีเงินในธนาคารอยู่แล้ว

   ข้อมูลจากกรมศุลกากร เปิดเผยตัวเลขการนำเข้าและส่งออกทองคำแท่งในรอบ 10 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-ต.ค.)มีจำนวน  378.56 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 4.47 แสนล้านบาท (ดูตารางประกอบมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งในรอบ 10 เดือน)

***กลยุทธ์สูตรลงทุนรูปแบบใหม่

   นอกจากนี้จากกระแสการเก็งกำไรในทองคำ ตลอดจนราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันหลายปีจนทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าทองแพงนั้น  ส่งผลให้ร้านทองตู้แดงบางร้านปรับกลยุทธ์สู้ทองแพงเพื่อรองรับประชาชนที่มีกำลังซื้อน้อยด้วยการคิดค้นรูปแบบการลงทุนในทองคำรูปแบบใหม่ขึ้นมา

   แหล่งข่าวจากวงการค้าทองคำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีร้านค้าทองขนาดใหญ่รายหนึ่ง ย่านตลาดสะพานใหม่ ดอนเมือง ได้ชักชวนให้ประชาชนที่เข้าไปใช้บริการในร้านทองดังกล่าวลงทุนในทองคำตามโปรแกรมที่ร้านทองรายนี้คิดค้นขึ้นมาเอง โดยใช้ชื่อว่า การลงทุนทองรูปแบบใหม่

   พร้อมกันนี้ได้แจกเอกสารซึ่งเป็นแผ่นกระดาษเล็ก ๆเพื่ออธิบายรายละเอียดและเงื่อนไขการลงทุนด้วยข้อความสั้น ๆดังนี้  ซื้อ-ขายทองคำ 10 บาท (หมายถึงน้ำหนักทองคำ) จ่ายเงินเท่ากับราคาทองคำที่น้ำหนัก 1 บาท  ,วางมัดจำเพียง 10 %ของยอดเต็ม (ความหมายเดียวกับข้อแรก) ,หากมีกำไรคิดค่าดำเนินการ 25 % ของกำไรที่ได้รับ และหากลงทุนเกิน 1 เดือน คิดค่าบริการ75 สตางค์ ต่อบาททอง

   แหล่งข่าวรายเดียวกันกล่าวอีกว่า จากรูปแบบการลงทุนในทองคำดังกล่าว เมื่อร้านทองได้เงินจากลูกค้าแล้วก็จะรวบรวมเงินเหล่านี้ไปลงทุนโดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในทองคำแบบเรียลไทม์ หรือเป็นราคาที่อิงราคาตลาดโลก  โดยจะมีการบวกเพิ่มจากราคาที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำอีกบาทละ 50 บาท  หรือราคาแพงกว่าราคาของสมาคมค้าทองคำ  50 บาทต่อบาททอง และหากลูกค้าต้องการได้ทองคำ  ก็ต้องนำเงินมาชำระอีก 90 %

***ก.ล.ต.รับเอาผิดไม่ได้

   นายธวัชชัย  พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สำหรับอำนาจของก.ล.ต.ในการเอาผิดภายใต้ พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นจะต้องเป็นการดำเนินคดีกับร้านทองที่ไม่มีใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงสินค้า  หุ้น ทอง น้ำมัน

   ทั้งนี้จะต้องเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนในสินค้า อาทิ ทองคำโดยที่มีการอ้างอิงราคาซื้อขายในอนาคตเพื่อใช้ชำระราคาจึงจะถือว่าเป็นการดำเนินการเข้าข่ายความผิดนายหน้าซื้อขายสัญญาล่วงหน้าโดยที่ไม่มีใบอนุญาต แต่หากเป็นกรณีวางเงินมัดจำเพียง 10 % ของราคาทองที่จะต้องจ่ายชำระจริง โดยราคาที่ชำระนั้นเป็นราคา ณ ปัจจุบันของร้านทองข้างต้นจึงไม่ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า

***วงการจวกเป็นพวก"สีเทา"

   นางพวรรณ์  นววัฒนทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวายแอลจี บูลเลียน จำกัด กล่าวว่า การลงทุนทองรูปแบบใหม่ที่ร้านทองข้างต้นคิดค้นขึ้นมานั้น จัดอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าอยู่ในกลุ่มสีเทา หรือสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ค้าทองที่มีการนำเข้าส่งออกทองคำด้วย เนื่องจากมีการซื้อขายโดยอิงราคาออนไลน์ในตลาดโลก แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าผิด ซึ่งจะต้องดูองค์ประกอบหลายเรื่อง  เช่น เป็นบริษัทที่มีเงินทุนไม่สูงแต่ได้มีการให้บริการซื้อขายทองคำแก่ลูกค้าในวงเงินหรือมีโวลุ่มที่สูงเกินตัว และต้องดูว่ามีการส่งมอบทองคำจริงหรือไม่ด้วย

   ขณะที่นายวิชัย  แสงเจริญตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีที เวลธ์แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ข้อที่ผิดสังเกตและถือว่าผิดปกติจากการซื้อขายทองคำจากกรณีข้างต้นนั้น คือ การคิดค่าธรรมเนียม 25 % ของกำไร และหากมีการขายจริงราคาที่ใช้ชำระจะต้องสูงกว่าราคาทองที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ 50 บาท ต่อบาททองคำ เป็นต้น

   "แนะนำว่าหากนักลงทุนสนใจลงทุนในรูปแบบวางมาร์จิน(ใช้สินเชื่อซื้อทอง) ซึ่งจะคล้ายๆกับการลงทุนในตลาดอนุพันธ์อยู่แล้วนั้นก็ควรลงทุนในบริษัทร้านทองที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างถูกกฎหมายจะปลอดภัยกว่า"

   ด้านนายพิชญา  กล่าวเสริมว่า กรณีที่มีการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนในทองคำของร้านทองในภาวะที่ราคาแพงนั้น ถือเป็นการปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย ส่วนกรณีที่ให้ลูกค้าซื้อทองโดยอ้างว่าเป็นราคาออนไลน์ในตลาดโลกเช่นซื้อ 10 บาท ทองคำมูลค่า 250,000 บาท ให้ลูกค้าจ่ายจริงเพียง 10 % หรือประมาณ 25,000 บาทและเมื่อราคาทองคำลดลง เช่น มูลค่าลดลงไป  10,000 บาท เงินมัดจำของลูกค้าก็จะเหลือ 15,000 บาท หากวันที่ 2 ลดลงไปอีกจนทำให้เงินมัดจำลูกค้าหมดลูกค้าก็จะต้องนำเงินมาวางมัดจำเพิ่ม แต่หากไม่นำเงินมาวางมัดจำก็จะถูกหักเงินมัดจำไป
   "ปัญหา คือ บางครั้งลูกค้าอาจจะถูกหลอกได้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลและแหล่งดูราคาทองที่แท้จริง"

+++แบงก์ยันไม่งดยกเว้น"โกง"

             ต่อประเด็นดังกล่าว นายชาติชาย  พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)(บมจ.)เปิดเผยว่า กรณีลูกค้าใช้บัตรเครดิตซื้อทองคำนั้น ถือเป็นปกติของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต โดยทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณนั้น เป็น 1ในหลายๆ หมวดสินค้าที่ลูกค้าผู้ถือบัตรเลือกจับจ่ายใช้สอย  ในส่วนของบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยนั้น ปริมาณธุรกรรมการซื้อทองคำผ่านบัตรไม่นับเป็นหมวดหลัก จึงยังไม่มีมูลค่าของการใช้จ่ายสินค้าดังกล่าว  ส่วนใหญ่ในสัดส่วน 60%ยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชำระเต็ม ที่เหลือ 30-40%เป็นลูกค้าเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำ 10%ซึ่งยังไม่เห็นปัญหาการผ่อนชำระแต่อย่างใด  

   "ปัจจุบันธนาคารยังไม่มีการงดให้บริการบัตรเครดิตสำหรับการซื้อทองคำแต่อย่างใด  แต่อาจเป็นไปได้ที่ร้านค้าทองคำบางแห่งปฏิเสธที่จะให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตซื้อทองคำเพราะต้องการรับเป็นเงินสดเนื่องจากร้านค้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2%"

   สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตรายใหญ่แห่งหนึ่งกล่าวว่า ประเด็นซื้อทองคำผ่านบัตรเครดิตนั้น ถือเป็นการซื้อขายกันมานานแล้วแต่บางสถาบันการเงินผู้ให้บริการว่าจะให้ใช้หรือรูดวงเงินเท่าไร  เช่น ซิตี้แบงก์ให้วงเงิน 60-70% หรือ เคทีซีให้วงเงิน 100%  แต่ส่วนใหญ่ร้านค้าทองคำหรือลูกค้าต้องการใช้เป็นเงินสด  โดยเฉพาะลูกค้าผู้ซื้อนั้นราคาจะถูกกว่า  เพราะบัตรเครดิตนั้นทางร้านค้าทองบางแห่งคิดค่าธรรมเนียมบวกจากราคาทองคำปกติประมาณ 3-5% ดังนั้น ลูกค้าปกติทั่วไปจะเลือกใช้ซื้อทองคำเป็นเงินสด

   " ยกเว้น คนที่เดือดร้อนด้านการเงินหรือแก๊งทุจริต นี่จึงเป็นเหตุผลที่แบงก์หรือนอนแบงก์บางแห่งงดให้บริการ   อีกทั้งยังมีคนที่เดือดร้อนด้านการเงินใช้บัตรเครดิตรูดทองคำแล้วขายคืนเพื่อขอรับเป็นเงินสดก็มี ซึ่งกรณีนี้ให้ร้านค้าทองคำบางแห่งฟันกำไร 2เด้งทั้งบวกค่าธรรมเนียมหักเงินส่วนต่างอีกต่างหาก"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,801 วันที่  16-19  ธันวาคม พ.ศ. 2555

จากคุณ : Wild Rabbit
เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 08:50:43




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com