ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยครับ ถ้าไม่คิดว่าจะถือยาวตามเงื่อนไข ก็ควรไปซื้อกองทุนหุ้นธรรมดาแทน หรือถ้าจะไม่ให้ผิดเงื่อนไข RMF ก็ยอมลงทุนต่อเนื่องเพียงปีละ 5,000 บาท ปีเว้นปีก็ได้ คิดเสียว่าเป็นเงินเก็บยามแก่ จากคุณ : Antonio at MonkeyFreeTime เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:15:07

ความคิดเห็นที่ 2 คิดจะซื้อ RMF เปรียบเหมือนคิดจะแต่งงาน คิดดี ๆ ก่อนซื้อ ซื้อแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้ชั่วชีวิตครับ จากคุณ : yut-san เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:40:03

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากครับ ผมหลงรัก จขกท. แล้วสิครับ 5555 ส่วนตัวแล้วชอบ RMF มากกว่า LTF อีกครับ ชอบตรงมีนโยบายการลงทุนหลายๆแบบให้เลือก สับไปสับมาดีดี รวยไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ (เก็บไว้รวยตอนแก่) จากคุณ : Tommy_Cargo เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 10:54:54

ความคิดเห็นที่ 4 แง่มแง่ม  หลงรักตรงชวนให้รวยใช่บ่ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 11:02:15

ความคิดเห็นที่ 5 เขาให้ลดหย่อนได้ก็ดีแล้ว สำหรับคนฐานะดีใช้ลดภาษีได้มาก ก็ยังจะไปสรรหาวิธีแปลกๆให้มันผิดจุดประสงค์ที่เขาสนับสนุนการออมอีกนะ ส่วนผมชาตินี้คงไม่ได้ซื้ออะ 555+  เงินเดือนติ๊ดเดียว จากคุณ : changtale เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 11:42:56

ความคิดเห็นที่ 6 ผมคิดว่ามันก็ไม่เสมอไปทุกกรณีสำหรับคำบอก/เตือนของ จขกท. ความเห็นส่วนตัว แบบคนไม่รู้ และไม่กล้าฟันธง และยินดีที่ยอมรับกฎที่จะปลี่ยนในอนาคตทุกกรณี สำหรับคนที่ฐานภาษี 37% มันเป็นอะไรที่ไม่เสียหายเลย หากซื้อ RMF แบบ Maximum limit การขาย RMF ผิดเงื่อนไข ก็แค่เอาเงินที่ได้ลดหย่อนไปคืนสรรพากร(ให้ทันมีค.ปีถัดจากปีที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขการลงทุน) ต่อให้อนาคตแก้กฎหมายว่าต้องคืนทุกปี ไม่ใช่แค่ 5 ปีย้อนหลัง 1. Capital gain เสียภาษีที่ฐาน 37% แสดงว่ามันกำไร แล้วเสียภาษีมันจะมีปัญหาอย่างไร ต่อให้เสียย้อนหลังทุกปีตั้งแต่เริ่มซื้อก็ยังคุ้มแสนคุ้ม เพราะเราเอาเงินลดหย่อนไปลงทุนอย่างอื่นได้กำไรไปแล้ว 2. อันนี้พูดยาก ถ้าฐานภาษีขั้นสูงสุด ไม่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 37%  ในอนาคต ก็ย่อมไม่เดือดร้อน การปรับฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผมคิดว่าเค้าประกาศล่วงหน้า ไม่น่ากลัว น่าจะชิ่งทันแน่นอน 3.ข้อ 3 ซ้ำกับข้อ 1 4.ก็ไม่เกี่ยว ไว้ปี 59 ว่ากันอีกที ผมขายแล้วไปยื่นภาษีเพิ่ม แล้วเริ่มนับ 1  ใหม่ก็ลดหย่อนภาษีได้ 5.ผมเห็นด้วย ไม่ได้ชวนทะเลาะกับสรรพากร ต้องว่าตามกฎหมาย อย่าไปเชื่อใคร ทำอะไรทุกท่านต้องรับความเสี่ยง ได้ และตัดสินใจเอง ประโยชน์ที่ได้คือเงินลดหย่อนต่อปี ละ 37% ของ 500,000บาท (185,000บาท) คงเอาไปลงทุนได้อย่างน้อยก็ 3-4% ต่อปี ผมเห็นว่ากรณีนี้คนรายได้มาก มีแต่ได้ :) น่าจะแก้กฏหมายเพิ่มดอกเบี้ยค่าลดหย่อนที่ได้รับยกเว้นย้อนหลัง อาจจะปีละ 7.5% อันนี้ถึงจะเริ่มเป็นธรรม จากคุณ : แวะมาอ่าน (nataphonm) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 14:34:14

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเคยซื้อ ตอนปี 2551 ผมขายหมดและก็ไม่ซื้อแล้ว รออายุมากกว่านี้อาจจะเริ่มซื้อสักปีละ 5000 ขออนุญาตไม่เห็นด้วยนะครับ 1. คุณต้องเสียภาษี  capitain gain ด้วยฐานภาษีของ 11 ปีข้างหน้า   - ถ้าเป็น capital gain ก็แสดงว่ามีกำไร ก็น่าขาย อีกอย่างอัตราภาษีมีแต่ลด ไม่มีเพิ่ม เพราะไม่เช่นนั้นถ้าเปิด AEC แล้วจะแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ ดูอย่างภาษีนิติบุคคลยังลดจาก 30% เหลือ 20% 2.  รายได้คุณมีแต่เพิ่ม (หรือใครหมายใจว่ามันจะลดในอีก 11 ปีข้างหน้าก็ยินดีด้วย) - รายได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่ว่าภาษีจะเพิ่มขึ้นครับ อย่างที่บอกมนุษย์เงินเดือนคือคนที่เสียภาษีในอัตราสูงที่สุด นอกจากคุณคิดจะเป็นมนุษย์เงินเดือนไปจนอายุ 55 แต่ถ้าวันหนึ่งคุณออกมาเปิดบริษัทหรือเป็นฟรีแล้นซ์ ภาษีจะลดลงเพราะจะเสียภาษีในรูปแบบอื่น รายได้จะมากขึ้นแต่จ่ายภาษีลดลง วันนั้นก็คงไม่ต้องใช้ RMF แล้ว จึงแนะนำว่าวันนี้ใช้สิทธิ์ให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าไม่ต้องการแล้วก็ขายทิ้งดีกว่า 3.  ลองดู  capital gain  ของ RMF ที่ตั้งเมื่อ 10  ปีที่ผ่านมา - เรื่องกำไร ขาดทุน ไม่มีความเห็น แต่ถ้ากำไรก็ถือไปเรื่อย ๆ สถานการณ์ไม่ดีเมื่อไหร่ หนีได้ทันที 4. LTF  จะหมดสภาพการเป็นกองลดหย่อนภาษีในปี  2559 ค่ะ  จะต่ออายุหรือเปล่าไม่มีใครทราบ - LTF ไม่เกี่ยวกับ RMF 5. อย่ามีปัญหากับสรรพากรเลย  มันเสียอารมณ์เสียเวลาทำมาหากินนะคะ  เล่นยังไงก็ชนะยาก - คนที่แพ้สรรพากรก็คือคนที่เริ่มต้นด้วยการกลัวสรรพากร แต่ถ้าเรามั่นใจและไม่กลัว ไม่ยอมเสียอย่างสรรพากรก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 14:45:29

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเห็นด้วยกับคุณ TLL01 1,000,000% คนไม่รู้และโกงภาษีเท่านั้นที่กลัวสรรพากร ผมสนับสนุนให้เสียภาษีถูกต้อง และใช้สิทธิลดหย่อนเต็มที่ตามกฎหมายกำหนด จากคุณ : nataphonm เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 14:51:58

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ  เป็นสิทธิของทุกคนที่จะเลือกในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเอง จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 16:09:04

ความคิดเห็นที่ 10 ผมลง RMF ตั้งแต่อายุ 38 เพราะกะว่าจะเอาเงินนี้เป็นทุนให้ลูกครับ ระหว่างนี้ก็เอามาใช้หักภาษีด้วยครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 22:08:20

ความคิดเห็นที่ 11 อาจเพราะเราคิดว่า เราคงจะทำงาน รับเงินเดือนประจำไปจนถึงอายุ 50 -55 โน่นกระมังคะ ฐานภาษีของเราตอนนี้อยู่ช่วง 20 ต้น ๆ แต่เราก็ยังซื้อไว้ส่วนหนึ่ง เป็นการบังคับตัวเองและได้ประโยชน์ทางภาษีด้วยอีกนิดหน่อย และคิดว่าคงจะไม่ขายจนกว่าจะถึงกำหนดแน่ ๆ ค่ะสำหรับเงินลงทุนส่วนนี้ ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ส่วนตัวเราก็วางแผนไว้ว่าจะสลับไปอยู่ในกอง RMF ที่เป็นตราสารหนี้ เราจึงค่อนข้างเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ในบางข้อ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดกฏหมาย ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมและไม่ทำให้ตัวเองอาจจะต้องยุ่งยากในอนาคต เพียงแต่ แต่ละท่าน ก็สามารถมองหาข้อดีข้อเสียของการซื้อ RMF และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเองได้ แต่คนที่ไม่ถนัดในเรื่องเหล่านี้ ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็อาจทำผิดข้อกำหนดโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ได้ตั้งใจได้เช่นกัน เรื่องที่ขึ้นอยู่กับการตีความของเจ้าหน้าที่นี่ เป็นอะไรที่พูดยากค่ะ มันไม่เกี่ยวกับการกลัวหรือไม่กลัวสรรพากรอะไรหรอกนะคะ ถึงเราจะคิดว่า เราอ่านมาแบบนี้ ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่คนตีความ จะคิดเหมือนเราหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบเช่นกัน ถ้าไม่ตรงกันขึ้นมา ก็อาจต้องมีการสอบถามไปยังกรม ให้ตีความ คราวนี้ก็ได้รอกันอีกยาวล่ะค่ะ ดังนั้น กระทู้นี้มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับคนที่จะซื้อ RMF ให้ฉุกใจคิดให้รอบคอบอีกซักครั้ง ก่อนที่จะซื้อน่ะค่ะ จากคุณ : arce เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 00:16:07

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อปัญหาอยู่ที่การตีความข้อกฏหมาย ตามหลักแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสิทธิ์ตีความเองเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องไปกลัวเจ้าหน้าที่สรรพากรมาก ถ้าเขาตีความเองก็เหมือนเขามั่วกฏหมายเอง ถ้ามีหลักฐานเช่นให้เขาออกเป็นลายลักษณ์อักษร หรือถ่ายคลิประหว่างการเจรจา เขาจะไม่กล้าตีความข้อกฏหมายเองแน่ ไม่ต้องห่วง พวกนี้พูดเก่งแต่ถ้าจะเอาจริง ๆ แล้วไม่กล้า จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 05:50:21

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ก่อนที่บันจี้จัมพ์เขาฮิตกัน  เราไปสิงคโปร์กับครอบครัว  ลูกๆ อยากไปนั่งมาก เราจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ  ว่ามันสนุกยังไง  เรารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก  แต่คน ที่นั่งเขาก็หัวร่อต่อกระซิกลงมาทุกคน  ถ้าเป็นเราคงจะ "ฉี่ราด" น่ีพูดตรงๆเลยนะ เราเป็นคนประเภทนี้เอง  อะไรที่ "เสี่ยง"  เราไม่ทำค่ะ  แต่บางคนเขาก็มีความสุข ที่ได้ "เสี่ยง"  ไม่งั้นจะมีคนเล่น Tfex หรือลงทุนเก็งกำไรต่างๆ นาๆ  ทุกคนมีสิทธิ เลือกในความเสี่ยงที่ตนเองรับได้   แต่ถ้าทำแล้วต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด  ก็อย่าทำค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 08:47:50

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าจะเปรียบเทียบกับบันจี้จั๊มพ์คงไม่ได้ครับ เพราะบันจี้จั๊มพ์เสี่ยงชีวิตแล้วไม่ได้อะไรคืนมา สรุปมีแต่เท่าทุนกับขาดทุน แต่กรณีการซื้อ RMF เสี่ยงแล้วอาจประหยัดภาษีได้ แต่ถ้าไม่เสี่ยงต้องเสียภาษีแน่นอน ดังนั้นการเสี่ยงในครั้งนี้มีแต่เท่าทุนกับกำไร ดังนั้นคุ้มที่จะเสี่ยง จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 11:28:12

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับคุณ TLL01 งานนี้มีแต่เท่าทุนกับกำไร ไม่ว่าจะตีความอย่างไรก็ตาม เห็นมีข่าวว่าปรับฐานภาษีสูงสุด จาก 37% เป็น 35% แค่นี้ก็กำไร 2% แล้ว คหสต. เชียร์ให้ใช้สิทธิเต็มที่ จากคุณ : nataphonm เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 12:38:29

ความคิดเห็นที่ 16 ว่าจะไม่กลับเข้ามาอีีก  แต่พอดีมีคนหลังไมค์มาถามว่า เรื่องRMF เกี่ยวข้องอะไรกับ LTF ที่จะยกเลิก  ขอตอบว่าเกี่ยวอย่างยิ่งตรงที่ว่า  ถ้าเขายกเลิกการลดหย่อนภาษี สำหรับ LTF แล้ว RMF ก็เป็นกองทุนชนิดเดียวที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้  ก็ไม่สามารถ ทำตามแผนที่ว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะลงทุนเหลือห้าพัน  ก็ต้องหันมาซื้ออยู่ดี  และใน เมื่อต้องซื้ออีกห้าปีข้างหน้าแล้วไซร้  ทำไมไม่ใช้มันเพื่อลดหย่อนภาษีตั้งแต่วันนี้ สำหรับเรา  กระทู้นี้มีเพื่อเชียร์ให้ซื้อ  RMF เต็มสิทธิทุกปี  นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องกังวลใจถ้าทำให้ถูกต้องค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 06:16:06

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจเจ้าของกระทู้ ใครใคร่อยากซื้อแล้วขายก็ซื้อไป ใครใคร่อยากถือยาวก็แล้วแต่สถานะของแต่ละคน แต่คนที่ทะลุช่องโหว่คนเดียวไม่พอ กวักมือคนอื่นๆมาร่วมทะลุด้วย ก็ระวังปากตัวเองมั่งเน้อ เดี๋ยวพอเขาแก้ไขอุดช่องโหว่แล้วจะรู้สึก ที่จะมาอวดชาวบ้านชาวเมืองว่าฉันรู้ รู้แล้วบางอย่างก็เงียบไว้ ไม่ใช่ป่าวประกาศ เหมือนจะมีคนบอกแล้วนะเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ฟัง คิดดูดีๆแล้วกันเงินที่ได้คืนมามันเยอะพอๆที่จะไปเจรจา เดินเรื่อง หาข้อยุติทางกฏหมายกับสรรพากรหรือป่าว ประเด็นมันตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ได้คืนมา 20000 แต่เดินเรื่องเสียเวล่ำเวลา ค่าน้ำมัน ค่าเอกสาร ค่าปรึกษา และเสียสิทธิการซื้ออีก ประกอบกับ LTF ถ้าไม่ต่อ คุณก็ไม่มีอะไรจะช่วยลดหย่อนอีก เรื่องแบบนี้มันต้องคิดแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่เอาชนะตลาด เดินทะลุช่องโหว่ได้ มันต้องดูระยะยาว เรื่องงนี้เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:19:14

ความคิดเห็นที่ 18 กฎหมายว่ากันตามตัวหนังสือนะครับไม่ใช่คิดไปเอง สรรพากรไม่มีสิทธิ์ตีความ ด้วยซ้ำ แล้วถึงจะตึความจะตีความเป็นคุณแก่ผู้เสียภาษีเป็นหลัก สรรพากรมี สิทธิ์เรียกย้อนหลังได้ 5 ปี ถ้าเรียกเกินสรรพากรทำผิดกฎหมายครับ ฝั่งนั้นก็กลัว ผิดกฎหมายเหมือนกันครับ ที่คุณกลัวกันเพราะว่าคุณไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ครับ            เหมือนประกันถ้าขายก่อนกำหนด10ปี ก็ไม่มีใครโดนเรียกภาษีคืนเพราะ กฎหมายกล่าวไว้ว่าแบบประกันที่กำหนดระยะเวลา10ปี ไม่ใช่ต้องถือครอง10ปี แล้วจะเรียกว่าทำผิดไม่ถูกกฎหมายได้ไงครับ กฎหมายคือสิ่งที่สมมุติขึ้นทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ทำผิดตามตัวหนังสือก็คือไม่ผิดครับ ศึกษาดีๆใครมาขู่ก็ขู่กลับไปเลย อย่าไปกลัวครับ จากคุณ : ChickenK เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 11:25:08