ความคิดเห็นที่ 1 ทุกอย่างที่เบิกโดยใช้ใบเสร็จมาเบิก เบิกได้ตามจริงเท่านั้น  ไม่ต้องนำมาคิดภาษี อะไรที่เหมาจ่ายเช่นค่าโทรศัพท์ถ้าบริษัทออกให้เพราะว่าตำแหน่งนี้น่าจะต้องใช้เยอะ เอาไปเลย ๓ พันแบบนี้เอามารวมเสียค่ะ เบี้ยเลี้ยง  ถ้าออกต่างจว.ไปต่างประเทศ ได้รับไม่ต้องเสียภาษีถ้าไม่เกินอัตรา เขามี ราคากลางอยู่ ทำนองนั้น  อย่างแฟนเราไปต่างประเทศบ่อย  บริษัทเขาให้แต่ต้อง เอามาเทียบอีกทีว่ารัฐให้เท่าไหร่  แล้วเสียภาษีเฉพาะส่วนเกินค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:08:37

ความคิดเห็นที่ 2 1,2,4 เนี่ยโดนแน่ครับ เพราะเคยเป็นเซลล์มาเหมือนกัน ถือว่าเป็นรายได้ครับ เพราะเขาจ่ายที่คุณ ยกเว้นคุณใช้รถบริษัท ราคาน้ำมันจะตกอยู่กับบริษัท ส่วนค่าเบี้ยเลี้ยงขึ้นอยู่กับบริษัทว่าเขามองเป็นค่าใช้จ่าย จ่ายให้คุณ หรือแบบเป็นค่าเดินทางของกรรมการบริษัท ถ้าจ่ายให้คุณ คุณรับเงิน เซ็นต์แล้วด้วย ก็ต้องเอาไปคิดครับ เพราะเป็นรายได้พิเศษ เหมือนงานพิเศษครับ ค่าโทรศัพท์ถ้าลงทะเบียนบริษัท ก็ไม่ต้องคิดเป็นภาษีเรา แต่ลงทะเบียนเป็นของคุณ บริษัทจ่ายให้คุณ คุณต้องเสียภาษีครับ เพราะเป็นรายได้ เพราะเขาอาจจ่ายให้คุณ3000แต่คุณใช้1000ก็ได้ ส่วนค่ารักษาพยาบาล ต้องรู้มากกว่านี้ครับ ว่าสวัสดิการบริษัทเป้นอย่างไร ประกันกลุ่ม ประกันส่วนตัว ประกันสังคม หรือจ่ายกันเองแล้วมาเบิก ถ้าเป็นอย่างหลัง หมายความว่าคุณจ่าย3,000แต่ให้คลินิคออก6,000ก็ได้ แล้วมาเบิกบริษัท ถ้าเป็นแบบนี้ 100%คุณจ่ายภาษีแน่ จากคุณ : เม่าแล้วเม่าอีก เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:23:53

ความคิดเห็นที่ 3 กลับมาอ่านอีกครั้ง  ที่ตอบไปอาจจะคลุมเครือไปหน่อย คือบางบริษัทเขาจ่ายเงินเดือนพนักงาน แล้วเพิ่มเงินจ่ายต่างๆ  แล้วแต่จะสรรหาชื่อมาเรียก เช่น ค่าครองชีพ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ โอทีทั้งแบบให้ตามเวลาหรือเหมาจ่าย ค่ารถค่าน้ำมันเหมาจ่ายอันนี้ต้องตีความว่าเป็นรายได้ที่ต้องนำมาเสียภาษีค่ะ  แต่ที่เขาแยกๆ ออกไปเพื่อประโยชน์ของบริษัทเองว่า ไม่เอามาเป็นฐานในการคิดโบนัสหรือขึ้นเงินเดือน ส่วนบางที่ถ้าให้ค่ารถตามเบิก  เช่นไปติดต่องานก็มาเบิกค่าแท็กซี่  ค่าน้ำมันก็ต้องเอาบิลมา เบิก ค่าโทรศัพท์ก็นำมาเบิกตามใบเสร็จ แบบนี้ไม่นำมาคิดเป็นรายได้  แต่มันยุ่งมากเลย บริษัทต่างๆ จึงมักเหมาจ่าย  ซึ่งทำให้พนง.ต้องเสียภาษีค่ะ ส่วนค่ารักษา  ถ้ามีระเบียบว่าเบิกได้  ส่วนใหญ่เขาก็มีลิมิตนะว่าไม่เกินเท่่านั้นเท่านี้ต่อปี และ ต้องถือใบเสร็จมาเบิก  เราว่าไม่เสียภาษีค่ะ  ส่วนที่ว่าเขียนเกินแล้วเบิกนั้นถ้าบริษัทจับได้/ สรรพากรจับได้  เจ็บตัวนะคะทั้งคุณและร้านหมอ  เราว่าร้านดีๆ เดี๋ยวนี้เขาไม่ทำ  ส่วนพนง. ก็ไม่ควรทำ เบี้ยเลี้ยงอีกครั้ง อันนี้เรายืนยันเลยนะคะ  เพราะทุกปีเราต้องเช็คกับบัญชีของบริษัทแฟนว่า ยอดไหนไม่เสีย ยอดไหนเสีย   แต่ต้องมีหลักฐานว่าเดินทางจริง กี่วันได้วันละเท่าไหร่ จึงจะ ไม่ผิดกฎหมายค่ะ   ส่วนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายว่าไปถิ่นทุรกันดารหรืออะไรที่เขาเรียกๆ กันต้อง เสียภาษีค่ะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:37:59

ความคิดเห็นที่ 4 1,2,4 ของผมเป็นเบิกตามจริง โดยใช้ใบเสร็จครับ ไม่ได้ถูกเหมาจ่ายเป็น package หรือระบุเป็นตัวเลขคงที่ในแต่ล่ะเดือน ถ้าต้องจ่ายจริงๆ กลายเป็นว่าการทำงานให้บริษัท กลับเพิ่มภาระให้เราแทน แทนที่จะทำให้เราได้เงินใช่มั้ยเนี่ย จากคุณ : SimonSay เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:14:36

ความคิดเห็นที่ 5 1.ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ทำงานประจำนอกสำนักงานที่ตั้งประจำอยู่เป็นปกติ และได้รับเงินค่าเบี้ยเลี้ยง,ค่าพาหนะเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนประจำ เงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวไม่ได้รับยกเว้นภาษีแต่อย่างใด ฉะนั้นค่าเบี้ยเลี้ยง,อาหารจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้หมายถึงเฉพาะค่าเบี้ยเลี้ยงประจำวันในการเดินทางไปปฎิบัติงานชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานประจำ โดยเงินดังกล่าวจะต้องจ่ายโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฎิบัติตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทังหมดในการนั้น จึงจะได้รับการยกเว้นภาษี (มีหลักฐานใบเสร็จ) 2.แต่กรณีที่ไม่มีใบเสร็จมาพิสุจน์ อัตราเบี้ยเลี้ยง ดังกล่าวไม่เกินที่ราชการกำหนดไว้ ต้องมีหลักฐานได้รบอนุมัติให้เดินทางไปปฎิบัติงานนอกสำนักงานหรือนอกสถานที่จากนายจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้ โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำ ระยะเวลาในการปฎิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:16:36

ความคิดเห็นที่ 6 สำคัญตรงหลักฐานครับ ว่าบริษัทมอง สรรพากรมอง และคุณมอง มันแตกต่างกัน สุดท้ายถ้าจะรู้ได้จริง ต้องส่งเรื่องให้ทางสรรพากรลงความเห็นให้ครับ และจะกลายเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ เขาก็จะช่วยเช็คทวนภาษีคุณให้ครับ ถ้าเขาเสียเปรียบก็เงียบไป แต่ถ้าเราจ่ายไม่ครบ ก็จะมีการสอบสวนเพิ่ม แล้วให้ไปจ่ายเพิ่มครับ ผมโดนมากะตัวเลยแจ้งไว้ก่อนครับ ส่วนเบี้ยเลี้ยงถ้าเป็นการเดินทางแบบประจำเช่นเป็นเซลส์ต่างจังหวัด เดินทางทุกเดือน รอบละ25วัน อันนี้ไม่ต้องทุรกันดาร โดนแน่นอนครับ เพราะรับเป็นประจำ อีกประเด็นที่ต้องจำไว้คือ อะไรที่รับเป็นรายเดือน เป็นประจำ หรืออะไรที่เป็นประโยชน์ประจำและคิดเป็นมูลค่าได้ เช่นค่าเช่าบ้านที่บริษัทออกให้อย่างนี้ ต้องเสียภาษีเกือบจะแน่นอนครับ ที่บอกว่าเกือบ เพราะถ้าปีไหน เราลาออก หรือถูกไล่ออกก่อน เราก็ไม่ต้องเสียครับ แต่เป็นตัวอย่างนะ จากคุณ : เม่าแล้วเม่าอีก เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:23:06

ความคิดเห็นที่ 7 พนักงานขายออกทำงานต่างจังหวัดเป็นปกติได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงประจำวัน เป็นต้น ค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวไม่ได้รับกายกเว้นภาษีเนื่องจากไม่ใช่ค่าตอบแทนจากการทำงานนอกสถานที่ตั้งประจำแต่อย่างใด จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 09:44:18

ความคิดเห็นที่ 8 1.2.3.4.. 5.ผมมค่ารับรองประจำตำแหน่งอีกอย่างนึงครับ แต่ที่ว่ามาไม่ได้เสียภาษีซักบาทเลย เขาหัก ณ ที่จ่ายแค่เงินเดือนกะน้องโบเท่านั้น จากคุณ : somoil skywalker เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:23:05

ความคิดเห็นที่ 9 คห.8 อ่วมแน่คุณเอ๊ย จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:39:10

ความคิดเห็นที่ 10 ตามหลักนะครับ เงินที่เราได้จากบริษัท ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(1) เงินได้เนื่องจากการทำงานและประโยชน์เพิ่มที่ได้รับ แต่จะไม่รวม รายการที่กฏหมายยกเว้น คือ เบี้ยเลี้ยง แต่ต้องไม่เกินที่ทางราชการจ่ายนะครับ  และสวัสดิการที่บริษัทให้พนักงานทุกคน เช่น ค่ารักษาพยาบาล, งานปีใหม่ แล้วต้องมาดูว่า สิ่งที่คุณได้นั้น เป็นสิ่งที่ได้เช่นเดียวกับคนอื่นหรือไม่ ถ้าเป็นข้อตกลงเฉพาะคุณ ก็ต้องเสียภาษีครับ ทั้งค่าน้ำมันรถ, ค่าโทรศัพท์ ส่วนเบี้ยเลี้ยง กับรักษาพยาบาล น่าจะเหมือนคนอื่นๆนะ ลองพิจารณาตามหลักละกันครับ จากคุณ : Nsutj เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 10:43:08

ความคิดเห็นที่ 11 มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้    (1) ค่าเบี้ยเลี้ยงหรือค่าพาหนะ ซึ่งลูกจ้างหรือผู้รับหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงานให้ ได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะ ในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น   ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2538 เพิ่มเติมน่ะครับ ) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (4) เงินได้ส่วนที่เป็นค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างจ่ายให้ หรือจ่ายแทนลูกจ้างเป็นค่ารักษาพยาบาล สำหรับ                                         (ก) ลูกจ้าง สามี ภริยา บุพการีหรือผู้สืบสันดาน ซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของลูกจ้าง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับการรักษาพยาบาลที่กระทำในประเทศไทย                                         (ข) ลูกจ้างในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศในขณะที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ในต่างประเทศเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ เงินจำนวนดังกล่าวได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น จากคุณ : mr.we เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 11:40:25