ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับผม VI คือการซื้อหุ้นที่ยังสามารถขึ้นต่อไปได้ด้วยพื้นฐาน ประเมินแล้วว่าถ้างบออก น่าจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30 % ตอนเข้าซื้อราคาอาจตกลงไปบ้างแต่ก็ถือรอไปเรื่อยๆ ไม่รีบเร่ง ขอให้ครบหนึ่งปีมีกำไรตามเป้าคือ 100% ของ port ผมก็ดีใจแล้ว (ถ้าทำได้) ส่วนหุ้นปั่น หรือซื้อไล่ราคากันไม่ค่อยถูกโฉลกกับผม ซื้อแล้วดิ่ง ทิ้งเป็นพุ่ง จากคุณ : prince-IEC เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:15:13

ความคิดเห็นที่ 2 นิยามคำว่า VI ในความคิดมี 2 อย่าง อย่างแรกลงทุนแล้วกำไรขอเรียกว่า VERY INTELLIGENT INVESTOR แบบที่สองลงทุนแล้วขาดทุนขอเรียกว่า VERY IDIOT INVESTOR จากคุณ : ขำขำน่ะ (ขนมปังบูด) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:16:37

ความคิดเห็นที่ 3 SET สูง แต่หุ้นไม่ได้สูงตามทุกตัวหรอกค่ะ หุ้นดีๆมีย่อตัวสวนทางSETด้วย หาให้เจอนะคะ จากคุณ : กุ้งกุ้ง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:16:50

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับเพื่อนของคุณค่ะ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าไม่วิกฤตสุดๆ ราคาคงไม่ลงมาให้เราเก็บ หุ้นบางตัวมีแต่ขึ้นๆ เก็บไม่ได้เลย ก็ต้องมาวิเคราะห์กันใหม่อีกค่ะ ตอนนี้ดิฉันก็เล็งๆ หุ้นเป้าหมายบางตัวอยู่ แต่ราคาสูงมาก ตอนแรกที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อ พฤษภาคม ปีที่แล้ว ก็จะมาแบบ VI พอเข้ามาเห็นหุ้นที่ตัวเองซื้อมีกำไรก็รีบขาย แต่มีบางตัวที่ถืออยู่ไม่ขายจนปัจจุบัน กำไรกลับดีกว่ามากๆ พอมาดูผลงานตอนนี้ อยากจะบอกว่าเสียดายที่ขายหุ้นดีๆ ไปเพียงเพราะกำไรเล็กน้อย เช่น HMPRO ที่ยากสุดๆ ในการอยู่ในตลาดหุ้นสำหรับดิฉันก็คือ ตัวเอง อารมณ์ ความนิ่งไม่หวั่นไหวนี่ล่ะคะ เพราะคอยจะออกนอกลู่นอกทาง VI ตลอดๆๆ *.* จากคุณ : JOYW1 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:17:08

ความคิดเห็นที่ 5 ลักษณะหุ้น VI ดีๆหลายตัวมักมีลักษณะคล้ายกันในตอนที่ VI เข้าเก็บ เช่น 1. อยู่ในสภาวะพักตัว 2. ไม่มีโวลุ่มมาก 3. ไม่อิง SET 4. นิ่งเป็นเวลานานๆ และอื่นๆ ซึ่งมีหลายอย่างเป็นลักษณะตรงกันข้ามกับหุ้นที่รายย่อยส่วนใหญ่ชอบ ( เช่น ไม่มีโวลุ่ม,ไม่อิงเซ็ท ) ไม่ว่าจะเป็น CPALL, CPF, INTUCH, BJC, SPALI, BCP ล้วนผ่านลักษณะแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น ( บ้างก็ถูกเรียกว่า เต่า บ้างก็ถูกบ่นว่าเมื่อไหร่จะทำเทนเดอร์เอาออกตลาด ) จริงๆหาหุ้นพวกนี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอกครับ ปัญหาคือคุณทนถือทนความโลภในใจที่จะเล่นรอบทำกำไรได้แค่ไหน ? แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 18:24:32 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:21:10

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนใหญ่ซื้อปุ๊ป ก็อยากให้ขึ้นไวๆ  เพื่อตะโกนว่า   xxx.....GOOD แต่รอหน่อยก็ดีค่ะ  คหสต. จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:25:54

ความคิดเห็นที่ 7 แนวทาง vi มันคงไม่ได้เกี่ยวกับว่าหุ้นมันวิ่งไปกี่จุดแล้ว อยู่ที่ว่าคุณค้นหาหุ้นที่เข้าข่ายคุณลักษณะที่จะเล่นแนวนั้นหรือเปล่า ถ้าหาได้แล้วก็ถึงมาดูว่าราคานั้นเข้ารับได้ยัง ไม่ได้ก็รอ จากคุณ : realTHAI เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:32:31

ความคิดเห็นที่ 8 เสริมอีกอย่างนึง ปัญหาของการไปเก็บหุ้นโวลุ่มมากๆเป็นหุ้นวีไอก็คือการที่หุ้นมันติดลมบนโดนพวกกองพวกหรั่งเอาไปเล่นแล้ว เราจะไม่ทันข่าวกว่าจะมีอะไรดีไม่ดีเกิดขึ้นเราก็ไม่ทันพวกมันแล้ว สมัยผมเข้าตลาดใหม่ๆช่วงนั้นเหมาะกับการเป็นวีไอหุ้นอสังหามากๆเพราะคนแห่จองคอนโดจนเกลี้ยงต่อคิวกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้าแต่นายตลาดให้ PE หุ้นอสังหาส่วนใหญ่แค่ไม่เกิน 10 เท่าและอยุ่แบบนั้นเป็นปีๆให้เก็บให้ถือ หรือหุ้นแบงก์ช่วงนั้นก็ปันผล 5-6% กันเป็นปกติจนผมงงว่าเราจะเอาไปฝากประจำกับพวกเขาเพื่อเอาแค่ 4% ทำไม ในตอนนั้นหุ้นมันโวลุ่มไม่มากไง บางทีงบดีๆออกมาเป็นสัปดาห์กว่าจะวิ่งก็มีไม่เหมือนสมัยนี้ที่วิ่งก่อนงบเป็นเดือนๆ แต่แน่นอนครับตอนนี้ตลาดเราก็พอจะหลงเหลือหุ้นแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:38:46

ความคิดเห็นที่ 9 โอกาสมีอยู่เสมอ อยู่ที่ว่า มองเห็นหรือเปล่า??? จากคุณ : Mr.Eiji เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 18:42:58

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าราคาที่ประเมินไว้ มี MOS เพียงพอ ก็ซื้อไปสิครับ เราลงทุนที่ตัวหุ้น ไม่ได้ลงทุนที่ตัว SET Index จากคุณ : Rmnya เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:08:35

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่ามันดูที่ตัวหุ้นครับ เป็นรายๆตัวไปนะ จากคุณ : Exzion เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:21:19

ความคิดเห็นที่ 12 การเป็น Vi ไม่จำเป็นต้องเลือกเวลา แค่หุ้นตัวที่คุณเจอ ใช่หุ้นที่ ราคาต่ำกว่าคุณค่าที่ควรเป็นรึเปล่าต่างหากล่ะ จากคุณ : superbox3 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:21:27

ความคิดเห็นที่ 13 SET ขึ้นสูง ก็ใช่ว่าหุ้นทุกตัวจะราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้วนะครับ.. เพียงแต่มันหายากมากกกกกก...  ผมก็ยังหาไม่ได้ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:30:55

ความคิดเห็นที่ 14 ยังไม่มีเงินก็เป็นเทรดเดอร์ไปก่อน พอมีเงินรอจังหวะ ค้นหาหุ้นค่อยแปลงร่างเป็นวีไอ จากคุณ : RealSteel เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:41:15

ความคิดเห็นที่ 15 บัฟเฟตต์ เคยพูดว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่า ดัชนีตลาดหุ้น วันนี้ พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า ปีหน้า เป็นอย่างไร แต่เขาซื้อหุ้น เมื่อมันเป็นธุรกิจที่ดี บริหารโดยผู้บริหารชั้นยอด และขายให้เขาในราคาที่เหมาะสม สังเกตว่า VI ดัง ๆ ส่วนใหญ่ เวลาซื้อหุ้น ไม่ได้อิงกับตลาดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า เวลาตลาดลงหนัก ๆ มันมักมีหุ้นดี ๆ ราคาถูก ๆ ให้เลือกเก็บเยอะเท่านั้นเอง... จากคุณ : icute123 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 19:42:38

ความคิดเห็นที่ 16 คุ้มก็ซื้อครับ ถ้ามั่นใจว่าดีจริง หุ้นร่วงเพราะตลาดไม่ใช่เพราะพื้นฐานเปลี่ยน ก็ซื้อเก็บเพื่ม ส่วนใหญ่เห็นเค้าก็ทำกันแบบนี้นะ จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 20:13:02

ความคิดเห็นที่ 17 vi น่าจะเน้นที่ความแข็งแกร่งของบริษัทเองมากกว่าที่จะอ้างอิงกับดัชนี set นะครับ แน่นอนว่าถ้าดัชนีร่วงลงมากหุ้นในพอร์ต vi เองก็กระทบด้วย แต่...  เขาเหล่านั้นผมว่าดีใจที่จะได้คว้าโอกาสทอง แต่อาจเสียใจบ้างกับมูลค่าที่ลดลง มองแง่ดีของการร่วงครับเป็นโอกาสเหมาะที่จะคว้าหุ้นยอดเยี่ยม ผมเองถึงจะซื้อตอนนี้บ้างแต่มีสำรองครับสำหรับวันฟ้ามืดสุดๆ ผมเองไม่ชอบที่จะให้หุ้นขึ้นอย่างเดียว เพราะมีหลายบริษัทที่เป็นหุ้นยอดเยี่ยมแต่ราคาสูงไปในสภาวะกระทิงแบบนี้ ผมว่าการฝึกความอดทนให้ได้เป็นคุณสมบัติยอดเยี่ยมข้อหนึ่งของ vi เลยครับ การที่เราต้องการเห็นหุ้นมีแต่ขึ้น แล้วรับไม่ได้กับราคาที่ลง ผมว่าแบบนี้เป็นแบบทนรวยไม่ได้ครับ vi ตัวจริงต้องทนได้ พอร์ตบางท่านนี่กำไรเป็นสิบยี่สิบเด้ง ลองถามเขาดูว่าทนได้อย่างไร จากคุณ : สายลมแห่งสุข เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 20:59:50

ความคิดเห็นที่ 18 หาดูสิตอนนี้มันมีอยู่นะ  หุหุ จากคุณ : Maxilla เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 00:01:18

ความคิดเห็นที่ 19 คุณคิดก็ถูกแล้วครับแต่ไม่ถูกทั้งหมด มันแพงแล้ว ...แต่มันยังเติบโตครับ จริงๆแล้วมันไม่มีคำว่าถูกหรือผิด ...มีแต่กำไรหรือขาดทุน แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 55 02:05:23 จากคุณ : lpman เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 02:04:52

ความคิดเห็นที่ 20 ผมคิดว่า .. ต่อให้ SET  ขึ้นไป 3,000 จุด .. PE ของ SET  อยู่ที่ 25 เท่า .. ก็ไม่ได้หมายความว่า .. หุ้นทุกตัวในตลาดจะแพงเกินมูลค่าไปทุกตัว .. บริษัท ที่มีศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาว และ มีราคาหุ้นที่ "สมเหตุ สมผล"  ยังมีอยู่ .. เพียงแต่ หุ้น แบบนั้นมันมีน้อยลง .. และ ต้องใช้ความพยามมากขึ้น ในการวิเคราะห์ และ ค้นหา .. สรุป คือ .. เราซื้อหุ้นบริษัท เพราะเป็นบริษัทที่ดี ในราคาที่ "สมเหตุ สมผล" เราไม่ได้ซื้อหุ้น เพราะอิงกับดัชนี SET .. (เพราะเราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ จะเกิดวิกฤติ แล้ววิกฤติจะนานกี่ปี) จากคุณ : ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 10:17:03