โบรกแนะเลือกซื้อ 7 หุ้นสัญญาณขาขึ้น ดัชนีผันผวน ฝรั่งทิ้งอนุพันธ์ จับตาเม็ดเงินกองทุน1หมื่นล.
|
|
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2555 เวลา 10:08:30 น. ทันหุ้นออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 10.08 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.63 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยผันผวน เน้นกลุ่มที่เกี่ยวกับข้องกับการบริโภคปลายปี และแนวโน้มไตรมาส 4 แข็งแกร่ง จับตาเม็ดเงินกองทุน 1 หมื่นลบ. เก็งกำไร MAJOR, KAMART, WORK, PTTGC, BCP, HMPRO และ PS
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า เปิดลงก่อน ถือพอร์ตหุ้นไว้และตามข่าว fiscal cliff สหรัฐฯ
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์แกว่งตัวลง และจะผันผวนตามข่าวสารเรื่อง fiscal cliff หุ้นใหญ่มีแนวโน้มถูกกดดันและหุ้นเก็งกำไรจะร้อนแรง โดยแม้ว่ากระแสทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดในระดับที่สูงแต่จิตวิทยาการลงทุนจะถูกกดหลังจากนักการเมืองสหรัฐฯ ยังแทงกั๊กเรื่อง fiscal cliff โดยผู้นำสภาล่างคนสำคัญ จอห์น โบห์เนอร์กล่าวเมื่อคืนว่าจะผลักดันให้สภาล่างผ่านกฎหมายขึ้นภาษีคนรวยที่มีรายได้เกิน 1 แสนเหรียญฯ แต่ในขณะเดียวกันวุฒิสภาซึ่งมีพรรคเดโมแครตเป็นเสียงส่วนใหญ่น่าจะเตะร่างดังกล่าวให้ตกไป และทำให้ล่าสุด Bloomberg รายงานว่าพรรครีพับลิกันอาจยกเลิกการโหวตในคืนนี้ความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้นอย่างมากนี้ส่งผลให้ DJ Futures ปรับลงหนักประมาณ 200-300 จุดในเช้าวันนี้และน่าจะกดดันจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย
ส่วนประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจาก fiscal cliff ถือว่าเป็นบวก สหรัฐฯ รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.1% จากระดับ 2.7% ในการรายงานครั้งก่อน ขณะที่ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองและตัวเลขสำรวจการผลิตแถบฟิลาเดลเฟียก็แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่วนปัจจัยในยุโรปนั้น ธ.กลางยุโรป (ECB) กลับมาอนุญาตให้กรีซนำพันธบัตรของตนใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอวงเงินกู้ระยะสั้นจากECB ได้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวบวกเล็กๆ ต่อกรีซ ส่วนญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ประกาศซื้อสินทรัพย์เพิ่มอีก 10 ล้านล้านเยนซึ่งเป็นไปตามที่คาดหลังจากรัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อนโยบายการเงินผ่อนคลาย
กลยุทธ์: ถือหุ้นต่อ คาดว่าดัชนีลงไม่มากและยังลุ้นว่าสหรัฐฯ จะปลดล็อก fiscal cliff ได้ในนาทีสุดท้ายการอ่อนตัวลงของดัชนีฯ เป็นโอกาสสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 แข็งแกร่ง โดยเรายังคงมองหุ้นแนะนำเป็น PTTGC*, BCP*, HMPRO* และ PS*
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ค้าปลีก สื่อสาร บันเทิง และสินเชื่อบุคคล เป็นกลุ่มที่คาดหมายว่าจะได้รับประโยชน์จากกระแสการปรับปรุงโครงสร้างภาษี โดยหุ้นเด่นในกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย HMPRO, INTUCH, DTAC, TCAP, ASK และ WORK โดยในวันนี้ฝ่ายวิจัยยังคงเลือก WORK (FV@B55) เป็นหุ้น Top Pick ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
สำหรับกลุ่มนักลงทุนสถานบันในประเทศ เป็นที่น่าสังเกตว่า แรงซื้อในปีนี้ น้อยกว่าปกติมาก กล่าวคือ ตามสถิติ 6 ปีหลังสุด กองทุนในประเทศมักเข้าซื้อสุทธิในเดือน พ.ย.-ธ.ค. รวมเฉลี่ย 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ในปีนี้ ยอดซื้อรวมทั้ง 2 เดือนมีอยู่เพียง 7.2 พันล้านบาท (แบ่งเป็นเดือน พ.ย. ซื้อสุทธิ 1.05 หมื่นล้านบาท และขายออกมาในเดือนธ.ค. 3.3 พันล้านบาท) เพราะฉะนั้น ในช่วงสัปดาห์สุดท้าย มีโอกาสที่กลุ่มสถาบันในประเทศ จะกลับเข้ามาซื้อสุทธิได้ในระดับ 1 หมื่นล้านบาท และน่าจะเป็นตัวช่วยพยุง SET Index ให้ทรงตัวอยู่ได้ในระดับสูง แม้อาจมีแรงขายทำกำไรจากกลุ่มบัญชีหลักทรัพย์ในสัปดาห์สุดท้ายหลังจากได้ซื้อสะสมตลอด 10 วันทำการก่อนหน้านี้ (ตั้งแต่ 26 พ.ย. 2555) รวม 7.5 พันล้านบาท และเพิ่งสลับขายออกมาในบางวันเพียง 5ร้อยล้านบาทเท่านั้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตลาดบวกยังน่าทยอยขายทำกำไร ส่วนจะซื้อเทรดดิ้งใหม่ให้รอ SET ลง
กลยุทธ์: ช่วงนี้เรายังแนะนำให้เน้นทยอยขายทำกำไรโดยเฉพาะเมื่อ SET บวก เพราะคาดว่าโอกาสสูงกว่า 1390 จุดยังเป็นไปได้ยาก และหลังจากนั้นต้องระวังการปรับพักตัวลงของตลาดในเร็วๆ นี้ด้วย อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังสามารถเลือกหุ้นซื้อในช่วงตลาดปรับตัวลงได้ แต่เป็นการซื้อเพื่อเทรดดิ้งสั้นตามรอบเท่านั้น
หุ้นเด่นทางเทคนิค MAJOR, KAMART, TPIPL (SBL)
แนวโน้ม แม้ว่าจะยังมีความเห็นขัดแย้งกันในหลายประเด็นระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับพรรครีพับลิกัน ซึ่งอาจส่งผลให้การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal cliff ล่าช้ากว่าคาดเดิมได้ แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถหาข้อยุติให้ได้ก่อนสิ้นปี ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังคงปิดบวก รวมทั้งตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของ GDP สหรัฐไตรมาส 3/2012 ก็ออกมาดีกว่าคาดด้วย อย่างไรก็ตามเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากข่าวที่สภาผู้แทนฯ สหรัฐผ่านร่าง กม.ลดค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นแผนของพรรครีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal cliff หากการเจรจากับผู้นำสหรัฐล้มเหลว แต่ด้วยคะแนนเสียงที่ชนะอย่างก้ำกึ่ง และการแสดงความเห็นของวุฒิสมาชิกฝ่ายเดโมแครตที่จะไม่สนับสนุนร่าง กม.ดังกล่าวในชั้นของวุฒิสภา ส่งผลให้นักลงทุนต้องกลับมาวิตกต่อท่าทีขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่ SET ดีดตัวขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะแกว่งพักฐานลงก่อนได้ แนวรับ 1372-1368 , 1365-1360 จุด แนวต้าน 1380-1382 , 1387-1393 จุด
บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า วานนี้นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 543 ล้านบาท คาดส่วนหนึ่งมาจากแรงขายกอง Trigger Fund ที่ตามเป้าเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจากข้อมูลของเราพบว่ายังมีเงินในกองทุนเหล่านี้อีกราว 5 พันล้านบาท ที่เตรียมจะ Trigger แต่คาดว่าดัชนีจะต้องขึ้นไปเหนือระดับ 1,400 จุดถึงจะตามเป้า เพราะฉะนั้นเรายังยืนยันมุมมองดัชนีหุ้นไทย 1 เดือนข้างหน้ายังเสี่ยงที่จะเจอแรงขาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัย January Effect หรือการขายปิดกอง ส่วนการดีดขึ้นของดัชนีคาดว่าอาจมีให้เห็นอีกครั้งในวันจันทร์หน้า จับตาเม็ดเงิน LTF ในงานที่จัดขึ้น 20-23 ธ.ค. นี้ ภาพรวมเน้นฝั่งขายเมื่อดัชนีปรับขึ้น และไม่เพิ่มน้ำหนักลงทุนในระยะนี้
บล.ฟิลลิป ระบุว่า แนวโน้มตลาดวันนี้: ผันผวนมาก แต่อยู่ในกรอบ กลยุทธ์การลงทุน: ขึ้นทยอยขายมารอรับด้านล่าง ปัจจัยเด่นสุดตอนนี้ยังเป็นเรื่องการเจรจาการตัดลดงบประมาณ และการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ โดยความคืบหน้าล่าสุดยังไม่ราบรื่นนัก ขณะที่ประธานาธิบดีโอบามา และพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถหาจุดสมดุลที่ตรงกันได้ จึงต้องรอดูกันต่อไป คาดกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนคงเป็นปลายเดือนด้านแรงซื้อต่างชาติยังเดินหน้าสะสมหุ้นต่อในตลาดหุ้น แต่เริ่มถือสถานะด้านขายสุทธิในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น โดยวานนี้มียอดขายสุทธิมากกว่า 2,900 สัญญา อาจเป็นสัญญาณการขายทำกำไรที่จะมีตามมาในตลาดหุ้นก็เป็นได้ อีกทั้งใกล้ช่วงวันหยุดเทศกาลสิ้นปี คาดวอลุ่มจะเบาบางลงในสัปดาห์หน้า ดังนั้น นักลงทุนควรต้องระมัดระวังความผันผวนระหว่างทางที่จะมีมากขึ้น และเตรียมรับมือกับการขายทำกำไรในระยะสั้นที่จะเกิดขึ้นเป็นระยะตลอดทาง โดยมอง SET จะผันผวนมาก แต่ยังอยู่ในกรอบระหว่าง 1370-1385 จุด
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: มองการดีดตัวของตลาดเป็นโอกาสการทยอยขายทำกำไรอย่างน้อยบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง แล้วค่อยลงไปรอรับด้านล่าง โดยการเก็งกำไรยังเน้นการเลือกหุ้นรายตัว บนธีมการบริโภคภายใน/ใช้จ่ายปลายปีเป็นหลัก แนวต้าน : 1385, 1390 แนวรับ: 1370, 1365
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50%: เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต :SAT, RML, TCAP, BIGC, CPF, BECL
หุ้นที่ปรับออก : THCOM (ตัดขาดทุน), KTC (ทำกำไร)
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ธ.ค. 55 13:00:18
|
|
|
|