หุ้น LIVE ในปี 2013-2014 Leave a reply
ย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อนในยุควิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐๆกำลังแพร่เชื้อลุกลามไปทั่วโลก ถือเป็นยุคตกต่ำสุดขีดของ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (LIVE) เดือนที่ผู้ถือหุ้นในสมัยนั้นจะไม่มีวันลืม ตุลาทมิฬ 2551″ จากกรณีที่ TSFC ปรับลดเกรดมาร์จิ้นลง และปรับเพิ่มเกณฑ์วางหลักประกันและฟอร์ซเซล ทำให้ราคาหุ้น LIVE ดิ่งจาก 17 บาทลงมาต่ำสุดที่ 0.18 ภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว นับแต่นั้นมาหุ้น LIVE วิ่งต่ำติดดินแถว 0.1 0.2 เรื่อยมา เป็นหุ้นที่หลายคนขยาด แม้กระทั่งประซิวปลาสร้อยที่เข้าตอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต่างเจ็บตัวกันถ้วนหน้าเพราะราคาหุ้นมีทิศทางลงเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าที่จะขึ้นเลย สะท้อนผลงานบริษัทที่ขาดทุนมาตลอดในช่วงหลายปีหลัง อดีตของหุ้น LIVE เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงกับยุคทีวีดาวเทียมบูม
บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เดิมคือบริษัทออนป้าในอดีต เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูหรือรู้จักดี หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น LIVE Incorporation หรือ LIVE Inc. (บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด) ให้บริการช่องรายการโทรทัศน์ผ่านเทียมในลักษณะผลิตรายการเองและซื้อลิขสิทธ์รายการจากต่างประเทศมาฉายในลักษณะ ผู้สร้างคอนเทนต์ และธุรกิจด้านรายการวิทยุ การผลิตภาพยนต์ ทำป้ายโฆษณา รับจ้างทำโฆษณา ขายซอฟต์แวร์ ทำสตูดิโอผลิตรายการรวมถึงจัดคอนเสิร์ต งานอีเว้นต์และบริษัทจัดการศิลปิน เรียกว่ามากมายหลายแขนงทั้งที่เกี่ยวข้องกับ Core Business และไม่เกี่ยวข้อง โดยหลายธุรกิจที่ทำประสบภาวะขาดทุนโดยเฉพาะการทำทีวีดาวเทียม LIVE INC ในปี 2555
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2012 เป็นต้นมา LIVE ได้เริ่มชำแหละโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ตั้งบริษัทมา โดยการเฉือนเนื้อร้ายทิ้งทั้งหมดโดยเฉพาะที่ธุรกิจที่ขาดทุนหรือไม่ก่อให้เกิดรายได้มากนัก และเน้นโฟกัสไปที่ Core Business ที่ตัวเองถนัดและสร้างรายได้ พอที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้ไปข้างหน้าได้แบบก้าวกระโดด โดยสิ่งที่ LIVE ทำลงไปคร่าวๆ คือ การปรับแผนธุรกิจใหม่ของ LIVE
1. ยกเลิกการทำช่องรายการเองทั้งหมด คงไว้เฉพาะช่องที่สร้างรายได้ 2 ช่องคือช่อง POP กับไทยไชโย 2. ปลดพนักงานในส่วนธุรกิจที่ถูกยกเลิกออก 3. นำช่องสัญญาณโทรทัศน์ดาวเทียมที่ว่างลงมาปล่อยให้เช่าแทน โดยปัจจุบัน LIVE คงเหลือธุรกิจหลัก 3 ประเภทใหญ่มี 1. ธุรกิจผลิตรายการบันเทิงสำหรับโทรทัศน์ดาวเทียมซึ่งประกอบด้วย 2 บริษัท
1.1 บริษัท ไทยไชโย ทีวี จำกัด ผลิตช่องรายการ ไทยไชโย ทีวี (Thai Chaiyo) 1.2 บริษัท ป๊อป ทีวี จำกัด ผลิตช่องรายการ ป๊อป ทีวี (POP) โดยทั้งสองช่องการยังเป็นช่องรายการที่มีความนิยมสูง แต่ละช่องมีผู้รับชมมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน เนื้อหารายการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มสามารถตอบสนองเจ้าของผลิตภัณฑ์และผู้โฆษณาได้เป็นอย่างดี ทำให้ทั้งสองช่องนี้ยังมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง 2. ธุรกิจให้บริการออกอากาศรายการโทรทัศน์
บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE Inc.) เป็นบริษัทแม่ที่เรารู้จักกันในนาม Live Inc ทำหน้าที่หลักเช่าช่องสัญญาณทีวีดาวเทียมจากไทยคมมาใช้เพื่อการออกอากาศรายการโทรทัศน์ต่างๆ ปัจจุบันเอาช่องสัญญาณดาวเทียมมาให้บริษัทลูกตัวเอง (LIVE TV) เช่าทำช่อง POP และไทยไชโย ส่วนช่องสัญญาณดาวเทียมที่เหลือนำไปให้เช่าต่อ
บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด (LIVE TV) เป็นบริษัทที่ทำหน้าทีในส่วนผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดโดยเปลี่ยนโมเดลธุรกิจมาเป็นผู้ให้บริการในการออกกาศทีวีดาวเทียมแก่ผู้ประกอบการรายอื่น รวมทั้งด้านโปรดักชั่นต่างๆ 3. ธุรกิจรับจ้างโฆษณา ทำป้ายโฆษณา และให้เช่าป้ายโฆษณา
โดยมีบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (Live Media Group: LMG) ประกอบกิจการสื่อโฆษณานอกบ้านลักษณะเดียวกับกับ TSF แต่จำนวนป้ายโฆษณาที่มีจะน้อยกว่า โครงสร้างรายได้ของ LIVE โครงสร้างรายได้ของ LIVE จากอดีตถึงปัจจุบัน
โครงสร้างรายได้ของ LIVE จากอดีตถึงปัจจุบัน
จากตารางรายได้ของ LIVE ด้านบนจะเห็นว่าช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ที่ราคาหุ้นย่ำแย่มาตลอดเพราะบริษัทขาดทุนต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจที่ต้องบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการผลิตรายการโทรทัศน์และการรับโฆษณาลงรายการต่างๆ ตามช่องทีวีดาวเทียมที่ตัวเองผลิตอยู่ แม้รายได้จะมีเข้ามาแต่ต้นทุนการผลิตก็สูงมากเช่นกัน รวมถึงรายได้จากธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นการขายซอฟต์แวร์ แต่ในช่วง 2-3 ปีหลังมีผู้แข่งขันหน้าใหม่ๆ กระโดดเข้ามาในสนามธุรกิจทีวีดาวเทียมเป็นจำนวนมากทำให้โดนแย่งสปอนเซอร์ไปไม่ใช่น้อย อนาคตของทีวีดาวเทียมจึงต้องใช้คอนเทนต์เป็นจุดแข็ง เนื้อหาที่เฉพาะกลุ่มที่สำคัญต้องมีคุณภาพและตอบโจทย์เจ้าของประเภทสินค้าที่จะลงโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายจึงทำให้ LIVE เหลือช่องทีวีดาวเทียมที่ทำเองแค่ 2 ช่องคือช่องเพลงวัยรุ่นอย่าง POP และเพลงลูกทุ่งอย่าง ไทยไชโย
หลังจากปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ในปี 2555 โครงสร้างรายได้หลักของ LIVE จากเดิมที่ได้จากค่าโฆษณา เปลี่ยนมาเป็นได้จากการให้เช่าช่องสัญญาณโทรทัศน์ดาวเทียมแทน และให้สังเกตดูรายได้จากบริษัทที่ทำสื่อโฆษณากลางแจ้งที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ ต้นทุนลดแต่รายได้เพิ่มขึ้น
ธุรกิจเดิมเช่นการผลิตช่องทีวีดาวเทียมเองล้วนแต่ต้นทุนสูง เพราต้องใช้คนจำนวนมากรวมถึงค่าซื้อลิขสิทธ์รายการต่างๆ ซึ่งรายได้หลักมาจากการโฆษณาทำให้เกิดความไม่แน่นอนในรายได้เพราะทีวีดาวเทียมแข่งขันกันสูงมาก มีมากมายหลายช่องจนแย่งสปอนเซอร์กันเอง ตรงนี้เป็นความเสี่ยง LIVE ต้องแบกรับและอนาคตมีแนวโน้มที่ไม่สดใส แต่การนำช่องสัญญาณทีวีดาวเทียมมาให้คนอื่นเช่ากลับสร้างรายได้ได้มากกว่า แถมยังไม่ต้องแบกรับต้นทุนความเสี่ยงเหมือนการทำเอง ประกอบกับแนวโน้มที่จะมีผู้สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจทีวีดาวเทียมมากขึ้นเรื่อยๆ การวาง Position ตัวเองให้เป็นผู้ให้บริการในการผลิตคอนเทนต์ ผู้ให้เช่าช่องสัญญาณ รวมถึงผู้สนับสนุนด้านเทคนิคต่างๆ ในการถ่ายทอดนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีอนาคตสดใสและไร้คู่แข่ง เป็นการดึงตัวเองขึ้นมาจากอ่างข้างล่างที่มีคู่แข่งจำนวนมากขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจต่อรองสูงและไร้ความเสี่ยง(ความเสี่ยงต่ำ) ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่ตัวเองถนัดอยู่แล้วและทำมานาน เรียกว่าหลายคนให้ความไว้วางใจ LIVE เตรียมย้ายบริษัทใหม่ โดยสร้างเองแถวเลียบทางด่วนรามอินทรา
จากเดิมที่เช่าอาคารอยู่แถวรามคำแหง แต่สภาพทรุดโทรมและไม่เอื้ออำนวยในการดำเนินธุรกิจ แถมทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ค่อยดีในสายตาลูกค้าที่มาใช้บริการ พูดตามตรงในช่วงที่ผ่านที่ราคาหุ้น LIVE ย่ำแย่มาโดยตลอด ส่วนนึงอาจเป็นเพราะฮวงจุ้ยด้วยมั๊ง คือถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ก็อาจอธิบายได้ว่าบริษัทเดิมดูเก่า สตูดิโอที่ให้เช่าคับแคบ โทรม ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยอยากมาใช้บริการทำให้รายได้น้อยลงไป แต่ถ้าย้ายมาทำเลใหม่ ตึกใหม่ มีสตูดิโอใหม่ใหญ่โต ดูทันสมัย ใครๆ ก็อยากมาใช้บริการ รายได้ก็จะเพิ่มขึ้น คือหลักฮวงจุ้ยมันก็มีคำอธิบายที่เป็นเหตุผลรองรับอยู่นะ ที่ใหม่จะมีที่จอดรถสะดวกสบายมีห้องรับรองลูกค้า อาคารใหม่ทันสมัย ใครๆ ก็อยากมาใช้บริการที่สำคัญเป็นสตูดิโอที่อยู่ใจกลางเมืองไม่ต้องออกไปนอกเมืองเหมือนสตูดิโอของบริษัทอื่น รวมทั้งราคาหุ้นของ LIVE ในช่วงนี้ก็น่าจะอธิบายได้ว่ามันสะท้อนถึงอะไรบางอย่างในอนาคตอันใกล้หลังจากที่บริษัทใหม่สร้างเสร็จและมีสตูดิโอให้เช่า ธุรกิจใหม่ ให้เช่าห้องสตูดิโอพร้อมบริการด้านโปรดักชั่น
ความจริง LIVE ให้บริการด้านนี้อยู่แล้วที่บริษัทเดิมแต่มีแค่ 4 สตูดิโอ ไม่เพียงพอต่อการให้บริการที่สำคัญเก่าและโทรม โดยที่ใหม่จะสร้างเพิ่มเป็น 6 สตูดิโอ มี 2 สตูดิโอใหญ่และ 4 สตูดิโอเล็ก โดยบริษัทจะเช่าที่ดินสัญญา 5 ปี สูงสุด 10 ปีและสร้างตึกเองใหม่ทั้งหมดบนพื้นที่ราว 3 ไร่ ธุรกิจด้านนี้อนาคตจะไปได้สวยตามกระแสการเติบโตของทีวีดาวเทียม เมื่อมีทีวีดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น มีรายการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องมีการเช่าใช้สตูดิโอเพื่อผลิตรายการ จากเดิมที่ LIVE ใช้สตูดิโอผลิตรายการของตัวเองเป็นหลักในตอนที่ทำช่องทีวีดาวเทียมของตัวเอง ตอนนี้ปรับเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้บริการเช่าใช้สตูดิโอ และบริการด้านโปรดักชั่นแทน รายได้ในอนาคตของ LIVE
ตอนนี้คงพอจะมองภาพอนาคตของราคาหุ้น LIVE ออกหลังจากซบเซามาหลายปี วิ่งเรี่ยราดติดดินแถว 0.1 0.2 ไม่ไปไหน เอาอะไรมาลากก็ไม่วิ่งเนื่องจากนักลงทุนกลัวในขณะที่บริษัทขาดทุนต่อเนื่องทั้งที่ตัวเองถือว่าเป็นพี่เบิ้มในวงการโทรทัศน์ดาวเทียม เป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆ ตอนนี้เมื่อโครงสร้างทางธุรกิจเปลี่ยน พื้นฐานหุ้น LIVE ก็เปลี่ยน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมราคาหุ้น LIVE มันวิ่งจ้ำอ้าวชนิดที่กลต.กวักมือเรียกหยอยๆ พี่แกก็ไม่สนใจ ติด Cash Balance ก็ไม่แคร์จ่ายสดลูกเดียว งานนี้ช้าไม่ได้ต้องตุนให้ได้มากที่สุดก่อนที่บรรดาเม่าจะไหวตัวทันและมารุมตอมแย่งซื้อ เพราะถ้าดูดีๆ การที่บริษัทปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจใหม่จะทำให้บริษัทมีรายได้มหาศาล ค่อนข้างมั่นคงและมีอนาคตจากธุรกิจทีวีดาวเทียมที่กำลังบูม ลดความเสี่ยงไปได้แทบจะทั้งหมด ที่สำคัญต้นทุนการดำเนินการต่ำกว่าเมื่อก่อนมากโดยรายได้ในอนาคตของ LIVE จะมาจาก
1. รายได้จากการให้เช่าช่องสัญญาณ
ล่าสุดครึ่งปีแรก 2555 รายได้จากส่วนนี้มากถึง 62% ของรายได้รวม หรือ 82 ล้านบาท เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น จากตลอดทั้งปี 2554 ที่ได้แค่ 44 ล้านบท รายได้ส่วนนี้น่าจะเติบโตได้มากโดยเฉพาะในปี 2013
2. รายได้จากธุรกิจโฆษณาสื่อนอกบ้าน
ดูรูปแรกประกอบ รายได้จากส่วนนี้โตต่อเนื่องทุกปี ปี 2552 ได้ 36 ล้านคิดเป็น 10% ของรายได้รวม ปี 2553 ได้ 46 ล้านคิดเป็น 12% ปี 2554 ได้ 47 ล้านคิดเป็น 16% พอปี 2555 แค่ครึ่งปีแรก ได้ 27.5 ล้านคิดเป็น 20% ของรายได้รวม ซึ่งตลอดทั้งปี 2555 อาจได้ถึง 55 ล้าน เรียกว่าเติบโตสูง 15-25% ทุกปีต่อเนื่อง บริษัท Live Media Group (LMG) เหมือนไม่ค่อยมีคนพูดถึงเมื่อพูดถึงหุ้น LIVE ส่วนใหญ่โฟกัสไปที่ธุรกิจทีวีดาวเทียมซะเป็นส่วนมาก ตรงนี้น่าจับตามองในขณะที่ TSF กำลังมาแรง
ปี 2554 LMG มีป้ายโฆษณา 25 แห่ง มีรายได้ 47 ล้าน ปี 2555 LMG จะเพิ่มป้ายโฆษณาเป็น 29 แห่ง ปี 2556 LMG จะเพิ่มป้ายโฆษณาเป็น 31 แห่ง
ยังไม่นับรวมธุรกิจต่อเนื่องอย่างการรับผลิตโฆษณา รวมถึงป้ายโฆษณาภายในอาคาร
3. รายได้จากธุรกิจให้เช่าสตูดิโอและบริการที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันมีสตูดิโอ 4 ห้อง แต่อนาคตจะมีถึง 6 สตูดิโอ
4. รายได้จากการโฆษณาทางโทรทัศน์ ในช่องรายการของตัวเอง 2 ช่อง
5. รายได้จาการผลิตสื่อโฆษณา ส่วนนี้เป็นรายได้ส่วนน้อย
ถ้าลองคิดแบบ Conservative สุดๆ ดูโดยใช้ข้อมูลจากตารางด้านบน เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจริงแล้วเท่ากับว่าปี 2555 น่าจะมีรายได้จากการให้บริการเช่าช่องสัญญาณราว 165 ล้านบาท + ค่าโฆษณาในโทรทัศน์ 37 ล้าน + ให้เช่าป้ายโฆษณา 55 ล้าน คิดหยาบๆ แค่นี้น่าจะได้อย่างต่ำสัก 260 ล้าน ถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แต่รายได้จากคอร์หลักในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงแทบทุกตัว ที่สำคัญคือต้นทุนถูกลดลงไปมากแม้ปีนี้จะยังมีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยเช่นเงินเลิกจ้างพนักงานที่โดนให้ออกและคาใช้จ่ายอื่นๆ อีกแต่เป็นการจ่ายเพียงครั้งเดียวและไม่ต้องจ่ายอีกในปีถัดไป ประกอบธุรกิจใหม่ในการให้เช่าสตูดิโอซึ่งจะมีรายได้เข้ามาเสริมให้ LIVE เป็นจำนวนมาก โดยบริษัทใหม่คาดว่าจะเสร็จช่วงไตรมาส 3 ปี 2556 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2556 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไปรายได้ของ LIVE อาจสูงถึง 300 400 ล้าน ในขณะที่ต้นทุนลดลงเหลือแค่ราว 150 200 ล้าน (คิดจาก รวมค่าใช้จ่าย 6 เดือนแรกปี 2555 ลบ ค่าใช้จ่ายที่จ่ายครั้งเดียวในปีนี้เช่นค่าชดเชยการเลิกจ้าง + ค่าใช้จ่ายครั้งเดียวอื่นๆ) ทำให้ปี 2557 อาจะมีกำไรสูงถึง 200 ล้าน ในขณะที่ปี 2556 LIVE จะพลิกกลับมามีกำไรได้เป็นปีแรก ช่วงนี้จึงเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนพลิกโฉมหน้าใหม่ของหุ้น LIVE อีกรอบ
หรือถ้าคิดแบบอัตราก้าวหน้าสำหรับปี 2013 ให้บริการเช่าช่องสัญญาณโตราว 20-30% (เทียบจากรายได้ปี 2554 กับ ครึ่งปีแรก 2555 ที่โตเท่าตัว) เป็น 215 ล้านบาท + ค่าโฆษณาในโทรทัศน์คงที่ 37 ล้าน + ให้เช่าป้ายโฆษณาโตราว 40% (จากจำนวนป้ายที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 29 ป้ายจาก 25 ป้าย + อัตราเติบโตของธุรกิจอยู่แล้วที่ราว 15-25% ทุกปี) เป็น 75 ล้าน รายได้จากค่าเช่าสตูดิโอในออฟฟิซเก่าช่วงไตรมาส 1-3 ปี 2556 และรายได้จากค่าเช่าสตูดิโอที่ออฟฟิซใหม่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 รวมทั้งค่าบริการด้านโปรดักชั่นต่างๆ ประมาณเอาคร่าวๆ 50-100 ล้าน รวมปี 2013 หรือปีหน้า LIVE อาจมีรายได้ถึง 400 ล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น อาจได้ถึง 0.06 หรือราคาในตลาดอาจอยู๋แถว 2 บาท ทั้งหมดทั้งปวงต้องอยู่ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าพื้นฐานบริษัทเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และมีการคำนวนรายได้จากธุรกิจหลักตัวใหม่ โดยให้ผลตอบแทนดีเช่นเดียวกับที่เห็นในช่วงครึ่งปีแรก 2555 และสามารถไปอ่านข้อมูลเพิ่มได้ในเว็บ SET เรื่องความเห็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ออกมาช่วงปลายเดือนตุลาคม
อ้างอิง http://stock.nadiamode.com/analysis/57/ บทความเพื่อเห็นภาพ นะครับ แต่อ่านงบจะง่ายกว่า ถ้าให้เห็นภาพจริงๆ รองบรายปี ไตรมาศ 4 แต่สะสมตอนนี้กำไรแน่ ***** ***** เครดิต เวบคุยค้ยหุ้น 555 การลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุน
จากคุณ |
:
Kitgreat
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 55 09:08:46
|
|
|
|