 |
กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,655 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,659 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.65 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,000 บาท กับ 24,100 บาท และกลับมาปิดที่ 24,100 บาท กับ 24,200 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,297 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 10,147 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 1 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.5% แบบ 10 บาท ลดลง 2% Silver Futures ลดลง 0.3% GFZ12 ปิด 24,150 บาท และ GFG12 ปิด 24,330 บาท GF10Z12 ปิดที่ 24,150 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,330 บาท SVZ12 ช่วงกลางคืนไม่มีการซื้อขาย
สัญญา Comex ปิดลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ระดับ 1,659.5 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 30.6 เซ็นต์ ที่ระดับ 29.897 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,350.82 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ระดับ 88.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ลดลง 51.76 จุด ปิดที่ 13,139.08 จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 55.5 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ ที่มา Kitco, TheBullionDesk, Reuters, และ CNBC - สภาคองเกรสสหรัฐยังคงไม่มีหนทางแก้ไขใดๆ ในช่วงที่ใกล้จะถึงปีใหม่ หลังจากที่พรรครีพับลิกันล้มเหลวในข้อเสนอต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสภาคส่งผลให้ราคาทองคำอยู่ในทั้งโหมด Risk-on และ Risk-off เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่ได้ตัดสินใจและไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางของราคาทองคำ
- ขณะที่เวลาในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff สั้นลงไปทุกที แต่รัฐสภาจะไม่มีการประชุมกันจนถึงหลังคริสมาสต์ ซึ่งทำให้มีเวลาในการลงมติข้อตกลงน้อยกว่า 1 สัปดาห์ โดยนายโอบามาจะใช้เวลาในวันหยุดในเมืองฮาวาย และหากรัฐสภาไม่สามารถตกลงกันได้ คาดว่าจะทำให้ตลาดทางการเงินอาจจะเกิดความวุ่นวาย ส่วนรัฐสภาคณะปัจจุบันจะจัดประชุมในวันที่ 3 ม.ค. หลังจากนั้นจะมีการเลือกวุฒิสภา 13 คน และสภาผู้แทนราษฎร 82 คนในการแก้ปัญหา
- Gary Wagner นักวิเคราะห์เชิงเทคนิค มองว่า ราคาทองคำในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,800 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุด มาแล้ว 3 ครั้ง (Triple Top) และถ้ามีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ อาจจะแตะระดับ 2,000 เหรียญ ซึ่งมีหลายฝ่ายมองที่ระดับนั้น ส่วนประเด็น Fiscal Cliff นั้นมองว่าอาจจะแก้ไขปัญหากันไม่ได้ เพราะมีระยะเวลาไม่เพียงพอ
- ข้อมูลจาก CFTC ระบุว่า ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค. การเก็งกำไรในสถานะ Long Position สุทธิของนักเก็งกำไรรายใหญ่ลดลงทั้งในทองคำและซิลเวอร์สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งเกิดจากแรงเทขายในทองคำที่ประกอบไปด้วยการปิดสถานะ Long Position และมีการเปิด Short Position ใหม่
ข้อมูลจาก World Gold Council ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ปริมาณความต้องการทองคำลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปริมาณความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นต่ออินเดียว่ากำลังเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูอุปสงค์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
- นายปีเตอร์ ชิฟนักวิเคราะห์ของ Euro Pacific Capital ได้คาดว่าการเทขายทำกำไรยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากราคาอยู่ต่ำกว่าระดับราคาสำคัญเชิงเทคนิค นอกจากนี้นายจิม โรเจอรส์ก็ได้มองก่อนหน้านี้ว่าทองคำอาจจะอยู่ระดับต่ำสุดในกราฟรายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมิ.ย. และนายชิฟได้กล่าวว่าผู้ที่เคยลงทุนในกองทุนพอลสัน กำลังจะถอนเงินออกจากกองทุน เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวเบื้องหลังของตลาด โดยกองทุนพอลสันได้ประสบความยากลำบากจากการที่มีทองคำอยู่ในมือ ซึ่งลดลง 21% เมื่อนับถึงราคาปัจจุบัน
- ในมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ นักวิเคราะห์จาก Quantitative Commodity Research กรุงลอนดอนเชื่อว่า ในท้ายที่สุดการเจรจา Fiscal Cliff จะสามารถตกลงกันได้และทองคำจะได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้
Dailey of TEAM Financial ได้กล่าวว่า ทองคำจะกลับมาเป็น Safe-haven ในปีหน้า เนื่องจากสหรัฐมีโอกาสที่จะถูกดาวน์เกรดหลังจากที่เอสแอนด์พีเคยลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐในเดือนสิงหาคม ปี 2011 จากระดับ AAA ลงสู่ AA ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาฟิทช์ เรตติ้งส์ได้เตือนว่า จะมีการดาวน์เกรดสหรัฐหากสหรัฐไม่สามารถหาทางออกได้เมื่อถึงกำหนดในวันที่ 31 ธ.ค.
- Jim Rogers กล่าวว่าทองคำในปีหน้าจะเผชิญกับปีที่ยากลำบาก แม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นของราคาติดต่อกันเป็นปีที่ 12 จนถึงปีนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็ยังไม่ได้ทั้งซื้อและขายทองคำในขณะนี้ อย่างไรก็ตามเขาได้กล่าวว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำในปีนี้ คือ ธนาคารกลางต่างๆ ที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเข้าซื้อทองคำ
- นายชาร์ล อีวาน ประธานเฟดสาขาชิคาโก ได้รับการอนุมัติแนวคิดที่เฟดจะเชื่อมอัตราดอกเบี้ย กับเกณฑ์อัตราการว่างงานที่ต้องอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูงชั่วคราว
- อ้างอิงจาก BMO Capital Markets ระบุว่า ต้องขอบคุณเฟดที่รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำและมีการเข้าซื้อพันธบัตร รวมไปถึงสินทรัพย์ MBS เพราะจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐในช่วงเริ่มปี 2013 อยู่ในระดับต่ำต่อไป โดยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุด 1.40% ในเดือนกรกฎาคม มอร์แกน สแตนลีย์มองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะปรับตัวลดลงในปี 2013 เช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวันหยุด วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold ราคาทองคำยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เมื่อวานนี้ระหว่าง 1,657 1,665 เหรียญ โดยยังแกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นวันที่สอง หลังจากที่ปรับตัวตกลดลงมา ทองคำยังรอหลักสำคัญในเรื่องของ Fiscal Cliff ที่เหลือวันที่จะตกลงกันเพียง 3 วันทำการเท่านั้น ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อราคาทองคำในทิศทางขาขึ้นหรือทิศทางขาลงก็ตาม โดยหลักการยังคาดว่า Fiscal Cliff น่าจะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง วิเคราะห์ในเชิงเทคนิคได้ว่า ราคาทองคำยังอยู่ในภาพใหญ่เป็นทิศทางขาลง ในขณะนี้กราฟระยะสั้นรายนาทีและรายชั่วโมงมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นและลดลงได้ แนวรับที่สำคัญ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1,650 เหรียญ ถ้าหลุดระดับนี้ลงมาก็จะไปทดสอบระดับ 1,635 เหรียญอีกครั้ง โดยที่แนวต้านด้านบนแนวต้านแรกคือระดับ 1,670 เหรียญและ 1,700 เหรียญตามลำดับ ทองคำรอข่าว Fiscal Cliff ซึ่งถ้าออกมาในเชิงบวกหรือลบ MTS Gold คาดว่ามีผลที่จะดันให้ราคาทะลุขึ้นหรือปรับตัวลดลงได้อย่างง่ายดาย ซึ่ง Downside ของทองคำน่าจะเหลือไม่เยอะนัก
Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,220 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,220 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,400 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 910 บาท และแนวต้านที่ระดับ 940 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ 1,657 1,665 เหรียญเท่านั้นในวันนี้ ซึ่งน่าเคลื่อนตัวจะแคบลง ยังคิดว่าเป็น Sideways แนะนำให้ซื้อขายบริเวณกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดทั้งหมดทั่วโลกหยุดทำการ
นักลงทุนระยะสั้น 7 20 วัน (Weekly Trade) รอความชัดเจนของข่าว Fiscal Ciff ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง รอความชัดเจนของข่าว Fiscal Cliff ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด Gold Future series Z จะหมดอายุในอีก 2 วันทำการ แนะนำให้นักลงทุนเปลี่ยน (Roll Over) ไปถือ series G โดยไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่มใน Series ZและหาจังหวะปิดSeries Z
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส Price Movement ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,660.50 USDต่อออนซ์ ความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,651 - 1,665 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัว เนื่องจากตลาดสำคัญหลายตลาด เช่น ตลาดในยุโรป สรหัฐ และญี่ปุ่น ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ และวันคริสต์มาส ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก ซึ่งคาดว่าตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีการเจรจาแก้ไขปัญหา fiscal cliff ในวันที่ 27 ธ.ค. ซึ่งสภาคองเกรสจะกลับมาทำงานกันอีกครั้ง แต่ความไม่แน่นอนของการเจรจายังคงมีสูง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนได้อีกครั้ง คาดว่าในสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,636 ถ้าหากหลุดแนวรับนี้จะลงไปที่บริเวณ 1,600/1,550 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,675/1,685 กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์หากไม่หลุด 1,636 คาดว่ากรอบจะอยู่ระหว่าง 1,636 1,685 แต่ถ้าหากหลุด 1,636 คาดว่ากรอบจะอยู่ระหว่าง 1,550 1,675 ส่วนวันนี้คาดว่าทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,648/1,636 แนวต้านบริเวณ 1,665/1,675 แนะนำนักลงทุนระยะสั้นหาจังหวะเปิด Long ทำกำไรระยะสั้น และหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,675/1,685 แนะนำเปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,635 ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ยาว สะสม Long เพิ่มเมื่อราคาลงมาบริเวณแนวรับ 1,636/1,600/1,550
Spot Gold Technical Analysis ราคาทองคำหลังจากชนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,665 ก็มีการอ่อนตัวลงมา ทั้งนี้ แม้ภาพกราฟระยะสั้น ยังส่งสัญญาณการอ่อนตัวลงต่อ แต่หากราคายังตั้งฐานเหนือแนวรับบริเวณ 1,650/1,645 ราคายังมีโอกาส Rebound กลับขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,665 อีกครั้ง และการทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าว มีโอกาสขึ้นไปอีก 10 เหรียญ บริเวณ 1,675/1,685 แนะนำ ทยอยเปิด Long เพื่อทำกำไรระยะสั้น หากราคาตั้งฐานเหนือบริเวณ 1,645 โดยมีจุด Stop Loss ที่บริเวณ 1,630 เนื่องจาก หากหลุดบริเวณแนวรับดังกล่าว มีโอกาสปรับร่วงลงไปแรงกว่า 20 เหรียญ
Key Point in Precious Market - ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ค่าเงิน USD ทรงตัว ( +/- ) ราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย ( +/- ) ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อลดลง ( - ) การลด Position ของนักลงทุนในช่วงปลายปี ( - ), ความไม่แน่นอนในเรื่อง Fiscal Cliff ( +/- ), ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาดี ( - )
- ประเด็นที่ต้องติดตาม การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐ - การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ วันอังคาร ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ วันพุธ ราคาบ้านเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์ เดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. วันศุกร์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เดือนพย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
- SPDR ถือทองจำนวน 1,350.82 ตัน Spot Silver ราคาโลหะเงินปิดที่ 29.90 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.8 - 30.3 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวน 10,045.85 ตัน คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 29.5/29.0 แนวต้านบริเวณ 30.3 /30.6 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน
กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส - วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐ ยุโรปปิดทำการ - คาดราคาทองคำแกว่งตัวกรอบแคบลง - ราคาทองมีแนวต้านที่ 1,670-1,672 และ 1,680 ดอลลาร์ - การเคลื่อนไหวของราคาทองคำและราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆหลังจากตลาดการเงินของสหรัฐกลับมาเปิดทำการในวันพุธ อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี มักเป็นช่วงที่นักลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มชะลอการลงทุน ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาตราสารทางการเงินต่างๆรวมทั้งราคาทองคำและโลหะเงินมักแกว่งตัวในกรอบแคบ
- ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจและจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและราคาโลหะเงินยังอยู่ที่เรื่องปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ ซึ่งรัฐสภาของสหรัฐจะเปิดประชุมอีกครั้งในวันพฤหัสนี้ หากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ปัญหาระหว่างสมาชิกจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำและโลหะเงินเคลื่อนไหวในกรอบที่กว้างขึ้น
- ราคาทองคำเริ่มยกระดับจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของวันสูงขึ้น และเริ่มมีสัญญาณซื้อเก็งกำระยะสั้นเกิดขึ้นจากเครื่องมือทางเทคนิคบางชนิด จึงคาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,670-1,672 และ 1,680 ดอลลาร์ ตามลำดับ ส่วนกรณีที่ราคาปรับตัวลงในระหว่างวัน คาดว่าจะยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาจากแนวรับบริเวณ 1,650 ดอลลาร์ หรือหากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณนี้ได้ คาดว่าที่แนวรับซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนบริเวณ 1,630-1,635 ดอลลาร์ ยังเป็นระดับแนวรับที่สามารถกลับเข้าซื้อเก็งกำไรได้ต่อไป
- ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวระหว่าง 29.50-30.50 ดอลลาร์ หากราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 29.50 ดอลลาร์ ก็จะเป็นสัญญาณขายกดดันให้ราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 29.0 และ 28.0 ดอลลาร์ ต่อไป
โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close chg. Support Resistance 24,350 +180 24,000/23,900 24,400/24,500 ประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งมีแนวต้านบริเวณ 1,670-1,672 และ 1,680 ดอลลาร์ตามลำดับ นักลงทุนอาจถือครองสถานะซื้อต่อไป การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่แนะนำรอให้ราคาทองคำปรับฐานมาที่แนวรับ 1,650 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนที่บริเวณ 1,636-1,640 ดอลลาร์
ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close chg. Support Resistance 922 - 910/900 930/950 ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวอยู่ระหว่างแนวรับและแนวต้านบริเวณ 29.5-30.5 ดอลลาร์ หากราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 29.50 ดอลลาร์ ก็จะเป็นสัญญาณขายกดดันให้ราคาปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 29.0 และ 28.0 ดอลลาร์ ต่อไป ดังนั้นการเก็งกำไรฝั่งซื้อควรรอเปิดสถานะในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 29.60-29.80 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 29.50 ดอลลาร์
จากคุณ |
:
ฮะ ว่าไงนะ
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 55 17:54:15
|
|
|
|
 |