Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล็งรีดภาษี11ธุรกิจ'สาธิต'ยันได้ประโยชน์ทุกฝ่าย/รับ3ปีสูญ1.8แสนล. vote ติดต่อทีมงาน

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2012 เวลา 10:09 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - คอลัมน์ : Big Stories


คลังแจงทันควันทางรายการ"นายกฯยิ่งลักษณ์พบประชาชน" โต้ลดภาษีเป็นธรรมได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เปิดตัวเลขกลุ่มเงินได้ขั้นแรก 1.5-3 แสนบาท ได้ลดภาระภาษีมากสุด  50.53% ขณะคนรวยเกิน 4 ล้านบาท ได้ลดแค่ไม่ถึง 6 %   ยอมรับส่งผลเม็ดเงินรายได้ 3 ปีหด 1.81 แสนล้าน เตรียมไม้เด็ดกางแผนเล็งรีดภาษีทุกเม็ด 11 ธุรกิจได้อานิสงส์ คนมีกำลังซื้อทำยอดขายพุ่ง


     การปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา จุดประเด็นวิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่าเอื้อคนรวย จากการลดอัตราภาษีเงินได้ที่เกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป ลงจาก 37% เป็น 35% และรัฐสูญรายได้ส่วนนี้ไปปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาครัฐมีภาระจ่ายจากโครงการประชานิยมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลัง นั้น

   ล่าสุด นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ได้ไปบันทึกเทปเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคมแล้ว  เพื่อเตรียมออกอากาศในช่วงรายการ"นายกฯยิ่งลักษณ์พบประชาชน"เช้าวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคมนี้แล้ว โดยได้แสดงแผนภาพข้อมูลประกอบอย่างละเอียด โดยยืนยันการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครั้งนี้ เป็นธรรมได้ประโยชน์ทุกฝ่าย แม้รัฐจะสูญเม็ดเงินรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไป แต่เป็นการเพิ่มกำลังซื้อและทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ทำให้สามารถเก็บภาษีจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ได้สูงขึ้นมาชดเชยได้

-ภาษีใหม่ไทยยังสูงกว่าเพื่อนบ้าน

   อธิบดีกรมสรรพากรย้ำว่า มีความจำเป็นของการปรับปรุงโครงสร้างภาษีดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างเดิมใช้มา 20 ปีเต็มแล้ว โดยอัตราใหม่จะบรรเทาภาระภาษี และสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งปิดช่องโหว่ของการหลีกเลี่ยง

   หากเปรียบเทียบอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมกับประเทศในกลุ่ม AEC  ถือได้ว่าอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทย สูงเป็นอันดับ 2  อยู่ที่ 0-35%  รองจากอันดับ 1 คือ ประเทศพม่า  ที่เก็บในอัตรา 3-40%  หรือใกล้เคียงกับฟิลิปปินส์ที่ 5-32% ,อินโดนีเซีย 5-30% เวียดนาม 0-30%  ขณะที่ประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าไทยมาก ได้แก่ มาเลเซีย ซึ่งเก็บที่ 0-28 % , ลาว 0 -28% กัมพูชา 5-20%  และสิงคโปร์ 0-20% ขณะที่บรูไนไม่เก็บภาษีนี้เลย

-เล็งบี้ภาษี 11 กิจการส้มหล่นลดภาษี

   อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมสรรพากรแจงว่า  มาตรการดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีของกรมสรรพากร ในปีงบประมาณ 2556 ประมาณ 25,000 ล้านบาท แต่จะทำให้รายได้สุทธิของผู้เสียภาษีมีมากขึ้น เมื่อคนมีเม็ดเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และทำให้สามารถเก็บภาษีจากการใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นด้วย

   ทั้งนี้  กรมสรรพากรได้ประเมินธุรกิจ ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่คนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้มียอดขายดี มีอัตราขยายตัวสูง  11 กิจการ ซึ่งจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด  ได้แก่

1.ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก  ที่คาดจะขยายตัวได้ 12.24 % ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนในภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 28%
2.ธุรกิจบริการเช่าซื้อรถยนต์ ที่จะขยายตัวดีทั้งจากที่คนมีกำลังซื้อเพิ่มและจากโครงการรถคันแรก
   3.กลุ่มธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง โดยของภาคเอกชนจะโต 10% ขณะที่ภาครัฐขยายตัว 16% ,
4. กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม ก็จะเติบโตดีจากความคืบหน้าการลงทุนระบบ 3 จี
 5.ธุรกิจกลุ่มระบบโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และที่เกี่ยวข้อง ก็มีการขยายตัวในแนวโน้มที่ดี
6.กลุ่มสุรา เหล้า เบียร์ เครื่องดื่มสุขภาพ เครื่องดื่มชูกำลัง เติบโตได้ดี 7.กลุ่มสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารและประกันภัย ขยายตัวดี คาดการณ์ตัวเลขเติบโตของกลุ่มประกันภัยจะโตได้ถึง 15.2%
8.กลุ่มธุรกิจน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซ ก็ขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ
9.กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน โตได้ที่ 4 % ส่วนเขตที่เกิดอุทกภัยจะฟื้นตัวช้ากว่าบ้าง
10.กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอีกกลุ่มที่ได้อานิสงส์ โตที่ 5.24%  และ 11.กลุ่มเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องครัว ที่จะมีอัตราเติบโตถึง 39% จากกำลังซื้อของประชาชนที่ดีขึ้น

-รับ3ปีรายได้สูญ 1.8 แสนล้าน  

   อย่างไรก็ดี  กรมสรรพากรรับว่า เมื่อประเมินภาระภาษีสูญเสีย จากมาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา การให้แยกยื่นภาษีของสามี-ภริยา และที่เกี่ยวกับภาษีคณะบุคคล ในช่วง 2555-2557 รวม 3 ปี  จะสูญเสียรายได้รวมทั้งสิ้น 1.81 แสนล้านบาท  โดยสูญเสียจากการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลมากที่สุดที่ คือ 5.25 หมื่นล้านบาท,7.5 หมื่นล้านบาท และ 2.25 หมื่นล้านบาท ในปี 2555-2557 ตามลำดับ ขณะที่การสูญเสียรายได้จากการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมีผลในปี 2557 ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท การให้แยกยื่นรายการของสามี-ภริยา รัฐจะสูญรายได้ในปี 2556 เป็นเงิน 7 พันล้านบาท ส่วนระเบียบใหม่เกี่ยวกับคณะบุคคล จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 2 พันล้านบาท

   พร้อมกันนี้กรมสรรพากรยังมีโอกาสหารายได้คืน รวม 1.186 หมื่นล้านบาท ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จากการที่คนมีกำลังซื้อและนำไปจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น แยกเป็น จากนโยบายบ้านหลังแรก มีรายได้เพิ่มจากภาษีการให้กู้ยืมซื้อบ้าน จำนวน 600 ล้านบาท ขณะที่นโยบายรถยนต์คันแรก มีรายได้เพิ่มจากภาษีมูลค่าเพิ่มกลุ่มยานยนต์ จำนวน 2,000 ล้านบาท จากภาษีการให้สินเชื่อเพื่อซื้อรถ จำนวน 300 ล้านบาท จากภาษีกลุ่มยานยนต์ จำนวน 5,000 ล้านบาท และจากภาษีจดทะเบียนรถยนต์ จำนวน 300 ล้านบาท รวม 7,600 ล้านบาท

   ขณะที่การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ช่วยสร้างเม็ดเงินรายได้เพิ่มจากภาษีจ่ายเงินปันผลที่มีการจ่ายเพิ่มขึ้น จำนวน 60 ล้านบาท  ส่วนนโยบายใช้สิทธิ์ BOI ของธุรกิจน้ำมัน จากภาษีทบทวนให้สิทธิ์ Green Energy  จำนวน 3,000 ล้านบาท และนโยบายบริหารจัดการน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท จะเก็บภาษีได้จำนวน  600 ล้านบาท  

-เคลียร์ทุกปมลดภาษีเงินได้

   ส่วนประเด็นวิจารณ์การปรับโครงสร้างอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อเสนอใหม่ ซึ่งจะมีผลในรอบภาษีเงินได้ปี 2556 ที่จะต้องยื่นแจ้งชำระภาษีในปี 2557 นั้น นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร  ยืนยันว่า ทุกกลุ่มผู้เสียภาษีได้ประโยชน์ ทั้งในแง่ของการเปรียบเทียบบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระหว่างโครงสร้างแบบเดิมและข้อเสนอใหม่  หรือในแง่จำนวนเงินภาษีลด ลง                                                                                            
   โดยกลุ่มที่มีรายได้ 150,001-300,000 บาทต่อปี จำนวนเงินภาษีอยู่ที่ 7,500 บาทต่อปี หรือลดลง 7,500 บาทต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 15,000 บาทต่อปี,  กลุ่มที่มีรายได้สุทธิ 500,001-750,000 บาทต่อปี จำนวนเงินภาษีอยู่ที่ 37,500 บาทต่อปี หรือลดลง 12,500 บาทต่อปี จากเดิม 50,000 บาทต่อปี  , กลุ่มที่มีรายได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาทต่อปี จำนวนเงินภาษีอยู่ที่ 250,000 บาทต่อปี หรือลดลง 50,000 บาทต่อปี จากเดิม 300,000 บาทต่อปี  และ 4,000,001 บาทต่อปีขึ้นไป  จำนวนเงินภาษีลดลงตามเงินได้ สุทธิ      
                                 
   ขณะที่กลุ่มรายได้สุทธิ 0-150,000 บาทต่อปี ยังคงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้  กลุ่มรายได้สุทธิ 300,001-500,000 บาทต่อปี, 750,001-1,000,000  บาทต่อปี และ 2,000,001 – 4,000,000 บาทต่อปี จำนวนเงินภาษียังคงเท่าเดิมที่ 20,000 บาทต่อปี , 50,000 บาทต่อปี และ 600,000 บาทต่อปี            
                                   
   หรือหากมองในแง่ภาระภาษีอัตราเดิมเทียบกับอัตราใหม่  กลุ่มเงินเดือน 15,000  บาท (180,000 บาทต่อปี) ยังได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้, กลุ่มเงินเดือน 30,000 บาท (360,000 บาทต่อปี)  มีภาระภาษีใหม่อยู่ที่ 9,060 บาท ลดลง 7,500 บาทจากภาระภาษีเดิม 16,560 บาท หรือลดลง 45.29 %,กลุ่มเงินเดือน 100,000 บาท (1,200,000 บาทต่อปี) มีภาระภาษีใหม่อยู่ที่ 145,000 บาท ลดลง 26,100 บาท จากภาระภาษีเดิม 171,600 บาทหรือลดลง 15.21%, กลุ่มเงินเดือน 500,000 บาท (6,000,000 บาทต่อปี) มีภาระภาษีใหม่อยู่ที่ 1,633,500 บาทหรือลดลง 108,200 บาท จากภาระภาษีเดิม 1,741,700 บาท หรือลดลง 6.21%

   นายสาธิต กล่าวอีกว่า ขณะที่ภาษีเฉลี่ยคำนวณจากแบบปี 2554 จริง จะพบว่า กลุ่มเงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาทต่อปี  อัตราภาษีเฉลี่ยลดลงมากที่สุดถึง 50.53%  รองลงมาตามลำดับ คือ กลุ่มเงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาทต่อปี ลดลง 31.91% ,กลุ่มเงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาทต่อปี  ลดลง 22.74% ,กลุ่มเงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000  บาทต่อปี  ลดลง 18.71% , กลุ่มเงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาทต่อปี ลดลง 15.61%  ,กลุ่มเงินได้สุทธิ 2,000,001 – 4,000,000 บาทต่อปี  ลดลง 10.72% และกลุ่มเงินได้สุทธิ 4,000,001 บาทต่อปีขึ้นไป ลดลง 5.98%  หากรวมเงินได้สุทธิทั้งหมด คิดเป็นอัตราภาษีเฉลี่ยที่ลดลง 15.89%

                 อนึ่ง สถาบันอนาคตไทยศึกษา ระบุกลุ่มผู้เสียภาษีมากที่สุด จากโครงสร้างรายได้ภาษี คือ  ผู้เสียภาษีที่อัตราสูงสุด 30% ขึ้นไป มีเพียง 1.76 แสนราย คิดเป็นสัดส่วน 1.78% ของผู้เสียภาษีทั้งหมด 10 ล้านคน หรือเป็นเม็ดเงินภาษีสัดส่วน 2 ใน 3 ของรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมทั้งหมด  คิดเป็นสัดส่วน 67%

   สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 (ตุลาคม – พฤศจิกายน 2555) จัดเก็บรายได้สุทธิ 321,222 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 25,193 ล้านบาท หรือ 8.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18.2%  เป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 กรม ที่สูงกว่าประมาณการ 32,457 ล้านบาท แต่การคืนภาษีของกรมสรรพากรสูงกว่าประมาณการ 8,350 ล้านบาท ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบผลการจัดเก็บรายภาษีในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 กับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่าส่วนมากมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเมื่อปีก่อนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,803 วันที่  23-26  ธันวาคม พ.ศ. 2555

จากคุณ : Wild Rabbit
เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 13:01:00




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com