ความคิดเห็นที่ 1 เพราะแมงเม่ากำลังเชื่อมั่นในตลาด และเพิ่มเงินลงทุนเต็มพอร์ต จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ จากคุณ : yut-san เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:45:38

ความคิดเห็นที่ 2 1 จากคุณ : หาปราชญ์ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:50:19

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าเพราะจะมีกองทุนltfที่จะถึงกำหนดในการไถ่ถอนครับ ยิ่งหุ้นขึ้นแรงมากโอกาสที่คนจะไถ่ถอนเอากำไรออกมาก็ย่อมมีสูงในความคิดของผมครับ จากคุณ : macbook เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:50:24

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าตอนนี้พวกพี่คิดว่าตัวเองเก่ง มองเกมออก แล้วคิดว่าตลาดจะลง นั่นแหละ แมงเม่า ตัวจริง ถ้าไปดู สถิติการซื้อขาย จะเห็นเลยว่า เม่าขายมากที่สุด ส่วนปอบกับกอง เก็บมาพอควร หรั่งก็ยังซื้ออีก เงิน QE ก็เหมือนเศษกระดาษที่หรั่งพยายามจะเปลี่ยนมันเป็นสิ่งที่มีค่าคือ หุ้น ผมเห็นกระทู้ บอกล้างพอร์ต ล้างพอร์ต ใครใคร่จะล้างก็ล้างไปเถอะครับ ผมเห็นพูดกันมาตั้งแต่ 1100 กว่าจุดแล้ว แต่ก็ดีครับ เม่าจะได้ถือน้อยๆ จะได้เหลือแต่นักลงทุนจริงๆ ที่ถือหุ้นอยู่ ผมยังมองไม่ออกว่าหุ้นจะลง หรือถ้าคิดว่าจะลงจริงก็ไปเปิด tfex แล้วเตรียมตังรอ Short ไว้ก็ได้ จะได้ไม่เสียปันผลหุ้น ความเห็นส่วนตัวนะ เจอกันที่ 1400 จุด จากคุณ : เม่าเริงร่า เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:52:01

ความคิดเห็นที่ 5 พิมพ์แบ๊งค์เองเอามาล้างต่างประเทศเสร็จ-ขนเป็นตั๋วใบน้อยกลับหุ้นก็ตกทุกที-55555 จากคุณ : sspp8888 (sspp8888) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:54:25

ความคิดเห็นที่ 6 1600คับแล้วจะย่อให้เก็บอิอิ จากคุณ : TNDS เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:54:32

ความคิดเห็นที่ 7 ตามความเข้าใจของเม่ามือใหม่อย่างเรา กว่าจะขึ้นแรง...ก่อนหน้านั้น เงินก็เข้าไปรอทำกำไรอยู่แล้ว ขึ้นแรงมาก เจ้าของเงินก็ต้องรูดเงินออกมากับกำไรแน่นอน ไม่ขายตอนขึ้นแล้วจะขายตอนไหนล่ะ ใครไม่ขายก็รอแรงกระแทกตามระเบียบ..ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเอย ขาใหญ่เอย หรั่งเอย เม่าน้อย ๆ ก็ขายมาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ตอนตลาดขึ้นหนัก ๆ ทุกอย่างแพง ก็ต้องมีการขายกันที่แพง ๆ นี่แหล่ะ เดี๋ยวราคาร่วง ไม่ได้ขาย กำไรมันจะย่อส่วนซะ ไม่เป็นไปตามเป้า. ส่วนตัวมองว่า รอบนี้ ย่อหนักแ่ค่ไหน ก็ยิ่งวิ่งไปต่อ แรงเท่านั้น ... แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 13:56:46 จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 13:55:28

ความคิดเห็นที่ 8 จะว่าเม่าก็เม่าเถอะค่ะ...ขอมีตังค์เข้าเป๋าเป็นพอ หุ้นบางตัวมัน ซิ๊กแซก เราก็เล่นรอบตามกรอบของมัน เช่น ADVANC ส่วนตัวไหนไปได้เรื่อยๆ ก็ไม่ขาย  ต้องดูนิสัยหุ้นตัวนั้นๆ เช่น CPN เราเป็นเม่าใหม่หัดขับจริงๆ ใครว่าไหนไม่เคยโกรธ ยิ่งดีต่อตัวเราเพื่อนำไปปรับใช้ ปล.หุ้นต้องย่อประมาณ 20 จุดจากนั้นจะยาวไปอีกไกล  เราก็หาจังหวะเข้าเป็นรายตัว ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 14:06:11 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 14:04:20 จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:03:30

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็เม่าพันธุ์แท้ครับ..   ล้างปอดเกลี้ยง แล้วด้วย ..ขายหมูอู๊ดๆ  ซะบ่อย และเริ่มสะสม  SHOT  TFEX แล้วด้วยง่ะ ..   ------------------------------------------- ความคิดผมนะครับ ไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีเท่าไร   อาศัยแค่ประสบการณ์ส่วนตัวคิดว่าปรับฐาน ทำกำไรกันบ้าง สัก 30-50 จุด ในช่วง ม.ค.-มี.ค. 56 แต่ไม่ลงแรง  แบบถล่มทลาย ส่วนจะลงแรงหรือไม่อย่างไร   มารอรับฟังผู้รู้ครับ จากคุณ : humble beggar เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:13:37

ความคิดเห็นที่ 10 ผมยังไม่คิดขนาดว่า มันจะลงแรง แต่คิดว่ามีย่อซัก 50 จุดก่อน ส่วนหุ้นผมยังไม่ได้ขาย แต่กำลังอยากเปลี่ยนตัว อยากเปลี่ยน intuch ไปเข้า cpf แทน ไม่รู้ขายหมูซื้อหมาหรือเปล่า กำลังอยู่ในช่วงพิจารณา แล้วก็ตอนนี้ผมก็เตรียมเปิด S S50 อย่างเดียว ผมเชื่อว่า มันต้องลงก่อน แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 14:23:39 จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:21:22

ความคิดเห็นที่ 11 สังเกตุเอาสิครับ กลางเดือนเป็นต้นมา ชาวบ้านเค้าซ์้อกัน แต่รายย่อยกับปอปทั้งนั้นครับที่เททิ้งอย่างเดียวเลย ทำให้ตลาดตก ต่างชาติก็ซื้อ สถาบันก็ซื้อ จากคุณ : 2b-rich เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:32:38

ความคิดเห็นที่ 12 ขึ้นๆ ลงๆ ก็เป็นธรรมชาติของหุ้นอยู่แล้ว มองตลาดด้วยใจสงบ ตัดความโลภออกจากใจ ซื้อขายด้วยความไม่ประมาท ถึงจะไม่รวยมาก แต่ก็ไม่จนนาน  สาธุ.... จากคุณ : via iPhone (WindReturn) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:34:02

ความคิดเห็นที่ 13 หรั่งซื้อต้อนรับ AEC ครับ จากคุณ : gankstardra เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:39:50

ความคิดเห็นที่ 14 ประเด็นมันขัดกับภาวะตลาดไปนีดส์นุง จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:58:22

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ต้องไปคิดอะไรให้ยุ่งยาก ซับซ้อน เสียเวลา ปวดสมอง อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ปัจจุบันขึ้นหรือลงล่ะ จากคุณ : asforwealthy เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:00:42

ความคิดเห็นที่ 16 เท่าที่เห็นสูตรสำเร็จของข่าวเกี่ยวกับการลงทุน หุ้นจะถึง2000+จุดแน่นอน = เจ้าเตรียมปล่อยของ หุ้นแพงเกินไปแล้ว,ตลาดมาถึงจุดสูงสุดแล้วน่ากลัว = เจ้าจะเก็บของ ปล.ผมมือใหม่นะ จากคุณ : อาคิลิส เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:02:17

ความคิดเห็นที่ 18 ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง ปัจจัยหลักอยู่ที่ Demand & Supply ของหุ้นแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นแนว VI หรือ TA สิ่งสำคัญคือมอง เทรน ให้ออก เทรนในแนวของ VI คือ วัฎจักรของหุ้น (ภาพย่อยในระดับอุตสาหกรรมนั้น) หรือวัฎจักรของเศรษฐกิจ (ภาพใหญ่ในระดับประเทศ) เทรนในแนวของ TA คือ วัฎจักรของกราฟราคา มีทิศทางอย่างไร เพราะฉะนั้นปัจจัยหลัก ก็คือ มองเทรนให้ออกก่อน มันจะบอกทิศทางของราคาได้ การที่หุ้นจะขึ้น หรือจะลง มันจะขึ้นไปถึงเท่าไร หรือลงไปถึงเท่าไร ไม่มีใครสามารถตอบได้แบบ 100% (นอกจากเจ้ามือปั่นหุ้น) เพราะฉะนั้น ในเทรนขาขึ้น ก็จะมีภาพของการย่อตัวลงมาอยู่เป็นระยะๆ เช่นเดียวกับในเทรนขาลง ก็จะมีการเด้งของราคาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เนื่องจาก มีกลุ่มคนที่ขายออกไปเพื่อทำกำไร และก็มีอีกกลุ่มที่เข้ามารับซื้อ นั่นก็คือ Demand & Supply ของหุ้นนั่นเอง เพราะหุ้นทุกตัว (ไม่นับหุ้นปั่น) มันไม่ขึ้นแบบต่อเนื่อง คือ ขึ้นทุกวัน และมันก็จะไม่ลงแบบต่อเนื่อง คือลงทุกวัน มันจะมีการขึ้นๆ ลงๆ ซ้ายขวาๆ (ไม่ใช่เกมส์ Contra) อยู่เป็นประจำ คราวนี้มาดูลึกลงไปใน Demand & Supply หลักการเศรษฐศาสตร์ธรรมดาไม่มีอะไร ถ้าหุ้นจะขึ้นต้องมี Demand มากกว่า Supply และหุ้นจะลงเมื่อมี Supply มากกว่า Demand นั่นเอง เงินทุนที่ใหญ่พอจะสามารถสร้าง Demand หรือ Supply ได้ ซึ่งก็คือ กลุ่มกองทุน และต่างชาติ ซึ่งเงินทุนของเขาจะมีการไหลเข้า-ออก ในทางใดทางหนึ่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างจากรายย่อย จริงๆ แล้วปริมาณของรายย่อยก็เยอะ แต่รายย่อยไม่ได้มีเงินทุนใหญ่ขนาดกองทุน กับต่างชาติ รวมไปถึงมีทิศทางที่กระจายกันออกไป (คือไม่ได้รวมตัวกันเป็นเงินก้อนใหญ่ในการเข้าซื้อนั่นเอง) ขอยกตัวอย่างกลางปี 2008 แล้วกัน เป็นช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ช่วงนั้นเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แถมผลประกอบการก็ดี แต่มีการขายของกองทุน และต่างชาติ เป็นอย่างมาก แถมต่อเนื่องติดกันเกือบทุกวัน ทำให้ดัชนีหล่นจากประมาณ 870 จุด ลงไปต่ำสุดที่ 380 จุด ภายใน 6 เดือน หุ้นทุกตัวในตลาด (ยกเว้นหุ้นปั่นบางตัว) ราคาลดลงอย่างน่าใจหาย และถึงแม้ผลประกอบการยังดีอยู่ แต่เนื่องจากราคาหุ้นลดลง ทำให้การจ่ายเงินปันผลก็ลดลงไปด้วย แต่เมื่อเทียบราคา กับเงินปันผล แล้ว ถือว่าผลตอบแทนดีมาก หลังจากนั้นตลาดก็กลับมาเป็นขาขึ้น โดยมีการพักตัว และย่อตัวเป็นระยะ จนมาถึงวันนี้ เหตุผลคืออะไรในการลงครั้งนั้น ผมคิดว่ามันเป็นจิตวิทยา ความโลภ ความกลัว ของคนในตลาดมากกว่า กังวลปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นไทยไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ผมคิดว่า คนที่อยู่มานานหลายปี ผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง รู้จักเรียนรู้ เขาจะรู้จักวิธีการเอาตัวรอด รู้ว่าควรจะทำอะไรในจังหวะไหน โดยไม่โทษปัจจัยใดๆ ทั้งสิ้น แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 15:42:29 จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:32:35

ความคิดเห็นที่ 19 ผมยังไม่เห็นสัญญาณลงแรงเลยครับในระยะสั้น (แต่มันเกิดขึ้นแน่ๆในอนาคต) จากคุณ : wkiet เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:35:01

ความคิดเห็นที่ 20 ยังกอดอยู่เต็มปอด  แต่ก็พร้อมจะคัทเมื่อถึงจุดที่ตั้งไว้ในอัตราที่รับไหว จากคุณ : pasawee2551 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 16:24:23

ความคิดเห็นที่ 21 . แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 55 10:48:30 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 18:45:34 จากคุณ : PolluxGMN เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 17:55:20

ความคิดเห็นที่ 22 เท่าที่ดู ตอนนี้ ยังมีคนกลัวตลาดฯอยู่พอสมควร รวมถึงเราด้วย ดังนั้น set ไปต่อแน่ๆ จากคุณ : Irongirl เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:03:37