อารมณ์ต่อสภาวะตลาดกระทิง 4 แบบ และสภาวะตลาดหมี 4 แบบ
|
|
จากทฤษฎี เรื่องจิตวิทยาของคลื่นแอลเลียต ผมอ่านเจอมาจาก หนังสือ ทฤษฎีคลื่นแอลเลียต โดย ประสาร เศรษฐนันท์ เห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอามารวบรวมเรียบเรียงตัดตอนใหม่แล่เอามาแชร์ครับ
ในสภาวะตลาดลงทุนจะมีอยู่สองฝ่ายตลอดเวลา คือในสภาวะตลาดกระทิง ที่อยู่ฝ่ายส่งเรียกว่า พวกกระทิง และที่อยู่ฝ่ายต้านเรียกว่า พวกหมี และกลับกันในสภาวะตลาดหมี พวกหมีจะอยู่ฝ่ายแรงส่ง ส่วนพวกกระทิงจะอยู่ฝ่ายแรงต้าน แต่นักลงทุนคนนึงอาจจะเป็นพวกกระทิงในขณะหนึ่ง แต่เปลี่ยนเป็นพวกหมีในเวลาต่อมาได้
พวกกระทิงจะมองหาภาวะตลาดกระทิง และมีอารมณ์สี่แบบคือ เมื่อเริ่มตลาดกระทิง ไม่เชื่อ ว่าตลาดกระทิงมาถึงแล้ว กลางตลาดกระทิง เชื่อมั่น ว่าเป็นตลาดกระทิง ปลายตลาดกระทิง ยึดมั่น ว่าตลาดกระทิงจะคงอยู่ตลอดไป จบตลาดกระทิง หวัง ว่าตลาดกระทิงจะกลับเข้ามาในไม่ช้า
ส่วนพวกหมีจะมองหาภาวะตลาดหมี และอารมณ์ต่อตลาดหมี 4 แบบเช่นเดียวกันคือ เมื่อเริ่มตลาดหมี ไม่เชื่อ ว่าตลาดหมีมาถึงแล้ว กลางตลาดหมี เชื่อมั่น ว่าเป็นตลาดหมี ปลายตลาดหมี ยึดมั่น ว่าตลาดหมีจะคงอยู่ตลอดไป จบตลาดหมี หวัง ว่าตลาดหมีจะกลับเข้ามาในไม่ช้า
ซึ่งส่งผลออกมาใน คลื่น 1 เป็นคลื่นที่อ่อนแรงเป็นช่วงที่ ตลาดหมีเพิ่งจบไป และเริ่มตลาดกระทิง คลื่น 2 เป็นคลื่นปรับตัวครั้งแรกของตลาดกระทิง เป็นช่วงที่ทุกคนไม่แน่ใจว่าตลาดกระทิงกลับมาแล้ว จึงมีการกลับตัวที่รุนแรง แต่จะต้องไม่เกิน 100%ของคลื่น1 คลื่น 3 เป็นคลื่นที่พวกกระทิงเชื่อมั่น รุมแย่งกันซื้อหุ้น เริ่มมีนักเก็งกำไรเข้ามาไล่ซื้อหุ้นโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน คลื่น 4 เป็นช่วงที่พวกหมีหวังว่าตลาดหมีจะกลับมา แรงขายมีไม่มาก ส่วนพวกกระทิงยังซื้ออยู่ คลื่น4 จึงเป็นคลื่นที่มีการปรับตัวไปด้านข้าง เป็นจุดสมดุลย์ระหว่างแรงส่งกับแรงต้าน คลื่น 5 เป็นคลื่นสุดท้ายของตลาดกระทิง แต่มีพวกกระทิงใหม่ที่ยังยึดมั่นว่าตลาดกระทิงไม่มีวันจบ คลื่นนี้เป็นคลื่นธรรมดาพลังน้อย เพราะไม่มีเงินใหม่เข้ามา คลื่น A เป็นคลื่นแรกของตลาดหมี แต่พวกหมียังไม่เชื่อว่าตลาดหมีกลับมาแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่าเป็นการถอยมาตั้งหลัก ดังนั้นการปรับตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ คลื่น B เป็นคลืื่นที่กระทิงใหม่ และนักเก็งกำไรหวังว่าตลาดกระทิงยังไม่จบเพราะยังติดหุ้นราคาสูง เป็นคลื่นที่สั้นและไม่มีจุดสูงสุดใหม่ ไม่มีใครมาไล่หุ้น คลื่น C เป็นคลื่นที่พวกหมีแน่ใจแล้วว่าเป็นตลาดหมี จึงมีการทุ่มขายหุ้นออกมา ราคาจะตกอย่างรุนแรง ราคาหุ้นจะต่ำกว่าความเป็นจริง คลื่น D ในกรณีที่แนวโน้มกระทิงแรงผิดปรกติ คลื่น C จะสั้นกว่าปรกติพวกกระทิงคิดว่าตลาดหมีจบแล้วจึงซื้อหุ้นขึ้นไป ปริมาณการซื้อขายอาจเพิ่มขึ้น คลื่น E หลังจากแรงซื้อของพวกกระทิงหมด พวกหมีคิดว่าตลาดหมียังไม่จบก็ทุ่มขายหุ้นออกมาอีก คนส่วนใหญ่มีความแน่ใจรุนแรงมากว่าเข้าตลาดหมีแล้ว เป็นคลื่นสุดท้ายเหมือนคลื่น5 ประกอบด้วยสภาพทางจิตวิทยาที่เร้าอารมณ์
ดังนั้น อารมภ์ความรู้สึกของนักลงทุนจะเป็นตัวกำหนด บุคคลิกลักษณะของคลื่น แต่ละคลื่นตลอดเวลา สภาวะจิตใจของชาวหุ้นจะแกว่งอยู่ระหว่างความกลัวและความโลภ ทำให้หุ้นเปลี่ยนมือระหว่างนักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อย ในสภาวะแต่ละคลื่น
แต่ท้ายสุดบุคคลิกของคลื่นเป็นเพียง สิ่งที่น่าจะเป็น ไม่ใช่สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ไม่ได้จัดไว้เป็นกฏ แต่เป็นแค่แนวทางเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการนับคลื่น
ปล. แจก/แลกกิฟท์ช่วงสิ้นเดือน คนที่เข้ามาลงชื่อครับ
จากคุณ |
:
Blue day
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 55 14:03:19
|
|
|
|