บล.โกลเบล็ก คาด ดัชนีปีหน้าแตะระดับสูงสุดที่ 1,653 จุด
|
|
Update/บล.โกลเบล็ก คาด ดัชนีปีหน้าแตะระดับสูงสุดที่ 1,653 จุด ขานรับนโยบายรัฐทั้ง ลดภาษี-ลดดอกเบี้ย
บล.โกลเบล็ก คาด ดัชนีปีหน้าแตะระดับสูงสุดที่ 1,653 จุด ขานรับนโยบายรัฐทั้งลด ภาษี-ลดดอกเบี้ย แต่เตือนช่วงต้นปีหุ้นไทยยังผันผวน เหตุมีแรงขายของกองทุน LTF ,ประเมิน วอลุ่มตลาดรวม 3.2 หมื่นลบ./วัน แย้มเตรียมเข็นไอพีโอเข้าตลาดปีหน้า ขั้นต่ำ 2 บริษัท อสัง หาฯ และชิ้นส่วนยานยนต์
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินดัชนีสูงสุดในปีหน้าไว้ที่ 1,653 จุด P/E 19 เท่า โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ รัฐบาลปรับลดอัตราภาษีลง การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการที่รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการพื้น ฐานในประเทศ ทั้งการสร้างถนน รถไฟฟ้า และโครงการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ขณะเดียว กันประเมินว่า เสถียรภาพของรัฐบาลจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะการได้บ้านเลขที่ 111 เข้ามาเสริมทัพการทำงาน ' หากปีหน้ารัฐบาลเดินหน้าโครงการพื้นฐานตามที่บอกไว้จริง ทั้งการสร้างรถไฟฟ้า สร้างถนน และโครงการห้องกันน้ำท่วมก็เชื่อว่าจีดีพีปีหน้าจะดีขึ้นกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะโต ประมาณ 5% แน่นอน แต่หากรัฐบาลยังไปแตะเรื่องรัฐธรรมนูญ ความแตกแยกก็จะเริ่มเกิดขึ้น อีกครั้ง ดังนั้นการทำประชามติถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม และทุกฝ่ายต้องยอมรับเมื่อผลประชามติ ออกมา' นายธวัชชัย กล่าว สำหรับ ดัชนีต่ำสุด ในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ระดับ 1,335 จุด ภายใต้ P/E 15 เท่า โดย ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้า จะมาจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และภาวะ เงินเฟ้อ โดยเชื่อว่าในปีหน้าราคาพลังงานทั้งน้ำมันและแอลพีจีจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเอ ฟทีปรับเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปีหน้าจะยังผันผวน เนื่องจากประเมินว่า ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. จะมีแรงขายหน่วยลงทุน LTF ออกมา ทำให้ดัชนีปรับลดลง ซึ่งเป็นช่วง ที่นักลงทุนระยะกลางควรซื้อเก็บไว้ โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 32,000 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะปรับ ตัวดีขึ้นจากปีนี้เล็กน้อย ขณะที่จะมีสภาพคล่องไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยมากขึ้นจากการผ่อน คลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ และนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ของทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ' นักลงทุนระยะกลางควรขายทำกำไรออกมาในช่วงปลายปีนี้ และช่วงต้นปีหน้าก็รอ ซื้อเก็บ เพราะนักลงทุนจะมีการขายหน่วยลงทุน LTF ออกมา อาจไม่ได้ขายหมดพอร์ตทั้ง 15,000 ล้านบาท น่าจะอยู่ระดับประมาณ 5,000 ล้านบาทได้ ซึ่งก็เป็นช่วงที่นักลงทุนระยะกลาง รอซื้อเก็บไว้' นายธวัชชัย กล่าว ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทฯ ประเมินว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มที่มาแรงที่สุด เนื่อง จากประเมินว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้น ทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้น อาทิ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP และ BCP เป็นต้น ขณะที่กลุ่มธนาคารยังปรับตัวดีขึ้น แต่ อาจไม่แรงเท่าปีนี้ ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ยังปรับตัวดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าช่วงต้นปีหน้าจะมียอดโอน เข้ามามากในช่วงต้นปี นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทเตรียมเข็นไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เบื้องต้น 2 บริษัท โดยเป็นบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 1 บริษัท และชิ้นส่วนยานยนต์ 1 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะ เข้าเทรดได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่า ตลาดหุ้นไอพีโอในปีหน้าจะยังคึกคักต่อเนื่อง จากปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความต้องการลงทุนในหุ้นไอพีโอค่อนข้างมาก ' นักลงทุนยังพร้อมรอซื้อหุ้นไอพีโอเยอะ แม้จะเป็นช่วงปลายปีก็ยังรอที่จะซื้อ เพราะ กระแสไอพีโอที่ผ่านมายังดีมาก เรามองว่าปีหน้าก็ยังดี ถ้าไม่มีตัวไหนผิดแผน ก็จะทำให้ไอพีโอดี แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่นักลงทุนก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะใช่ว่าพื้นฐานหุ้นไอพีโอจะดี เหมือนกันทุกตัว' นายธนพิศาล กล่าว รายงาน โดย สิรี โอศิริ เรียบเรียง โดย ชัชชญา อังคุลี อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 27/12/12 เวลา 14:08:16
จากคุณ |
:
kbc01
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 55 14:16:56
|
|
|
|