 |
ความคิดเห็นที่ 41 |
|
บทความของท่านคึกฤทธิ์ สยามรัฐ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๑๑
วันนี้จะ ต้องขอระงับไม่เขียนเรื่องการบ้านหรือการเมืองไว้สักวันหนึ่ง เพราะมีเหตุที่จะต้องเขียนถึงเรื่องอื่น คือเรื่องผายลม ที่เขียนเรื่องนี้มิใช่ว่าเพราะในระยะนี้มีการผายลมกันมากเพราะการเมือง กำลังเฟื่องฟู มีการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ที่ต้องเขียนก็เพราะมีท่านผู้อ่านท่านหนึ่งใช้นามว่า ส.ท. เขียนจดหมายมาปรับทุกข์กับผมเรื่องโรคประจำตัวของท่านซึ่งทำให้เกิดผลทางใจ อันไม่สู้จะดีนัก
คุณ ส.ท. เขียนมาบอกว่าตั้งแต่อายุยี่สิบปีกว่าเป็นต้นมาก็มีลมในท้องมาก เวลานี้อายุสี่สิบเศษแล้วยังไม่ปรากฏว่ามีอาการดีขึ้นเลย รักษาหมอก็หนักแล้ว กินยามาแล้วนับขนานไม่ถ้วน โรคก็ไม่คลายลง แต่ดูเหมือนจะหนักขึ้นไปอีก
คุณ ส.ท. บอกว่าลำพังลมแต่ในท้องก็พอทำเนา แต่โรคนี้ได้ทำให้คุณ ส.ท. ต้องผายลมมากและบ่อยในทุกที่และทุกโอกาส
เขียนว่าผายลมต่อไปก็เปลืองแรง ต่อไปนี้ขอใช้คำว่าตดก็แล้วกัน เพราะมีแต่สองอักษรง่ายกว่ากันมาก
คุณ ส.ท. ปรับทุกข์ว่าตดที่บ้านไม่เป็นไร แต่เวลาไปทำงานก็ต้องไปนั่งตดทั้งวัน แต่ก็ยังไม่สู้กระไรนัก ที่ร้ายก็คือ เวลาเข้าประชุมคุณ ส.ท. ต้องลุกออกไปนอกห้องประชุมบ่อยที่สุด
ออกไปตด
เพราะในที่ประชุมนั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ร่วมด้วยจะตดออกมาในที่ประชุมก็ไม่ได้
ไปในงานสังคมก็ถูกคนรังเกียจพากันหลีกห่างเพราะคุณ ส.ท. ไปตดไม่เป็นจังหวะ
เมื่อ เร็วๆ นี้ไปบวชน้องชายก็ต้องไปยืนแขวนอยู่นอกโบสถ์ไม่กล้าเข้าไประหว่างอุปสมบท กรรม เพราะรู้ตัวว่าจะต้องเข้าไปตด ดีไม่ดีเดี๋ยวสงฆ์จะสะดุ้งสะเทือนถึงขาดหัตถบาศ น้องชายจะไม่เป็นองค์พระ พอน้องบวชแล้วก็ได้แต่วิ่งจู๊ดเข้าไปถวายของ อารามที่ตื่นเต้น พอลงกราบพระก็ตดออกมาอีกจนได้
คุณ ส.ท. เล่าว่าเมื่อได้เมียใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วนั้นลำบากแทบขาดใจ เพราะอายเมียและกลัวเมียจะอาย แต่เมียก็ใจดีทายาทไม่ถือสา เดี๋ยวนี้กลายเป็นของธรรมดาไป คุณ ส.ท. กินก็ตด นอนก็ตด ทำอะไรๆ ก็ตดเรื่อยไป เมียก็คุ้นเสียแล้ว ไม่ว่า จะลำบากก็ตอนออกจากบ้านเท่านั้น
“บางวันผมคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็อยากตายหรืออยากหนีไปอยู่ที่ไหนคนเดียว” คุณ ส.ท. เขียนมาบอก
“โรค ประจำตัวนี้ทำให้ผมเข้าใครไม่ได้สนิท ออกห่างคนอยู่เสมอ ไปไหนก็อยู่ไม่ได้นาน ทุกวันนี้เพื่อนฝูงก็แทบว่าจะไม่มีเลย รู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่ตลอดเวลา...”
คุณ ส.ท. ถามมาว่าจะมีทางแก้ไขอย่างไรบ้างไหม หรือจะให้ทำจิตใจอย่างไร สุขภาพจิตจึงจะไม่เสื่อมโทรม คุณ ส.ท. ขอให้ตอบในคอลัมน์ปัญหาประจำวัน แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรถูก จะแนะนำอย่างไรก็นึกไม่ออก บังเอิญพลิกหนังสือเก่าๆ อ่านดู ไปพบเรื่องอะไรเข้าอยากจะเขียนให้คุณ ส.ท. ได้อ่านเป็นกำลังใจ จึงขอนำเอามาเขียนในคอลัมน์นี้
เมื่อประมาณแปด สิบปีมานี้ กระทาชายนายหนึ่งชื่อนายปูจอล เป็นชาวฝรั่งเศส ได้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าศิลปินในยุคเดียวกันเป็นส่วนมาก และมีฐานะดีร่ำรวยเพราะอาการอย่างเดียวกับคุณ ส.ท.
นายปูจอลเป็นนักตด
การตดของนายปูจอลไม่ซ้ำแบบใคร และไม่มีใครทำได้เหมือนในโลกนี้ ทั้งในสมัยก่อนนายปูจอลหรือตั้งแต่นั้นมา
นายปูจอลนั้นตดอย่างกระจุ๋มกระจิ๋มอ่อนหวานก็ได้ (Le petit pet timide de la jeune fille)
หรือจะตดอย่างห้าวหาญก้าวร้าวก็ได้ (Le pet rond du macon)
นาย ปูจอลตดได้เร็วๆ เหมือนยิงปืนกลทั้งตับ หรือตดดังกระหึ่มครึมครางเหมือนเสียงปืนใหญ่ซึ่งดังอยู่ถึงสิบวินาที นอกจากนั้นนายปูจอลยังตดไล่ลูกฆ้อง ทำเสียงโด่ เร มี ฟา โดยอนุโลมและปฏิโลม คือจากเสียงสูงไปหาต่ำ และจากต่ำไปหาสูงได้อีกด้วย
ใน ตอนที่นายปูจอลมีชื่อเสียงโด่งดัง ไปแสดงการตดที่โรงละครมูแล็ง รูจ ที่ปารีสนั้น ปรากฏว่าในการแสดงรอบกลางวันนายปูจอลเรียกคนดูได้คิดค่าตั๋วเป็นเงินถึง ๒๐,๐๐๐ ฟรังค์ ส่วนนางซาราห์แบรน์ฮาร์ดดาราหญิงผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้นได้ค่าตั๋วรอบกลางวัน เพียง ๘๐๐๐ ฟรังค์เท่านั้น ผิดกันตั้งไกล
นายปูจอลออกโรงแสดงเป็นครั้งแรกที่เมืองมาร์เซลส์ เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๘๗
เมื่อ เริ่มออกโรงนั้นอาการของนายปูจอลได้กลายเป็นศิลปะอันเป็นที่รู้จัก กันดีในบรรดาเพื่อนฝูงทั้งที่โรงเรียนและโรงทหารมาแล้ว แม้แต่พี่น้องลูกเมียก็นับถือการตดของนายปูจอลว่าเป็นอัจฉริยะ
ภายในเวลาอาทิตย์เดียว วิกที่นายปูจอลไปตดที่เมืองมาร์เซลส์ก็มีคนแน่น
ต่อมาอีกภายในเวลายี่สิบปีนายปูจอลก็ได้แสดงที่ปารีส ที่บรุสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยี่ยม ในอาฟริกาเหนือ และในที่อื่นๆ ทั่วยุโรป
การแสดงของนายปูจอลมีอยู่ชุดเดียว ไม่ได้เปลี่ยนเลยตลอดเวลายี่สิบปี
นายปูจอลนุ่งกางเกงแพรดำแค่เข่า สวมเสื้อแดง เดินออกไปคำนับคนดูที่หน้าเวทีแล้วก็กล่าวว่า
“ท่านสุภาพสตรี ท่านสุภาพบุรุษ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะนำเสนอต่อท่านการแสดงตด...”
แล้วนายปูจอลก็จะโก้งโค้งลงตดแบบต่างๆ ที่ไม่มีใครเคยได้ยินและไม่มีใครทำได้
ผู้ที่เคยดูการแสดงของนายปูจอลที่โรงมูแล็ง รูจ ในปารีสได้บันทึกไว้ว่า
“ใน ตอนแรกคนดูตกตะลึงเงียบไปทั้งโรง แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งหัวเราะขึ้นเหมือนคนบ้า อีกครู่หนึ่งคนดูทั้งโรงก็ฮาครืนและหัวเราะกันกลิ้งไปกลิ้งมา คนดูบางคนลุกขึ้นยืนตัวแข็งน้ำตาไหลพราก บางคนก็ตีอกชกหัว ส่วนอีกบางคนก็หัวเราะจนลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้น ผู้หญิงสมัยนั้นใส่สเตย์รัดรูปแน่น หัวเราะหนักเข้าก็เกิดอาการหายใจไม่ออก เพราะเหตุนี้ เวลานายปูจอลออกแสดงจึงต้องมีนางพยาบาลแต่งเครื่องแบบออกมาคอยทำหน้าที่ทาง ที่นั่งคนดูครั้งละหลายคนเสมอ”
อีกคนหนึ่งเขียนไว้ว่า
“ที่ โรงละคอนมูแล็งรูจตอนนายปูจอลออกแสดงนั้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนหัวเราะนานที่สุด และเป็นการหัวเราะอย่างลืมตัวมากที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินมา”
พระเจ้ากรุงเบลเยี่ยมในขณะนั้นได้เสด็จมายังกรุงปารีสเป็นการส่วนพระองค์ และโปรดฯให้นายปูจอลเข้าไปตดหน้าพระที่นั่ง
สถาบัน การแพทย์แห่งกรุงปารีสส่งนายแพทย์มีชื่อหลายคนไปตรวจร่างกายและ อาการของนายปูจอล และได้เขียนวิทยานิพนธ์ลงในนิตยสารการแพทย์เมื่อ ค.ศ. ๑๘๙๒
ต่อมานายปูจอลเกิดไม่ลงรอยกับโรงละคอนมูแล็ง รูจ จึงออกไปตั้งการแสดงด้วยตนเอง เปิดโรงละคอนขึ้นใหม่เป็นของตน ชื่อโรง “ปอมปาดัวร์” แสดงตดเกือบจะล้วนๆ
ใน ค.ศ. ๑๘๙๘ อันเป็นปีที่นายและมาดามคิวรีค้นพบแร่เรเดียม นายปูจอลทราบว่าโรงมูแล็ง รูจ มีนักแสดงหญิงคนหนึ่งมาแสดงแทนตน นายปูจอลคิดจะฟ้องนักแสดงคนนั้นว่าละเมิดลิขสิทธิ์ เอาอย่างการแสดงของตนโดยมิได้รับอนุญาต นายปูจอลจึงส่งทนายความไปคอยดูการแสดงของหญิงคนนั้นหลายคน แต่ก่อนจะเกิดคดีฟ้องร้องกันขึ้น ก็เกิดจับได้ว่าหญิงนั้นมิได้ตดจริง แต่ซ่อนนกหวีดและเครื่องเป่าต่างๆ ไว้ใต้กระโปรง
นายปูจอลมีอายุ อยู่มาถึง ๘๘ ปี เป็นตัวอย่างอันดีของคนที่ใช้เวรกรรมของตนที่ติดตัวมานั้นให้บังเกิดผลดีที่ สุดแก่ตนเท่าที่จะสามารถทำได้ เขาเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญมาก และด้วยการแสดงอันเยี่ยมยอด เขาได้บังคับให้คนเกือบทั่วยุโรปต้องตกตะลึงพรึงเพริดฟังเขาตดอย่างไม่มีทาง ที่จะป้องกันตัวได้เลย
ใครก็ไม่รู้เคยพูดไว้ว่า “พูดดีเป็นเงินเป็นทอง” ผมอยากขอต่อเอาไว้ว่า “ตดดีก็เป็นเงินเป็นทอง”
พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๑๑
ขอขอบคุณ http://www.lungthong.com/article.php
จากคุณ |
:
หล่อเลิศ ฉลาดล้ำ
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ต.ค. 52 19:15:06
|
|
|
|
 |