การเป็นพระราชาใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นยักษ์เขียว ที่มีกลิ่นเหม็นสาบโคลนตม เมื่อ เชร็ค (ให้เสียงพากย์โดย ไมค์ ไมเยอร์ส) แต่งงานกับ ฟิโอน่า (ให้เสียงพากย์โดย คาเมรอน ดิอาซ) สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ ก็คือการปกครองอาณาจักรฟาร์ฟาร์อะเวย์ แต่เมื่อพระราชาแฮโรลด์ พ่อตาของเขา เกิดสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน เชร็คจึงกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ทันที บัดนี้ ถ้าว่าที่พระราชาที่ไม่อยากเป็นพระราชา ไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมมาแทนที่เขาได้ เขาจะต้องติดแหง่กอยู่กับตำแหน่งนี้ไปตลอดชีวิต

ราวกับนั่นยังเป็นปัญหาหนักอกเชร็คไม่พอ เจ้าหญิงฟิโอน่ากำลังจะมีเซอร์ไพรส์ให้กับเขาอีกด้วย เชร็คที่กำลังมึนงงกับภาระหน้าที่ในการดูแลอาณาจักร และความเป็นพ่อที่กำลังใกล้เข้ามา ออกเดินทางค้นหาว่าที่รัชทายาทอีกเพียงคนเดียว ของราชบัลลังก์แห่งนี้ นั่นก็คือ อาร์ตี้ (ให้เสียงพากย์โดย จัสติน ทิมเบอร์เลก) ลูกพี่ลูกน้องที่หายตัวไปนานของฟิโอน่า ซึ่งเป็นเจ้าชายวัยรุ่นนอกคอก ขณะที่เชร็คไม่อยู่ ศัตรูเก่าอย่าง เจ้าชายชาร์มมิ่ง (ให้เสียงพากย์โดย รูเพิร์ต เอฟเวอเร็ตต์) ได้พาหน้าหล่อๆ กลับเข้ามายังอาณาจักรฟาร์ฟาร์อะเวย์ พร้อมความรู้สึกผิดในสมองเล็กๆ ที่แสนกลวงของเขา

ทางด้านเชร็ค แม้จะมี ด็องกี้ (ให้เสียงพากย์โดย เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์) และ พุสส์อินบู้ทส์ (ให้เสียงพากย์โดย แอนโตนิโอ แบนเดอรัส) ที่แสนอ่อนโยนอยู่เคียงข้าง แถมยังได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง จากฟิโอน่าและเหล่ากองทัพเจ้าหญิงทั้งหลาย แต่มันก็ยังเป็นภารกิจสุดโหดสำหรับเชร็คและอาร์ตี้ ที่จะจัดการกับเรื่องทุกอย่าง และค้นหาตอนจบแบบ “มีความสุขไปชั่วนานแสนนาน” ของพวกเขา...

สิ่งที่เริ่มต้นด้วยการเป็นเรื่องสั้นสำหรับเด็ก ผลงานของ วิลเลี่ยม สตีก ได้พัฒนากลายมาเป็นหนึ่งในภาพยนตร์หลายภาค ที่ประสบความสำเร็จที่สุด และเป็นที่รักมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการบันเทิง

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันน่าตื่นตะลึง ทั้งภาพและความรู้สึกของภาพยนตร์ Shrek ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตัวเชร็คเอง เขามีเพื่อนใหม่มากมาย ได้มีความรับผิดชอบใหม่ๆ และพัฒนามุมมองใหม่ที่มีต่อชีวิต

ใช่แล้ว... ฮีโร่ตัวเขียวของเรา เดินทางมาไกลมาก จากสมัยที่เขาเคยอยู่เพียงลำพังในบ่อโคลนของเขา

หลังจากสร้างฐานแฟนๆ ทั่วโลก ทั้งที่เป็นนักวิจารณ์และคนดูทั่วไป ภาพยนตร์หลายภาคอย่าง Shrek ได้สร้างรายรับอันน่าทึ่งสูงถึง $1.4 พันล้าน และทำยอดขายดีวีดีได้มากถึง 90 ล้านก๊อปปี้ ภาพยนตร์ Shrek ภาคแรก จบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง และทำรายได้ทั่วโลกไปถึง $479 ล้าน และทำยอดขายดีวีดีไปมากกว่า 50 ล้านก๊อปปี้ ภาพยนตร์ภาคแรกยังคว้าชัยชนะ ด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรก ที่มีการแจกกันในสาขาภาพยนตร์การ์ตูนยอดเยี่ยมในปี 2002

แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวเทพนิยายที่แสนต่ำต้อยเรื่องนี้ ที่มีการหยิบเอาเหตุการณ์ในตอนจบของภาพยนตร์ภาคแรกมาสานต่อ จนกลายเป็นประสบการณ์มัลติมีเดียแบบ Shrek 4-D เหล่านักแสดงชื่อดังของภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่างกลับมารับหน้าที่เดิมของพวกเขา ในผลงานการสร้างของ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ซึ่งได้ขยายโลกของเชร็ค และเชื่อมโยงเรื่องระหว่างการผจญภัยในภาพยนตร์ภาคแรก และปรากฏการณ์ของภาพยนตร์ Shrek 2

เมื่อ Shrek 2 เปิดตัวฉายตามโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 2004 มันได้สร้างสถิติเปิดตัวฉาย 5 วันแรกได้สูงสุดตลอดกาล ความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่นี้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล เป็นอันดับ 3 ด้วยยอดรายได้รวมจากทั่วโลกสูงถึง $920 ล้าน และดีวีดี Shrek 2 ทำยอดขายไปมากกว่า 40 ล้านก๊อปปี้

ในปีนี้ หลังการเปิดตัวฉายของ Shrek 3 จะมีรายการการ์ตูนเรื่องพิเศษฉายทางช่อง ABC เรื่อง Shrek the Halls ที่ยังคงได้เสียงพากย์จาก ไมค์ ไมเยอร์ส, เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์, คาเมรอน ดิอาซ และ แอนโตนิโอ แบนเดอรัส และปีหน้า ตำนานของ Shrek จะได้สร้างชีวิตใหม่ในละครบรอดเวย์เรื่อง Shrek: The Musical

เมื่อโลกของเชร็คขยายเติบโตมากขึ้น ครอบครัวของนักแสดง ที่ให้เสียงพากย์กับตัวละครเหล่านี้ ก็ขยายออกไปเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะนึกภาพของภาพยนตร์ Shrek โดยปราศจากเสียงพากย์ของ ไมค์ ไมเยอร์ส, เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์ และ คาเมรอน ดิอาซ ตอนนี้ เป็นเรื่องยากเหมือนกัน ที่จะนึกภาพโลกของเชร็ค โดยไม่มีทีมนักแสดงสมทบที่แสนคุ้นเคยอย่าง แอนโตนิโอ แบนเดอรัส, จูลี่ แอนดรูว์ส, รูเพิร์ต เอฟเวอเร็ตต์, จอห์น คลีส และ ลาร์รี่ คิง

สำหรับ Shrek 3 ครอบครัวยังคงขยายต่อไป ซึ่งรวมถึงสมาชิกที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลก ให้เสียงพากย์เป็น อาร์ตี้ ว่าที่เจ้าชายองค์ใหม่, เอริค ไอเดิล ให้เสียงพากย์เป็น พ่อมดเมอร์ลิน, เชอรี่ โอเทอรี่ ให้เสียงพากย์เป็น เจ้าหญิงนิทรา, เอมี่ โพห์เลอร์ ให้เสียงพากย์เป็น สโนว์ไวต์, มายา รูดอล์ฟ ให้เสียงพากย์เป็น ราพันเซล, เอมี่ เซดาริส ให้เสียงพากย์เป็น ซินเดอเรลล่า, จอห์น คราซินสกี้ ให้เสียงพากย์เป็น แลนซ์ล็อต, เอียน แม็คเชน ให้เสียงพากย์เป็น กัปตันฮุก