ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีครับหนุ่มๆสาวๆแห่งปิ๊งๆๆๆๆ และผู้ที่กำลังจะมาสมัครเข้าบ้าน และผู้เยี่ยมชมบ้านทั้งหลายครับ ถ้าจะให้กิฟท์แก่ผู้เปิดบ้าน ก็จะสร้างกำลังใจได้เยอะครับ และจะได้รู้ด้วยว่า มีพี่ๆน้องๆท่านใดมาบ้างแล้วหรือไม่ครับ ข่าวสารและข้อมูลทั้งมีสาระและไม่มีสาระ นำมาเพื่อคิดพิจารณาและวิเคราะห์ ไปด้วยอารมณ์ดีๆด้วยกันนะครับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:26:10

ความคิดเห็นที่ 2 ทริปแอดไวเซอร์( TripAdvisor) เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐฯ อมเริกา เปิดเผยผลสำรวจ เมืองน่าเที่ยวในด้านต่างๆ จากมุมมองของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผลปรากฏว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ติดอันดับที่ 2 เมืองที่เหมาะกับการช็อปปิ้งซื้อของมากที่สุดในโลก โดยเป็นรองแค่มหานครนิวยอร์ก ซิตี้ ของสหรัฐฯ          นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังติดอันดับ 3 เมืองที่มีค่าเงินถูกและคุ้มค่าต่อการมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย ตามหลังกรุงลิสบอนของโปรตุเกส และเมืองบูดาเปสต์ของฮังการี           สำหรับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้    สิงคโปร์ ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเมืองที่คนขับรถแท็กซี่สาธารณะที่เป็นมิตรต่อผู้โดยสารมากที่สุด และรั้งอันดับ 3 ในฐานะเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุด ขณะที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย รั้งท้ายตารางเป็นเมืองที่คนขับรถแท็กซี่มีความเป็นมิตรน้อยที่สุด           ผลการสำรวจครั้งนี้ เป็นการรวบรวมความคิดเห็นและการให้คะแนนเมืองต่างๆ ใน 9 หัวข้อของชาวต่างชาติ ที่เคยเขียนแนะนำและติชมเมืองต่างๆ ในเว็บไซต์มากกว่า 7.5 หมื่นคน พบว่า กรุงโตเกียวได้รับการชื่นชมมากที่สุด โดยครองแชมป์อันดับ 1 เมืองที่มีความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว และระบบคมนาคมมีคุณภาพและครบวงจรมากที่สุดในโลก โดยที่คนขับรถสาธารณะเป็นมิตรและถนนหนทางมีความสวยงามสะอาดตามากที่สุด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:27:37

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีเช้าวันจันทร์ครับทุกท่าน..ลุ้นหุ้นกันต่อ ^^ จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:27:51

ความคิดเห็นที่ 4 ปัญหาความขัดแย้งภายในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยังคงยืดเยื้อไม่มีวี่แววว่าจะจบ ต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันว่าเป็นฝ่ายถูกต้อง ไม่มีใครยอมใคร แต่สิ่งที่กำลังรอคอยความช่วยเหลืออย่างผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ขณะนี้ยังไม่รู้ชะตาชีวิตว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อพี่ใหญ่ที่เป็นเสมือนคนค่อยดูแลเกิดขัดแย้งกัน แล้วเอสเอ็มอีจะทำอย่างไร บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แกนนำอีกฝ่ายที่คัดค้านและผลักดันให้ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ออกจากตำแหน่งประธาน ได้ยืนยันว่าภายในสิ้นปี 2555 นี้จบแน่    ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2555 ที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้เรียกประชุมกรรมการวาระพิเศษโดยการเชิญกรรมการทั้ง 5 ภาคของประเทศไทย และเชิญเลขาธิการภาค ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดรวมทั้งสิ้นกว่า 40 จังหวัด หัวข้อใหญ่คือการเตรียมการประชุมกรรมการประจำเดือนในวันที่ 24 ธ.ค.2555 ที่โรงแรมดุสิตธานี โดยประเด็นสำคัญในการหารือ ได้กำหนดแนวทางและยุติความขัดแย้งภายใน ส.อ.ท. 9 ข้อ คือ    1.จุดยืนของคณะกรรมการไม่ต้องการให้ ส.อ.ท.มีความแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย และไม่ต้องการให้ความขัดแย้งมีการขยายตัวออกไปกว่าเท่าที่เป็นอยู่ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือขององค์กร 2.คณะกรรมการยืนยันว่าการประชุมวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.และข้อบังคับ ส.อ.ท. จึงเป็นเหตุผลที่เราเชิญนักกฎหมายจาก  4 สถาบัน และมาพูดถึงข้อกฎหมาย พ.ร.บ. ส.อ.ท.ว่าทำไมต่างฝ่ายต่างตีความไม่เหมือนกันทั้งที่อยู่ในเอกสารเดียวกัน และต่างฝ่ายต่างอ้างข้อบังคับเดียวกัน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าการแก้ไขปัญหาตอนนี้ไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์ทางนิติศาสตร์ได้ เพราะคุณพยุงศักดิ์ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ    3.คณะกรรมการ ส.อ.ท.เห็นว่าแนวทางยุติความขัดแย้งเป็นเรื่องภายในของสภาอุตสาหกรรม ไม่จำเป็นต้องไปดึงภาคการเมืองหรือส่วนอื่นจากภาคนอกเข้ามาแก้ปัญหา แนวทางแก้ปัญหาต้องเกิดจากการเจราจาของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ยึดติดตำแหน่ง ใช้หลักคุณธรรม หลักธรรมาภิบาลการเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม    4.ที่ประชุมเห็นว่าอดีตประธาน ส.อ.ท.ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ขององค์กรมาร่วมหารือเพื่อยุติความขัดแย้งภายใน ส.อ.ท. ไม่ควรปล่อยให้คุณพยุงศักดิ์นำภาคการเมืองเข้ามาแก้ไขปัญหา  และนำอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เข้ามาอ้างอิงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมเพื่อดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไป  ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา แต่เป็นการทำให้เกิดความแตกแยกและเพิ่มความแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายมากขึ้น    5.รากเหง้าปัญหาไม่ได้เกิดจากการแตกแยกหรือขัดแย้งระหว่างกรรมการกับกรรมการ หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือความขัดแย้งระหว่างสภาฯ จังหวัด แต่เป็นปัญหาของคนเดียวที่ไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลและไม่ใช้แนวทางการเจรจา แต่กลับสร้างให้เกิดความแตกแยกระหว่างสภาและอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งแท้จริงแล้วทั้ง 2 กลุ่มนั้นทำงานร่วมกันไม่แบ่งเป็นพรรคเป็นพวก และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเล็กที่ผ่านมานั้นมีการพึงพาและช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายใต้โซ่อุปทานการผลิต    6.เสียงกรรมการเกินกว่าครึ่งเห็นว่า คุณพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล หมดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำ และไม่ต้องการให้เป็นประธาน ส.อ.ท. และให้ยุติบทบาทด้วยการคืนอำนาจให้กับคณะกรรมการ ส.อ.ท. ในฐานะที่เป็นตัวแทนของสมาชิกทั้งหมด โดยการจัดให้มีการลงคะแนนโหวตเลือกประธานเพื่อยุติความขัดแย้ง    7.ประธาน ส.อ.ท.ที่จะเลือกขึ้นมาใหม่ จะไม่มีการกำหนดชื่อผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่จะให้ที่ประชุมคณะกรรมการเลือกกรรมการท่านหนึ่งท่านใดขึ้นมาเป็นประธาน  และเมื่อได้ประธานคนใหม่แล้วก็ให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นการยุติ ซึ่งจะดำเนินการในวันที่ 24 ธ.ค.2555    8.ประธานคนใหม่ที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วนในเวลาที่เหลือปีเศษมี 3 เรื่อง คือต้องเร่งสร้างความปรองดอง คืนภาพลักษณ์ของ ส.อ.ท.ให้กลับมาอย่างรวดเร็ว ต้องดำเนินการเจรจากับภาครัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาจากมาตรการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทอย่างเป็นรูปธรรม และต้องดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของ ส.อ.ท.ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นขอบข่าย อำนาจการดำเนินงานของประธาน ส.อ.ท. เพื่อไม่ให้เกิดการเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต    9.คุณพยุงศักดิ์จะต้องยุติการดำเนินการใดๆ ในการที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งเพื่อไม่ให้ขยายออกไปและจะต้องยุติการดำเนินการการทำข้อตกลงต่างทั้งในหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงด้านการเงิน และหากมีการประชุมและกรรมการเสียงข้างมากไม่ยอมรับการดำเนินการต่างๆ ที่คุณพยุงศักดิ์ดำเนินการไปให้ถือเป็นโมฆะหรือโมฆียะ ซึ่งคุณพยุงศักดิ์และผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบส่วนบุคคล    อย่างไรก็ตาม “นายธนิต” ย้ำอย่างชัดเจนว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการเราทำตามทุกข้อ ระบบประชาธิปไตย ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบและต้องการถอดถอยผู้นำองค์กร ถ้าเป็นองค์กรอื่นๆ ปัญหาตรงนี้ไม่มีเพราะคนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำต้องมีต้นทุนสังคมส่วนตัว เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ไม่ต้องการ ดังนั้นประชุม 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ และเรามีการประชุมอีกครั้ง 24 ธ.ค.นี้ และถ้าที่ประชุมยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าไม่เอาคุณพยุงศักดิ์ แล้วท่านจะดื้อดึงทำไม่ เพราะเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งไม่รับรองและยอมรับถือว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นโมฆะหมด แต่หากมีกรรมการเสนอชื่อ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล แล้วได้รับเสียงส่วนใหญ่ ก็จะมีความชอบธรรมในการทำงานต่อไป    “เราพยายามเปิดการเจรจาร่วมกันในทุกรูปแบบ เพื่อยุติความขัดแย้ง โดยไม่จำเป็นต้องนำภาคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่ควรเอาบริษัทใหญ่เข้ามาสร้างความชอบธรรม และอยากให้คุณพยุงศักดิ์ยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งอยากให้กรรมการทุกคนมาเข้าร่วมประชุมในวันที่ 24 ธ.ค. เพื่อมายุติปัญหาร่วมกัน ยืนยันว่าปัญหาทุกอย่างน่าจะยุติ ส่วนเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลยังเข้าข้างนายพยุงศักดิ์ ก็คงต้องคิดว่าจะเอาคนคนเดียวที่สมาชิกไม่ยอมรับหรือจะเลือกอุตสาหกรรมที่มีคนงาน 7-8 พันคน" นายธนิตกล่าว    อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวาระพิเศษได้มีการเชิญนักกฎหมาย มาเสวนาเรื่อง ”ความเข้าใจกฎหมาย พ.ร.บ. และข้อบังคับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” โดย นายสมพล  ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ ระบุว่า หลังจากคณะกรรมการ ส.อ.ท. เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2555 แล้วมีมติปลดคณะกรรมการบริหารชุดที่แล้วถือว่า นายพยุงศักดิ์   ชาติสุทธิผล พ้นจากการเป็นประธาน ส.อ.ท.แล้ว โดย  พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่ได้กำหนดวิธีการปลดประธาน แต่มีการระบุเรื่องการปลดกรรมการที่ต้องใช้เสียงสมาชิกที่ประชุมใหญ่ 2 ใน 3 และเมื่อกฎหมายไม่ได้ระบุวิธีการปลดประธานจึงเห็นว่าเมื่อประธานมีที่มาด้วยวิธีการใดก็ควรพ้นจากประธานด้วยวิธีการนั้น โดยประธานมาจากการเลือกของคณะกรรมการจึงเห็นว่าคณะกรรมการมีอำนาจลงมติปลดประธานได้  และการประชุมคณะกรรมการเมื่อวัน 26 พ.ย. ถือว่าครบองค์ประชุมจึงมีผลให้นายพยุงศักดิ์พ้นจากประธาน และสิ่งที่นายพยุงศักดิ์ทำหลังวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมาไม่มีผลในฐานะประธาน ส.อ.ท.    นอกจากนี้ โครงสร้าง พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กำหนดให้ภาครัฐเข้ามาครอบองค์กรนี้ได้ โดยกำหนดให้ รมต.อุตสาหกรรมสั่งการหรือเข้าตรวจสอบ ส.อ.ท.ได้ แต่ท้ายที่สุดเมื่อกระทรวงอุตสาหกรรมจะตีความหรือตรวจสอบความขัดแย้งครั้งนี้ อย่างไรก็ต้องเข้าไปตีความว่ามติคณะกรรมการ ส.อ.ท. เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2555 ที่ปลดพยุงศักดิ์ชอบหรือไม่ แต่ รมต.อุตสาหกรรมไม่มีอำนาจปลด และถ้าจะปลดต้องผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)    นายธีรวุฒิ ประกายสันติสุข เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อบังคับ ส.อ.ท.ฉบับที่ 3 กำหนดให้การประชุมคณะกรรมการ  ส.อ.ท.มีเดือนละ 1 ครั้ง ทำให้ต้องจัดประชุมทุกเดือน เว้นแต่คณะกรรมการจะเห็นเป็นอย่างอื่น ส่วนการเลื่อนออกไปนั้นประธานไม่สามารถอ้างได้ เพราะ ส.อ.ท.เป็นนิติบุคคล    อย่างไรก็ตาม เมื่อองค์กรใหญ่ที่เป็นศูนย์รวม ศูนย์กลางการแก้ไขปัญหาให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก ที่กำลังได้รับผลกระทบค่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทของรัฐบาลเมื่อกลางปี 2254 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดด และไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบกับเอสเอ็มอี และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจาก ส.อ.ท. จนกลายเป็นชนวนจุดไฟให้เกิดการขับไล่นายพยุงศักดิ์    โดยเฉพาะภาคเอสเอ็มอีจากต่างจังหวัด ซึ่งนายธนิตระบุว่า เอสเอ็มอีที่อยู่ต่างจังหวัดจะอยู่อย่างไร และมาตรการที่คุยกับรัฐบาลนั้นต้องรอดูว่าจะออกมาอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งมาตรการทั้งหมดที่ภาครัฐออกมาต้องสามารถช่วยเหลือได้จริง จึงมีความกังวลว่าการเยียวยาจะได้แค่ไหน ถ้าได้ครึ่งหน้าก็รอด และ 27 มาตรการได้ยื่นเสนอไปจะออกมาได้แค่ไหน ส่วนที่ที่ออกมาแล้วเราคิดเป็นตัวเงินยังไม่ถึง 10% ของยอดค่าแรงที่ปรับขึ้น    “มาตรการ 27 ข้อ เราไม่ต้องการให้บางเรื่องไปกระทบกับเอสเอ็มอีก แต่ใครก็ตามที่ทำไปเพื่อประโยชน์ของเอสเอ็มอีก็ยอมรับได้ แต่ที่ตกลงไปนั้นเป็นรูปธรรมหรือไม่ และคนที่ทำไปปกป้องภาคธุรกิจที่เป็นเอสเอ็มอีจริงหรือไม่ สิ่งที่ตกลงกับภาครัฐเป็นตัวเงินที่สามารถมาทดแทนความเสียหายที่ค่าจ้างสูงขึ้นจริงหรือไม่ เป็นประเด็นที่เราต้องดู” นายธนิตกล่าว    อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูกันว่า วันที่ 24 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายใน ส.อ.ท.จะจบจริงหรือไม่ และใครที่จะช่วยเหลือเอสเอ็มอีจำนวนมหาศาลที่กำลังประสบชะตากรรมจากนโยบายประชานิยม” ปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทของรัฐบาล. ++++++++++++++++ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:29:19

ความคิดเห็นที่ 5 พี่ตำลึงฯคงหมายถึงลุ้น ไป  ต่อใช่ไหมครับ จะได้เขียวๆเต็มพอร์ตกัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย 11 เดือน ยอดขายพุ่ง 1.2 ล้านคันโต 72% เฉพาะเดือนพฤศจิกายนเติบโตกว่า 471 % ส่วนตลาดบีคาร์ –อีโคคาร์ ที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรก อัตราการโตสูงสุด 112% ด้านผู้ผลิต "ฮอนด้า"ฟุ้งอเมซ ยอดจองกว่าหมื่นคัน ส่วนนิสสันไม่หวั่นเร่งมือผลิตรถป้อนลูกค้าก่อนมีนาคม2556 ขณะที่มาสด้าอัดแคมเปญกระตุ้นยอดส่งท้ายปลายปี     ข้อมูลจากหอการค้าญี่ปุ่นพบว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศตั้งแต่ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,277,287 คัน เติบโต 72.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 739,508 คัน โดยผู้ผลิตที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นโตโยต้า ด้วยยอด 475,820 คัน เติบโต 72.9% ตามมาด้วย อีซูซุ 191,897 คัน เติบโต 54.8% ฮอนด้าตามมาอันดับ 3 ด้วยยอด 150,745 คัน มิตซูบิชิ จำนวน 114,624 คัน เติบโต 91.1 และอันดับ 5 นิสสัน 108,825 คัน เติบโต76.4%    เมื่อแยกยอดขายรถยนต์ออกเป็นเซ็กเมนต์ต่างๆพบว่าตั้งแต่มกราคม-พฤศจิกายน 2555 กลุ่มบีคาร์และอีโคคาร์ ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.5 ลิตร ที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรกในการคืนเงินสูงสุด 1 แสนบาท มีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 112.2% ด้วยยอดขายรวม 439,861 คัน เช่นเดียวกับรถปิกอัพขนาด 1 ตัน เติบโต 73.8% ด้วยยอดขายรวม 536,407 คัน ส่วนรถในกลุ่มเอสยูวีและพีพีวี เติบโต 76.1% ด้วยยอดขาย 85,040 คัน  ด้านคอมแพ็กต์คาร์ เติบโต 18.9% ด้วยยอดขาย 105,660 คัน กลุ่มดีคาร์ เติบโต 31.7% ด้วยยอดขาย30,595 คัน และกลุ่มเอ็มพีวี เติบโต 41.8% ด้วยยอดขาย 10,075 คัน    ขณะที่ตัวเลขยอดขายเฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2555 พบว่ายอดขายรถรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 146,534 คัน เติบโต 471 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 25,664 คัน โดยโตโยต้ามียอดขาย 46,014 คัน ,ฮอนด้า 23,036 ,อีซูซุ 21,724 คัน , นิสสัน 16,095 คัน และ มิตซูบิชิ 14,389 คัน    นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส  บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยว่า แม้ฮอนด้าจะเริ่มกลับมาเดินสายการผลิตแบบเต็มกำลังเพียง 8 เดือน แต่ก็สามารถสร้างสถิติยอดขายได้เป็นประวัติการณ์ โดยฮอนด้ามียอดขายสะสมตั้งแต่มกราคม-พฤศจิกายน 2555 จำนวน 150,745 คัน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ยอดขายเติบโตมาจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่จำนวน 10 รุ่นในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา    โดยเฉพาะการเปิดตัว ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีและมียอดจองเข้ามาแล้วกว่าหมื่นคัน ขณะเดียวกันในงานมหกรรมยานยนต์ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคมฮอนด้า ซิตี้ ก็เป็นรถยอดนิยมที่มียอดจองเข้ามาเป็นจำนวนมาก      "การเปิดตัวรถรุ่นใหม่จำนวน 10 รุ่น ถือเป็นการตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ประกอบกับการเร่งเปิดตัวอีโคคาร์ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ เพื่อให้ทันกับการใช้สิทธิ์รับเงินคืนภาษีจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้ จึงทำให้ยอดขายของฮอนด้าเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจนถึงสิ้นปีฮอนด้าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน"    ด้านนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าแม้ภาพรวมการแข่งขันของตลาดรถในกลุ่มอีโคคาร์จะรุนแรงขึ้น แต่ว่านิสสันก็ยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยยอดขายของรถยนต์อีโคคาร์ของนิสสัน ตั้งแต่มกราคม-พฤศจิกายน อยู่ที่ 80,358 คัน แบ่งออกเป็นนิสสัน มาร์ช จำนวน 29,104 คัน และนิสสัน อัลเมร่า ที่ 51,254 คัน  ขณะที่เป้าหมายยอดขายของนิสสันในปีงบประมาณ 2555 อยู่ที่ 132,000 คัน หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาด10%     "เราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในเดือนพฤศจิกายนเรามียอดขาย 16,095 คัน เติบโต 26%เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ส่วนยอดขายเฉพาะงานมหกรรมยานยนต์เมื่อต้นเดือนธันวาคมพบว่าเราทำได้ 8,819 คัน เพิ่มขึ้นถึง 87% เมื่อเทียบกับยอดจองจากงานเมื่อปีที่ผ่านมา โดยรถยอดนิยมของเรายังคงเป็นรถในกลุ่มอีโคคาร์ที่แม้ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่นิสสันก็ยังคงทำยอดขายได้เติบโต โดยเฉพาะอัลเมร่า ที่มียอดขายกว่า 10,079 คัน ในเดือนพฤศจิกายนแค่เดือนเดียว และเราก็ขอยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าที่จองรถเข้ามาในตอนนี้ภายในเดือนมีนาคม 2556"    นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้มีการขยายเวลาโปรโมชันพิเศษไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ภายใต้แคมเปญ "โอกาสสุดท้าย...ใช้สิทธิ์รถคันแรกกับมาสด้า" โดยจะขยายเวลาการเปิดโชว์รูมในวันธรรมดา และหลายๆ โชว์รูมยังเปิดเพิ่มเพื่อบริการลูกค้าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนั้นแล้วลูกค้าที่ซื้อมาสด้า2 จะได้แพ็กเกจฟรีค่าบำรุงรักษานานถึง 2 ปี สำหรับรุ่น V และ R ฟรีประกันภัยชั้น 1 ดอกเบี้ยเพียง 2.35% ด้วยเงินดาวน์ 25% ผ่านนานสูงสุด 48 เดือน     สำหรับรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งทุกรุ่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.35% ผ่านนานสูงสุด 48 เดือน ,มาสด้า3 เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 2 ปี ดาวน์ 25% หรือเลือกรับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.99% ผ่อนนาน 48 เดือน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:33:21

ความคิดเห็นที่ 6 เอาไปแล้วผิดสัญญา รัฐจะมีปัญญาตามมาชดใช้ได้ไหวหรือ ฮอตปรอทแตก! ประชาชนแห่ใช้สิทธิรถคันแรกถล่มทลาย 8.5 แสนราย เป็นเงินภาษีกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท ประเมินขำๆ สิ้นสุดโครงการยอดแตะ 9 แสนราย เป็นเงินภาษีไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท ด้านกรมบัญชีกลางปาดเหงื่อ ดิ้นขอใช้งบกลางปีงบ 2556 กว่า 1.1 หมื่นล้านบาทคืนเงินให้ประชาชน พร้อมคาดปีงบ 2557 ขอรัฐบาลเพิ่มอีก 3-3.5 หมื่นล้านบาท            รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต ระบุว่า ขณะนี้ยอดการขอใช้สิทธิในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ไม่เกิน 1 แสนบาท อยู่ที่ 8.5 แสนราย คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าภายหลังสิ้นสุดโครงการ ในวันที่ 31 ธ.ค.2555 จะมีประชาชนทยอยขอใช้สิทธิในโครงการดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 9 แสนราย ซึ่งคิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท            นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังได้ทยอยจ่ายเงินภาษีคืนให้แก่ประชาชนที่ถือครองสิทธิครบ 1 ปี ไปแล้ว ทั้งสิ้น 3.1 หมื่นราย คิดเป็นเงินภาษีทั้งสิ้น 2.3 พันล้านบาท โดยภายในปี 2556 ได้ตั้งเป้าหมายจ่ายคืนเงินภาษีให้แก่ประชาชนไม่น้อยกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2557 คาดว่ายอดการจ่ายคืนเงินภาษีจะอยู่ในระดับสูงสุด ที่ 3-3.5 หมื่นล้านบาท            “ต้องยอมรับว่าขณะนี้มีประชาชนทยอยมาใช้สิทธิในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นจำนวนมาก ซึ่งกรมสรรพสามิตก็ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่และเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งขยายเวลาการให้บริการ เพื่อให้ครอบคลุมและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างมากที่สุด” รายงานข่าว ระบุ            รายงานข่าว ระบุอีกว่า ขณะนี้ยังไม่อยากประเมินว่าจะมีการขอใช้สิทธิในโครงการถึง 1 ล้านรายหรือไม่ แต่หากมองในภาพรวมแล้วก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการจัดมหกรรมมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งมียอดจองรถยนต์ที่สามารถเข้าโครงการได้เป็นจำนวนมาก แต่หากจะมีประชาชนมาใช้สิทธิจนถึงระดับดังกล่าวจริง ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะให้การดูแลอย่างทั่วถึงแน่นอน            ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้ในการจ่ายคืนเงินภาษีตามโครงการดังกล่าวให้แก่ประชาชนนั้น เป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลางในการบริหารจัดการ โดยในปีงบประมาณ 2556 กรมบัญชีกลางได้เสนอใช้งบกลางปี วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการจ่ายคืนเงินภาษีให้แก่ประชาชน ส่วนในปีงบประมาณ 2557 คาดว่าจะมีการขอใช้งบกลาง วงเงินสูงถึง 3-3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายคืนภาษีให้แก่ประชาชน ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 ได้มีการตั้งงบประมาณเพื่อใช้จ่ายคืนเงินภาษีให้ประชาชนอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท            นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังได้มีการขยายระยะเวลาในการยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ไม่เกิน 1 แสนบาทด้วย โดยจะเปิดรับเอกสารในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-20.00 น. พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 30 ราย ขณะที่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีการเปิดให้บริการในเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกัน ส่วนวันที่ 31 ธ.ค.2555 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ กรมสรรพสามิตจะจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชน ถึงเวลา 24.00 น.            “ปัญหาการดำเนินงานในโครงการดังกล่าวขณะนี้มีเพียงเรื่องเดียวคือ สถานที่ตามเขตต่างๆ ที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้มีการดำเนินการล่าช้าในบางพื้นที่ ขณะที่ประชาชนที่ต้องการความเร่งด่วนก็ควรหลีกเลี่ยง และมาใช้บริการที่กรมสรรพสามิต เขตดุสิตได้ เนื่องจากเป็นศูนย์ใหญ่และมีพื้นที่รองรับเพียงพอ” รายงานข่าว ระบุ            อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ต้องการขอใช้สิทธิควรปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้สิทธิในโครงการอย่างเคร่งครัด หากมีการเปลี่ยนการถือครอง การขายดาวน์รถยนต์ ก่อนครบกำหนด 5 ปี ประชาชนจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับไปทั้งหมดด้วย. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:37:33

ความคิดเห็นที่ 7 "อดิศร เกิดมงคล" เจ้าหน้าที่ข้อมูลเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติ เปิดเผยถึงปัจจัยที่แรงงานต่างด้าวเข้าไม่ถึงการพิสูจน์สัญชาติ สถานการณ์แรงงานตางด้าวหลังจากนี้ ต้องจับตาปฎิบัติการผลักดันแรงงานต่างด้าวกว่า 3 แสนคนที่ไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติกลับประเทศต้นทาง ทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะเอ็นจีโอด้านแรงงานแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับแรงงานต่างด้าวเหล่านั้น จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 เรื่องขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติและการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าว ซึ่งกำหนดว่าแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติได้แก่พม่า ลาว และกัมพูชาที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในประเทศไทย จะต้องดำเนินการพิสูจน์สัญชาติและปรับสถานะเป็นแรงงานที่เข้าเมืองถูกกฎหมายให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ดังนั้นหากแรงงานข้ามชาติที่ได้รับการผ่อนผันไม่สามารถดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้เสร็จสิ้นได้ทันวันที่ 14 ธันวาคม 2555 นี้ ก็จะต้องถูกผลักดันส่งกลับต่อไป ทั้งนี้จากตัวเลขประมาณการณ์ของแรงงานข้ามชาติสามสัญชาติ พม่า ลาวและกัมพูชาในประเทศไทยทั้งหมดในปัจจุบันมีประมาณ 2 -2.5 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนแรงงานข้ามชาติที่เคยอยู่ได้รับการจดทะเบียนและเข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกกฎหมายในช่วงต้นปี 2555ที่ผ่านมา ตัวเลขแรงงานข้ามชาติสามสัญชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ในทุกกลุ่ม มีจำนวน 1,901,776 คน ในขณะที่ ตัวเลขแรงงานข้ามชาติสามสัญชาติเมื่อเดือนตุลาคม 2555 พบว่ามีจำนวนแรงงานข้ามชาติสามสัญชาติทั้งหมด 1,047,862 คน โดยเป็นแรงงานข้ามชาติจากประเทเศพม่าประมาณ 80% ของแรงงานข้ามชาติทั้งสามสัญชาติ จากการสำรวจข้อมูลในเรื่องการเข้าถึงกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานข้ามชาติจากพม่า ซึ่งเราได้ดำเนินการเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่มีการจ้างแรงงานข้ามชาติค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรปราการ แม่สอด เพื่อสำรวจถึงการเข้าถึงกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานข้ามชาติในช่วงที่ผ่านมา พบว่าในพื้นที่มีการจ้างแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก ยังมีแรงงานข้ามชาติที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติอีกจำนวนไม่น้อย ทั้งนี้มีหลายสาเหตุหลักที่พบหรือแรงงานส่วนใหญ่ที่สำรวจไม่มีเอกสารประจำตัวอะไรเลย แต่ทำงานอยู่ในพื้นที่ เหตุผลประการต่อมาที่เจอในกลุ่มแรงงานก็คือ เอกสารที่แรงงานใช้ในการทำงานและนายจ้างที่จ้างงานอยู่จริงไม่ตรงกัน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาการขออนุญาตเปลี่ยนนายจ้างในพื้นที่ ซึ่งยังมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเป็นอุปสรรค ทำให้แรงงานจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการพิสูจน์สัญชาติได้ และจะต้องกลายเป็นแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนหลังจากวันที่ 14 ธ.ค. นี้คือรัฐจะต้องขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติออกไปอีกระยะหนึ่ง และทบทวนตรวจสอบการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติโดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่รับพิสูจน์สัญชาติให้มีความชัดเจน และหากเป็นไปได้ควรเปิดโอกาสให้แรงงานข้ามชาติได้ดำเนินการยื่นพิสูจน์สัญชาติด้วยตนเองในศูนย์พิสูจน์สัญชาติที่มีอยู่ โดยมีการอำนวยความสะดวกในเรื่องการสื่อสารเพื่อเอื้อต่อการใช้บริการ พร้อมทั้งเปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติในกลุ่มที่ยังไม่มีเอกสารใดๆ อีกครั้ง โดยพิจารณาควบคู่กับการอนุญาตทำงานในรูปแบบอื่นที่หลากหลาย และแสวงหาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการจ้างแรงงานในประเภทนี้อย่างจริงจัง ดังนั้นรัฐบาลไทยและประเทศต้นทางจึงจำเป็นจะต้องมีการทบทวนมาตรการดังกล่าว โดยพิจารณาข้อเสนอข้างต้น ร่วมทั้งร่วมกันศึกษาและพัฒนาถึงกระบวนการจ้างแรงงานข้ามชาติที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทิศทางการจัดการแรงงานข้ามชาติกลุ่มที่ยังไม่สามารถจะดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 14 ธันวาคม 2555 โดยยังยืนยันแนวทางการผลักดันส่งกลับ และใช้รูปแบบการนำเข้าตามเอ็มโอยูนั้น หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว จะพบว่ามาตรการดังกล่าวยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการผลักดันแรงงานข้ามชาติจำนวนมากเข้าไปสู่วงจรของการค้ามนุษย์และการถูกเอารัดเอาเปรียบที่เป็นผลจากการไม่มีสถานะตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังไม่มีการพิจารณาลักษณะของการย้ายถิ่นข้ามชาติในภูมิภาคนี้ และยังไม่แก้ไขกลไกการจ้างแรงงานข้ามชาติให้เอื้อต่อข้อจำกัดที่มีอยู่แล้ว เป็นที่น่ากังวลใจว่า ระบบการจ้างแรงงานข้ามชาติจะเข้าสู่ระบบแบบเดิม คือจะมีการจ้างแรงงานข้ามชาติที่ไม่ถูกกฎหมายเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดผลกระทบด้านต่าง ๆ ตามมาอีกมากมายต่อไป จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:38:39

ความคิดเห็นที่ 8 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกตอนบน มีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันออกที่เคลื่อนเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้  มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้ พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส  อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส  สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคกลาง  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก  มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส  อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออก  ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  Partly cloudy and mist in the morning. Minimum temperature 25-26 °C. Maximum temperature 34-35 °C. Northeasterly winds 15-30 km/hr. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:54:33

ความคิดเห็นที่ 9 ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อย (14 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ในสหรัฐ ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 279.4 จุด ดัชนี DAX ปิดตลาดหุ้นเยอรมนีที่ 7596.47 บวก 14.49 จุด ดัชนี CAC-40 ปิดตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ 3643.28 บวก 0.15 จุดดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 5921.76 ลบ 7.85 จุด -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (14 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังหุ้นบริษัทแอปเปิ้ลลดลงเกือบ 4% ขณะที่นักลงทุนยังใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลัง หรือ fiscal cliff ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 35.71 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 13,135.01 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.87 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 1,413.58 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 20.83 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 2,971.33 จุด -- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีน ขณะที่ตัวเลขทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 86.73 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นทั้งหมด 80 เซนต์ หรือ 0.93% ในสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.15% แตะที่ 109.15 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลงทั้งหมด 2.13 ดอลลาร์ หรือ 1.99% ในสัปดาห์นี้ หลังร่วงลงติดต่อกันสองสัปดาห์ -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันศุกร์ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff) ในสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,697 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 32.299 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.6 เซนต์ -- สกุลดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (14 ธ.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) ยูโรเพิ่มขึ้น 0.65% แตะที่ 1.3161 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3076 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปอนด์เพิ่มขึ้น 0.42% แตะที่ 1.6176 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6109 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ลดลง 0.22% เมื่อเทียบกับเยน แตะที่ 83.450 เยน จากระดับ 83.630 เยน และลดลง 0.66% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส แตะที่ระดับ 0.9171 ฟรังค์ จากระดับ 0.9232 ฟรังค์ ดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.45% แตะที่ 1.0573 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0526 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.45% แตะที่ 0.8466 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8428 ดอลลาร์สหรัฐ -- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (14 ธ.ค.) ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการหารือเพื่อแก้ปัญหาภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอัตราภาษีและปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายลงโดยอัตโนมัติในเดือนหน้า ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,921.76 จุด ลดลง 7.85 จุด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:56:18

ความคิดเห็นที่ 10 นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งต่อไป มีปัจจัยที่ต้องจับตาเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ที่ปี 56 จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งภาคเอกชนจะต้องเผชิญความท้าทายในเรื่องดังกล่าวและต้องติดตามว่าจะสามารถปรับตัวได้ดีเหมือนปีนี้ที่มีการปรับขึ้นค่าแรงบางส่วนหรือไม่ ขณะที่เศรษฐกิจโลกปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้เล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ จีน และยุโรป ปรับตัวดีขึ้นมาก แต่การเปลี่ยนแปลงผู้นำญี่ปุ่น มองว่าจะมีผลกระทบต่อไทย หากมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย และส่งผลกระทบรอบด้านได้ "ประชุม กนง.รอบหน้ายังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ" นายประสาร กล่าว ผู้ว่า ธปท.ยังแนะปี 56 ให้ประชาชนระมัดระวังการก่อหนี้ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะจากนโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรก ขอให้ประมาณตนเองในการก่อหนี้  อย่าก่อหนี้เกินตัว และให้มีการวางแผนการออม เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 07:59:04

ความคิดเห็นที่ 11 นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าลงทุนในประเทศไทยนั้นน่าจะมีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะมากน้อยแค่ไหนและส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถประเมินได้ เพราะปัจจุบันมีนักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเค้าเตอร์โฟล์ที่ดี แต่อย่างไรก็ตามช่วงไหนที่มีเงินทุนไหลเข้ามาก ธปท. ก็พร้อมปล่อยให้ค่าเงินเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ดังนั้นเงินบาทช่วงดังกล่าวอาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง “เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนั้น เราไม่ได้กำหนดว่าต้องไม่ต่ำกว่าเท่าไร หรือไม่ให้เกินเท่าไร เพราะหลักๆ เราจะปล่อยให้เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ดังนั้นหากเงินบาทจะแข็งเพราะมีคนขายดอลลาร์มากกว่าคนซื้อ ก็ต้องปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการทั้งนำเข้าและส่งออกเองจึงควรต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรชะล่าใจโดยเชื่อว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เหมือนปีที่ผ่านมา ดังนั้นควรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีด้วย”นางผ่องเพ็ญกล่าว เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค. ค่าเงินบาท อยู่ที่ 30.60 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเมื่อช่วงต้นปีนี้ 3.10% จาก 31.55 บาท/ดอลลาร์ โดยนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์คาดว่าเงินทุนจะไหลเข้าภูมิภาคเอเชียมากขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่ เฟดมีมติในการประชุมครั้งล่าสุด โดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมระกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (คิวอี4) โดยเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และเฟดเข้าซื้อเอ็มบีเอสในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน นางผ่องเพ็ญกล่าวว่าการเข้าดูแลค่าเงินบาทของธปท.นั้น จะดำเนินการเมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในขณะนั้นไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของเศรษฐกิจ หรือเป็นระดับที่แข็งค่าเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ถ้าการเคลื่อนไหวของค่าเงินไม่ได้หลุดไปจากพื้นฐาน ธปท.ก็จะปล่อยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ธปท. เชื่อว่า การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติคงไม่เข้ามามากนัก เพราะปัจจุบันเองมีประเทศที่น่าสนใจลงทุนจำนวนมาก อย่างช่วงที่ผ่านมาตลาดการลงทุนแถบยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา ก็ถือเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจลงทุน สามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง อีกทั้งพันธบัตรระยะยาวอายุ 5-7% ก็ให้ผลตอบแทนสูงในระดับ 7% “แนวโน้มเงินบาทเองก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ เงินที่ยังอยากเข้ามาลงทุนในประเทศยังมีอยู่บ้าง เพียงแต่ทางเลือกการลงทุนก็มีเยอะขึ้น อย่างปี 2555 จะเห็นว่าเงินทุนต่างชาติไหลกระจายไปยังตลาดอื่นๆ มากขึ้น ทั้งละตินอเมริกา และยุโรปตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นโปรแลนด์ ฮังการี หรือแม็กซิโก เป็นต้น ดังนั้นเงินที่มาทางแถบเราคงจะไม่ได้มีมากจนแย่เกินไป”นางผ่องเพ็ญกล่าว สำหรับการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าตลาดพันธบัตรอีกประมาณเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรมากกว่าตลาดหุ้น นางผ่องเพ็ญกล่าวว่าไม่ได้มาจากปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว เพราะการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ จะดู 3 ปัจจัย ประกอบการ ทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และอัตราดอกเบี้ย ยันดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยหลักเงินไหลเข้า นางผ่องเพ็ญ กล่าวด้วยว่า บางประเทศนั้นจะเห็นว่ามีระดับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าประเทศไทย แต่เงินทุนต่างชาติก็ไม่ได้ไหลเข้าประเทศนั้นเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นเครื่องสะท้อนว่า อัตราดอกเบี้ยเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน และที่ผ่านมา ธปท. ก็ไม่เคยคิดว่าจะใช้วิธีลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติด้วย สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น จะเห็นว่าช่วงปีนี้ ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงถึง 30% แต่เป็นการซื้อของนักลงทุนต่างชาติเพียงแค่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นผลจากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าซื้อหุ้นสุทธิตั้งแต่ต้นปี 65,883.87 ล้านบาท นางผ่องเพ็ญกล่าวว่าอีกปัจจัยที่จะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินทุนต่างประเทศ คือ แผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายที่สนับสนุนให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ใช้งบประมาณถึง 2.2 ล้านล้านบาท พวกนี้จะเป็นเค้าเตอร์โฟล์ที่ช่วยลดแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาทได้ ด้าน นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ(คิวอี) รอบ 4 ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่เพิ่งประกาศไปนั้น ไม่ถือว่าสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดมากนัก เพราะตลาดเงินเองก็มีการคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้บ้างอยู่แล้ว ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาจึงไม่เห็นการปรับตัวของตลาดเงินที่มากมายอะไร ชี้หมดไทยหมดยุคค่าแรงถูกแล้ว นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงินในประเทศ ธปท. กล่าวว่า ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เริ่มย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมไปถึงพม่า เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวและรองรับกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามการที่นักลงทุนเลือกตัดสินใจไปลงทุนในประเทศใดนั้น ค่าจ้างคงเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่น เช่น พื้นฐานเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เป็นต้น "ยอมรับว่าค่าแรงมันก็เป็นส่วนหนึ่งในการส่งให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปยังเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงค่อนข้างถูกกว่า และมีแรงงานค่อนข้างมาก แต่อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะขณะนี้ในหลายๆ ประเทศ เช่น มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ค่าแรงก็ค่อนข้างสูง ต้องบอกว่าจากนี้ไปถือว่าหมดยุคค่าแรงถูกเรียบร้อยแล้ว และสิ่งสำคัญในเรื่องของการย้ายฐานการผลิตหรือการลงทุนในประเทศใดนั้น ส่วนใหญ่นักลงทุนจะมองไปที่ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ของทางการผ่อนปรนมากน้อยแค่ไหน" นักลงทุนคลายกังวลยุโรป เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อเทียบกับเยน ส่วนยูโรดีดตัวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. เมื่อเทียบดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ 83.50 เยน เทียบกับระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 83.63 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.3154 ดอลลาร์ และ 109.81 เยน เทียบกับ ระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 1.3076 ดอลลาร์ และ 109.36 เยน ซึ่งค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันเมื่อเทียบกับยูโร นักวิเคราะห์กล่าวว่าการแข็งค่าของยูโรอาจหมดลงในช่วงสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลัง(fiscal cliff) ซึ่งเป็นภาวะที่มาตรการ ปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายขนาดใหญ่มูลค่า 6.00 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาล สหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า ถ้าประธานาธิบดีบารัก โอบามา และสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันก่อนเส้นตายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย ภาวะหน้าผาการคลังมีแนวโน้มที่จะหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากการที่ดอลลาร์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และจะกดดันสกุลเงินอื่นที่เห็นว่ามีความเสี่ยงมากกว่า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:00:28

ความคิดเห็นที่ 12 SET ยังบวก ฝรั่งซื้อต่อเนื่อง ดัชนี SET เมื่อวันศุกร์ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,358.50 จุด เพิ่มขึ้น +4.69 จุด หรือ +0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37,268.44 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -101.77 ล้านบาท - บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +546.44 ล้านบาท - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +831.26 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -1,275.93 ล้านบาท นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะ Sideway และปริมาณการซื้อขายอาจจะชะลอ พร้อมให้น้ำหนัก 80% มีโอกาสปรับฐาน ซึ่งในช่วง 2สัปดาห์สุดท้ายของปี แรงซื้อที่เคยซื้อจะลดน้อยลงเพราะใกล้ช่วงคริสมาสต์และปีใหม่ ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนจากสินทรัพย์เป็นเงินสดมากขึ้น จึงมองว่าต้นสัปดาหน้าเป็นต้นไปเม็ดเงินต่างชาติจะชะลอลง หุ้นแนะนำคือ SCC-INTUCH-ADVANC- JAS SPCG-TTW สำหรับนักลงทุนเล่นระยะสั้น 1-2อาทิตย์ ควรหลีกเลี่ยงลงทุน เพราะดัชนีฯขึ้นมามากแล้ว จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ดังนี้ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,350-1,364 จุด บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,350-1,365 จุด หุ้นเด่น KIAT บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,350-1,380 จุด หุ้นเด่น KMC ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....-09-35-44.html http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39051 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:00:50

ความคิดเห็นที่ 13 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก20​เซนต์ขณะนักลงทุนวิตกหน้าผา​การคลัง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ​เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวล​เกี่ยวกับภาวะหน้าผาทาง​การคลัง (fiscal cliff) ​ในสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนก.พ.​เพิ่มขึ้น 20 ​เซนต์ ​หรือ 0.01% ปิดที่ 1,697 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนมี.ค.ปิดที่ 32.299 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.6 ​เซนต์ สัญญาทองคำปรับตัวลง​ทั้งหมด 0.5% ​ในสัปดาห์นี้ หลังลดลง 21.1 ดอลลาร์ ​หรือ 1.2% ​เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นักวิ​เคราะห์​ในตลาดกล่าวว่า ​การปรับตัวลงของราคาทอง​ทำ​ในสัปดาห์นี้​เนื่องมาจาก​ความ​เคลื่อน​ไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​ใน​เรื่องมาตร​การผ่อนคลาย​เชิงปริมาณยัง​ไม่​เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาด​ให้กลับมาซื้อขายอย่างคึกคัก นอกจากนี้ ตลาดยังอยู่​ในช่วง​เทศกาลวันหยุด ขณะที่นักลงทุนจับตาดู​การ​แก้ปัญหาหน้าผา​การคลัง ​ซึ่งจะ​เป็น​การปรับลดงบประมาณค่า​ใช้จ่ายลง​และปรับขึ้นภาษี​โดยอัต​โนมัติ ของ​เจ้าหน้าที่นิติบัญญัติของสหรัฐ ​ซึ่ง​เป็นหนึ่ง​ในปัจจัยที่ส่งผล​ให้ตลาดซบ​เซา ​ในขณะ​เดียวกัน กระทรวง​แรงงานสหรัฐ​เปิด​เผยว่า ดัชนีราคา​ผู้บริ​โภค (CPI) ​ซึ่ง​เป็นมาตรวัด​เงิน​เฟ้อหลัก ปรับตัวลดลง 0.3% ​ใน​เดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิ​เคราะห์ส่วน​ใหญ่คาด​การณ์​ไว้ว่าจะลดลง 0.2% ​และ​เป็น​การปรับตัวลงครั้ง​แรก​ในรอบ 6 ​เดือน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​เผย​การผลิต​ในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 1.1% ​ใน​เดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิ​เคราะห์ส่วน​ใหญ่คาดว่าจะขยายตัว​เพียง 0.3% ​และ​เป็น​การขยายตัวที่​แข็ง​แกร่งที่สุด​ในรอบ​เกือบ 2 ปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:02:08

ความคิดเห็นที่ 14 ราคาทองคำโลกย้อนหลัง 40 ปี จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:02:28

ความคิดเห็นที่ 15 ภาวะตลาดน้ำมัน:น้ำมันWTI​เพิ่มขึ้น84​เซนต์ขานรับดัชนีPMIภาค​การผลิตของจีน สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิด​เพิ่มขึ้น​เมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ขานรับข้อมูล​เศรษฐกิจที่สด​ใสของจีน ขณะที่ตัว​เลข​ทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้น​เพียง​เล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ​เดือนม.ค.​เพิ่มขึ้น 84 ​เซนต์ ​หรือ 0.98% ปิดที่ 86.73 ดอลลาร์/บาร์​เรล ​และปรับตัวขึ้น​ทั้งหมด 80 ​เซนต์ ​หรือ 0.93% ​ในสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ (BRENT) ​เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ​เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ​หรือ 1.15% ​แตะที่ 109.15 ดอลลาร์/บาร์​เรล ​และปรับตัวลง​ทั้งหมด 2.13 ดอลลาร์ ​หรือ 1.99% ​ในสัปดาห์นี้ หลังร่วงลงติดต่อกันสองสัปดาห์ อุปสงค์น้ำมันคาดว่าจะปรับตัวขึ้นหลังข้อมูลภาค​การผลิตของจีน ​ซึ่ง​เป็นประ​เทศ​ผู้​ใช้นำมันราย​ใหญ่อันดับสองของ​โลก ขยายตัวรวด​เร็วที่สุดนับตั้ง​แต่​เดือนธันวาคม 2554 ​เอช​เอสบีซี ​โฮลดิงส์ ​เปิด​เผยว่า ดัชนี​ผู้จัด​การฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค​การผลิต​เบื้องต้นของจีน​ใน​เดือนธ.ค. ​เพิ่มขึ้น​แตะ 50.9 ​โดยตัว​เลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาค​การผลิตมี​การขยายตัวจาก​เดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยัง​ได้รับ​แรงหนุนจาก​เหตุ​การณ์​ความ​ไม่สงบ​ในตะวันออกกลาง ​เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวล​เกี่ยวกับ​ความ​เป็น​ไป​ได้ที่อุปทานทานจากภูมิภาคดังกล่าวอาจสะดุดลง ​ทั้งนี้ ​ได้​เกิด​เหตุปะทะระหว่างกลุ่ม​ผู้ชุมนุมต่อต้าน​และกลุ่ม​ผู้สนับสนุนประธานาธิบดี​โมฮัม​เหม็ด มอร์ซี ของอียิปต์​เมื่อวานนี้ ขณะที่อิหร่าน​และประ​เทศตะวันตกยังคงมี​ความตึง​เครียด​ใน​เรื่อง​โครง​การนิว​เคลียร์อย่างต่อ​เนื่อง ​ในขณะ​เดียวกัน ​เงินสกุลดอลลาร์​ได้ปรับตัวลง​เมื่อ​เทียบกับ​เงินสกุลอื่นๆ อัน​เนื่องมาจาก​ความ​เคลื่อน​ไหวครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​โดย​การอ่อนตัวของ​เงินสกุลดอลลาร์ถือ​เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน​ซึ่งซื้อขาย​เป็น​เงินดอลลาร์ ด้านข้อมูล​เศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​เปิด​เผยว่า ​การผลิต​ในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 1.1% ​ใน​เดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิ​เคราะห์ส่วน​ใหญ่คาดว่าจะขยายตัว​เพียง 0.3% ​และ​เป็น​การขยายตัวที่​แข็ง​แกร่งที่สุด​ในรอบ​เกือบ 2 ปี ขณะที่อัตรา​การ​ใช้กำลัง​การผลิต​เดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 78.4% ​ใน​เดือนพ.ย. จาก​เดือนต.ค.ที่ระดับ 77.7% มากกว่าที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 78.0% ​แต่อย่าง​ไร​ก็ดี ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น​ในวงจำกัด หลัง​การ​เจรจา​ใน​เรื่องหน้าผา​การคลังระหว่าง​ทำ​เนียบขาว​และรัฐสภาสหรัฐ​ไม่มี​ความคืบหน้า​แต่อย่าง​ใด สำนักข่าวซินหัวรายงาน จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:03:04

ความคิดเห็นที่ 16 ราคาน้ำมันโลก ย้อนหลัง 70 ปีปี 1940 - 2008 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:03:31

ความคิดเห็นที่ 17 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น TSFเซ็นป้ายกทม.เพิ่ม ขึ้นค่าเช่าโฆษณา25% กำไรเกิน 800 ล้านต่อปี - SCB หนุนเงินกู้เต็มที่ TSF เซ็นสัญญาป้ายโฆษณาเพิ่มอีก 1,200 ป้ายทั่วกรุงเทพฯ ขึ้นค่าเช่าป้ายอีกไม่ต่ำกว่า 25% หรือคิดเป็นไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท/ป้าย/ปี ดันกำไรเพิ่มขึ้นปีละเกิน 800 ล้านบาท กรณี SCB หนุนสินเชื่อ ถือเป็นสัญญาณที่ดีเล็งเห็นศักยภาพและอนาคตบริษัท หมดข้อสงสัยเรื่องฐานะทางการเงิน ดันกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เป็น 0.61 บาท เทียบพีอี 10 เท่า ราคาเหมาะสม 6.1 บาท 'ชานนท์'ดอดซื้อANAN กำไรปี56ก้าวกระโดด "ชานนท์" ยันไม่ทิ้งหุ้น ล่าสุดดอดเก็บ ANAN เพิ่มอีก 21 ล้านหุ้น การันตีความมั่นใจปีหน้าเห็นรายได้พุ่ง 1.22 หมื่นล้านบาท และกำไรเติบโตก้าวกระโดด โบรกฯคาดปีหน้ากำไรเฉลี่ย 1.5 พันล้านบาท ส่วน 3 ปีข้างหน้าไม่ปันผลเป็นเงินสด แต่อาจจ่ายเป็นหุ้นแทน TICONฟันกำไร700ล้าน ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน "ไทคอน" ฟันกำไรกว่า 700 ล้านบาท จากการขายโรงงาน-แวร์เฮาส์เข้ากองทุน TFUND-TLOGIS ในไตรมาส 4 ดันกำไรปีนี้เกิน 1 พันล้านบาท "วีรพันธ์" ลั่นปีหน้าตั้งเป้ารายได้พุ่ง 6.5-7 พันล้านบาท พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 5-6 พันล้านบาท CPFลุ้นครึ่งหลังปันผลอีก60สต.เป้า39.50บาท "ซีพีเอฟ" ลุ้นครึ่งปีหลังปันผลอีก 60 สตางค์ คาดปีนี้โกยกำไร 19,748 ล้านบาท โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 39.50 บาท มองราคาเนื้อไก่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนอัตรากำไรของธุรกิจเนื้อสัตว์ฟื้นส่งผลให้กำไรโตอย่างมีนัยสำคัญ บัวหลวง'แชมป์LTF-RMF สมาคม บลจ.เผยตัวเลขผลตอบแทนกองทุน LTF-RMF ในรอบ 1 ปี พบ บลจ.บัวหลวง แชมป์ผลตอบแทนกองทุนทั้งสองประเภท โดยทำได้ 48.03% และ 47.80% ตามลำดับ เผยกลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ที่เติบโตไปตามเศรษฐกิจ ส่วนงานมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้าย เริ่ม 20-23 ธ.ค.นี้ HMPROผลงานQ4นิวไฮ เอ็กซ์โปขายดีเกินเป้า "โฮมโปร" ปลื้มยอดขายงานเอ็กซ์โปเกินเป้า 650 ล้านบาท โบรกฯคาดทุบสถิติใหม่ 700 ล้านบาท ย้ำผลงานไตรมาส 4 ไฮซีซั่น การันตียอดขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 15% จึงเชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 14.70 บาท มองเด่นสุดกลุ่มค้าปลีก EASTWยันรายได้ปีนี้โต20% ทุ่ม 4 พันล้านสร้างท่อส่งน้ำ ดันยอดขายปีหน้าพุ่ง EASTW มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,310 ล้านบาท หลังยอดขายน้ำเพิ่ม บวกกับปรับราคาขายขึ้น 10% พร้อมทุ่ม 4,000 ล้านบาท สร้างท่อส่งน้ำดิบเข้านิคมฯมาบตาพุด ดันยอดขายน้ำปีหน้าพุ่ง จากปีนี้ที่คาดมีปริมาณขายน้ำดิบ 284 ลูกบาศก์เมตร TVDลุยขยายตลาดอินโดจีน ตั้งเป้าปีหน้ารายได้โต20% "ทีวี ไดเร็ค" ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 20% จากปีนี้ คาดทำได้ตามเป้า 2,200 ล้านบาท โดยจะขยายร้านค้าปลีก TVD Direct Showcase เพิ่มทั้งในประเทศและแถบอินโดจีน เชื่อดันสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 4% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2% SGPไตรมาส4รายได้เริ่ด ขานรับราคาก๊าซ LPG พุ่ง ทั้งปีเข้าเป้า 5 หมื่นล้าน "สยามแก๊สฯ" ยิ้มราคาก๊าซ LPG มีทิศทางดีขึ้น หนุนยอดขายไตรมาส 4/55 ดีต่อเนื่อง ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 56 ตั้งเป้ารายได้โต 20% พร้อมลงทุนอีก 1 พันล้านบาท ทล.คาดไม่เกิน2เดือน สรุปลงทุนมอเตอร์เวย์ ปี56จ่อสร้าง3เส้นทาง นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ว่า คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนจากนี้กระทรวงการคลังจะมีความชัดเจนเรื่องรูปแบบการลงทุน โดยเบื้องต้นการลงทุนมีหลายรูปแบบคือ การกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมถึงการร่วมทุนกับเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าหากใช้วิธีกู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศจะมีความรวดเร็วมากที่สุด ผู้ถือหุ้นTTAไม่ผ่านแผนเพิ่มทุน จันทรจุฑาลั่นปรับแนวทางใหม่ ผู้ถือหุ้น TTA โหวตไม่ผ่านแผนเพิ่มทุน คะแนนเสียงสนับสนุนแค่ 70% ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลวาระจ่ายปันผลหุ้น-เงินสดเป็นหมัน "ม.ล.จันทรจุฑา" ลั่นพร้อมปรับแนวทางใหม่ ก่อนนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอีกครั้ง GLจ่อซื้อธุรกิจอินโด-เวียดนาม ตั้งเป้าปี 58 ปล่อยสินเชื่อตลาดอาเซียน 1 ล้านคัน "กรุ๊ปลิส" จ่อเทกโอเวอร์บริษัทบริการเช่าซื้อในอินโดนีเซียและเวียดนามภายใน 3 ปี พร้อมปรับโฉมการทำธุรกิจขอเป็นเพียงแค่ผู้บริหารบัญชี รับรายได้ส่วนต่างดอกเบี้ย 9% เพื่อลดความเสี่ยงการดำเนินงาน ตั้งเป้าปี 58 มียอดปล่อยสินเชื่อตลาดอาเซียน 1 ล้านคัน หุ้นฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ดีดตัวแรง คาดจีนจะมีนโยบายอุดหนุนเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นในเอเชียปิดตลาดเมื่อวันศุกร์คละเคล้ากันไป หุ้นฮ่องกงสูงสุดในรอบ 16 เดือน ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ดีดตัวดีที่สุดของปีนี้ ในขณะที่หุ้นญี่ปุ่น ไม่เคลื่อนไหวมากนักก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปนอกจากได้รับผลกระทบจากข้อมูลจากเอเชียแล้ว ยังวิตกเรื่องหน้าผางบประมาณ จึงส่งผลต่ออารมณ์ในตลาด โพลล์ชี้สินค้าแพง-คอร์รัปชั่น เงื่อนไขสำคัญชุมนุมขับไล่รัฐบาล สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องประเด็นร้อนทางการเมือง พบประชาชนส่วนใหญ่มองว่า ปัญหาปากท้อง ของแพง และการทุจริตคอร์รัปชั่น อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ทิสโก้แนะเล่นกองRMF ประหยัดภาษีโค้งสุดท้ายของปีนี้ บลจ.ทิสโก้ เผยโค้งสุดท้ายประหยัดภาษี แนะเพิ่มสัดส่วนลงทุนกอง RMF หุ้นเอเชียและจีน เพราะเศรษฐกิจเอเชียและจีนยังเติบโตแข็งแกร่งแต่ราคาหุ้นยังถูก พร้อมเสนอ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ" และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ" ตอบโจทย์การลงทุน ธปท.ห่วงเงินเฟ้อเตือนระวังปี2556เงินทุนเคลื่อนย้าย แบงก์ชาติห่วงปัญหาเงินเฟ้อปีหน้า ระบุสภาพคล่องในระบบมีสูง ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน ให้ประชาชนระมัดระวังก่อหนี้ภาคครัวเรือน คาดปี 56 เศรษฐกิจโต 5-5.5% เนื่องจากการลงทุนภาครัฐ ขณะที่การส่งออกขยายตัว 5-8% เทเวศน์ปรับแผนดันเบี้ย ลั่นปีหน้าโต4พันล้านบาท นายชาติชาย ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยปี 2556 ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต ประมาณ 10% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยที่มาจากรายย่อย 50% ได้แก่ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันสุขภาพ ประกันบ้านที่อยู่อาศัย ประกันรถยนต์ปีที่ 2 ขึ้นไป และเน้นกลุ่มรถยนต์ที่มีขนาด 1,600 ซีซี ขึ้นไป ส่วนอีก 50% มาจากประกันอุตสาหกรรม ส่วนกำไรสุทธิหน้า มั่นใจโตแตะกว่า 100 ล้านบาท กองทุนอินฟาร์รัฐเป็นหมัน ต้นทุนสูงรัฐวิสาหกิจส่ายหน้าเมินตั้ง คลังยอมรับ "กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน" เกิดยาก รัฐวิสาหกิจไม่สนใจ ต้นทุนจัดตั้งแพงกว่ากู้เงินในตลาดฯ ที่ดอกเบี้ยยังต่ำ กฟผ. กรมทางหลวงปัดข้อเสนอ ระบุเหมาะกับภาคเอกชนมากกว่า ล่าสุดบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ยื่นไฟลิ่งให้กลต.เรียบร้อยแล้ว 'วรวิทย์'ไฟแรงดันแบงก์ออมสินรับเปิดเสรีเออีซี ผอ.ออมสินคนใหม่ วางแผนดันออมสิน รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นแบงก์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นธนาคารประชาชน ลดปัญหาหนี้นอกระบบ มั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1-2 แสนล้านบาท ธปท.การันตีแบงก์ไทยปึ้ก กองทุนแกร่งไม่ต้องเพิ่มทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกโรงเชียร์ธนาคารในประเทศแข็งแรง เงินกองทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ 16% ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนใหม่ หลังเกณฑ์กองทุนธนาคารพาณิชย์ บาเซิล 3 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 56 แจงผลประกอบการ 9 เดือนทำกำไรทะลุ 1.35 แสนล้านบาท คลังขานรับ'กลุ่มมาลีนนท์' ไทยพาณิชย์พร้อมปล่อยกู้ร้อยชักสาม กรมธนารักษ์ขานรับ "กลุ่มมาลีนนท์" ถือหุ้นใหญ่แนเชอรัล พาร์ค หรือ NPARK มั่นใจหลังได้ทุนใหม่ ลุยก่อสร้างโครงการโรงแรมอามันรีสอร์ท ริมเจ้าพระยาต่อ ขณะที่แบงก์ไทยพาณิชย์พร้อมปล่อยกู้ก้อนใหญ่ 1 พันกว่าล้านบาท ในฐานะแบงก์การันตี BBLเผยเป้าสินเชื่อปี56 มั่นใจเติบโต6-7%จากปีนี้ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประกาศรุกสินเชื่อทุกด้าน แย้มแผนธุรกิจปีหน้าตั้งเป้าขยาย 6-7% ย้ำสินเชื่อรายย่อยจับตาดูอยู่ ชี้ QE4 ไม่กระทบเศรษฐกิจ เหตุไม่ใช่เรื่องใหม่ เผยห่วงธุรกิจต่างจังหวัดแข่งเดือด-ต้นทุนพุ่ง http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39055 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:06:39

ความคิดเห็นที่ 18 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น SMM ฮุบลิขสิทธิ์พรีเมี่ยมญี่ปุ่น รายได้ปี 56 โต 15%-ต้าน 2.40 บ. SMM ดอดคุยญี่ปุ่น ซื้อลิขสิทธิ์ปั้นสินค้าพรีเมียม คาดจบดีลปลาย Q1/2556 กางแผนปีหน้า ตั้งงบลงทุนรวม 300 ล้านบาท ขยายธุรกิจ พร้อมสยายปีกสาขาร้านหนังสือปรับโฉมร้านใหม่ การันตีผลงานเข้าเป้าโต 20% ส่วนปีหน้าโตต่อ 10-15% โบรกชี้เส้นกราฟสวย แนะลงทุนให้ต้าน 2.40 บาท SUPER คิดใหญ่เทกโอเวอร์ รุกธุรกิจ IT-มาร์จิ้นพุ่ง 40% SUPER ลั่น 5 กุมภาพันธ์ 2556 อนุมัติขายธุรกิจอิฐมวลเบาให้ SCCC เดินเครื่องธุรกิจใหม่ แย้มหลังซื้อ OPEN ปูทางงาน IT ตุนงานภาครัฐเต็มหน้าตัก โกยมาร์จิ้นเต็มๆ 40% จากธุรกิจเดิมแค่ 10% ส่งซิกเจรจาพันธมิตรฝรั่ง 1-2 รายเดินสายรับงานกางแผนธุรกิจ 3-5 ปี เทกโอเวอร์ ขึ้นแท่นผู้นำเป้าวิ่งชน 2.00 บาท TIPCO-MALEE รับโชคปีใหม่ ยอดขายน้ำผลไม้พุ่ง 8 พันล้าน TIPCO-MALEE รับอานิสงส์น้ำผลไม้ขายดีช่วงปีใหม่ ดันยอดขายช่วงปีใหม่ ดันยอดขายพุ่งพรวด เตรียมคลอดโรงงานต่างประเทศ โชว์รายได้ทะลุ 8 พันล้านบาท จับตาเพิ่มกำลังการผลิต หวังโกยออเดอร์เต็มโกดัง ปูทางปี 2556 กำไรหรูหรา สัญญาณหุ้นเทิร์นอะราวนด์แบบแพ็กคู่ ชี้ช่องลงทุนรีบสอยเข้าพอร์ต VIBHAไม่หวั่นRAMเก็บหุ้นยันกอดหุ้นมองกำไรสดใส VIBHA แจ้งไม่กังวลการเข้าซื้อหุ้นของโรงพยาบาลรามคำแหงจำนวน 55 ล้านหุ้น ยันพร้อมปกป้องหากขายจะเลือกพันธมิตรในกลุ่มของตนเอง พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาต่อเนื่อง แย้มเตรียมลงทุนสร้างโรงพยาบาลใหม่อีก 1 แห่งในกรุงเทพฯ โค้งสุดท้ายLTF/RMFทีเอ็มบี ชวนลูกค้ารีบรับสิทธิ์คืน2ต่อ ทีเอ็มบี ชวนลูกค้ารับสิทธิ์ เงินคืน 2 ต่อ เมื่อซื้อ LTF/RMF ที่สาขาของธนาคารต่อที่ 1 ทุกๆ เงินลงทุนสุทธิ 50,000 บาท รับเงินคืน 250 บาท และ ต่อที่ 2 ทุกๆ 500,000 บาท รับเพิ่มอีก 2,500 บาท 'CPALL'กำไรพุ่งงบQ4/55ทุบสถิติโบรกอัพราคาเพิ่ม CPALL นักวิเคราะห์ประสานเสียงเชียรร์ลงทุนประเมินงบไตรมาส 4/2555 กำไรพุ่งแรงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สินค้า Product Mix อาหารพร้อมทาน-อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ Margin สูงหนุน แผนเพิ่มสาขาเป็น 10,000 สาขา จากปัจจุบันราว 6,800 สาขาภายในระยะยาว 5-6 ปี ให้ราคา 52.00 บาท KTB ปั๊มโลนแซงหน้า BBL บุก "ตปท."-โกยค่าฟีอื้อ 30% KTB ติดปีกขึ้นแท่นผู้นำสินเชื่อเทียบไหล่ยักษ์ใหญ่อย่าง BBL กินรวมค่าฟีแตะ 30% จากปัจจุบันแค่ระดับ 15-20% หลังบุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ จับตาเปิดสาขาใหม่พม่าและเวียดนาม แถมเจรจาพันธมิตร มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ คลอดธุรกรรมข้ามชาติ กูรูแนะรีบสอยเข้าพอร์ต กำไรเกิน 3.1 หมื่นล้านบาท วิ่งชนเป้า 24.70 บาท อัพไซด์ทะลุ 30% ทิสโก้ชี้โค้งสุดท้ายประหยัดภาษี ชูกองRMFหุ้นเอเชีย-จีนเพิ่มยิลด์ ทิสโก้ชี้โค้งสุดท้ายประหยัดภาษีคึกคัก แนะนำเพิ่มสัดส่วนลงทุนกอง RMF หุ้นเอเชียและจีน เพราะเศรษฐกิจเอเชียและจีนยังเติบโตแข็งแกร่งแต่ราคาหุ้นยังถูก พร้อมเสนอ "กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ" และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิกเอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ" ตอบโจทย์การลงทุน TTAปรับยุทธศาสตร์ลงทุนหาพันธมิตรหลังเพิ่มทุนล่ม TTA ปรับแผนลงทุนประกาศเจรจาหาพันธมิตรใหม่ร่วมธุรกิจ พร้อมกางแผนลงทุนมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท หลังผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วยกับแผนออกหุ้นเพิ่มทุน 708 ล้านหุ้น ผู้บริหารส่งซิกค่าระวางเรือปี 2557 ปรับเพิ่ม-บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ เตรียมโกยเงิน หลังรับงานในซาอุดิอาระเบีย มูลค่ากว่า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ BMCL เปิดพื้นที่เช่าอัพรายได้ ปี 56 ธุรกิจฟื้น-เคาะเป้า 0.70 บ. BMCL ตั้งตาลุ้นผลประกอบการไตรมาส 4/2555 ขาดทุนลดลงหลังตัวเลขผู้โดยสารทรงตัวในระดับสูงพร้อมเตรียมสรุปแผนการพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าเป็นพื้นที่ให้เช่า หวังดันรายได้รวมปี 2556 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ด้านโบรกส่องราคาหุ้น BMCL ธุรกิจส่อฟื้นตัวปี 2556 เชียร์ลงทุน BTS หลังราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อีก 11-12% จากราคาเป้าหมาย 7.50 บาท โกลเบล็กฉลองปีใหม่เอาใจออนไลน์ จัดโปรโมชั่นลุ้น 3 ต่อดันลูกค้าพุ่ง 20% โกลเบล็กอัดโปรโมชั่นลุ้น 3 ต่อให้ลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่และลูกค้าเดิมกับฝ่าย E-Trading ทั้งหลักทรัพย์และอนุพันธ์ แจก iPhone 5, Samsung Galaxy Note II, Samsung Galaxy SIII, The new iPad 3 และ iPad Mini พร้อมโปรแกรม และ Application ดูข้อมูลด้านการลงทุน มูลค่ากว่าล้านบาท ชี้ปัจจุบันมีลูกค้าเทรดออนไลน์เพิ่มกว่า 20% 'TTW' ปั๊มฐาน 6 พันล. อัพกำไรเพิ่ม 2.37 พันล. TTW หน้าบานหลังเข้าคำนวณ Set 50 เล็งเห็นการเติบโตที่มั่นคง ผู้บริหาร "สมโพธิ ศรีภูมิ" ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 15% แตะ 6 พันล้านบาท ตามยอดการจ่ายน้ำเพิ่มสูงขึ้น 6-7% จาก 288.1 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีนี้ ด้านโบรกปรับกำไรเพิ่มเป็น 2,375 ล้านบาท และในปี 2556 ปรับขึ้นจาก 2,657 ล้านบาท เป็น 2,695 ล้านบาท รอจังหวะ "ซื้อ" SAMCO เก็งรายได้ปี 56 โต 15% ผุดโครงการใหม่สะสมพอร์ต ผู้บริหาร SAMCO "กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา" ตั้งเป้าผลดำเนินงานปี 2556 หวังเพิ่มรายได้โตกว่า 15% พร้อมเตรียมแผนเปิด 3 โครงการใหม่มูลค่ารวม 1.7-1.8 พันล้านบาท ไว้สนองทางเลือกลูกค้าทุกกลุ่มที่สนใจทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม แอร์เอเชียโชว์แกร่งสุดในเอเชีย ลุยซื้อเครื่องบินแอร์บัส 100 ลำ กลุ่มแอร์เอเชีย สั่งลุยซื้อเครื่องบินแอร์บัสเอ 320 เพิ่ม 100 ลำ เพื่อขยายฝูงบินครอบคลุมทั่วน่านฟ้าเอเชีย พร้อมบันทึกสถิติใหม่ในฐานะเป็นสายการบินที่มียอดสั่งซื้อเครื่องบินแบบทางเดินเดียวจากแอร์บัสมากถึง 475 ลำ หวังนำหน้าคู่แข่งในภูมิภาค หนุนเติบโตก้าวกระโดดระยะยาว UKEM ซุกรายได้อลังการ โบรกชี้ลุ้นรีบาวนด์ 2.38 บาท UKEM ส่งซิกปี 2555 รายได้ทะยานเหนือเป้า 15% จากปีนี้ที่คาดจบราว 3.2 พันล้านบาท รับดีมานด์ไหลบ่าไม่หยุด พร้อมเร่งเสริมความปึ้ก หวังขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ยิ้มรับบาทแข็งหนุนธุรกิจ ฟากโบรกเกอร์ แนะนำ "เก็งกำไร" ลุ้นรีบาวนด์แตะ 2.38 บาท 'DNA' ฮอตฮิตคนแห่ซื้ออื้อ มั่นใจพื้นฐานแกร่งเติบโตสูง DNA กระแสตอบรับท่วมท้น นักลงทุนแสดงความต้องการคึกคัก หลังปิดจอง IPO จำนวน 160 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.90 บาท ที่ปรึกษาทางการเงินระบุนักลงทุนมีความเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโตของธุรกิจเนื่องจากมีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 1,432 สาขา ด้านผู้บริหาร DNA "สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา" เผยนำเงินที่ได้ไปต่อยอดรายได้จากธุรกิจเดิมเพื่อนำผลตอบแทนกลับคืนผู้ถือหุ้น L&E ระรื่นผลงานทะลุเป้า เซียนเคาะจุดวัดใจ 14.20 บ. L&E แง้มรายได้ปี 2555 ฉายแววเหนือเป้าที่ตั้งไว้พุ่ง 10% จากปีก่อนที่ 2.02 พันล้านบาท หลังออเดอร์ทะลักต่อเนื่อง ด้าน "ปกรณ์" เล็งทุ่มงบ 20-60 ล้านบาท เนรมิตช็อปใหม่ หวังกวาดยอดขายเพิ่ม แถมโชว์ Backlog ในมือราว 650 ล้านบาท ซดยาวถึงปีหน้า ด้านนักวิเคราะห์ส่องพิกัดต้าน 14.20 บาท THAI ตีปีกงบ Q4/55 กำไรสูง จ่อซื้อเครื่องบิน 38 ลำเสริมทัพ ผู้บริหาร THAI "สรจักร เกษมสุวรรณ" มั่นใจ Q4/2555 มีกำไรสูงส่งผลงบทั้งปีดีกว่าเป้า รับอานิสงส์ ปัจจัยกำไรจาก Hedging หนุนและเป็นช่วงไฮซีซันของปีมีจำนวนผู้โดยสารสูงขึ้นมาก อยู่ที่ 76% สูงกว่าเป้าหมาย 75% เล็งจัดซื้อเครื่องบินเพิ่มอีก 38 ลำเสริมความแกร่งธุรกิจ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:07:08

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้: พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2555 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39056 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:08:26

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ น้องโชว์ พี่ฮะ คุณตำลึงริมรั้ว คุณพันเกลียว และชาวปิ๊งๆๆ ทุกท่าน จากคุณ : Kading เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:08:32

ความคิดเห็นที่ 21 Good Morning News จากกองทุนบัวหลวง ... 17 ธันวาคม 2555 General News ------------------- • มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นในภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 47.3 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แสดงว่าการหดตัวของกิจกรรมธุรกิจมีอัตราชะลอลง ทั้งนี้ ดัชนี PMI ของเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50.5 จุดจาก 49.2 จุดในเดือนพ.ย. เป็นการกลับเข้าสู่ภาวะขยายตัว (ดัชนีระดับเกิน 50 จุด) ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ในขณะที่ดัชนี PMI ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 45.0 จุด ชี้ว่ากิจกรรรมทางธุรกิจยังคงหดตัว • สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนีคาดว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัว 0.7% ในปี 56 เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออก ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะยังหดตัวในไตรมาส 4/55 แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ตาม Ifo ได้ประเมินว่ายังไม่น่าจะเห็นภาวะการจ้างงานฟื้นตัวขึ้นในระยะอันใกล้นี้ • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐขยายตัว 1.1% ในเดือนพ.ย. ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 0.3% และเป็นการขยายตัวที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมากนั้นเป็นเพราะเดือนก่อนหน้าได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแซนดี้ ทำใหการผลิตต่ำกว่าปกติ • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.3% ในเดือนพ.ย. ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 0.2% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมาก ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนี CPI นี้จะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สามารถใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้อย่างสะดวกเพราะอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ที่ระดับต่ำ • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขยายข้อตกลงสว็อปเงินดอลลาร์ออกไปอีก 1 ปีกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะขยายออกไปจนถึงวันที่ 1 ก.พ. 2557 ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่นจะมีการพิจารณาขยายข้อตกลงสว็อปค่าเงินในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป ซึ่งข้อตกลงสว็อปค่าเงินนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดเตรียมสภาพคล่องเงินดอลลาร์ให้เพียงพอต่อระบบการเงินโลก • นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับรีกันกล่าวว่า สภาคองเกรสจะไม่ยอมล้มเลิกการควบคุมระดับเพดานหนี้สินของรัฐบาลกลาง เพื่อควบคุมให้สถานะการคลังของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และยังได้วิจารณ์ปธน.บารัค โอบามาว่าไม่มีความจริงจังในการเจรจาและไม่มีแผนชัดเจนที่จะปรับลดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลการดำเนินงานธนาคารต่างประเทศในสหรัฐ โดยกำหนดให้ธนาคารจากต่างประเทศขนาดใหญ่ต้องดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดขึ้น และต้องมีการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลต่อเสถียรภาพด้านการเงินของสหรัฐ ทั้งนี้ ธนาคารต่างประเทศที่มีทรัพย์สินทั่วโลกตั้งแต่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ขึ้นไปจะต้องทำตามมาตรฐานใหม่ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 • องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ประเมินเบื้องต้นคาดว่า จีดีพีของกลุ่มประเทศจี-20 จะขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3/55 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 0.5% โดยประเทศที่มีการขยายตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐ บราซิล จีนและฝรั่งเศส ในขณะที่จีดีพีญี่ปุ่นนั้นหดตัวลง 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3/54 จีนมีอัตราการขยายตัวสูงสุดที่ 7.4% ส่วนอิตาลีหดตัวหนักสุดที่ -2.4% • เอชเอสบีซี โฮลดิงส์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 50.9 จุด ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง • ธนาคารดอยซ์แบงค์คาดว่า ความต้องการน้ำมันจากจีนจะขยายตัว 3.4% ในปี 56 ฟื้นตัวขึ้นจากปี 55 ที่ปริมาณการใช้น้ำมันในจีนมีอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี ทั้งนี้ ดอยช์แบงค์ประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีหน้า โดยจีดีพีของจีนอาจจะขยายตัวได้ระดับ 8.5% ในครึ่งหลังของปี 56 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน • ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผย(บีโอเจ) เปิดเผยว่าผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นประจำไตรมาส 4/55 ย่ำแย่ลงจากไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ลดลงมาอยู่ที่ -12 จาก -3 ในไตรมาสที่แล้ว • ผู้ว่าการธปท.คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับ 5.8% ในปี 55 ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 5.7% ส่วนในปี 56 คาดว่าการขยายตัวจะอยู่ที่ 4.7% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.6% จากแรงขับเคลื่อนด้านอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ส่วนภาคการส่งออกนั้นคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 56 และจะเป็นแรงหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลัง • ก.พาณิชย์เตรียมประกาศเป้าการส่งออกปี 56 อย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ซึ่งจากที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไทยปี 56 น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-9% โดยปัจจัยเสี่ยงการส่งออกปีหน้าได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปที่ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องและปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐ ส่วนปัญหาที่น่ากังวลในประเทศคือการขาดแคลนแรงงาน ในขณะที่การปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทไม่น่าจะกระทบการส่งออกมากนัก Equity Market • SET Index ปิดที่ 1,358.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด หรือ +0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 37,268 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 831 ล้านบาท โดยหุ้นไทยนั้นปรับขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศการลงทุนในหุ้น แต่หุ้นไทยที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่นั้นยังเป็นกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ในขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่อิงกับเศรษฐกิจโลกนั้นปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ แสดงว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงนิยมธุรกิจที่สามารถเติบโตไปกับเศรษฐกิจไทยมากกว่า Fixed Income Market • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นในทุกรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.00% ถึง 0.03% โดยรุ่นที่อายุคงเหลือระหว่าง 5 ถึง 10 ปีมีอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่ารุ่นอื่นๆ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39058 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:09:13

ความคิดเห็นที่ 22 อรุณสวัสดิ์คะ คุณใหญ่ คุณฮะ คุณพันเกลียว คุณตำลึงริมรั้ว และชาวปิ๊งปิ๊ง ที่น่ารักทุกท่านคะ ลุ้นตัวเล็กๆ วิ่งเร็ว เร็ว คะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:12:49

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีคุณกุ้ง ที่น่ารักค่ะ  ^     ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:14:36

ความคิดเห็นที่ 24 ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:16:27

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีค่า คุณฮะ คุณหย๊ายหย่าย คุณกุ้ง คุณตำลึงริมรั้ว คุณพันเกลียว อาเจ๊หมูอึ๋มมมม และเพื่อน พี่ๆ ที่น่าร๊ากกกกกกกกกกกทุกท่าน ^ ^ เมื่อคืนฝันเห็นขน เอ๊ย!! ปูขนของใครม่ายรู้ น่ากิ๊นนนนนนนนนนนน น่ากินนนนนน 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:19:19

ความคิดเห็นที่ 26 ขนมชั้น ใครทานแล้วลูกเจี๊ยบในเล้า จะลิ่งๆ เป็นชั้นๆเบยยยย ค่ะ 55555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:20:28

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีค่ะ น้องกุ๊กกรูรร์  สุดสวยยยยยย  ^    ^ ฝันตรงกันเป๊ะเบยยยยย  5555555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:25:22

ความคิดเห็นที่ 28 ข้าวหมูแดงค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:26:52

ความคิดเห็นที่ 29 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39059 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:28:36

ความคิดเห็นที่ 30 ฝันว่าคุณฮะซื้อไรมาใหม่ด้วยแระค๊าาา  ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:29:02

ความคิดเห็นที่ 31 . จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:29:11

ความคิดเห็นที่ 32 สรุปข้อมูลการขายชอร์ตของหุ้นไทย ณ วันที่ 14 ธ.ค. 2555 มีรายละเอียดดังนี้ หลักทรัพย์        ปริมาณหุ้นที่          มูลค่าการ  %ปริมาณการขายชอร์ต ขายซอร์ต          ขายชอร์ต  เทียบกับปริมาณการซื้อขาย (หุ้น)            (บาท)     บนกระดานหลัก TVO             780,800     18,895,360.00    46.64% AP              662,000      5,801,100.00    12.22% ADVANC          328,500     69,707,000.00     8.33% BBL             283,300     54,590,750.00     5.06% CPALL         2,420,000    105,577,000.00     4.72% DCC              72,900      3,254,550.00     4.32% DTAC             99,400      8,859,425.00     3.69% BEC              97,200      5,976,850.00     3.58% TTW           1,061,400      9,962,740.00     3.34% True          1,033,100      5,155,500.00     3.05% STEC            100,000      2,575,000.00     2.61% TTA             650,000     11,075,000.00     2.57% BANPU            21,400      8,692,400.00     2.16% MAKRO             5,300      2,484,400.00     2.13% BH                9,300        692,850.00     1.99% HEMRAJ          974,000      2,970,440.00     1.98% TPIPL           205,000      3,094,900.00     1.76% MINT            123,100      2,481,070.00     1.71% KBANK            97,400     19,084,100.00     1.70% LH              335,800      3,258,260.00     1.58% SVI              24,200         96,316.00     1.49% CK              200,000      2,469,790.00     1.40% BJC              14,300        799,400.00     1.31% BIGC              3,600        688,000.00     1.24% MCOT             10,000        437,500.00     1.02% JAS             210,000      1,155,000.00     0.56% HMPRO            57,800        699,380.00     0.44% LOXLEY          130,000        707,000.00     0.43% TOP              14,500        976,975.00     0.43% PTTGC            23,100      1,565,025.00     0.33% SIRI            110,100        391,956.00     0.31% PTT               8,600      2,846,600.00     0.28% ESSO             47,400        473,550.00     0.24% SCC               2,500      1,053,000.00     0.23% IVL              12,400        319,300.00     0.14% TMB             104,500        194,572.00     0.12% CPF              14,500        494,400.00     0.10% KK                3,000        144,000.00     0.10% BECL              4,000        130,000.00     0.07% BAY              10,000        305,000.00     0.06% RATCH               600         33,700.00     0.05% MALEE               200         21,400.00     0.01% ที่มา: www.set.or.th ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย All Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน              ซื้อ       ขาย        สุทธิ สถาบัน            18,561    21,812    -3,251 ต่างชาติ            1,555     2,339      -784 ในประเทศ         21,328    17,293     4,035 ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย Index Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน             ซื้อ      ขาย      สุทธิ สถาบัน           2,438    2,643     -205 ต่างชาติ          1,240    1,325      -85 ในประเทศ        6,650    6,360      290 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:30:08

ความคิดเห็นที่ 33 http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39063 จากคุณ : คุณใหญ่ แซ่ฮัท (yai-cho) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:31:02

ความคิดเห็นที่ 34 อ๋อ.. อาเจ๊ขรา ใช่อันที่ใหญ่ๆ ยาวๆ เอ๊ย!! เทอะทะๆอ่ะป่าวววววววว 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:31:39

ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อวันศุกร์ ซื้ออนันดอย@3.70ไว้อะค่ะ อย่านามสกุล เอเวอร์เรสแฮมนะเด้อออออออ  ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:32:06

ความคิดเห็นที่ 36 ใช่เลี้ยวค่ะน้องกุ๊กกรูรร์  ฝันว่าคุณใหญ่ แซ่ฮัท พูดแบบนั้นค๊าาา5555 จากคุณ : รูปนี้คุณใหญ่ก็เปงคนพูดน๊าา555 (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:35:57

ความคิดเห็นที่ 37 หอยลายผัดน้ำพริกเผาค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:37:46

ความคิดเห็นที่ 38 ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้แสดงความยินดีต่อนายชินโสะ อาเบะ หลังจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ภายใต้การนำของนายอาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ โดยโอบามากล่าวว่า สหรัฐจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่น "ผมขอแสดงความยินดีต่อนายชินโสะ อาเบะ หัวหน้าพรรคแอลดีพี ที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งของญี่ปุ่น ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐและญ๊ปุ่นนำมาซึ่งสันติภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และรัฐบาลสหรัฐรอคอยที่จะร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่น ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก" โอบามากล่าว ทั้งนี้ พรรคแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก และพรรคพันธมิตรฝ่ายค้านอย่าง พรรคนิวโคเมโตะ ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ โดยผลการนับคะแนนล่าสุดนั้น ทั้งสองพรรคกวาดที่นั่งร่วมกันไปแล้ว 260 ที่นั่ง จากทั้งหมด 480 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง นายอาเบะ ในฐานะหัวหน้าพรรคแอลดีพีจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมสภาไดเอทหรือรัฐสภาญี่ปุ่น นัดพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธ.ค.เป็นอย่างเร็วที่สุด เพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ของประเทศ หากนายอาเบะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งคณะรัฐมนตรี พรรคแอลดีพีก็จะกลายเป็นพรรครัฐบาลแทนพรรคดีพีเจ นายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ กล่าวในคืนนี้ว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของพรรคในการเลือกตั้งทั่วไปในวันนี้ โดยการเลือกหัวหน้าพรรคดีพีเจคนใหม่จะมีขึ้นก่อนการประชุมสภาไดเอทหรือรัฐสภาญี่ปุ่นนัดพิเศษในช่วงปลายเดือนนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายโนดะ วัย 55 ปี ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว หลังจากที่พรรคดีพีเจได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร หรือ สภาล่าง ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มากและไม่เพียงพอที่พรรคจะกลับมาครองอำนาจบริหารประเทศอีกครั้ง นายโนดะเป็นหัวหน้าพรรคดีพีเจคนที่ 3 นับตั้งแต่ที่พรรคชนะการเลือกตั้งและก้าวขึ้นบริหารประเทศในปี 2552 โดยเขาก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่ชนะการเลือกหัวหน้าพรรคดีพีเจในเดือนก่อนหน้านั้น และเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัยในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:38:32

ความคิดเห็นที่ 39 คุณหย๊ายหย่ายของพวกเราเก่งจังเบยยยยยยยยยยยยย แทงถูกตลอดดดดดดดดดดดดดดดดด วะ ฮะ ฮ่า 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:39:13

ความคิดเห็นที่ 40 ทอดมันค่ะ ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:39:53

ความคิดเห็นที่ 41 โพสสสสสสอย่างเดียวไม่พูดไม่จาน๊าเตงงงงงงงงง.. 555 จากคุณ : ยังม่ะได้แปรงฟันหรา.. (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:41:58

ความคิดเห็นที่ 42 @39..5555555555555 คุณใหญ่ขราา  ช่วยสอนเจ้าบ่าวซิง ซิงด้วยค่ะ55555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:43:19

ความคิดเห็นที่ 43 แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย.. อย่าค่ะอาเจ๊ อย่าค่า เดี๋ยวคุณหย๊ายหย่ายบอก.. ดูดีๆนะ เดี๋ยวป๋มทำให้ดูรอบนึงก่อลลลลลลลล  555 จากคุณ : มันจะยุ่งนา กร๊ากกกกกกกกกกกกก (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:46:42

ความคิดเห็นที่ 44 ถ ถ ถ ถูกต้องน่ะค๊าาาาาาา5555555 วันไหนไม่ได้ไปว่ายน้ำ ก็เปงแบบนี้ดิ จากคุณ : หลบๆ ซ่อนๆ ถนอมถ้อยคำ...หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:47:04

ความคิดเห็นที่ 45 42+43 ว่าไปนั่นครับ 55555555555555 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 08:48:23 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:47:49

ความคิดเห็นที่ 46 @43...ฮี่  อยากดูการสาธิตบ้างอ่ะ  5555555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:49:15

ความคิดเห็นที่ 47 สงสัยคุณฮะไปแปรงฟัน 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:49:24

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่ต้องฝัุนก็กินเลย แต่ยังมีที่ติดคออยู่นี่ก็บ้าน  ปุนะ ปฏิทินเศรษฐกิจรอบโลกในรอบสัปดาห์ วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) สหรัฐ                    20.30 น.                           ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค. 21.00 น.                           ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าและยอดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนต.ค. วันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) อังกฤษ                    16.30 น.                           ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ย. 16.30 น.                           ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. สหรัฐ                     22.00 น.                            ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) เยอรมนี                       16.00 น.                           ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค.จาก Ifo สหรัฐ                        20.30 น.                           ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. สหรัฐ                        22.30 น.                           สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) N/A                                                             ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันแรก วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) เยอรมนี                       14.00 น.                           ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. อิตาลี                        16.00 น.                           ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. อังกฤษ                     16.30 น.                            ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สหรัฐ                        20.30 น.                           จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2555 20.30 น.                           จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ 22.00 น.                           ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย 22.00 น.                           ยอดขายบ้านมือเดือนพ.ย. 22.00 น.                           ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด N/A                                                             ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินวันสุดท้ายและแถลงมติการประชุม วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) อังกฤษ                    07.01 น.                           ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. เยอรมนี                    14.10 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก GfK ฝรั่งเศส                    14.45 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค. อังกฤษ                    16.30 น.                           จีดีพีไตรมาส 3/2555 16.30 น.                           ดุลการชำระเงินไตรมาส 3/2555 อิตาลี                     17.00 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีเดือนธ.ค. สหรัฐ                     20.30 น.                            ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลสหรัฐเดือนพ.ย. 21.55 น.                           ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:50:06

ความคิดเห็นที่ 49 @45..คุณใหญ่ อายด้วยเหยออออ  5555555 จากคุณ : ปูเสื่อรอ55555...หมูแดง....... (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:51:24

ความคิดเห็นที่ 50 รอด้วยๆๆ 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:53:00

ความคิดเห็นที่ 51 คุณฮะแปรงฟันแล้ว เย้......^     ^ จากคุณ : ของโปรดคุณฮะ...หมูแดงรู้ใจ.... (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:54:19

ความคิดเห็นที่ 52 ตลาดหุ้นไทยในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 30% และวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทะยานขึ้นไปที่ระดับ 1,350 จุด ถือเป็นจุดสูงสุดของปี และสูงสุดในรอบ 16 ปี จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาเตือนนักลงทุนให้ติดตามข่าวสารอย่างรอบด้าน    การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นส่งผลให้กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF ) ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีสร้างผลตอบแทนที่ดีถ้วนหน้า โดยบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF ) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน หรือในรอบ 11 เดือนกว่า ที่ผ่านมา  (4 มกราคม-12 ธันวาคม 2555)โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับมีดังนี้    อันดับแรก  กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 49.53% อันดับ 2 กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 47.77% อันดับ 3 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 46.61% อันดับ 4 กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยบรรษัทหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 46.56% อันดับ 5 กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผลหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 44.16% (ดูตารางประกอบ)    สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับรางวัลกองทุนLTF ยอดเยี่ยมปี 2553 และปี 2555 จากนิตยสารมันนี่ แอนด์ เวลทธ์  โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาของมอร์นิ่งสตาร์  ให้ผลตอบแทนในรอบ 11 เดือนที่  37% ขณะที่ให้ผลผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 36.87% ,ย้อนหลัง 3 ปีที่ 35.49% และย้อนหลัง 5 ปีที่ 19.37%    นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า  จากผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของบลจ.บัวหลวฯที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากให้ความสนใจทยอยเข้าสั่งซื้อและขยายการลงทุนมาให้บริษัทบริหารจัดการต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้    จากกรณีที่มีเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษีที่อยู่ภายใต้การบริหารของบลจ.บัวหลวงฯจำนวนมาก นายวศินกล่าวว่าทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว (B-LTF) อีกหมื่นล้านบาท  จาก 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท     "หลังจากกองทุนมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนที่ต้องการรับสิทธิลดหย่อนภาษีจำนวนมาก ทำให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมที่ลงทุนต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ขนาดกองทุนดังกล่าวเติบโตขึ้นตามลำดับ" นายวศินกล่าว     ก่อนหน้านี้ (6 พฤศจิกายน 2555)บลจ.บัวหลวงฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 (BLTF75) ซึ่งเป็นกองทุนLTF อีกกองที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน โดยเพิ่มทุนจาก 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท     นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรีฯ กล่าวว่า กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล  ถือเป็นกองทุนดาวเด่นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ส่งผลให้กองทุนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ     พร้อมกันนี้แนะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างสม่ำเสมอด้วยวงเงินเท่าๆกันรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ (Dollar Cost Averege : DCA) หรือการลงทุนแบบเฉลี่ยราคา เช่น ลงทุนทุกเดือน, ทุก 2 เดือน หรือทุกไตรมาส จนครบตามจำนวนเงินที่ต้องการซื้อในปีนั้นๆโดยไม่ต้องกังวลว่าสภาวะตลาดในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้การลงทุนแบบ DCA จะช่วยลดความผันผวนที่มีค่อนข้างสูงจากการลงทุนในหุ้น รวมทั้งเฉลี่ยต้นทุนในการซื้อให้ถูกกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด และควรเริ่มลงทุนตั้งแต่ต้นปีเนื่องจากราคาหุ้นซึ่งต้นปีมักจะมีราคาถูกกว่าช่วงปลายปี ส่วนการจับจังหวะตลาดไม่ได้มีความสำคัญนัก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว    นอกจากนี้ควรทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง และปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุน หรือวัตถุประสงค์ของการลงทุนที่เปลี่ยนไปเพื่อเป็นการเพิ่มผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้    นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหารบลจ. กสิกรไทยฯ  เปิดเผยว่า บริษัทมีกองทุน LTF ภายใต้การบริหารที่มีผลงานโดดเด่น  2 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว(KEQLTF)และกองทุนเปิด เค หุ้นระยะยาวปันผล(KDLTF) ปัจจุบันพอร์ตของกองทุนดังกล่าวได้ให้น้ำหนักในหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ สื่อและสิ่งพิมพ์ สื่อสาร อาหารและเครื่องดื่ม ก่อสร้าง และปิโตรเคมี เป็นต้น    นายคมศร ประกอบผล ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้เวลทธ์ กล่าวว่า แม้กฎหมายจะกำหนดว่ากองทุน LTF ต้องลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของกองทุนก็ตาม แต่กองทุน LTF ก็ยังมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เช่น LTF ที่มีการจำกัดการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ซึ่งถือเป็นกองทุนที่เสี่ยงน้อย ไปจนถึงกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเต็มสัดส่วน 100%    นอกจากนี้กองทุน LTF ยังมีความแตกต่างในด้านนโยบายการจ่ายปันผลซึ่งจะมีผลในประเด็นเรื่องภาษี เนื่องจากเงินปันผลที่จ่ายจากกองทุนนั้นจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 10% ในขณะที่กำไรจากการขายหน่วยลงทุนที่ครบกำหนดนั้นจะได้รับยกเว้นภาษี ซึ่งทำให้กองทุน LTF ประเภทที่จ่ายปันผลนั้นเสียเปรียบในส่วนนี้ ดังนั้นกองทุน LTF ประเภทไม่จ่ายปันผลจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็น และไม่ได้มีความต้องการรายได้จากเงินลงทุนก้อนนี้ในช่วงที่กองทุนยังไม่ครบกำหนด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:55:35

ความคิดเห็นที่ 53 รอด้วยคนค่ะ  555555555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:56:44

ความคิดเห็นที่ 54 นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังนายทาคะคาซึ อิชิอิ ผู้ว่าราชการจังหวัดโทยาม่า ประเทศญี่ปุ่น (Takakazu Ishii , Governor Toyama Prefecture) เข้าพบว่า ว่า ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของไทย และยังคงสนใจเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่อง และกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงญี่ปุ่นว่าจะให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้ามาอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และเอสเอ็มอีที่เข้ามาลงทุนในไทย โดยจังหวัดโทยาม่าผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักและต้องการขยายการลงทุนเข้ามาในไทย และต้องการให้ช่วยดูเรื่องการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพราะในช่วงแรกที่เข้ามาลงทุนต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น นายประเสริฐ กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้สอบถามเกี่ยวกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท โดยกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงว่ารัฐบาลจะปรับขึ้นทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.2556 และถ้านักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือให้ติดต่อมาที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลกำลังเตรียมแผนบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการไว้ และเมื่อได้ข้อสรุปจะมีแผนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือน แรกของปีนี้ มีนักธุรกิจญี่ปุ่นยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 638 โครงการ มูลค่าการลงทุน 300,523 ล้านบาท และในปี 2556 กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่าจะมีนักธุรกิจญี่ปุ่นยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนประมาณ 310,000 ล้านบาท โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นถดถอยทำให้นักธุรกิจสนใจออกมาลงทุนในต่างประเทศและไทยมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนทำให้เอสเอ็มอีญี่ปุ่นสนใจมาลงทุนในไทย รวมทั้งญี่ปุ่นกังวลว่าหากไม่สนับสนุนให้เอสเอ็มอีออกไปลงทุนจะทำให้นักลงทุนที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีเกิดปัญหาถึงขึ้นปิดกิจการ เพราะการลงทุนในญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:58:29

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีครับพี่ๆน้าๆ ปิ๊งๆ เชียงราย...หนาวมาก(กว่าลำปาง) แล้ว....มาเที่ยวดอยจริงๆ...ดีกว่าดอยตลาดหุ้นนะครับ จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 08:59:02

ความคิดเห็นที่ 56 คุณใหญ่ขราา อย่าห้ามความคิดของน้องกุ๊กนะค่ะ  ^     ^ จากคุณ : ไปแระ จุ๊บ จุ๊บ....หมูแดง.... (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:00:16

ความคิดเห็นที่ 57 รอดูอยู่ ถ้ารอบนี้ไม่ต่ำกว่า400จะรับเพิ่มอีกนิด (นิดจริงๆ) บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET ปิดเหนือระดับ 1,350 จากแรงซื้อของต่างชาติ?ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,358.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.76% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 22.60% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 40,635.62 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอปิดที่ 405.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.25% จากสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ จากแรงซื้อของนักลงทุน และการดำเนินมาตรการซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม (QE4) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรในวันพฤหัสบดี หลังดัชนียืนอยู่เหนือระดับ 1,350 จุด จากนั้นดัชนีปรับขึ้นต่อสู่ระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี จากแรงหนุนการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มสัปดาห์นี้(17-21 ธันวาคม 2555) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากแรงหนุนของเงินทุนไหลเข้า โดยต้องติดตามความชัดเจนของการแก้ไขภาวะ Fiscal Cliff ของภาคการเมืองสหรัฐ ทั้งนี้คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,350 และ 1,337 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,378 และ 1,400 จุด ตามลำดับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:00:59

ความคิดเห็นที่ 58 ยา อย่า ย่า ยี ยี่ ยี้ คุณแม่ซักผ้า คุณยายสระผม ลูกอมโบตัน ยาสีฟันคอนเกต สบู่วิเศษ ปั๊ก กา เป๊า ยิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ฉุบบบบบบบบบบบ 555 จากคุณ : ออกกระดาดดดดดดดดด (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:01:45

ความคิดเห็นที่ 59 อย่าเพิ่งปายยยยยยยยยย มาฉุบกะเค้าก่อลลลลลลดี๊ 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:04:14

ความคิดเห็นที่ 60 ดีค่าคุณ Nat_YFS2011 มาฉุบกันป่ะ กิ กิ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:06:50

ความคิดเห็นที่ 61 อีกนิดนึงน่ะคะ  ฝากเมื่ยงคำ ให้ป้ากุ๊กก่อน  555555 จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:06:59

ความคิดเห็นที่ 62 อยู่อีกนิดนึง55555 จากคุณ : ออกกรรไกรรรรรรรรรรร..หมูแดง... (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:09:59

ความคิดเห็นที่ 63 55555 กลัวหนาวกายแล้วไร้เนื้อห่มนะครับ ส่วนหนาวดอยหุ้นก็หาทุน(ฟืน)มาเติมให้อุ่นขึ้น เหมือนอยู่ดอยต่ำลง (หลอกตัวเอง  แต่ติดหุ้นจำนวนมากขึ้น) บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ “RIM” ของแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน “แบล็กเบอร์รี” ได้รับข่าวร้าย หลังจากบริษัทถูกถอดชื่อออกจากการเป็นส่วนหนึ่งในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ “แนสแด็ก 100” ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (15) ที่ผ่านมา             รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าวของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่รวมการซื้อขายหุ้นแบบอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งที่มิใช่บริษัททางด้านการเงิน ออกคำแถลงยืนยันว่า รีเสิร์ช อิน โมชั่น ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากออนแทริโอในแคนาดา กลายเป็น 1 ใน 10 บริษัทที่ถูกถอดชื่อออกจากการคำนวณดัชนี “แนสแด็ก 100” แล้ว เนื่องจากสถานะและผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัท ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกของดัชนีดังกล่าว             ทั้งนี้ ผลประกอบการของ “RIM” ยังคงไม่กระเตื้อง โดยยอดขาย รวมถึงความนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกต่อโทรศัพท์อัจฉริยะในตระกูลแบล็กเบอร์รี ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่แบล็กเบอร์รีซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่โปรแกรมแชตเพียงอย่างเดียว ไม่อาจต่อกรกับสมาร์ทโฟนของคู่แข่งในตลาดที่มีขีดความสามารถเหนือกว่าได้ ทั้ง ไอโฟน ของค่ายแอปเปิล และโทรศัพท์อัจฉริยะในตระกูลแอนดรอยด์จากกูเกิล             อย่างไรก็ดี ธอร์สเทน ไฮนส์ ประธานและซีอีโอของบริษัทซึ่งเป็นชาวเยอรมัน ยังคงแสดงความมั่นใจว่า ยอดขายของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในไม่ช้า โดยเฉพาะหลังการเปิดตัว “แบล็กเบอร์รี 10” ในวันที่ 30 มกราคม ปีหน้า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:11:26

ความคิดเห็นที่ 64 เอ็นพาร์ค รวมพลคนดัง หลังขายหุ้นเพิ่มทุน 6 หมื่นล้านหุ้นไม่หมด จัดสรรที่เหลือกว่า 53 ล้านหุ้น ให้นักลงทุน 4 ราย  "ประชา มาลีนนท์" ซื้อมากสุด  24.50%  ผงะรายย่อยถือหุ้นหมื่นกว่าราย  นักลงทุนรายใหญ่ "โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" ถือหุ้นใหญ่สุด "ทวีฉัตร จุฬางกูร" โผล่อันดับ 14                นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)(บมจ.)( N-PARK)แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัทได้เพิ่มทุนโดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 60,430,920,000 หุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.02 บาทนั้น           ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดวันจองซื้อและรับชำระเงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่ครบตามจำนวนที่ได้ออกเสนอขาย โดยมีหุ้นเหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิม 53,936,699,412 หุ้น           ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงมีมติอนุมัติให้จัดสรรและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือดังกล่าวให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement:PP)ในราคาหุ้นละ 0.029 บาท ซึ่งเป็นราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและไม่ต่ากว่า 90%  ของราคาตลาด  ทั้งนี้บริษัทได้เสนอขายหุ้นที่เหลือให้แก่ นายประชา มาลีนนท์และ/หรือบริษัทที่นายประชา มาลีนนท์ เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 29,500 ล้านหุ้น  คิดเป็นสัดส่วน  24.50%  ของทุนจดทะเบียนที่จะเรียกชำระ          นอกจากนี้ขายให้แก่นายศานติ ประนิชและ/หรือบริษัทที่นายศานติ ประนิช เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 12,000 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.96% และนายฟิลิปวีระ บุนนาคและ/หรือบริษัทที่นายฟิลิปวีระ บุนนาค เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 12,000 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.96%  โดยจะต้องชำระเงินค่าหุ้นให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 25 เมษายน  2556 มิฉะนั้นสิทธิที่ได้รับจะสิ้นสุดลงทันที              ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยโครงสร้างผู้ถือหุ้นN-PARK  ณ วันที่ 23 มีนาคม 2555 มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 11,157 ราย  โดยมีการถือหุ้นของรายย่อยหรือฟรีโฟลตมากถึง 92.35%  ขณะที่มีนักลงทุนชื่อดัง นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ที่สัดส่วน 7.62% และยังปรากฏชื่อนายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้นอันดับที่ 14 ในสัดส่วน 0.83% แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 09:14:52 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:12:00

ความคิดเห็นที่ 65 ฉุบคร๊าฟฟฟฟฟ 0______________________0 กดไลท์แทบจะไม่ทัน...แพ้ทางนี้พอดี..ครับพี่จุ๊กกุ๊ก จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:12:25

ความคิดเห็นที่ 66 สวัสดีคุณ Nat_YFS2011  ด้วยค่ะ ^    ^ จากคุณ : ไปจิง จิง แระ.....หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:12:53

ความคิดเห็นที่ 67 วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน : บมจ.ไทยออยล์ " ตัวเลขภาคการผลิตจีนและสหรัฐฯ ดีกว่าคาด ดันราคาน้ำมันปิดแดนบวก " เบรนท์ส่งมอบ ม.ค ปรับเพิ่มขี้น 1.24 ปิดที่ 109.15 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.84 ปิดที่ 86.73 เหรียญฯ + ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขภาคการผลิตเดือน ธ.ค.55 ที่รายงานโดย HSBC ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ที่ 50.9 ทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4 จะเติบโตได้ดี และทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันของจีนจะเติบโตมากขึ้น + ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเกือบแตะระดับ 1.32 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อยูโร ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่จะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวในวงเงิน 45,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน จนกว่าอัตราการว่างงานจะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5% ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น + นอกจากนี้ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือน พ.ย.55 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสามารถใช้นโยบายผ่อนปรนการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง หลังแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับลดลง + ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน พ.ย.55 ปรับเพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวแรงที่สุดตั้งแต่เดือน ธ.ค.54 + ปัญหาความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและฝ่ายชาติตะวันตกไม่มีทีท่าว่าจะยุติ โดยอิหร่านยังคงปฏิเสธให้คณะตรวจสอบจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) เข้าไปในบริเวณค่ายทหาร Parchin ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นบริเวณพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้อิหร่านยังคงไม่หยุดที่จะเดินเครื่องสกัดแร่ยูเรเนียมให้ได้ 20% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นที่ทาง IAEA กังวลว่าจะสามารถนำไปผลิตเป็นอาวุธได้ ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ประกอบกับมีแรงขายน้ำมันเบนซินในตลาดเอเชียค่อนข้างมาก เนื่องจากมีอุปทานจากโรงกลั่นแถบเอเชียเหนือมากขึ้น ในขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเวียดนามจะนำเข้าลดลงในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า จากระดับน้ำมันคงคลังที่อยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันดีเซลสำหรับทำความร้อนยังไม่เข้ามาในตลาดมากนัก ขณะที่อุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นทั่วโลกที่เดินเครื่องในระดับสูงในช่วงฤดูหนาว ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์หน้า เบรนท์ 105 -112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 83-90 เหรียญฯ ราคาจะยังคงผันผวนจากแรงกดดันเรื่องปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ ติดตามดัชนีภาคอุตสาหกรรมในแถบรัฐนิวยอร์กในวันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์: ดุลการค้ายูโรโซน ดัชนีภาคอุตสาหกรรมในแถบรัฐนิวยอร์ก วันอังคาร: ดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐ ดัชนีสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ วันพุธ: ยอดการขอสร้างบ้านใหม่ ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี วันพฤหัส: จีดีพีไตรมาส 3(Final) ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย รวมทั้งดัชนีความรู้สึกต่อผู้บริโภคยูโรโซน วันศุกร์: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและดัชนีราคาผู้บริโภค และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี - ติดตามความคืบหน้าของการหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ หลังการหารือล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโอบามากับจอห์น โบห์เนอร์ ผู้นำคนสำคัญของพรรครีพับลิกันยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ แต่มีสัญญาณว่าเจรจาแบบลับดังกล่าวดำเนินไปด้วยดี - ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หลังอิสลาเอลประกาศแผนเดินหน้าสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเวสต์แบงค์เพื่อตอบโต้ UN ที่รับรองสถานะปาเลสไตน์ให้เป็นรัฐชาติ รวมทั้งสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรียยังเป็นที่กังวลต่อนานาชาติโดยเฉพาะประเด็นความเสี่ยงของการใช้อาวุธเคมี - นอกจากนี้ติดตามความพยายามล่าสุดในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปประเด็นโครงการนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนม.ค. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:19:28

ความคิดเห็นที่ 68 เย้ๆๆ เอ๋.. ตรูแพ้นี่หว่า แป่วววววววววววว 555 ปูลู เค้าไม่กินเมี่ยงย่ะ ฟันน้ำนมยังหลุดไม่หมดเบยยยยยยยยยย 555 จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:20:32

ความคิดเห็นที่ 69 ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้ทำทุกสิ่งตามแผนการที่คิดไว้ อย่าใส่ใจกับคำพูดของผู้อื่นที่จะทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งที่คิดและทำในวันนี้ประสบความสำเร็จทุกประการด้วยตัวคุณเอง การเงินหมุนเวียนดี การลงทุนมีโอกาสได้มากกว่าเสีย จะได้พบปะพูดคุยกับคนที่คุณไม่คาดคิด งานบุญที่เคยรับปากไว้ กับผู้ทรงศีลควรรีบติดต่อจัดการให้เรียบร้อย ความรักที่แอบหลงรักหรือชอบพอใครอยู่จะมีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกัน เขาหรือเธอคนนั้นทำให้คุณมีอาการประหม่าและตื่นเต้นจนออกนอกหน้า สีฟ้าและชมพูช่วยเสริมให้พบกับความสำเร็จโดยง่าย และทำให้ชีวิตสดใสเบิกบาน เต็มไปด้วยความสุข ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันอังคาร ทุกสิ่งที่ทำต้องคิดและวางแผนดำเนินการด้วยตัวเองไม่ควรวางใจผู้อื่น การงานมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายโดยไม่คาดคิด ได้รับคำสั่งให้จัดโครงสร้างคนทำงานใหม่ จนทำให้รู้สึกเครียดและกดดัน การเงินและการลงทุนหากต้องการเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่ม ต้องยอมเสียค่าจ้างหรือค่านายหน้าจำนวนหนึ่ง แต่ต้องระมัดระวังเล่ห์เหลี่ยมและความไม่ซื่อตรงของผู้หญิงร่างท้วมที่จะทำให้สูญเงินเปล่า การเริ่มต้นกิจการเกี่ยวกับเครื่องดื่มของมึนเมาหรืออบายมุขต่างๆ จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง คู่ครองให้ความช่วยเหลือในกิจการงานได้เป็นอย่างดี ผู้ที่เพิ่งพบรักความรักยังไม่แน่นอน เป็นการคบหากันแบบฉาบฉวย สีเทาและดำเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่งต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคและงานหนักให้ผ่านพ้นไปได้ สีชมพูช่วยให้การเจรจาราบรื่น   ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันพุธ การงานหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศประสบความสำเร็จได้ผลดีเกินคาด การเงินหมุนเวียนดีรายรับมากกว่ารายจ่าย หากตัดสินใจลงทุนกิจการใหม่จะพบแต่ความสำเร็จ การเดินทางไกลปลอดภัย เรื่องที่วิตกกังวลและหาทางออกอยู่นั้นไม่เป็นปัญหาเพราะมีผู้ใหญ่ที่มีสถานะมั่งคั่งให้การช่วยเหลืออุปถัมภ์ มีอาการปวดข้อ เข่า และขา และระวังน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ผู้ที่มีคนรักสูงวัยกว่าต้องดูแลเอาใจใส่คนรักมากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสีเขียว ขาว และชมพู เพราะทำให้อมทุกข์ ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ความสำเร็จและสิ่งที่รอคอยเป็นจริงตามที่ตั้งความหวังไว้ การงานต้องคิดนำเสนอรูปแบบใหม่หรือมีสิ่งใหม่มาประกอบบ้างเพื่อความท้าทายและดึงดูดใจ ต้องเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์มีความแตกต่างเป็นพิเศษจากเดิม จะอาศัยเฉพาะรูปลักษณ์ความสวยงามเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ความสำเร็จและชื่อเสียงของคนในครอบครัวนำมาซึ่งความยินดีและความสุขของทุกคนในบ้าน การเงินจะได้ตามที่คาดหวัง การลงทุนหรือซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้กำไรในช่วงท้าย ความรักครั้งใหม่มีความสุขใจมากกว่ารักครั้งเก่า สีเขียว ฟ้า และชมพู เสริมชีวิตให้โดดเด่นมีชีวิตชีวา การเจรจาสำเร็จง่าย ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันศุกร์ การใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับการเดินทางท่องเที่ยวหรือซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย จะทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บพอที่จะซื้อหรือทำสิ่งอื่นที่จำเป็นเพิ่มเติมได้ การงานต้องเลือกและตัดสินใจบางอย่างด้วยตัวเอง กิจการผลประกอบการยังเดินหน้า การเงินหมุนเวียนดี ตามเก็บเงินได้เรื่อยๆ วันนี้ไม่ควรเริ่มต้นหรือขยับขยายกิจการเพิ่มเติม สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับหรืองานที่ต้องทำแบบหลบๆซ่อนๆ ควรระงับไปก่อน เพราะสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หากมีเวลาควรไปสร้างบุญหรือบริจาคทานให้กับผู้ยากไร้บ้าง ความรักคุณต้องเป็นผู้ตาม ปล่อยให้คนรักเป็นฝ่ายแก้ไขปัญหารักสามเส้าด้วยตัวของเขาหรือเธอเอง สีแดง ครีม และขาว ช่วยให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุและวิกฤติต่างๆ ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันเสาร์ การเดินทางไกลและการขับรถบนถนนสายหลักที่มีหลายเลนต้องขับด้วยความระมัดระวัง การเจรจาเกี่ยวกับกิจการการค้าหรือการลงทุนสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ต้องมองหาช่องทางใหม่หรือรอติดต่อใหม่ในวันอื่นๆ การเงินหมดไปกับเครื่องประดับตกแต่งและของขวัญราคาแพง แต่ก็ยังมีเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอ การงานต้องนำงานเดิมกลับมาทำใหม่เพราะผู้บริหารระดับสูงต้องการให้แก้ไขตัวเลขหรือข้อมูลบางอย่าง จะได้รับคำแนะนำที่ดีในการดำเนินชีวิตจากผู้ใหญ่ที่นับถือหรือผู้ทรงศีล สีฟ้าเป็นกาลกิณีสำหรับวันนี้ควรหลีกเลี่ยง ดวงชะตาผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ กิจการค้าเกี่ยวกับต่างประเทศหรือการส่งออกเจริญรุ่งเรืองมาก ได้รับการติดต่อว่าจ้างให้ทำงานใหม่เพิ่มเติม การเดินทางไกลเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอิ่มใจ ได้รับคำชมเชยในผลงานและความสำเร็จของงานที่ทำ การเงินอยู่ในสถานะที่ดีมาก จะมีเงินจากการทำกิจการค้าเพิ่มขึ้น การลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจต่างประทศได้ผลตอบแทนดี ควรปล่อยวางกับเรื่องของผู้อื่น ดูแลเอาใจใส่คนรักและคนในครอบครัวให้มาก สีเขียวและเหลืองเสริมดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:22:13

ความคิดเห็นที่ 70 อืม  ฟันแท้ใกล้หมดปากแล้ว ขอยืมฟันนมเอ๊ยน้ำนมมาขึ้นใหม่ได้ไหม ต่างชาติมาเขียวปู่คงไม่พลาดงานกะเค้าหรอกนะ มีคนเชียร์เยอะอยู่ (ผมรอขายนะครับ  อิอิ) ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ภายใต้การนำของนายชินโสะ อาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% แตะที่ 127.53 จุด ณ เวลา 10.13 น.ตามเวลาโตเกียว ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,895.68 จุด เพิ่มขึ้น 158.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,590.76 จุด ลดลง 15.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,664.97 จุด ลดลง 33.80 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,993.18 จุด ลดลง 1.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,168.06 จุด ลดลง 0.37 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,707.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,648.62 จุด ลดลง 3.36 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,583.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด หุ้นนิสสัน มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 2.2%, หุ้นแฟร์แฟ็กซ์ มีเดีย บวก 2.9% และหุ้นอาซาฮี กลาส ลดลง 2.7% ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า พรรคแอลดีพีจะกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติม ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันพุธนี้ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:25:47

ความคิดเห็นที่ 71 แต่เห็นแล้วนี่กลัวอย่างนะ กลัวขาดอากาศหายใจนะ อ๊อกซิเจนอยู่หนายยยยยยยยย ไทยออยล์ มองแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันช่วง 17-21 ธ.ค. 55 “น้ำมันราคาทรงตัว  จับตาการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังในช่วงโค้งสุดท้าย” บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย  บมจ. ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2555 “ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105-112 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 83-90 เหรียญฯ” แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน (17 – 21 ธ.ค. 55) ราคาน้ำมันคาดว่าจะยังคงผันผวนในกรอบการเคลื่อนไหวเดิม โดยราคาได้รับแรงกดดันจากความกังวลของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนของการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังสหรัฐฯ ประกอบกับการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทอง และค่าเงิน ซึ่งคาดว่าค่อนข้างจะเบาบางในช่วงใกล้วันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลคริสมาสต์และวันหยุดสิ้นปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยที่พยุงราคาน้ำมันดิบ ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้: • การหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาหน้าผาการคลังระหว่างประธานาธิบดีโอบามาและสภาคองเกรสในช่วงโค้งสุดท้ายของปีว่าจะประสบความสำเร็จก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในต้นปีหน้าหรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง • การที่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากสหภาพยุโรปมูลค่า 34,300 ล้านยูโรในเดือนนี้ และอีก 14,800 ล้านยูโรในเดือน มี.ค. ปีหน้า ทำให้ตลาดมองว่ากรีซจะสามารถผ่านพ้นการผิดนัดชำระหนี้ที่กำลังจะมาถึงและถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปในระยะยาวต่อไป • ความไม่สงบในประเทศอียิปต์จะยืดเยื้อต่อไปหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความกังวลของนักลงทุนในตลาดน้ำมันและเพิ่มแรงหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่อียิปต์มีการโหวตร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของประเทศในวันที่ 15 ธ.ค. • แนวโน้มที่ดีขึ้นของการแก้ปัญหานิวเคลียร์อิหร่านที่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก หลังล่าสุดการเจรจาเพื่อขอเข้าตรวจสอบพื้นที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและผู้แทนจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงติดตามการเจรจาครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. ปีหน้า • ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพี ไตรมาส 3/55 (ครั้งที่ 3) ดุลบัญชีเดินสะพัด ดัชนีราคาผู้บริโภค ของสหรัฐฯ ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟียและผลสำรวจในแถบรัฐนิวยอร์ก ดุลการค้ายูโรโซน ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี รวมถึงความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยูโรโซนและเยอรมนี สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (10 - 14 ธ.ค. 55) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 2.13 เหรียญฯ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 109.15 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 0.80 เหรียญ มาปิดที่ 86.73 เหรียญฯ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่จะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวในวงเงิน 45,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน และการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำที่ 0% จนกว่าอัตราการว่างงานจะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5% ที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การที่สหภาพยุโรปอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่มูลค่ารวม 49,000 ล้านยูโร ให้แก่กรีซ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขภาคการผลิตและยอดค้าปลีก โดยฝั่งของตัวเลขภาคการผลิตขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ทำให้นักลงทุนมองว่าความต้องการบริโภคน้ำมันของจีนจะเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้เหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นถือเป็นปัจจัยผลักดันราคา อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ และความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินหลังโอเปกประกาศคงกำลังการผลิตที่ระดับสูงต่อไป เป็นประเด็นที่ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:28:25

ความคิดเห็นที่ 72 คุณหย่ายยยแพ้คุณกุ๊กครับเพราะ งอลล์แล้วค้อน ค้อนแพ้กระดาษนะ กรุงเทพฯ – บริษัทเคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซีทีเอชจัดประชุมผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศที่เป็นผู้ถือหุ้นของ ซีทีเอช เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการลูกค้าได้อย่างพร้อมเพรียงและทั่วถึง โดยมีนายสุรพล ซีประเสริฐ นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย และนายเกษม อินทร์แก้ว ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมฯ ร่วมประชุม พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ นายสุรพล ซีประเสริฐ นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การประชุมเตรียมการในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ถือหุ้นทุกท่านเป็นอย่างดีโดยสมาชิกให้ความสนใจเข้าร่วมอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าพร้อมให้การบริการเคเบิลทีวีในระบบดิจิตัลภายในไตรมาสแรกของปีหน้า” ในงานเดียวกันนี้ นายเกษม อินทร์แก้ว ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมฯ และเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ของสมาคม กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกทุกท่านพร้อมผนึกกำลังและให้การสนับสนุนซีทีเอช โดยพร้อมเพรียงกัน” อนึ่ง ซีทีเอชเป็นผู้ให้บริการและบริหารช่องทางการสื่อสารผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง ที่นำเสนอหลากหลายรูปแบบของผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาณข้อมูลดิจิตอล เช่น เคเบิลทีวี อินเตอร์เน็ต บรอดแบนด์ และยังให้อิสระในการเลือกใช้ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:30:50

ความคิดเห็นที่ 73 นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นที่มีขึ้นในวานนี้ ( 16 ธ.ค.) ธปท.ต้องติดตามดูเช่นกันว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล เพราะอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ เนื่องจากญี่ปุ่นถือเป็นประเทศคู่ค้าคู่ขายที่สำคัญของประเทศไทย "ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าคู่ขายที่สำคัญของเรา ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาย่อมต้องมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทยด้วยแน่นอน เพียงแต่จะเป็นอย่างไรคงต้องดูรายละเอียด"นายประสารกล่าว จากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด พรรคแอลดีพี ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ และพรรคพันธมิตรฝ่ายค้านอย่าง พรรคนิวโคเมโตะ ได้รับการคาดหมายว่า จะคว้าที่นั่งรวมกันได้มากที่สุดกว่า 300 ที่นั่ง ซึ่งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ส่วนพรรคดีพีเจ ของนายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ จะได้ไปเพียงประมาณ 60 ที่นั่ง เทียบกับจำนวนส.ส.ของพรรคในปัจจุบันที่มีอยู่ 230 ที่นั่ง นายประสาร กล่าวว่า สำหรับทางด้านนโยบายการเงินนั้น คงต้องติดตามดูว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะเลือกใช้วิธีการใด หากเขาเลือกวิธีอัดเงินเข้าสู่ระบบ ย่อมต้องทำให้สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกปรับขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับประเทศอื่นๆ มากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้ "ถ้าสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น เงินย่อมวิ่งหาสินทรัพย์ลง ซึ่งก็คงไปป่วนในตลาดหุ้น ที่ดิน เป็นต้น และถ้าเงินเหล่านี้ไหลเข้าประเทศมากๆ ในขณะที่การไหลออกไม่สมดุล ก็ย่อมมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู"นายประสารกล่าว จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:31:59

ความคิดเห็นที่ 74 แหมมมมมมมม.. ทำเปนแกล้งมาขอยืม เค้าแอบเห็นเตง ยืนแปรงฟันไปด้วยผิวปากไปด้วย กร๊ากกกกกกกกกก จากคุณ : วืดดดดดดดดดด หลบมะเหงก 555 (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:33:01

ความคิดเห็นที่ 75 ย่อง ย่อง ย่องงงงงงงงงง.. เดี๋ยวคุณฮะเห็น 555 จากคุณ : ดีค่าคุณพู่เจริญ คุณจอยลี่ (จุ๊กกุ๊กจัง) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:37:45

ความคิดเห็นที่ 76 รายละเอียดข้อมูลของบริษัทที่จะมีการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป (IPO) และ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท                       วันยื่น Filing   จำนวนหุ้น      วันเสนอขาย   ราคาIPO  วันเข้าเทรด  ที่ปรึกษาการเงิน (ล้านหุ้น)                   (บาท) ดีเอ็นเอ 2002                  20 ก.ค.55      160.00    12-14 ธ.ค.55    1.90   21 ธ.ค.55  ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ แอร์โรว์ ซินดิเคท                27 ก.ย.55       50.00    17-19 ธ.ค.55    5.50   25 ธ.ค.55  ฟิลลิป(ประเทศไทย) อัคคีปราการ                     3 พ.ค.55       84.00          Q1/56      -         Q1/56  คันทรี่ กรุ๊ป พลังงานบริสุทธิ์                  24 ก.ย.55      560.00            -        -   ปี 55/ต้นปี 56  แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น    29 พ.ย.55      600.00        กลางปี 56     -           -    เอเซีย พลัส สยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์             1 ส.ค.55       65.00            -        -           -    โกลเบล็ก แปซิฟิค เลินนิ่ง คอร์ปอเรชั่น        20 ก.ค.54       74.90            -        -           -    แอ๊บโซลูท แอ็ดไวเซอรี่ เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(APLUS) 27 มี.ค.55       60.00            -        -           -    สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ ยูเรกา ดีไซน์                    6 ก.ย.55       50.00            -        -           -    ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ พรีเมียร์ โพรดักส์                18 ก.ย.55       82.50            -        -           -    เคจีไอ (ประเทศไทย) สหการประมูล                    4 ต.ค.55       70.00            -        -           -    คันทรี่ กรุ๊ป ซีซีเอ็น-เทค                    27 พ.ย.55       60.00            -        -           -    คันทรี่ กรุ๊ป อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF)        27 พ.ย.55      120.00            -        -           -    แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ ซังโกะ ไดคาสติ้ง (ประเทศไทย)    30 พ.ย.55       44.00            -        -           -    โนมูระ พัฒนสิน เซียร์ พร็อพเพอร์ตี้               30 พ.ย.55       75.00            -        -           -    แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์              11 ธ.ค.55      220.00            -        -           -    ธนชาต จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:43:18

ความคิดเห็นที่ 77 หยิบเงินหยิบทอง : บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง กลยุทธ์วันนี้ Break 1360? ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งตัวในแดนบวกตลอดชั่วโมงการซื้อขาย แนวต้าน 1,360 จุดทำงานได้แข็งแกร่ง ปิดตลาด SET INDEX บวก 4.69 จุด มาอยู่ที่ 1358.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37,268 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 831 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิ Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 85 สัญญา แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 4,815 ล้านบาท MBKET ประเมิน SET INDEX มีโอกาสทดสอบและทะลุแนว 1,360 จุดในวันนี้ แม้ว่าหน้าผาทางการคลังสหรัฐฯ จะยังไม่ได้ข้อสรุป อยู่ระหว่างการเจรจาที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่ MBKET เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหนาแน่นต่อเนื่องในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว หลังฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการควบคุมเงินทุนต่างชาติภายในสิ้นปีนี้ กลายเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย การเลือกตั้งญี่ปุ่นวันที่ 16 ธ.ค. นาย Abe  จากพรรค LDP ชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียง 294 จากทั้งหมด 480 กลายเป็นการเปิดโอกาสของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหญ่จากนี้ สร้างโอกาสของการทำ Yen Carry Trade MBKET แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไร 5% ของพอร์ตบริเวณ 1355+/-“ กลับมาถือพอร์ตหุ้น 60% และเงินสด 40% กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” พร้อม “ทยอยสะสม” KK และ SIMAT กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้: MBKET แนะนำ “พอร์ตถือ Long ระยะสัปดาห์ ไม่สนต่อความเสี่ยงที่ยังคงอยู่ของโอกาสคลายตัวในภาพรายวัน รอปิดสถานะที่แนวต้านโซนสูง อาทิ 930/935 จุด” Stop loss< 912 จุด Portfolio   Buy on Weakness: VNT/AMATA/ MAJOR/ SPCG/ SMT/ BTS/ PJW/ IRPC/ TPIPL/ RCI/ MK/ INET/ BCP/ BBL/ KTB/ BAY/ PTTGC/ QH/ MFEC/ LOXLEY/ TRUE Accumulative Buy: KK/ SIMAT Technical View แนวรับ 1345 +/-  จุด แนวต้าน 1360-1365 และ 1385 +/-  จุด ถือครองในส่วนที่เหลือ เพื่อคาดหวังการไต่ระดับไปตามแนวโน้มเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเพื่อเข้าทดสอบเป้าหมายที่ให้ และใช้ 1345 +/- เป็นสัญญาณขายทำรอบ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 09:49:10