ความคิดเห็นที่ 1 คนแรกป่าว เนี่ย หุหุ     จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีเช้าวันจันทร์ครับ.. ขอเป็นคนที่สองก็แล้วกัน อิ อิ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 07:00:01 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 06:59:36 จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 06:59:25

ความคิดเห็นที่ 3 ว้า...ลืมรูป ว่าแต่ดาวทำมายแดงจัง จากคุณ : ตำลึงริมรั้ว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:02:16

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับหนุ่มๆสาวๆแห่งปิ๊งๆๆๆๆ และผู้ที่กำลังจะมาสมัครเข้าบ้าน และผู้เยี่ยมชมบ้านทั้งหลายครับ ถ้าจะให้กิฟท์แก่ผู้เปิดบ้าน ก็จะสร้างกำลังใจได้เยอะครับ และจะได้รู้ด้วยว่า มีพี่ๆน้องๆท่านใดมาบ้างแล้วหรือไม่ครับ ข่าวสารและข้อมูลทั้งมีสาระและไม่มีสาระ นำมาเพื่อคิดพิจารณาและวิเคราะห์ ไปด้วยอารมณ์ดีๆด้วยกันนะครับ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:34:21

ความคิดเห็นที่ 5 หุ้นค้าปลีก สื่อสาร บันเทิง สินเชื่อบุคคล ดี๊ด๊า นักวิเคราะห์ชี้รัฐปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมมาตรการขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ 300 บาท กระตุ้นกำลังซื้อ คาดปีหน้ากลุ่มอุปโภคบริโภค-ค้าปลีกรายได้โต 6-7% เชียร์หุ้นโฮมโปร โรบินสัน บิ๊กซี แม็คโคร  ซีพี ออลล์  บล.เอเซีย พลัสฯ เผยผลศึกษาการลดภาษีดันรายได้ประชาชนทุกกลุ่มเพิ่มเฉลี่ย 2%    บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ออกบทวิเคราะห์โดยระบุว่าการดำเนินนโยบายเพิ่มค่าแรง และลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และจะเป็นแรงเสริมสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากการใช้จ่ายของประชาชนมีสัดส่วนกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)    สำหรับหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากนโยบายข้างต้น โดยเฉพาะกระแสการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก กลุ่มสื่อสาร บันเทิง และกลุ่มสินเชื่อบุคคล โดยหุ้นเด่นของกลุ่มบันเทิง ได้แก่ บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) ซึ่งประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 55 บาทต่อหุ้น  ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก คือ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์( HMPRO) และบมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) ผู้ประกอบธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้ชื่อ "เซเว่นอีเลฟเว่น" (ดูตารางประกอบ)    ทั้งนี้จากการศึกษาของนักวิเคราะห์กลุ่มค้าปลีกของบล.เอเซีย พลัสฯ พบว่าการลดภาษีดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มรายได้สุทธิของประชาชนในอัตราเฉลี่ย 2% ทุกกลุ่ม (แบ่งเป็นผู้ที่รายได้ไม่เกิน 3 แสนบาท เพิ่มขึ้น 1.9% ผู้ที่มีฐานรายได้ไม่เกิน 5 แสนบาท จะเพิ่มขึ้น 1.6% ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 7.5 แสนบาท เพิ่มขึ้น 1.85% สำหรับผู้ที่มีฐานรายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้น 2.1% สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.55% และผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5%)     อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจำนวนประชากรที่อยู่ในกลุ่มที่จ่ายภาษีให้กับรัฐ มีอยู่ไม่เกิน 10 ล้านคน หรือคิดเป็นราว 15% ของประชาชนทั้งประเทศ แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 2.5 ล้านคนเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มผู้จ่ายภาษีเงินได้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีฐานรายได้ระดับปานกลางถึงสูง ซึ่งอาจจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้จัดหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือกลุ่มค้าปลีกในกลุ่มบมจ.โฮม โปรฯ และบมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน(ROBINS) แตกต่างจากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ซึ่งจะมีผลบังคับในต่างจังหวัดที่เหลืออีก 70 แห่งในปี 2556 จะเอื้อประโยชน์ต่อหุ้นบมจ.ซีพีออลล์,บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) และบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO)    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.เกียรตินาคินฯ กล่าวว่าหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาของรัฐบาล ซึ่งผู้เสียภาษีในกลุ่มที่มีรายได้ ต่ำกว่า 3 แสนต่อปี จะได้รับประโยชน์มากสุด 50% และ 5 แสนบาทต่อปีจะได้รับประโยชน์ 30% และหุ้นที่น่าจะได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์, บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC), บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ (MAJOR) ,บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) , ธนาคารทิสโก้ (TISCO) และบมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)    ด้านบทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ฯ คาดการณ์ปี 2556 รายได้ธุรกิจค้าปลีกเติบโตประมาณ 6-7%  เนื่องจากนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำและราคาผลิตผลที่สูงขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภค แม้ตัวเลขการเติบโตอาจดูไม่มากเท่าไหร่ หากเทียบกับแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการ  หากพิจารณาถึงมูลค่าของธุรกิจค้าปลีกที่ระดับ 1.4 ล้านล้านบาท หรือเท่ากับ 12% ของจีดีพีประเทศไทย ตัวเลขการเติบโตที่ 6-7% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีมาก นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังมีปัจจัยหนุนระยะยาว จากการเปิดเสรีการค้าอาเซียนภายในปี 2559 ซึ่งจะทำให้การบริโภคสินค้าภายในประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างจังหวัดมีการขยายตัวอย่างมั่นคงสม่ำเสมอ ดังนั้นภาพรวมของธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น    ดังนั้นบล.เคจีไอฯ ยังคงน้ำหนัก "มากกว่าตลาด" ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก  โดยเลือกหุ้นซีพี ออลล์และหุ้นโฮมโปรเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม      บทวิเคราะห์บล.ธนชาตฯ  ระบุว่าราคาหุ้นบมจ.บิ๊กซี มีโอกาสปรับสูงขึ้น จากการได้รับประโยชน์การปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นถูกที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นค้าปลีกตัวอื่น โดยบริษัทดังกล่าวยังมีแผนการนำพื้นที่เช่าในห้างมาออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นจะส่งผลดีหรืออัพไซด์ต่อประมาณการผลการดำเนินงาน    ขณะที่บทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯ คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2555 ของบมจ.บิ๊กซี น่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมด้านการตลาดที่จูงใจผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยหนุนให้ยอดขายของสาขาเดิม (same store sales) ในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงเทศกาลให้ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดซุ้มของขวัญ  บัตรของขวัญที่มีมูลค่าสูง บัตรกำนัลที่มีรูปแบบที่น่าสนใจ และโปรโมชันพิเศษสำหรับสินค้าบางกลุ่ม ดังนั้นในปี 2555 คาดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่ 9% หรือคิดเป็น 1.12 แสนล้านบาท จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 240 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมีส่วนต่างจากราคาเป้าหมายอยู่ 24% จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:37:57

ความคิดเห็นที่ 6 เรกูเลเตอร์ ยืนยันค่าไฟฟ้าปี 2556 ปรับขึ้นแน่นอน ฉลองปีใหม่เอฟทีงวด 4 เดือนแรกของปีมะเส็ง ปรับขึ้นเล็กน้อย 5-9 สตางค์ต่อหน่วย เหตุต้นทุนก๊าซฯ ทรงตัว 300 บาทต่อล้านบีทียู เผยเหลือภาระหนี้ กฟผ.อีก 7,000 ล้านบาท คาดทยอยจ่ายคืนได้หมดในปี 2556 แน่ ส่วนปรับโครงสร้างค่าผ่านท่อฯ ช้ากว่าเป้าหมายเลื่อนกำหนดเสร็จเป็นต้นปีหน้า ชี้โครงสร้างใหม่เน้นร่นระยะเวลาพิจารณาแผนลงทุนลงจาก 20 ปี เป็น 5 ปีแทน ระบุช่วยสร้างความเป็นธรรมกับผู้ใช้และผู้ผลิต            นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า อัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2556 จะปรับขึ้นประมาณ 5-9 สตางค์ ส่งผลให้ค่าเอฟทีในช่วงดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50-57 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.2555) อยู่ที่ 48 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าไม่มากนัก เนื่องจากเมื่อพิจารณาราคาค่าก๊าซธรรมชาติย้อนหลัง 6 เดือน พบว่า ราคาก๊าซฯ ยังทรงตัวระดับไม่สูงเพียง 300 บาทต่อล้านบีทียู ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่า และปริมาณการใช้ไฟฟ้าโดยรวมอยู่ในภาวะเหมาะสม    ส่วนของภาระหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้รับภาระจากการตรึงค่าเอฟทีในช่วงที่ผ่านมากว่า 10,000 ล้านบาทนั้น ทางเรกูเลเตอร์ได้ทยอยคืนตั้งแต่งวดเดือน ก.ย-ธ.ค.2555 แล้ว โดยนำเงินมาจากการปรับขึ้นค่าเอฟทีบางส่วนไปจ่ายคืน และขณะนี้เหลือหนี้ค้างชำระ กฟผ.อีก 7,000 ล้านบาท ซึ่งในงวด ม.ค.-เม.ย.2556 เรกูเลเตอร์จะปรับขึ้นค่าเอฟทีอีกนิดหน่อย และนำเงินไปทยอยจ่ายคืนได้ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะจ่ายคืนได้หมดภายในปี 2556            “กรณีที่หลายฝ่ายระบุว่าค่าไฟฟ้าโดยรวมจะปรับขึ้น 5 บาทต่อหน่วยนั้น เป็นการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศอีก 10 ปีข้างหน้า” นายดิเรก กล่าว    นายดิเรกกล่าวว่า สำหรับค่าเอฟทีแท้จริงในงวดที่ผ่านมา (ก.ย.-ธ.ค.2555) ต้องปรับขึ้น 38.24 สตางค์ต่อหน่วย แต่เรกูเลเตอร์ให้ปรับขึ้นไปแค่ 18 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากต้องการช่วยลดภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้า จึงทำให้ กฟผ. ต้องช่วยรับภาระค่าเอฟที 20.24 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นจำนวน 10,504 ล้านบาท ดังนั้น ค่าเอฟทีที่ปรับขึ้น 18 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าเอฟทีในงวดก่อน (มิ.ย.-ส.ค.2555) อีก 30 สตางค์ต่อหน่วย จึงทำให้ค่าเอฟทีรวมอยู่ที่ 48 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.23 บาทต่อหน่วย จะทำให้ค่าไฟที่เรียกเก็บจากประชาชนในงวด ก.ย.-ธ.ค.2555 อยู่ที่ 3.71 บาทต่อหน่วย ซึ่งยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม    อย่างไรก็ตาม ค่าเอฟทีในงวดที่ผ่านมา (ก.ย.-ธ.ค.2555) นั้น ได้รับเงินชดเชยจากบมจ. ปตท. จำนวน 2,400 ล้านบาท กรณีทำท่อก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยรั่ว รวมทั้งค่าปรับที่ ปตท.ต้องจ่ายให้โรงไฟฟ้าขนอมอีก 600 ล้านบาท ซึ่งช่วยลดค่าเอฟทีลงได้ประมาณ 5 สตางค์ต่อหน่วย แต่ในงวด ม.ค.-เม.ย 2556 นี้ เรกูเลเตอร์ยังไม่สามารถหาเงินส่วนลดใดๆมาปรับลดค่าเอฟทีได้ เนื่องจากเงินที่เรียกเก็บจาก 3 การไฟฟ้า กรณีไม่สร้างโรงไฟฟ้าตามแผน (คอลล์แบ็ค) ได้ใช้ลดค่าเอฟทีจนหมดลงแล้ว และเงินที่เตรียมเรียกเก็บจาก ปตท.กรณีไม่สร้างท่อก๊าซธรรมชาติตามแผนนั้น ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ลดค่าเอฟทีให้ประชาชนไม่ทัน    นายดิเรกกล่าวว่า เตรียมแผนปรับโครงสร้างค่าท่อก๊าซฯ ใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเรกูเลเตอร์มีการพิจารณาเงินลงทุนสร้างท่อก๊าซฯ ของเอกชนทุกๆ 20 ปี ซึ่งหากพบว่าไม่ได้ลงทุนก่อสร้างจริงตามแผน เรกูเลเตอร์จะเรียกเงินคืนโดยนำมาเป็นส่วนลดค่าเอฟทีให้ประชาชน    “ระยะเวลา 20 ปีนั้นนานเกินไปและไม่ทันต่อเหตุการณ์ ดังนั้นเรกูเลเตอร์จะปรับเปลี่ยนให้มาพิจารณาทุกๆ 5 ปีแทน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมทั้งตัวผู้สร้างท่อก๊าซฯ และประชาขนผู้ใช้ก๊าซฯ ด้วย คาดว่าจะสามารถปรับโครงสร้างค่าท่อก๊าซฯ ดังกล่าวได้เสร็จประมาณต้นปี 2556 จากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2555 ซึ่งสาเหตุที่ล่าช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากต้องรอเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนก่อนที่จะประกาศโครงสร้างใหม่ได้” นายดิเรกกล่าว. จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:41:28

ความคิดเห็นที่ 7 การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยง "หน้าผาการคลัง" ของสภาคองเกรสหยุดชะงักลงช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส เมื่อแผนสำรองของนายจอห์น เบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอจากสมาชิกพรรค จอห์น เบห์เนอร์    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันตัดสินใจยกเลิกการลงคะแนนเสียงรับร่างกฎหมายปรับขึ้นภาษีของนายจอห์น เบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) หลังจากไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนเพื่อผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในสภาฯ ได้มากเพียงพอ พร้อมประกาศว่าจะไม่มีการลงคะแนนเสียงรับร่างกฎหมายใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) จนกว่าวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสจะผ่านพ้นไป    ความล้มเหลวของการผ่านร่างกฎหมายที่นายเบห์เนอร์เป็นผู้เสนอ ส่งผลให้ในเวลานี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีทางเลือกอีกไม่มากนักเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลังในช่วงเวลาที่เหลือเพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงสิ้นปี ทางหนึ่งคือหาทางประนีประนอมกับพรรคเดโมแครตและประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งอาจหมายถึงการยอมให้มีการขึ้นภาษีมากกว่าที่นายเบห์เนอร์เป็นผู้เสนอ    "สภาผู้แทนราษฎรไม่หยิบยกมาตรการภาษีขึ้นมาพิจารณาในวันนี้เพราะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคของเรามากพอที่จะผ่านสภา" นายเบห์เนอร์กล่าวในแถลงการณ์ พร้อมระบุว่า เวลานี้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีบารัก โอบามาที่จะทำงานร่วมกับวุฒิสมาชิกแฮร์รี รีด ประธานวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ในการเสนอร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลัง    วุฒิสภามีกำหนดประชุมในวันศุกร์ (21 ธ.ค.) จากนั้นจะหยุดพักช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม เพียง 4 วันก่อนที่มาตรการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายจะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในวันที่ 1 มกราคม 2556    ร่างกฎหมายที่นายเบห์เนอร์ไม่สามารถผลักดันผ่านสภาฯได้ในวันพฤหัสบดีเป็นข้อเสนอที่นายเบห์เนอร์เปิดเผยออกมาช่วงสัปดาห์นี้หลังจากเชื่อว่าการเจรจากับนายโอบามาเพื่อหาทางออกร่วมกันมาถึงทางตัน แผนที่นายเบห์เนอร์เรียกว่า "แผนบี" ประกอบไปด้วยข้อเสนอให้ต่ออายุการลดหย่อนภาษีให้กับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ของประเทศ และขึ้นภาษีเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้เกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่มีการระบุถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านการทหารและค่าใช้จ่ายภายในประเทศมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายของโครงการประกันสุขภาพและสวัสดิการอื่นๆ    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโอบามาเสนอให้ต่ออายุการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี จากนั้นได้ยินยอมเพิ่มกำหนดรายได้ขึ้นเป็น 4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี อย่างไรก็ดีมีโอกาสที่สมาชิกวุฒิสภาของเดโมแครตจะไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวถ้าไม่มีการผ่อนปรนมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐ เป็นต้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:50:27

ความคิดเห็นที่ 8 SET เมื่อวันศุกร์ลดลง 4 จุด รายย่อยขายดุ ดัชนี SET ปิดวันนี้อยู่ที่ระดับ 1,373.38 จุด ลดลง -4.02 จุด หรือ -0.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,026.41 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +592.51 ล้านบาท - บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +499.56 ล้านบาท - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +200.28 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -1,292.36 ล้านบาท นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยและบริการการลงทุน บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า คาดแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะใกล้วันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ ทำให้แรงซื้อของต่างชาติอาจไม่ดีเหมือนช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ นักลงทุนระยะถือได้ มองว่าในช่วงเดือนม.ค.หรือช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีหน้าน่าจะเป็นจุดซื้อที่ดี ส่วนระยะสั้น เน้นหุ้นขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือหุ้นในSET50-SET100 จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ดังนี้ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,365-1,378 จุด หุ้นเด่น EARTH บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,360-1,385 จุด หุ้นเด่น TOP บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,360-1,380 จุด บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,365-1,380 จุด หุ้นเด่น NEP ที่มา http://www.moneychannel.co.th/index....-09-33-08.html จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:52:20

ความคิดเห็นที่ 9 สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อวานนี้ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซี จะนำเสนอสหภาพยุโรป หรืออียู ให้เวลาสเปน ฝรั่งเศส และอีกหลายชาติในยูโรโซนมากขึ้น ในการแก้ปัญหาการปรับลดการขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่าร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี  ทั้งนี้ รายงานข่าวอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสของสเปนและอียู ระบุว่าอาจจะให้เวลาฝรั่งเศสแก้ปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 1 ปีเป็นภายในปี 2557 ขณะที่จะให้เวลาสเปนเพิ่มขึ้นอีก 1 ถึง 2 ปี นายจิออร์จิโอ นาโปลีตาโน ประธานาธิบดีอิตาลี ประกาศยุบสภาเมื่อวานนี้ และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 และ 25 กุมภาพันธ์ปีหน้า หลังจากนายมารีโอ มอนตี นายกรัฐมนตรี ยื่นใบลาออกเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากพรรคประชาชนแห่งเสรีภาพ หรือพีดีแอล ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:53:18

ความคิดเห็นที่ 10 นายวรพัฒน์ ทิวถนอม   อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 11  เรื่อง "อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน และฝนตกหนัก คลื่นลมแรง บริเวณภาคใต้" ลงวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เมื่อเวลา 05.30 น .ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้ว ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือในวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 24-26 ธันวาคม 2555 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปและอุณหภูมิจะลดลง 4-7 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง       โดยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีอุณหภูมิลดต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ ซึ่งบริเวณยอดเขาสูงจะมีอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่งตามบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ จึงขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลง       สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 24-25 ธันวาคม 2555 ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง และชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย สำนักงานเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเวลา 00.15 น. วันนี้ ( 24 ธันวาคม 2555 ) จุดศูนย์กลางที่ KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA  ขนาด  4.6 ริกเตอร์   พิกัดละติจูด : 4° 21' 00'' เหนือ ลองจิจูด : 127° 00' 00'' ตะวันออก  ความลึกจากระดับผิวดิน  40 กิโลเมตร สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว รายงานเหตุแผ่นดินไหวที่ไต้หวัน 4.7 ริกเตอร์ วันนี้ (23 ธ.ค.) เวลา 13.13 น. ศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ ละติจูด : 24° 19' 48'' เหนือ ลองจิจูด : 121° 30' 00'' ตะวันออก  ความลึกจากระดับผิวดิน : 9 กิโลเมตร จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:56:45

ความคิดเห็นที่ 11 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดบวก $14.2 ขณะ​การ​เจรจางบประมาณสหรัฐชะงัก สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดขึ้น​เมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ​เนื่องจากนักลงทุน​แห่ซื้อทองคำ​ซึ่ง​เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลาง​ความวิตกกังวลว่า​การ​เจรจา​เพื่อหลีก​เลี่ยงภาวะหน้าผา​การคลังระหว่างรัฐบาล​และรัฐสภาสหรัฐอาจล้ม​เหลว ​และจะฉุดรั้ง​เศรษฐกิจสหรัฐ รวม​ไป​ถึง​เศรษฐกิจ​โลก​ให้​เข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 14.2 ดอลลาร์ ​หรือ 0.86% ปิดที่ 1,660.1 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนมี.ค.ดีดขึ้น 52.5 ​เซนต์ ปิดที่ 32.203 ดอลลาร์/ออนซ์ ​และสัญญา​โลหะทอง​แดงส่งมอบ​เดือนมี.ค.ดีดขึ้น 3.1 ​เซนต์ ​หรือ 0.9% ปิดที่ 3.567 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนม.ค.ปิดที่ 1,536.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 9.30 ดอลลาร์ ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนมี.ค.ปิดที่ 682.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ ราคาทองร่วงลงอย่างหนัก​ในวันอังคาร​และวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผล​ให้ตลอดสัปดาห์ ทองคำปิดลดลง 2.2% ​ซึ่ง​เป็น​การลดลง​เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ​โดยราคาทองฟิว​เจอร์ร่วงลง​เกือบ 4% นับตั้ง​แต่ต้น​เดือนธ.ค. นักวิ​เคราะห์กล่าวว่า มี​แรงซื้อ​เ​ก็งกำ​ไร​เข้ามา​เล็กน้อย​ในวันศุกร์ ​และมี​การปิดสถานะขาย (short position) บางส่วน นอกจากนั้น ทองคำยัง​ได้รับ​แรงหนุนจาก​ความต้อง​การลงทุน​ในสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่สมาชิกสภา​ผู้​แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน​เลื่อน​การลงมติ​เพื่อขึ้นภาษีสำหรับ​ผู้มีราย​ได้สูง ​ซึ่ง​ความ​เคลื่อน​ไหวดังกล่าว​ได้จุดปะทุ​ความวิตกกังวลว่า​การ​เจรจา​เพื่อหลีก​เลี่ยงภาวะหน้าผา​การคลังอาจล้ม​เหลว ​เมื่อวันพฤหัสบดีตาม​เวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ร่างกฎหมายภาษี​เผชิญกับ​แรงต้านทานจากสมาชิกหัวอนุรักษ์ของพรรครีพับลิกัน ส่งผล​ให้นายจอห์น ​โบห์​เนอร์ ประธานสภา​ผู้​แทนราษฎร​ไม่มีทาง​เลือก นอกจาก​เลื่อน​การลงมติ​ในสภา​ผู้​แทนฯออก​ไป ​ความ​เคลื่อน​ไหวดังกล่าว​เพิ่ม​ความหวั่นวิตกว่า ​ทำ​เนียบขาว​และสมาชิกสภานิติบัญญัติจะ​ไม่สามารถบรรลุข้อตกลง​เรื่องงบประมาณ​ได้ก่อนวันที่ 1 ม.ค.​เมื่อ​การลดรายจ่าย​และขึ้นภาษี​เป็นวง​เงินรวมประมาณ 6 ​แสนล้านดอลลาร์จะ​เริ่มมีผลบังคับ​ใช้ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39331 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:06:48

ความคิดเห็นที่ 12 ภาวะตลาดน้ำมัน: วิตกหน้าผา​การคลังถ่วงน้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.47 สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง​เมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ​เนื่องจาก​ความวิตกกังวล​เกี่ยวกับภาวะหน้าผา​การคลังของสหรัฐถูกจุดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่สมาชิกสภา​ผู้​แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน​เลื่อน​การ​โหวต​แผนขึ้นภาษี​ผู้มีราย​ได้สูง ​ซึ่ง​เป็นหนึ่ง​ใน​ความพยายาม​เพื่อหลีก​เลี่ยงภาวะหน้าผา​การคลัง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบ​เดือนก.พ.ปรับตัวลง 1.47 ดอลลาร์ ​หรือ 1.63% ปิดที่ 88.66 ดอลลาร์/บาร์​เรล สำหรับตลอดสัปดาห์ น้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 1.93 ดอลลาร์ ​หรือ 2.23% ​โดยส่วน​ใหญ่มาจากสัญญา​เดือนม.ค.ที่ดีดตัวขึ้นก่อนที่สัญญาจะหมดอายุ​เมื่อวันพุธ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ (BRENT) ส่งมอบ​เดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ ​หรือ 1.12% ปิดที่ 108.97 ดอลลาร์/ออนซ์ ตลอดสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ลดลง 18 ​เซนต์ ​การ​เจรจา​เพื่อหลีก​เลี่ยงภาวะหน้าผา​การคลัง (fiscal cliff) ​เป็นปัจจัยหลักที่ขับ​เคลื่อนตลาดน้ำมัน​ในระยะหลังมานี้ ​โดย​การ​เจรจาระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกัน​และ​เด​โม​แครตที่​เดินหน้า​และถอยหลังสลับกัน​ไปนั้น​ได้ส่งผล​ให้ราคาน้ำมัน​เคลื่อนตัวผันผวน ​ทั้งขึ้น​และลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ผันผวนยัง​เป็นผลมาจากปริมาณ​การซื้อขายที่​เบาบาง​ในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี ​โดย ณ ช่วง​เที่ยงวันของนิวยอร์ก​เมื่อวันศุกร์ วอลุ่ม​การซื้อขายต่ำกว่าตัว​เลข​เฉลี่ย 30 วันอยู่​ถึง 50% นักวิ​เคราะห์กล่าวว่า ตลาดน้ำมันถูก​แรงขายกดดันอย่างหนัก​ในวันศุกร์ หลังจากที่นายจอห์น ​โบห์​เนอร์ ประธานสภา​ผู้​แทนราษฎรสหรัฐ​เผยว่า "​แผนสอง" ของ​เขา​ไม่​ได้รับ​เสียงสนับสนุนมากพอ ​โดย​แผนดังกล่าว​ได้​เสนอ​ให้มี​การขึ้นภาษีสำหรับครัว​เรือนที่มีราย​ได้สูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ​การหารือระหว่างสองพรรคที่กลับ​เข้าสู่ภาวะชะงักงันอีกครั้ง​ได้ส่งผล​ให้​ความหวังที่จะมี​การบรรลุข้อตกลงงบประมาณก่อนกำหนด​เส้นตาย​ในวันที่ 1 ม.ค.ต้องดับลง ​และ​เป็นสา​เหตุ​ให้สินทรัพย์ที่มี​ความ​เสี่ยงร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ​ซึ่งถูกมองว่า​เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย​แข็งค่าขึ้น ขณะ​เดียวกัน ​ความ​เชื่อมั่น​ผู้บริ​โภคสหรัฐที่ปรับตัวลดลง​ก็ยิ่ง​เพิ่ม​แรงกดดัน​ให้ตลาดน้ำมัน จาก​การสำรวจของรอย​เตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิ​แกน ดัชนี​ความ​เชื่อมั่น​เดือนธ.ค.ลดลง​แตะ 72.9 ​ซึ่ง​เป็นระดับที่อ่อน​แอสุดนับตั้ง​แต่​เดือนก.ค. อย่าง​ไร​ก็ดี ข้อมูล​เศรษฐกิจอื่นๆที่ออกมาสด​ใส​ได้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ​การซื้อขาย​ในตลาด​และช่วยจำกัดช่วงขาลงของราคาน้ำมัน​ได้บ้าง ​โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ​เพิ่มขึ้น 0.7% ​ใน​เดือนพ.ย. ขณะที่ราย​ได้ส่วนบุคคลของชาวอ​เมริกัน​เพิ่มขึ้น 0.6% ​ซึ่งมากสุดนับตั้ง​แต่​เดือนก.พ. ส่วน​การ​ใช้จ่ายส่วนบุคคล​เพิ่มขึ้น 0.4% จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:07:41

ความคิดเห็นที่ 13 IEC ขายธุรกิจ Nokia Shop 11 สาขา​ให้ MLINK มูลค่า 25 ลบ. บมจ. อิน​เตอร์​แนชั่น​เนิล​เอนจี​เนียริง (IEC) ​เปิด​เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรม​การบริษัท​เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 มีมติอนุมัติ​ให้บริษัทฯยุติ​การดำ​เนินธุรกิจ​โน​เกีย​แฟรน​ไชส์ (Nokia Shop) ​และอนุมัติ​ให้บริษัทฯขายทรัพย์สินที่​ใช้​ใน​การประกอบธุรกิจ Nokia Shop จำนวน 11 สาขา​ให้​แก่ บมจ.​เอ็ม ลิ้งค์ ​เอ​เชีย คอร์ปอ​เรชั่น(MLINK) คิด​เป็นมูลค่า​ทั้งสิ้น 25,000,000 บาท (​ไม่รวมภาษีมูลค่า​เพิ่ม)​โดย​ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะ​เข้า​ทำราย​การกันภาย​ใน​เดือนธันวาคม 2555 รายละ​เอียดของสินทรัพย์ที่จำหน่าย ​เป็นทรัพย์สินที่​ใช้​ใน​การประกอบธุรกิจค้าปลีก​โทรศัพท์​เคลื่อนที่ Nokia Shop ทรัพย์สินที่​เป็นวัสดุตก​แต่งติดตรึงตรา​และ​เฟอร์นิ​เจอร์ต่างๆ ที่ประกอบ​และติดตั้งอยู่​ในร้าน NOKIA SHOP จำนวน 11 สาขา มูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 ​เท่ากับ 30,296,696.83 บาท จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:08:36

ความคิดเห็นที่ 14 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น บุกตลาดอินโด-อินเดีย ฟันรายได้ 50%-ปันผลงาม AH ปักธงปี 2556 ก้าวกระโดด บุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ เน้นอินโดนีเซีย-อินเดีย หลังกำลังซื้อสูง แย้มแผนหารือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน ด้านงบ Q4/2555 สูงปรี๊ด จากไตรมาสก่อนคว้ากำไร 168.20 ล้านบาท ชี้ออเดอร์ล้นมือ ดันรายได้รวมทั้งปี 2555 ทะลุ 50% จับตาแจกปันผลหรูหรา เป้าหมาย 27.70 บาท 'APURE' คว้าออเดอร์ญี่ปุ่น กูรูเคาะกำไรต่อหุ้นพุ่ง 700% APURE ดี๊ด๊าลูกค้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นป้อนออเดอร์ล็อตใหญ่ มั่นใจดันกำไร Q4/2555 หรูหรา ปักธงรายได้ปี 2555 โต 50% กำไรพุ่งพรวดล้างขาดทุนหมดเกลี้ยง เดินหน้าร่วมทุนเทกโอเวอร์บริษัทย่อยรองรับ AEC หวังคลอดแบรนด์หรือสินค้าใหม่ จากปัจจุบันเน้นข้าวโพดหวาน กูรูแนะนำสอย โชว์ EPS 700% เป้าหมาย 2.50 บาท 'TH' เพิ่มทุนบุกธุรกิจพลังงาน "วิชัย ทองแตง" รวบ 60 ล้านหุ้น TH ปิดดีลเพิ่มทุน 250 ล้านหุ้น ด้าน "วิชัย ทองแตง" กินรวบ 60 ล้านหุ้น แย้มเชื่อมั่นฐานธุรกิจ TH หลังเบนเข็มรุกธุรกิจพลังงานทางเลือก หวังสร้างผลกำไรหรูหราในอนาคต จับตาจะเทกโอเวอร์หรือเข้าร่วมทุนกับบริษัท สั่งจับตา TH-W1 เข้าเทรดวันนี้ราคาวิ่งฉลุย "คมนาคม" จัดทัพฮับอาเซียน AOT-THAI ขานรับผลงานพุ่ง "คมนาคม" จัดทัพรับ AEC สั่ง AOT พัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ทุ่มงบ 62 หมื่นล้านบาท หวังเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน ส่วน THAI ปรับกลยุทธ์เส้นทางบิน Point To Point กวาดผู้โดยสารตามเป้า ฟากโบรกเชียร์ลงทุนแนะซื้อ AOT เป้าหมาย 116 บาท ส่วน THAI ส่องพื้นฐาน 34 บาท LOXLEY แกร่ง-สตอรี่หนุน กูรูแนะสอย-วางเป้า 7.10 บาท โบรกชู LOXLEY เป็นหุ้น Top Pick พื้นฐานยังแกร่ง แม้หวยออนไลน์ไม่คืบ ส่องกำไรสุทธิ 9 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 89% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555 แนะ "ซื้อ" เป้า 7.10 บาท ด้าน "บุญเลิศ ใจมั่น" คาดรายได้รวมปีนี้แตะ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์โครงการภาครัฐหนุนจากงานในมือกว่า 7.5 พันล้านบาท 'EGCO' เล็งประมูล IPP มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ EGCO เตรียมยื่นประมูล IPP มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนปีหน้าผลงานโตต่อ จากกำลังผลิตใหม่เพิ่มและแผนขยายงานโรงไฟฟ้าเคซอนจบไตรมาส 1/2556 ด้านโบรกประเมินหากชนะประมูล IPP 1 โรง หนุนราคาหุ้นเพิ่ม 6.40 บาทต่อหุ้น เป็น 157.80 บาท จาก 151.40 บาท เหมาะช้อน WIN เทิร์นอะราวนด์ ส่องปีหน้าธุรกิจสดใส WIN เด้งแรงถึง 13.43% รับอนาคตธุรกิจสดใส หลังตัดขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ออกไป หนุนผลงานปีนี้ และปีหน้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำไรจากค่าเช่า และพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น PTTEP เร่งหาผู้รับเหมา สร้างโรงงานผลิต 'LNG' PTTEP เตรียมหาผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก (LNG) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์การผลิตและท่อส่งก๊าซนอกชายฝั่งหลังสำรวจพบปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติมากกว่า 65 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ในประเทศโมซัมบิก JMT ปั๊มกำไรปี 56 โตแรง 30% เจรจาซื้อหนี้เน่าแบงก์-รถยนต์ JMT แย้มอานิสงส์หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์โดดเด่น "เจรจา ธนาคารพาณิชย์ 4-5 แห่ง" บริหารหนี้ พร้อมลุยเข้าบริหารหนี้สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์มองผลพวงรถคันแรกภาครัฐกระตุ้นหนี้เพิ่มหนุนรายได้บริหารพอร์ตแข็งแกร่งปักธงปั๊มกำไรสุทธิปี 2556 เติบโต 30% ส่วนรายได้คาดเติบโตราว 15% KK ปล่อยกู้ 500 ล้านบ. ติดชาร์ต TopThree โบรกเชียร์-เคาะ 53 บ. KK ควักกระเป๋าปล่อยกู้เงิน "บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด วงเงิน 500 ล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์เชียร์ลงทุน หลังมองพื้นฐานบริษัทแข็งแกร่งเร่งขยายสินทรัพย์ของลูกค้าภายใต้การดูแลบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่ 1.7 แสนล้านบาท และตั้งเป้าอันดับ 1 ใน 3 ในธุรกิจ Broker โดยให้ราคาเป้าหมาย 53.00 บาท SENA เล็งผุดออฟฟิศให้เช่า กำไรปีหน้า 230 ล.-เป้า 4.20 บ. SENA เล็งแผนผุดออฟฟิศให้เช่า หวังอนาคตเพิ่มสัดส่วนเป็น 10.20% แย้มยอดขายปีนี้มีลุ้นทะลุ 1.5 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเตรียมผุด 10 โปรเจ็กต์ ยักษ์มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมจับมือผู้รับเหมาแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 2 พันล้านบาท ฟากโบรกส่องกำไรปีหน้า 230 ล้านบาท บวกปันผลเร้าใจ Yield 4.5% เชียร์ "ซื้อ" วางเป้า 4.20 บาท EARTHคว้าเหมืองอินโดสิ้นปีQ4ปันผลก้อนโต-กำไรเกิน150% "EARTH" ฮุบเหมืองถ่านหินอินโดนีเซียสิ้นปีนี้ ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/2555 สุดเซอร์ไพรซ์ฟาดกำไรเกิน 300 ล้านบาท หรือพุ่งทะยานกว่า 150% จ่อแจกปันผลก้อนโตเป็นของขวัญปีใหม่สิ้นปี ฟากโบรกส่องกล้องมองธุรกิจไปได้สวย ยอดขายถ่านหินทะยานเฉียด 100% เคาะต้านฉลุย 8.60 บาท BGH จัดทัพผุดรพ.เพิ่ม รุก "เขมร-พม่า" รับ AEC BGH วางกลยุทธ์ประกาศศักดา ตั้งป้อมโรงพยาบาลในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50 แห่งจากปัจจุบันมีจำนวน 29 แห่งภายในปี 2558 เหตุรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เตรียมรุกขยายตลาดประเทศกัมพูชา-พม่า ลุยเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้บริการต่างชาติเพิ่มหนุนกำไร ARROWเริ่มเทรดmai25ธ.ค.นี้หวังขึ้นแท่นผู้นำตลาดท่อเหล็ก บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 25 ธันวาคมนี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,100 ล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ลำดับที่ 10 ใน mai ปีนี้ "แอร์เอเชีย" โชว์ผู้นำโลว์คอสต์ รุกเพิ่มเอ 320 ขยายฐานทั่วเอเชีย นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทย แอร์เอเชีย เปิดเผยถึงการที่ย้ายฐานปฏิบัติการบินมาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการรองรับฝูงบินและเส้นทางใหม่ๆ ในอนาคต และช่วยให้ "แอร์เอเชีย" สามารถบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำเสนอบัตรโดยสารราคาประหยัดสำหรับทุกคนได้ดียิ่งขึ้น 'mai'ทำสถิติสูงสุดรอบ14ปี มาร์เก็ตแคป-ดัชนีพุ่งกระฉูด ตลาดหลักทรัพย์ mai ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง ทั้งในด้าน mai Index มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด มูลค่าระดมทุน และจำนวนเครื่องมือทางการเงิน ตั้ง "นพดล ตัณศลารักษ์" mai Best CEO 2555 รับตำแหน่งที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์ mai "เอ็มเอฟซี" โชว์ผลงานเด่น บริหารกอง SPOT55S เข้าเป้า 5% เอ็มเอฟซีบริหารทาร์เก็ตฟันด์กองทุนเปิด SPOT55S2 เข้าเป้าหมายครั้งที่หนึ่งเตรียมจ่ายผลประโยชน์ 5% ผู้ถือหน่วยปลื้มเตรียมรับเงินคืนปลายเดือนนี้ หลังกองทุนเปิด SPOT55 กองแรกเพิ่งเข้าเป้าครั้งแรก 5% เมื่อต้นธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง หลังภาครัฐและเอกชนลงทุนเพียบคาด GDP แตะ 5.5-6.0% นายกชี้กองทุนรวมปีหน้าไปต่อ โชว์ยอดบัญชีแตะ 3.30 ล้านบัญชี นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เผยอุตสาหกรรมกองทุนในปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนยอดบัญชีพุ่งพรวดอยู่ที่ 3.3 ล้านบัญชีจากปีก่อน 2.9 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นเติบโต 13% http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39334 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:09:58

ความคิดเห็นที่ 15 สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น มิตซูเฉือนซีไอเอ็มบีชนะประมูลคว้าBAY รับข้อเสนอ 'รัตนรักษ์' คงชื่อ 'กรุงศรี' แบงก์ญี่ปุ่นชนะประมูลกรุงศรีฯ หรือ BAY เฉือนมาเลย์หวุดหวิด เก็บหุ้นใหญ่ 25.3% จากกลุ่มเจเนอรัลอิเลคทริค หลังกลุ่ม "รัตนรักษ์" ยืนยันต้องใช้ชื่อเดิมไม่เปลี่ยน เตรียมแจ้งตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ส่งผลมาเลย์ขอบาย ด้านโบรกฯมอง BAY โดดเด่นทางด้านสินเชื่อรายย่อย ยังแนะนำซื้อ จากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี maiสร้างสถิติมาร์เก็ตแคปดัชนีขึ้นสูงสุด ตลาดหลักทรัพย์ mai โชว์ตัวเลขสถิติสำคัญปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปี นับจากการก่อตั้ง ทั้งด้าน mai Index ปรับขึ้น 56.14% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1.33 แสนล. ตั้ง "นพดล ตัณศลารักษ์" mai Best CEO 2555 รับตำแหน่งที่ปรึกษา mai ไทยออยล์ส่งซิกปีหน้าสดใส หุ้นมีอัพไซด์เป้า83.50บาท TOP ชี้อุตสาหกรรมน้ำมัน-ปิโตรเคมีปีหน้ายังขาขึ้น คาดราคาน้ำมันเกิน 100 เหรียญสหรัฐ มุ่งกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงควบคู่อัพเกรดสินค้ากลางน้ำ-ปลายน้ำ โบรกฯแนะซื้อ หุ้นมีอัพไซด์เพียบ ราคาเป้าหมาย 83.50 บาท CKกำไรพิเศษ2.3พันล. ขายหุ้นTTWบุ๊คQ1ปี56 "ช.การช่าง" จ่อบันทึกกำไรพิเศษ 2,300 ล้านบาทในงบไตรมาส 1/56 ดันกำไรสุทธิโตก้าวกระโดด จากการขายหุ้น TTW จำนวน 438.9 ล้านหุ้น ให้กับทางด่วนกรุงเทพ ในราคาหุ้นละ 7.55 บาท สูงกว่าราคาต้นทุนที่ 2.11 บาท/หุ้น KBANKสินเชื่อปลิ้น9.5% "กสิกรไทย" (KBANK) ปล่อยสินเชื่อสนุกสนาน หลัง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) เพิ่มขึ้น 9.5% จากเป้าหมายทั้งปี 11% โบรกฯแนะ "ซื้อ" รอรับเงินปันผล แถมราคาหุ้นมีอัพไซด์เหลือ จากเป้าหมายราคา 211 บาท "บัณฑูร" ลั่นคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 2-3% BGHลั่นปี58มีรพ.50แห่ง หนุนมาร์เก็ตแชร์สูสีIHH BGH ตั้งเป้าขยายโรงพยาบาลครบ 50 แห่งภายในปี 2558 รองรับลูกค้าทะลักหลังเปิด AEC พร้อมผลักดันกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพมีขนาดใหญ่และมาร์เก็ตแชร์ใกล้เคียงเบอร์หนึ่งอย่างกลุ่ม IHH ในตลาดอาเซียน DNAชงบอร์ดปันผลQ1ปีหน้า ฐานะการเงินแกร่ง ย้ำจ่ายไม่น้อยกว่า40% "ดีเอ็นเอ 2002" เตรียมเสนอที่ประชุมบอร์ดปันผลภายในไตรมาส 1 ปีหน้า ผู้บริหารลั่นฐานะการเงินแกร่ง ปลอดหนี้สิน มีโอกาสปันผลได้ระดับสูง ย้ำนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เชื่อรายได้ปีนี้โตแตะ 1,500 ล้านบาท MODERNลุ้นQ4กำไร130ล้าน ปรับมูลค่าหุ้นเป็น8.20บาท หลังถือหุ้นIHLเพิ่ม "MODERN" ไตรมาส 4/55 มีแววผลประกอบดีที่สุดของปีนี้ คาดกำไร 131 ล้านบาท ตามการส่งมอบสินค้า พร้อมปรับเพิ่มมูลค่าหุ้นเป็น 8.20 บาท/หุ้น หลังซื้อ IHL เพิ่มอีก 7 ล้านหุ้น คงคำแนะนำซื้อ คาดปันผลปีนี้ 0.50 บาท AOTจ้างวสท.ปรับปรุงดอนเมือง ปีหน้าตั้งเป้ายอดผู้โดยสารแตะ 14 ล้านคน AOT จ้าง วสท.ศึกษาโครงสร้างท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมหารือแอร์ไลน์ดูแผนขยายธุรกิจ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาปรับปรุงการใช้งาน คาด ม.ค.56 สรุปได้ ก่อนจ้างที่ปรึกษาออกแบบและเดินหน้างานก่อสร้าง มั่นใจรายได้ ต.ค.-พ.ย.55 เป็นบวก ส่วนปีหน้าตั้งเป้าผู้โดยสาร 14 ล้านคน บอร์ดรฟม.สั่งลุยสีเขียวเข้ม วงเงิน2.6หมื่นล้าน ชงครม.ประกวดราคาต้นปี 56 บอร์ดรฟม.ไฟเขียวสร้างสีเขียวเข้ม หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 2.6 หมื่นล้าน เตรียมรายงานคมนาคมก่อนชงครม.ขอประกวดราคาต้นปีหน้า พร้อมยืนยันสร้างสีชมพูสิ้นสุดแค่สถานีมีนบุรีตามแผนแม่บทเดิม กทค.เตรียมยึดคลื่น1800 MHz 'ทรู-ดีพีซี'หมดสัมปทานปีหน้า พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค.) เปิดเผยถึงแผนการเรียกคืนคลื่นความถี่เดิมย่าน 1800 MHz จาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้ให้สัมปทานกับบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่มีลูกค้า 17 ล้านราย และ บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (ดีพีซี) มีลูกค้า 80,000 ราย ได้สิทธิใช้คลื่นความถี่ รายละ 21.5 MHz เพื่อให้บริการลูกค้าระบบ 2 จี และจะสิ้นสัญญาสัมปทานในเดือน ก.ย.56 นี้ว่า จะต้องคืนกลับมาที่ กสทช. ตามกฎหมาย พ.ร.บ.กสทช. พ.ศ.2553 จะต้องคืนคลื่นดังกล่าวมาที่ กสทช. ทั้งหุ้น-ทอง-น้ำมัน ดิ่งทั่วโลก ส.ส.รีพับลิกันเลิกลงมติต่อแผนการลดภาษี ตลาดหุ้นดิ่งทั่วโลก หลังจากส.ส.รีพับลิกันยกเลิกการลงมติเกี่ยวกับแผนการลดภาษีตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ตลาดใหญ่ๆ ในเอเชียปรับตัวลงรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด โดยดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 1% ขณะเดียวกัน ทั้งราคาน้ำมันและทองคำก็ร่วงระนาว ปชป.ยันต้องไม่ยุ่งม.309 พท.นักถกหลังปีใหม่ ทำประชามติแก้รธน. พรรคประชาธิปัตย์ ยันหากแก้รัฐธรรมนูญ แล้วไม่แก้มาตรา 309 ก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนด้านเพื่อไทย เล็งถกทำประชามติหลังปีใหม่ ไทยประกันชีวิตขยับอีก จับตลาดโซเชียลดันเบี้ยปีหน้าพุ่ง ไทยประกันชีวิต จับโซเชียลเน็ตเวิร์คทำตลาด โดยการเสนอขายประกันผ่านสื่อออนไลน์ในรูปแบบใหม่ด้วยแคมเปญ "Life Edition ชีวิตคุณเลือกได้" ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นการนำเสนอการประกันรูปแบบใหม่ที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย KT-AXAเบี้ยผ่านแบงก์ปรี๊ด โชว์บริษัทลูกที่ปั้นค่าฟีให้'กรุงไทย'สูงสุด กรุงไทย-แอกซ่าฯ สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้ธนาคารกรุงไทย(KTB) สูงสุดของกลุ่มบริษัทในเครือ คาดปีนี้รายได้ยังอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับช่วงที่ผ่านมา ส่วนการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยของกรุงไทยไม่กระทบต่อการทำเบี้ยรับรวมในอนาคต ยูเนี่ยนเพิ่มทุนขึ้นเป็น1,100ลบ.เตรียมเข้าตลท. ยูเนี่ยนอินเตอร์ประกันภัย เตรียมเพิ่มทุนเป็น 1,100 ล้านบาท ภายในปีหน้า เพื่อรองรับการขยายงานเพิ่มก่อนเดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมวางยุทธศาสตร์ 3 ปี กวาดกำไรต่อเนื่อง เติบโตขั้นต่ำเฉลี่ยปีละ 15% ขณะที่ปีหน้าตั้งเป้าเบี้ยที่ 800-1,200 ล้านบาท 'TMB'มองหน้าผาการคลัง กระทบส่งออกไทยเพียง1% ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของ Fiscal Cliff ต่อส่งออกไทยไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คาดฉุดส่งออกไทยร่วงลงราว 1% เท่านั้น คลังถอนขนห่านกระฉูด รถยนต์คันแรกดันยอดพุ่ง - มันปี 56 เก็บเข้าเป้า กระทรวงการคลังเผยรายได้รัฐบาล เดือนพ.ย.สูงกว่าเป้า 2.3 หมื่นล้าน ผลพลอยได้จากโครงการรถคันแรก รวม 2 เดือนแรกเก็บได้ 3.2 แสนล้าน เกินเป้า 8.5% สศค.มั่นใจเป้าปี 56 กว่า 2.1 ล้านล้านบาทไม่พลาด หลังเห็นตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:10:46

ความคิดเห็นที่ 16 ไทยตอนบนหนาวจัดยอดดอย 5 องศา มีน้ำค้างแข็ง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 3-7 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:12:27

ความคิดเห็นที่ 17 บอร์ด ตงฮั้วฯ เผยหุ้นขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง 8 ราย รวม 250 ล้านหุ้น ได้ “วิชัย ทองแตง” เข้ามาร่วมถือลงทุน 60 ล้านหุ้น ผู้บริหาร TH ชี้เชื่อมั่นและมองแนวโน้มอนาคตมีศักยภาพเติบโตอีกมาก หลังปรับนโยบายการบริหารพร้อมสยายปีกลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสามารถขยายตัวได้อย่างโดดเด่นด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นายสมนึก กยาวัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TH เปิดเผยว่าคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 250 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด จำนนวน 8 ราย ประกอบด้วย 1. คุณวิชัย ทองแตง 60,000,000 หุ้น 2. นางสุมาลี อ่องจริต 60,000,000 หุ้น 3. คุณอภิวุฒิ ทองคำ 40,000,000 หุ้น 4. คุณอำนาจ วงศ์สุวรรณ 14,500,000 หุ้น 5. คุณประสิทธิ์ เล็กรุ่งเรืองกิจ 14,500,000 หุ้น 6. คุณศิร์วสิษฐ์ สายน้ำผึ้ง 35,000,000 หุ้น 7. คุณชัชชัย สุเมธโชติเมธา 12,000,000 หุ้น และ 8. คุณปกรณ์ เจริญศิริ 14,000,000 หุ้น “การที่นักลงทุนทั้ง 8 รายเข้ามาลงทุนร่วมกับ ตงฮั้วฯ นั่นเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างดีถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯของเรา และมั่นใจว่าแนวโน้มในอนาคตของตงฮั้วฯ มีโอกาสที่จะเติบโตไปได้มากกว่าวันนี้และสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี ขณะเดียวกันในส่วนของบริษัทฯ นอกจากจะได้เงินทุนสำหรับขยายธุรกิจแล้วยังได้พันธมิตรใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมถือหุ้นด้วย เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทอย่างที่สุด” เขากล่าวต่อว่าเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ TH จะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อใช้ในการลงทุนและขยายธุรกิจให้มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้คณะกรรมการบริหารได้ปรับนโยบายเปิดกว่ายิ่งขึ้น โดยจะแสวงหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนธุรกิจใหม่ที่ประเมินแล้วว่ามีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ มีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องในทุกๆ ปี บนพื้นฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่ง จากเดิมที่เป็นการบริหารแบบอนุรักษ์นิยมและมุ่งเน้นในธุรกิจหลัก  คือ ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์จีนรายวัน   “ ตงฮั้ว ” เพียงอย่างเดียว "การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัทฯ ซึ่งจะเห็นภาพอย่างด่นชัดตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป คณะผู้บริหารมีความมุ่งมันและพร้อมใจกันอยากที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เรายินดีเปิดรับธุรกิจใหม่ๆ และพร้อมที่จะเข้าลงทุนหากพิจารณาและศึกษาแล้วเห็นว่าเป็นโครงการที่มีศัภยภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและผลักดันให้ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรของ TH ดีขึ้น" ก่อนหน้านี้ TH เคยแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่าสนใจและอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุนคือการเข้าลงทุนใน บริษัท อีสเทอร์น รีนิวเอเบิ้ล เอ็นเนอจี้ จำกัด (ERE) ซึ่งประกอบธุรกิจรับกำจัดขยะให้กับเทศบาลและอบต. ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมาย และบัญชีของบริษัท (Legal and Accounting Due Diligence) คาดว่าจะเสร็จสิ้น เป็นที่พอใจของบริษัท ภายในเดือนธันวาคม 2555 นี้ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:20:11

ความคิดเห็นที่ 18 อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณใหญ่,คุณฮะ,คุณเม่าสินธร,คุณมารหุ้นแสวงพ่าย,คุณตำลึงริมรั้ว และชาวปิ๊ง ปิ๊ง ที่น่ารักทุกท่านค่ะ กิ๊ฟหมดแย้ววว...ผู้โชคดีคนสุดท้ายได้แก่.....^    ^ จากคุณ : คุณแสวงหุ้นคะ^ ^...หมูแดง. (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:21:57

ความคิดเห็นที่ 19 จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ  ^      ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:23:52

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่าบทสรุป “เก็งกำไรทองคำ” ของ “โด่ง” องอาจ สิงห์ลำพอง ผอ.ช่อง 8 ณ อาร์เอส “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด ทั้งปี เก็บ "กำไร" จุ๋มจิ๋ม “ราคาทองคำ” ที่ทะยานขึ้นต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2551-2555) จากบาทละ 12,000 บาท มาทะลุบาทละ 26,000 บาท แถมยังมีแนวโน้มไต่ไปยืนระดับบาทละ 28,000 ในปี 2556 กลายเป็น “จุดกำเนิด” ของ “นักลงทุนหน้าใหม่” ที่นิยม “การเก็งกำไร” เป็นชีวิตจิตใจ “โด่ง” องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและการตลาดฝ่ายภาพยนตร์และสถานีช่อง 8 บมจ.อาร์เอส (RS) และ “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด หลัง “เทสโก้โลตัส” สาขาพระราม 4 เป็น 2 คน ที่ “หลงใหล” สีทองสุกใสของทองคำยิ่งนัก “โด่ง” องอาจ สิงห์ลำพอง ในวัย 41 ปี เริ่มรักการออมเงินมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เขาเคยรับจ้างคัดรายชื่อคนใช้โทรศัพท์ทั่วประเทศไทยด้วยลายมือ ได้เงินมาหลักหมื่นบาท ก็นำไปให้แม่ปล่อยเงินกู้แม่ค้าในตลาด ปล่อยเงินกู้นาน 4-5 ปี ก็มีเงินเก็บหลายแสนบาท เขาต่อยอดเงินด้วยการนำไปซื้อที่ดิน 1 ไร่ ติดถนนจังหวัดนครนายก ราคาแสนกว่าบาท จากนั้นก็ซื้อที่ดินเพิ่มเรื่อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า ก่อนจะหันมา “เก็งกำไรทองคำ” เมื่อปลายปี 2554 เขาใช้เงิน 2.5 ล้านบาท ซื้อทองคำ 100 บาท ราคาบาทละ 23,650 บาท และขายบางส่วนตอนบาทละ 25,000 บาท ได้กำไรมาประมาณ 5% กลยุทธ์การลงทุนเน้นเล่นเป็นช็อตๆ ทุกครั้งที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นบาทละ 50-100 บาท เขาจะขายออก เล่นแบบนั้นได้กำไรวันละ 10,000 บาท “โด่ง” สายตรงเล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” แบบ “เซ็งๆ” ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำในปี 2555 ไม่เข้าเป้าหมายเลย (ถอนหายใจเฮือกใหญ่) ตอนแรกๆ ผม “ปักธง” อยากได้ผลตอบแทนประมาณ 40-50% แต่สุดท้ายทำได้เพียง 10% เท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ (หัวเราะ) เมื่อช่วงต้นปี 2555 ได้ “ยกพอร์ตทองคำ” ให้คุณแม่ช่วยดูแลชั่วคราว เพราะกำลังยุ่งกับการบริหารงานในช่อง 8 ซึ่งวิธีการตัดสินใจซื้อ-ขาย ของคุณแม่ผิดพลาดมาก ท่านมองเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ผมมองเป็นการทำธุรกิจ ฉะนั้นคุณแม่ย่อมอยากได้กำไรมากๆ แต่ผมขอแค่ได้กำไรนิดหน่อย ก็พร้อมจะปล่อยของออกแล้ว ต้นปี 2555 มี “ทองคำ” ประมาณ 400 บาท ช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา บอกคุณแม่ให้ขายทองคำออกทั้งหมด ถ้าขายตอนนั้นได้กำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 40-50% แต่ท่านขายเพียง 200 บาท ทำให้ได้กำไรเพียง 10% คุณแม่ “กั๊ก” ทองคำไว้อีก 200 บาท กะจะขายทำกำไรวันหลัง เพราะคิดว่าราคาจะขึ้นอีก สุดท้ายราคาปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ช่วงนั้นพูดไม่ออกเลย เพราะกว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นมาต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน ผมตั้งใจจะขายทั้งหมดในช่วงวันตรุษจีน (เดือนก.พ.2556) ได้กำไร 20% ก็เอาแล้ว (หัวเราะ) ถามถึงกลยุทธ์การลงทุนในปี 2556 “โด่ง” บอกว่า ปีหน้าผมจะดึงพอร์ตลงทุนทั้งหมดกลับมาดูแลเองเหมือนเดิม และจะลดตำแหน่งคุณแม่จากคนบริหารทองคำมาเป็นโบรกเกอร์ (หัวเราะ) เรียกง่ายๆว่า มีหน้าที่ไปซื้อขายทองคำเท่านั้น ส่วนตัวมองว่าปี 2556 ราคาทองคงปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่คงไม่เหมือนต้นปีที่ผ่านมาที่แทบไม่มีที่ให้ขาเกี่ยว กว่าจะได้กำไร “เหนื่อยแทบตาย” เขาเงียบคิด ก่อนพูดต่อว่า หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 5% จะขายทำกำไรทันที และถ้าราคาปรับตัวลดลง 20% ก็จะซื้อทันทีเช่นกัน ถามว่าทำไมตัวเลขซื้อและขายไม่สมดุลกัน ทุกครั้งที่ขายเราจะขาดทุนบาทละ100 ฉะนั้นต้องทำให้ช่องว่างการขายห่างๆ แบบนี้ถูกต้องแล้ว “วิธีการลงทุนอย่างหนึ่งที่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทุกครั้งที่ลงทุนเราต้องใช้ "เงินเย็น" เท่านั้น ห้ามกู้เงินมาซื้อเด็ดขาด ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่มีทาง “กำไร” แน่นอน ผมเห็นจากคนใกล้ตัวแล้ว เพราะคุณต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ย วันหนึ่งหันกลับมาดูอีกทีกำไรฉันไหนเนี่ย (หัวเราะ)” “เซียนเก็งกำไร” ยังเล่าถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ดินให้ฟังว่า ในปี 2556 ตั้งใจจะขายที่ดินย่านคลอง 16 และ 33 รังสิต-นครนายก ที่มีอยู่ประมาณ 10 ไร่ ผมซื้อมาเมื่อ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นราคาไร่ละ 5 ล้านบาท หากขายช่วงนี้คงได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท ตั้งใจจะนำเงินสดไปซื้อเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ย่านรัชดา ประมาณ 3 ยูนิต แถวนั้นความต้องการสูงมาก คาดว่าจะได้กำไรจากการลงทุนประมาณ 20% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ยังมีแผนจะขายที่ดินประมาณ 10 ไร่ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะขายได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท จากราคาต้นทุน 5 ล้านบาท ล่าสุดไปซื้อที่ดิน 20 ตารางวา เพื่อทำเป็นทางออก ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่ดินผืนนั้น ตอนนี้ก็มีคนมีติดต่อของซื้อหลายเจ้าแล้ว เมื่อก่อนตอนอายุน้อยๆเคยคิดว่าซื้อคอนโดมิเนียมมาปล่อยดีที่สุด เพราะมีเงินเข้ามาทุกเดือน แต่เมื่อโตขึ้นทำให้รู้ว่าการมีเงินสดอยู่ในมือถือเป็นเรื่องดีที่สุด เราคิดจะลงทุนอะไรก็สามารถทำได้เลย ทุกวันนี้ผมมีคอนโดมิเนียมให้เช่าเหลือเพียง 1 แห่ง คือ “แฮปปี้ คอนโดมิเนียม” แถวรัชดา 18 จำนวน 6 ยูนิต ราคาเช่าเฉลี่ย 8,000 บาทต่อเดือน ซื้อมาราคา 1 ล้านบาทต่อยูนิต ถามว่าจะซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าอีกหรือไม่ คงไม่ซื้อแล้วขอเปลี่ยนเป็นซื้อมาแล้วขาย “เก็งกำไร” ดีกว่า ได้กำไรมากกว่าหลายเท่าตัว “การลงทุนทองคำและที่ดินมีข้อดีแตกต่างกันไป “จุดเด่น” ของการลงทุนทองคำ คือ เราสามารถผันเป็นเงินสดได้ทันทีหากต้องการใช้เงินเร่งด่วน ส่วนข้อดีของการลงทุนที่ดิน คือ สามารถกำหนดราคาขายได้เอง แต่ทองคำต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น” ด้าน “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของฉายา “หมูทอดเศรษฐี” เจ้าของร้านหมูทอดขายดี ตั้งอยู่หลัง “เทสโก้โลตัส” สาขาพระราม 4 ที่เพิ่งหันมา “เก็งกำไรทอง” เมื่อ 3-4 ปีก่อน เธอเคยซื้อทองคำมากที่สุด 80 บาท และยังเคยได้กำไรมากสุด 500 บาท ต่อทองคำ 1 บาทมาแล้ว “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 ราคาทองคำดูท่าทางจะไม่ขึ้น ทำให้ตัดสินใจขายออกไปก่อน ถ้าจำไม่ผิดได้กำไรนิดหน่อย จากนั้นก็ไม่ได้ซื้ออีก เพราะมีเหตุต้องนำเงินไปใช้เรื่องอื่น แต่ก็จะคอยบอกเพื่อนๆหรือคนรู้จักเกี่ยวกับสถานการณ์ทองคำ” “เจ๊จง” เล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง ตอนแรกเจ๊ตัดสินใจจะขายทองคำ แล้วค่อยกลับไปซื้อใหม่ แต่บังเอิญมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปนั่งดูกราฟทองคำเหมือนเคย อีกเหตุผลที่เจ๊ยังไม่อยากลงทุน มีช่วงหนึ่งกรมสรรพากรโทรศัพท์มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับเจ๊ เขาถือหนังสือพิมพ์มายืนยันเลย (หัวเราะ) เจ๊ก็จ่ายย้อนหลังไปหลายหมื่นบาท แต่ไม่เป็นไรหรอก เสียเงินแล้วเดี๋ยวดวงจะ “เฮง” “เจ๊จง” ทิ้งท้ายว่า แม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้ซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ แต่ก็ได้ทยอยซื้อทองรูปพรรณตอนราคาบาทละ 24,000 บาท เผื่อขายทำกำไรได้ในอนาคต เจ๊ตั้งใจว่าปี 2556 จะกลับมาลงทุนในทองคำอีกครั้ง หากมีเงินก้อน เจ๊ “ชอบสนุกดี” แถมได้ความรู้อีกต่างหาก ส่วนเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น อย่างที่เคยบอก “ตัน ภาสกรนที” เจ้าของ “อิชิตัน กรุ๊ป” แกห้ามไว้ กลัวเจ๊จะขาดทุนหนัก ไม่อยากมานั่งปลอบ (หัวเราะ) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:24:01

ความคิดเห็นที่ 21 สรุปข้อมูลการขายชอร์ตของหุ้นไทย ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2555 มีรายละเอียดดังนี้ หลักทรัพย์        ปริมาณหุ้นที่          มูลค่าการ  %ปริมาณการขายชอร์ต ขายซอร์ต          ขายชอร์ต  เทียบกับปริมาณการซื้อขาย (หุ้น)            (บาท)     บนกระดานหลัก TPIPL         1,181,100    17,159,840.00        10.93% LH            1,811,700    17,606,540.00        10.08% SCB             294,800    52,328,650.00         5.41% BBL             298,500    58,845,800.00         4.25% IRPC            737,000     3,095,400.00         2.95% SCC              71,200    30,867,800.00         2.74% TOP              85,800     5,765,250.00         2.03% KTB             362,000     7,022,800.00         1.83% DTAC             47,900     4,206,700.00         1.57% KBANK            76,500    14,680,150.00         1.37% SCCC              2,100       893,600.00         1.27% ADVANC           76,400    15,771,100.00         1.25% BLA              57,500     3,497,425.00         1.11% TISCO            12,300       633,450.00         1.03% CPALL           275,000    12,526,250.00         0.95% EGCO              5,300       744,150.00         0.92% BEC               8,000       560,000.00         0.63% RATCH            10,800       610,025.00         0.50% TMB             244,500       456,426.00         0.50% LOXLEY          120,000       618,000.00         0.48% SPALI            14,300       255,970.00         0.47% BANPU             3,600     1,490,400.00         0.44% AJ                5,000        74,800.00         0.37% GLOW              3,600       263,725.00         0.34% ROBINS            3,100       209,325.00         0.32% TRUE            111,000       552,780.00         0.31% BJC              18,900     1,098,825.00         0.29% BH                1,000        73,900.00         0.27% IVL              28,700       728,375.00         0.27% CPF              59,100     2,016,000.00         0.23% HMPRO            30,000       384,000.00         0.20% MINT             17,800       352,290.00         0.18% BCP               5,000       152,500.00         0.10% PTTGC            27,600     1,917,750.00         0.09% TCAP              2,000        74,250.00         0.03% BIGC                200        40,600.00         0.01% BTS                 300         2,025.00         0.00% ที่มา: www.set.or.th ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย All Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน              ซื้อ       ขาย       สุทธิ สถาบัน           32,012    28,681     3,331 ต่างชาติ          25,599    23,025     2,574 ในประเทศ        28,038    33,943    -5,905 ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รายงานสรุปปริมาณการซื้อขาย Index Futures โดยแบ่งตามประเภทนักลงทุน ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (หน่วย: จำนวนสัญญา) นักลงทุน              ซื้อ       ขาย       สุทธิ สถาบัน            4,921     5,368      -447 ต่างชาติ          22,095    21,761       334 ในประเทศ         8,292     8,179       113 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:27:35

ความคิดเห็นที่ 22 บำรุงกำลัง ยามเช้าค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:27:43

ความคิดเห็นที่ 23 บอร์ด ร.ฟ.ท.ไฟเขียว "อิตาเลียนไทย" สร้างรถไฟสายสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" สัญญาที่ 2 หลังต่อรองลดราคาอีก 2.8 พันล้าน จาก 2.4 หมื่นล้าน เหลือ 2.1 หมื่นล้าน ด้าน ร.ฟ.ท.เตรียมรายงาน "ครม.ปู 3" รับทราบนัด 25 ธ.ค.นี้ เดินหน้าเซ็นสัญญาที่ 1 กับผู้รับเหมา "ซิโน-ไทยฯ-ยูนิค" วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท สัญญาที่ 2 คิวต่อไป ม.ค. 56 นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ด้านอำนวยการ และในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ประชุมบอร์ด 14 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ได้รับทราบผลการต่อรองราคาก่อสร้างของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูลสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างงานโยธาและสถานี โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร โดยบริษัทยอมลดราคาลงอีก ประมาณ 2,867 ล้านบาท จากเดิมเสนอจำนวน 24,102 ล้านบาท เหลือ 21,235 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่อยู่ในกรอบวงเงินที่ตามระเบียบของ ร.ฟ.ท.จะต้องไม่เกิน 10% ทำให้บอร์ดรับราคานี้ได้ หลังจากนี้ ทาง ร.ฟ.ท.จะนำเรื่องเสนอให้องค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) เพื่อรับทราบผลการประกวดราคาต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติของเจ้าของแหล่งเงินกู้ ก่อนที่จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติเพื่อลงนามในสัญญาก่อสร้างจะต้องแจ้งผลให้ไจก้ารับทราบก่อน คาดว่าทางไจก้าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน หรือประมาณเดือนมกราคม 2556 ขั้นตอนต่าง ๆ จะแล้วเสร็จ นาง สร้อยทิพย์กล่าวอีกว่า สำหรับสัญญาที่ 1 หลัง ร.ฟ.ท.ต่อรองราคากับกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น) จนได้ราคาสุดท้ายอยู่ที่ 29,828 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ระหว่างนำเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติเพื่อลงนามสัญญาก่อสร้างต่อไปเช่นกัน ด้าน สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล วงเงินลงทุน 26,272 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ร.ฟ.ท.ว่าจะยกเลิกเพื่อประมูลใหม่ หรือเดินหน้าเปิดซองราคา หลังจากที่ผู้รับเหมาที่เข้าร่วมประมูลมี 2 กลุ่มที่มีผู้ถือหุ้นร่วมกัน "ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะลงนามงาน สัญญาที่ 1 และ 2 พร้อมกันเลยหรือไม่ หลังจากต่อรองราคากับบริษัทอิตาเลียนไทยฯ เสร็จแล้ว หากรอจะต้องใช้เวลาอีก 1 เดือน หรือว่าจะให้เซ็นสัญญาที่ 1 ก่อน เพราะเรื่องอยู่ที่ ครม.พร้อมอนุมัติแล้ว ทั้งหมดอยู่ที่ระดับนโยบายจะเป็นผู้ตัดสิน" นางสร้อยทิพย์กล่าวและว่า เดิมทางกระทรวงการคลังมีข้อท้วงติงว่า ร.ฟ.ท.ยังไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 เรื่องการทำรายละเอียดแยกรายการที่ทำให้กรอบวงเงินค่าก่อสร้างเพิ่ม และให้เซ็นสัญญาพร้อมกันทั้ง 3 สัญญา แต่ล่าสุดให้เดินหน้าเซ็นสัญญาเฉพาะสัญญาที่ 1 และ 2 ก่อน เพื่อเดินหน้าโครงการต่อไป เนื่องจากมีความล่าช้ามานานกว่า 2 ปีแล้ว นาย ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 25 ธันวาคม 2555 นี้ จะรายงานภาพรวมโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตให้ ครม.รับทราบถึงผลการประมูลก่อสร้างงานโยธาสัญญาที่ 1 และ 2 เพื่อขออนุมัติลงนามสัญญาก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาที่ 1 ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนสัญญาที่ 2 จะลงนามได้หลังจากที่ผ่านการพิจารณาของไจก้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่ากรอบเวลาน่าจะไม่เกินเดือนมกราคม 2556 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:29:42

ความคิดเห็นที่ 24 วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ญี่ปุ่น                                                             ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันพระราชสมภพพระจักรพัรรดิ์ (วันหยุดชดเชย) ออสเตรเลีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ อินโดนีเซีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ เยอรมนี                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ สหรัฐ                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ วันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ออสเตรเลีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส เกาหลีใต้                                                        ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฮ่องกง                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส มาเลเซีย                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อินโดนีเซีย                                                       ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฟิลิปปินส์                                                        ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อินเดีย                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อิตาลี                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส เยอรมนี                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส สหรัฐ                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส วันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) สิงคโปร์                 12.00 น.                             ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. เกาหลีใต้                   04.00 น.                            ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ญี่ปุ่น                        06.50 น.                            ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินเดือนพ.ย. ฮ่องกง                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day ฝรั่งเศส                                                           ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day อิตาลี                                                            ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day อังกฤษ                                                         ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Boxing Day สหรัฐ                     04.30 น.                             การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ 21.00 น.                            สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เผยดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) ญี่ปุ่น                        07.30 น.                            ข้อมูลการนำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. 11.00 น.                            การผลิตและส่งออกรถยนต์เดือนพ.ย. 12.00 น.                            ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านและคำสั่งซื้อด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย. ฝรั่งเศส                    14.45 น.                             ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. 14.45 น.                            ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. อิตาลี                     16.00 น.                             ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค. สหรัฐ                     20.30 น.                             กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ 20.30 น.                            กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 21.45 น.                            สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เขตชิคาโกเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ย. 21.45 น.                            คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. 22.00 น.                            กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 2555 (ตามเวลาประเทศไทย) สหรัฐ                     20.30 น.                             สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM)เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโกเดือนธ.ค. 21.45 น.                            สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. 22.00 น.                            สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:31:07

ความคิดเห็นที่ 25 อาหารว่าง ค่ะ ^     ^ จากคุณ : ไม่อ้วนแน่นอน5555..หมูแดง..... (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:32:35

ความคิดเห็นที่ 26 ข้าวมันไก่ ,ไก่ทอด ค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:34:18

ความคิดเห็นที่ 27 Good Morning Ka ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:36:16

ความคิดเห็นที่ 28 กาแฟ คนละถ้วยค่ะ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:37:52

ความคิดเห็นที่ 29 อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณใหญ่ คุณฮะ คุณหมูแดง คุณพันเกลียว คุณมารหุ้น คุณเม่าสินธร คุณตำลึง และเพื่อนๅปิ๊งๆทุกๆคนที่กำลังจะเข้ามาด้วยนะคะ ^^ กิฟท์หมดเกลี้ยงแล้วคร่าาา :) จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:43:09

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีค่ะคุณจอย ^   ^ เป็นพี่น้อง ฝาแฝดกันอีกแย้วววน้าาาาา  5555 จากคุณ : กิ๊ฟหมดพร้อมกันเรยย5555.หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:49:09

ความคิดเห็นที่ 31 ^__________________^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:51:13

ความคิดเห็นที่ 32 สมัยผมบอกว่าอาหารมีไว้ให้กิน ห้ามเล่น สมัยนี้กลับกลายเป็นอีกแนวคิดนึงเลย ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการนำเข้าถ่านหินสู่ประเทศจีนจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2556 โดยจะมีการนำเข้าจากประเทศผู้ส่งออกหลักๆอย่างอินโดนีเซียและออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง นายหวัง ซานจุน หัวหน้าสมาคมขนส่งและจำหน่ายถ่านหินแห่งประเทศจีน กล่าวระหว่างการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่มณฑลชานซี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถ่านหินหลักของจีนว่า เขาเชื่อว่าการนำเข้าถ่านหินสู่จีนจะยังอยู่ในระดับสูงในปีหน้า สมาคมขนส่งและจำหน่ายถ่านหินแห่งประเทศจีน เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าถ่านหิน 245 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 34.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนยอดนำเข้าตลอดปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 270 ล้านตัน ทั้งนี้ ยอดนำเข้าถ่านหินสู่จีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกลดลงขณะที่ต้นทุนการขนส่งก็ต่ำลงเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:52:11

ความคิดเห็นที่ 33 คุณฮะขราา......ปีใหม่ไปเที่ยวไหนค้าาา ^   ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:55:12

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีค่ะ คุณNat_YFS2011 ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 08:57:37

ความคิดเห็นที่ 35 ประสามนุษย์เงินเดือน ในอารมณ์นับถอยหลังเข้าสู่โหมดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอกเหนือจะคิดถึงบรรยากาศสนุกสนานแห่งการเฉลิมฉลอง ความคาดหวังอีกเรื่องคงหนีไม่พ้น "โบนัส" ประจำปี ใครที่อยู่องค์กรขนาดใหญ่ มีตัวเลขผลประกอบการสวยหรูตลอดช่วงปีที่ผ่านมา อัตราโบนัสก็มักจ่ายสูงเป็นกอบเป็นกำตามไปด้วย กลายเป็นที่อิจฉาตาร้อนของเพื่อนฝูง บริษัทที่ปรึกษาเฮย์กรุ๊ป ได้สำรวจการจ่ายโบนัสขององค์กรชั้นนำในประเทศไทย จะมีการจ่ายโบนัสประจำปี 2555 ในอัตราเฉลี่ย 2.8 เดือน โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะจ่ายโบนัสสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะจ่ายโบนัส 3.75, 3.53, 3.04 เดือน ตามลำดับ เมื่อสำรวจแยกเป็นรายกลุ่มและรายบริษัทที่มีการจ่ายโบนัสต้องนับว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นแชมป์เถ้าแก่ใจกว้าง เพราะการจองซื้อที่อั้นมาจากช่วงปลายปีก่อนจากมหาอุทกภัย บวกกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จึงไม่แปลกที่ค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้า จะอัดโบนัสให้พนักงานถึง 8.5 เดือน มิตซูบิชิ 7 เดือน บวกเงินเพิ่ม 3 หมื่นบาท ยามาฮ่า 5 เดือน ฮอนด้า 6 เดือนบวกเงินเพิ่ม นิสสัน ฟอร์ด มาสด้า จ่าย 4 เดือน ผู้ผลิตชิ้นส่วน 4 เดือนบวกเงินพิเศษ อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก เครือสหพัฒนพิบูลจ่าย 5 เดือน โออิชิ กรุ๊ป 2 เดือน เซ็นทรัลพัฒนา 3.5 เดือน ซีพีเอฟ 2 เดือน (จ่ายเท่ากันทุกปี) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง บริษัท ซิโนไทย จ่ายก้อนใหญ่ 10-12 เดือน อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ เฉลี่ย 1 เดือน บริษัทพรีบิลท์ 4-6 เดือน บริษัท ช.การช่าง 3 เดือน บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น 1 เดือน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จะจ่ายโบนัสพนักงาน 6-12 เดือน ศุภาลัยปกติแบ่งจ่ายโบนัส 2 ครั้ง คือสิ้นปีและเดือนมีนาคมทุกปี ซึ่งในสิ้นปีนี้จะจ่ายราว 1-2 เดือน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จ่ายโบนัสเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เฉลี่ย 2-4 เดือน เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เฉลี่ย 4 เดือน อุตสาหกรรมการสื่อสารและโทรคมนาคม พีเอสไอ โฮลดิ้ง จ่ายให้ 3-5 เดือน เอไอเอส 4 เดือน กสท 4 เดือน ดีแทค 1 เดือน ทีโอที 1 เดือน กลุ่มสื่อหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ 4 เดือน เดลินิวส์ จ่าย 3-4 เดือน เครือมติชน 2 เดือน กรุงเทพธุรกิจ 1-2 เดือน ฐานเศรษฐกิจ 1 เดือน โพสต์ทูเดย์ 0.5 เดือน กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ค่าเฉลี่ยการจ่ายโบนัสอยู่ที่ 2-3 เดือน ปรับเงินเดือน 5-10% อาทิ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) 2-3 เดือน ฟิลลิป 2 เดือน เมย์แบงก์กิมเอ็ง ขึ้นเงินเดือน 5-10% บลจ.กรุงศรีขึ้นเงินเดือนไม่น้อยกว่า 5% กลุ่มคมนาคมขนส่ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จ่าย 7.5 เดือน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5 เดือน วิทยุการบินแห่งประเทศไทย 4 เดือน บ.ข.ส. 1 เดือน เมื่อลงไปสำรวจพนักงานที่จะได้รับของขวัญปีใหม่ก้อนโต ทอท.ที่จ่ายถึง 7.5 เดือน ถือเป็นหน่วยงานที่ให้โบนัสมากที่สุดในบรรดาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทราบว่าหลายคนวางแผนใช้โบนัสแตกต่างกัน บางคนจะขอเก็บเงินไว้อุ่นใจก่อน บางคนเตรียมไปซื้อของที่หมายตาไว้นานแล้ว แต่ที่ผ่านมากระเป๋าสตางค์ยังไม่พร้อม เช่น กระเป๋าถือเก๋ๆ เป็นต้น แต่บางส่วนจะนำเงินส่วนหนึ่งไปให้แม่ เพราะที่ผ่านมาจะไม่ค่อยได้ให้ บางคนนำไปสะสางหนี้สินที่ติดค้างอยู่ สำหรับพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แว่วมาว่าจะได้โบนัสถึง 5 เดือน บางคนเตรียมแผนการใช้เงินไว้แล้ว โบนัสครั้งนี้จะนำไปสมทบทุนเพื่อสู่ขอแฟนแต่งงาน บ้างก็ขอเก็บไว้ก่อน เผื่อปีหน้าเจอปัญหาน้ำท่วมอีกจะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน ส่วนพนักงานบริษัท ขนส่ง จำกัด ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แต่ปกติจะได้เพียง 1 เดือน พนักงานส่วนใหญ่บอกว่า เอาไปใช้หนี้สินก็หมดแล้ว "วิโรจน์ เจริญตรา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อัตราการจ่ายโบนัสปีนี้อาจจะอยู่ที่ 4-6 เดือน ส่วนตัวแล้วเงินโบนัสหรือเงินเดือนก็เหมือนกันเพราะจะมีการนำเงินส่วนหนึ่งไปออมและซื้อกองทุนทั้งหมด ส่วนพนักงานเชื่อว่าแต่ละคนมีเป้าหมายของตัวเอง เพราะเมื่อทราบว่าบริษัทมีโบนัสให้ก็จะมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินไว้ล่วงหน้า เช่น จ่ายหนี้บ้าน หนี้รถ เก็บออม ลงทุนในหุ้นรวมถึงให้บิดามารดาด้วย พนักงานบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าโบนัสที่จะได้รับในปีนี้จะไม่น้อยกว่าปี 2554 ที่มีการจ่ายประมาณ 3-9 เดือน โดยปกติศุภาลัยจะจ่ายโบนัสประมาณเดือนมีนาคมทุกๆ ปี โดยเงินที่ได้นั้นจะให้บิดามารดาประมาณ 1 ใน 3 และที่เหลือจะเก็บออม ขณะที่พนักงานฝ่ายซัพพอร์ต บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ขึ้นชื่อว่า นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ของเมืองไทยนั้น มีการระบุว่าพฤกษาจะจ่ายโบนัสปีละ 2 ครั้ง คืองวดครึ่งปีและปลายปี โดยงวดครึ่งปีแรกจ่ายแล้วประมาณ 2.5 เดือน ส่วนครึ่งปีหลัง นายทองมาจะประกาศอีกครั้งในงานเลี้ยงปีใหม่พนักงานซึ่งแต่ละฝ่ายจะได้ไม่เท่ากัน ขึ้นกับศักยภาพการทำงานของแต่ละฝ่ายเช่น ฝ่ายขายจะได้มากกว่าส่วนอื่น เพราะเป็นส่วนทำรายได้เข้าบริษัท "ธนรรถ เนียวกุล" ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท มีเดีย รีเลชัน สเปเชียลลิสต์ จำกัด ทำธุรกิจด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทให้โบนัส 1.5 เดือน นอกจากนี้บริษัทยังมีงบพาพนักงานไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อพักผ่อนประจำปี "ผมปกติเมื่อได้โบนัสจะวางแผนใช้ออกเป็น 3 ส่วนครับ คือ เก็บไว้ใช้อนาคตเพื่อซื้อรถกับบ้าน ซื้อหรือเที่ยวเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง และนำไปบริจาคประมาณ 10% ให้กับมูลนิธิเพื่อนักเรียนที่ขาดแคลน" บริษัทในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค หรือของกินของใช้ ในบริษัทผู้ผลิตชั้นนำ อย่างบริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง การจ่ายโบนัสพนักงานถือเป็นความลับและแต่ละหน่วยงาน แต่ละแผนก เช่น มาร์เก็ตติ้ง ซัพพอร์ต ฟังก์ชั่นจะได้รับโบนัสไม่เท่ากัน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา "มาม่า" ผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยเฉลี่ยจะจ่ายบัสอยู่ที่่ 4-5 เท่าของเงินเดือน "พิพัฒ พะเนียงเวทย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การจ่ายโบนัสให้พนักงานของบริษัทจะแบ่งจ่ายออกเป็น 2 ช่วงคือปลายปีและช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อให้เป็นเงินไว้ใช้จ่ายเฉลิมฉลองในสองเทศกาลสำคัญและส่วนใหญ่พนักงานจะนำเงินโบนัสที่ได้สำหรับการเก็บออมและใช้จ่ายส่วนตัว และการจ่ายโบนัสของบริษัทเฉลี่ยทุกปีจะอยู่ในระดับนี้มาตลอด เป็นเทศกาลของการรับรางวัล และจับจ่ายเงินรางวัล หลังจากทำงานหนักมาทั้งปี จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:00:41

ความคิดเห็นที่ 36 ไปเที่ยวเกาะครับ เกาะเค้าเที่ยวอีกปี ถ้ามีโอกาสก็จะฝากรูปมาให้ดูกัน ประสามนุษย์เงินเดือน ในอารมณ์นับถอยหลังเข้าสู่โหมดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอกเหนือจะคิดถึงบรรยากาศสนุกสนานแห่งการเฉลิมฉลอง ความคาดหวังอีกเรื่องคงหนีไม่พ้น "โบนัส" ประจำปี ใครที่อยู่องค์กรขนาดใหญ่ มีตัวเลขผลประกอบการสวยหรูตลอดช่วงปีที่ผ่านมา อัตราโบนัสก็มักจ่ายสูงเป็นกอบเป็นกำตามไปด้วย กลายเป็นที่อิจฉาตาร้อนของเพื่อนฝูง บริษัทที่ปรึกษาเฮย์กรุ๊ป ได้สำรวจการจ่ายโบนัสขององค์กรชั้นนำในประเทศไทย จะมีการจ่ายโบนัสประจำปี 2555 ในอัตราเฉลี่ย 2.8 เดือน โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะจ่ายโบนัสสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะจ่ายโบนัส 3.75, 3.53, 3.04 เดือน ตามลำดับ เมื่อสำรวจแยกเป็นรายกลุ่มและรายบริษัทที่มีการจ่ายโบนัสต้องนับว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นแชมป์เถ้าแก่ใจกว้าง เพราะการจองซื้อที่อั้นมาจากช่วงปลายปีก่อนจากมหาอุทกภัย บวกกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จึงไม่แปลกที่ค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้า จะอัดโบนัสให้พนักงานถึง 8.5 เดือน มิตซูบิชิ 7 เดือน บวกเงินเพิ่ม 3 หมื่นบาท ยามาฮ่า 5 เดือน ฮอนด้า 6 เดือนบวกเงินเพิ่ม นิสสัน ฟอร์ด มาสด้า จ่าย 4 เดือน ผู้ผลิตชิ้นส่วน 4 เดือนบวกเงินพิเศษ อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก เครือสหพัฒนพิบูลจ่าย 5 เดือน โออิชิ กรุ๊ป 2 เดือน เซ็นทรัลพัฒนา 3.5 เดือน ซีพีเอฟ 2 เดือน (จ่ายเท่ากันทุกปี) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง บริษัท ซิโนไทย จ่ายก้อนใหญ่ 10-12 เดือน อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ เฉลี่ย 1 เดือน บริษัทพรีบิลท์ 4-6 เดือน บริษัท ช.การช่าง 3 เดือน บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น 1 เดือน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จะจ่ายโบนัสพนักงาน 6-12 เดือน ศุภาลัยปกติแบ่งจ่ายโบนัส 2 ครั้ง คือสิ้นปีและเดือนมีนาคมทุกปี ซึ่งในสิ้นปีนี้จะจ่ายราว 1-2 เดือน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จ่ายโบนัสเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เฉลี่ย 2-4 เดือน เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เฉลี่ย 4 เดือน อุตสาหกรรมการสื่อสารและโทรคมนาคม พีเอสไอ โฮลดิ้ง จ่ายให้ 3-5 เดือน เอไอเอส 4 เดือน กสท 4 เดือน ดีแทค 1 เดือน ทีโอที 1 เดือน กลุ่มสื่อหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ 4 เดือน เดลินิวส์ จ่าย 3-4 เดือน เครือมติชน 2 เดือน กรุงเทพธุรกิจ 1-2 เดือน ฐานเศรษฐกิจ 1 เดือน โพสต์ทูเดย์ 0.5 เดือน กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ค่าเฉลี่ยการจ่ายโบนัสอยู่ที่ 2-3 เดือน ปรับเงินเดือน 5-10% อาทิ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) 2-3 เดือน ฟิลลิป 2 เดือน เมย์แบงก์กิมเอ็ง ขึ้นเงินเดือน 5-10% บลจ.กรุงศรีขึ้นเงินเดือนไม่น้อยกว่า 5% กลุ่มคมนาคมขนส่ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จ่าย 7.5 เดือน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5 เดือน วิทยุการบินแห่งประเทศไทย 4 เดือน บ.ข.ส. 1 เดือน เมื่อลงไปสำรวจพนักงานที่จะได้รับของขวัญปีใหม่ก้อนโต ทอท.ที่จ่ายถึง 7.5 เดือน ถือเป็นหน่วยงานที่ให้โบนัสมากที่สุดในบรรดาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทราบว่าหลายคนวางแผนใช้โบนัสแตกต่างกัน บางคนจะขอเก็บเงินไว้อุ่นใจก่อน บางคนเตรียมไปซื้อของที่หมายตาไว้นานแล้ว แต่ที่ผ่านมากระเป๋าสตางค์ยังไม่พร้อม เช่น กระเป๋าถือเก๋ๆ เป็นต้น แต่บางส่วนจะนำเงินส่วนหนึ่งไปให้แม่ เพราะที่ผ่านมาจะไม่ค่อยได้ให้ บางคนนำไปสะสางหนี้สินที่ติดค้างอยู่ สำหรับพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แว่วมาว่าจะได้โบนัสถึง 5 เดือน บางคนเตรียมแผนการใช้เงินไว้แล้ว โบนัสครั้งนี้จะนำไปสมทบทุนเพื่อสู่ขอแฟนแต่งงาน บ้างก็ขอเก็บไว้ก่อน เผื่อปีหน้าเจอปัญหาน้ำท่วมอีกจะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน ส่วนพนักงานบริษัท ขนส่ง จำกัด ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แต่ปกติจะได้เพียง 1 เดือน พนักงานส่วนใหญ่บอกว่า เอาไปใช้หนี้สินก็หมดแล้ว "วิโรจน์ เจริญตรา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อัตราการจ่ายโบนัสปีนี้อาจจะอยู่ที่ 4-6 เดือน ส่วนตัวแล้วเงินโบนัสหรือเงินเดือนก็เหมือนกันเพราะจะมีการนำเงินส่วนหนึ่งไปออมและซื้อกองทุนทั้งหมด ส่วนพนักงานเชื่อว่าแต่ละคนมีเป้าหมายของตัวเอง เพราะเมื่อทราบว่าบริษัทมีโบนัสให้ก็จะมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินไว้ล่วงหน้า เช่น จ่ายหนี้บ้าน หนี้รถ เก็บออม ลงทุนในหุ้นรวมถึงให้บิดามารดาด้วย พนักงานบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าโบนัสที่จะได้รับในปีนี้จะไม่น้อยกว่าปี 2554 ที่มีการจ่ายประมาณ 3-9 เดือน โดยปกติศุภาลัยจะจ่ายโบนัสประมาณเดือนมีนาคมทุกๆ ปี โดยเงินที่ได้นั้นจะให้บิดามารดาประมาณ 1 ใน 3 และที่เหลือจะเก็บออม ขณะที่พนักงานฝ่ายซัพพอร์ต บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ขึ้นชื่อว่า นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ของเมืองไทยนั้น มีการระบุว่าพฤกษาจะจ่ายโบนัสปีละ 2 ครั้ง คืองวดครึ่งปีและปลายปี โดยงวดครึ่งปีแรกจ่ายแล้วประมาณ 2.5 เดือน ส่วนครึ่งปีหลัง นายทองมาจะประกาศอีกครั้งในงานเลี้ยงปีใหม่พนักงานซึ่งแต่ละฝ่ายจะได้ไม่เท่ากัน ขึ้นกับศักยภาพการทำงานของแต่ละฝ่ายเช่น ฝ่ายขายจะได้มากกว่าส่วนอื่น เพราะเป็นส่วนทำรายได้เข้าบริษัท "ธนรรถ เนียวกุล" ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท มีเดีย รีเลชัน สเปเชียลลิสต์ จำกัด ทำธุรกิจด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทให้โบนัส 1.5 เดือน นอกจากนี้บริษัทยังมีงบพาพนักงานไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อพักผ่อนประจำปี "ผมปกติเมื่อได้โบนัสจะวางแผนใช้ออกเป็น 3 ส่วนครับ คือ เก็บไว้ใช้อนาคตเพื่อซื้อรถกับบ้าน ซื้อหรือเที่ยวเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง และนำไปบริจาคประมาณ 10% ให้กับมูลนิธิเพื่อนักเรียนที่ขาดแคลน" บริษัทในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค หรือของกินของใช้ ในบริษัทผู้ผลิตชั้นนำ อย่างบริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง การจ่ายโบนัสพนักงานถือเป็นความลับและแต่ละหน่วยงาน แต่ละแผนก เช่น มาร์เก็ตติ้ง ซัพพอร์ต ฟังก์ชั่นจะได้รับโบนัสไม่เท่ากัน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา "มาม่า" ผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยเฉลี่ยจะจ่ายบัสอยู่ที่่ 4-5 เท่าของเงินเดือน "พิพัฒ พะเนียงเวทย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การจ่ายโบนัสให้พนักงานของบริษัทจะแบ่งจ่ายออกเป็น 2 ช่วงคือปลายปีและช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อให้เป็นเงินไว้ใช้จ่ายเฉลิมฉลองในสองเทศกาลสำคัญและส่วนใหญ่พนักงานจะนำเงินโบนัสที่ได้สำหรับการเก็บออมและใช้จ่ายส่วนตัว และการจ่ายโบนัสของบริษัทเฉลี่ยทุกปีจะอยู่ในระดับนี้มาตลอด เป็นเทศกาลของการรับรางวัล และจับจ่ายเงินรางวัล หลังจากทำงานหนักมาทั้งปี จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:02:52

ความคิดเห็นที่ 37 เอเซียพลัสประเมินกำไรกลุ่มหลักทรัพย์หดตัว 5.7% เหตุพอร์ตโบรกเกอร์เสี่ยงทำกำไรน้อย คาดแนวโน้ม บล.ควบรวมกิจการน้อยลง หลังปีนี้แห่หาพันธมิตร จากบทวิเคราะห์ของ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นอย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 และการเปิดเสรีทางการเงินของประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ทำให้ในปี 2555 บล.หลายแห่งเร่งปรับตัว โดยการเพิ่มรายได้จากแหล่งอื่นที่มิใช่ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันผ่านการควบรวมซื้อกิจการ หรือ เอ็มแอนด์เอ (M&A) เพื่อขยายฐานเงินลงทุนและส่วนแบ่งตลาด โดยที่ผ่านมามีดีลใหญ่ๆ อาทิ เกียรตินาคิน ประกาศควบรวมกิจการกับ บล.ภัทร , บล.ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (CIMBI) ซึ่งถูกประกาศทำคำเสนอซื้อจาก CSI ประเทศมาเลเซียและส่งท้ายปีด้วย บล.โอเอสเค (OSK) ถูกประกาศทำคำเสนอซื้อและดำเนินการเพิกถอนออกจากตลาดฯ จาก อาร์เอชบี แคปิตอล เบอร์ ฮัด (RHB Capital) ประเทศมาเลเซีย ฝ่ายวิจัยของเอเซีย พลัส คาดว่าในปี 2556 จะเห็นการควบรวมระหว่างบริษัทหลักทรัพย์น้อยลง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่สามารถจับคู่กับพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่แตกต่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนบริษัทที่ยังไม่สามารถหาพันธมิตรได้ ต้องพยายามหาทางสร้างรายได้จากแหล่งอื่นที่มิใช่ค่านายหน้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นต่อไป ส่วนแนวโน้มกำไรธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ น่าจะอ่อนตัวลงจากปีนี้ประมาณ 5.7% โดยความเสี่ยงจากพอร์ตลงทุนจะเป็นตัวกดดันกำไร โดยในปี 2556 น่ามีโอกาสหดตัวลงจากปี 2555 อย่างมีนัย เนื่องจากโอกาสที่ดัชนี จะปรับตัวขึ้นมากเหมือนปี 2555 คงเป็นไปได้อย่างลำบาก อีกทั้งยังมีประเด็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหน้าผาการคลัง (Fiscal Cliff) โอกาสทำกำไรจากพอร์ตจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารของแต่ละบริษัทเป็นหลัก โดยฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุน “น้อยกว่าตลาด” เพื่อสะท้อนประสิทธิภาพในการทำกำไรของธุรกิจที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยคาดว่าบริษัทที่จะสามารถรักษาระดับผลประกอบการให้ประคองตัวอยู่ได้ คือบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มีพอร์ตการลงทุนของบริษัทที่ไม่ผันผวน สามารถหางานด้านวาณิชธนกิจได้อย่างต่อเนื่อง และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง แต่หากพิจารณาหุ้นรายตัว ส่วนใหญ่ราคาตลาดใกล้เคียงกับปี 2556 แล้ว จึงแนะนำเพียง “ถือ” เกือบทุกบริษัท ในบทวิเคราะห์ของ บล.เอเซีย พลัส ระบุด้วยว่าจากการไหลข้าวของกระแสเงินทุนต่างชาติ หลังประกาศมาตรการคิวอี3 และ คิวอี4 ของสหรัฐ ทำให้ปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) ในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ไม่รวมบัญชีซื้อขายของบริษัทหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น 20.6% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32,900 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ คอมมิชชั่นของบริษัทหลักทรัพย์ในไตรมาส 4 ปีนี้ให้ดีขึ้นตาม ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่ถือเป็นรายได้สำคัญ เช่น รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ คาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัวจากงวดไตรมาส 3 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นงวดก่อนจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 4.35 หมื่นสัญญาต่อวัน ซึ่งคาดว่าช่วงที่เหลือก่อนสิ้นไตรมาสจะเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับงวดก่อนที่ระดับ 4.5 หมื่นสัญญาได้ นอกจากนี้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังเติบโตต่อเนื่องหนุนธุรกิจวาณิชธนกิจ (ไอบี) คาดว่าจะมีหุ้นเข้าตลาด หรือ ไอพีโอ ที่เข้าเทรดทันก่อนสิ้นปีอีก 8-9 บริษัท ทำให้คาดรายได้จากธุรกิจไอบีในงวดนี้จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดัชนีล่าสุดตลาดปรับตัวขึ้นเพียง 4.6% จากไตรมาส 3 ส่งผลให้คาดกำไรจากพอร์ตลงทุนของโบรกเกอร์อาจจะไม่สดใสเท่าไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ไตรมาส 4 จะมีการบันทึกโบนัสพนักงานและค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้บริหารสูงกว่าปกติ จะกดดันกำไรสุทธิของ บล.ในงวดนี้ให้อ่อนตัวลง เป็นผลทำให้กำไรทั้งปี 2555 มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:08:45

ความคิดเห็นที่ 38 อิอิ ช่ายแล้วคร่าาคุณหมูแดง จากคุณ : สวัสดีค่าคุณมาร์ Nat (joyly_polly) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:09:36

ความคิดเห็นที่ 39 เว็บไซต์วิดีโอโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยม Youtube ได้ประกาศ 10 คลิปวิดีโอที่มียอดคลิกชมสูงที่สุดของปี 2012 กันออกมาแล้ว เป็นไปตามความคาดหมายที่คลิปวิดีโอของศิลปินเกาหลี "ไซ" จากเพลงฮิต "กังนัมสไตล์" มียอดคลิกชมเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคลิปที่ติดอันดับท็อปเทน มีตั้งแต่ คลิปวิดีโอคัฟเวอร์เพลง Somebody That I Used to Know ที่มียอดคลิกสูงถึงกว่า 140 ล้านการชม รวมทั้งคลิป Kony 2012 มีผู้เข้าชมเฉลี่ยถึงวันละ 30 ล้านครั้งในห้วงเดือนมีนาคมเลยทีเดียว คลิป Call me baby ที่ตัดต่อนักร้องวัยรุ่นมาอยู่ในเพล รวมทั้งเพลงดังเพลงนี้นักเขียนเกี่ยวกับแง่มุมเศรษฐศาสตร์เคยใช้เนื้อเพลงนี้มาอธิบายความซับซ้อนของวิกฤตยูโรโซนมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีคลิปแรพการเมืองระหว่างคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในแบบเวอร์ชั่น ทำล้อเลียนขำขันกับสงครามแร็พการเมืองระหว่าง มิตท์ รอมเนีย์ กับ บารัก โอบามา (ตัวปลอม) สำหรับ 10 คลิปที่ยอดชมสูงสุดของปี 2012 บนเว็บ Youtube มีดังนี้ 1) PSY – Gangnam Style 2) Walk off the Earth 3) KONY 2012 4) Call Me Maybe   5) Epic Rap Battles – Obama vs. Romney: 6) Dramatic Surprise: 7) Why You Asking All Them Questions 8) Lindsey Stirling: 9) Facebook Parenting 10) Stratos Highlights http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=9bZkp7q19f0 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:13:11

ความคิดเห็นที่ 40 จับตาปีหน้าธนาคารกลางทั่วโลกลั่นกลองรบ! สงคราม "ค่าเงิน" อัดเงินเข้าระบบ-กดดอกเบี้ยต่ำ กระตุ้นนักลงทุนซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หากจะเกิดสงครามโลกขึ้นในปี 2556 แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นคงไม่ใช้สงครามที่ใช้อาวุธและกองกำลังแผ่ขยายพื้นที่ไปทั่วโลก แต่จะเป็นสงครามค่าเงินที่ส่งผลกระทบรุนแรง และดูเหมือนว่าฝ่ายที่จะเจ็บตัวมากที่สุดคือ ประเทศกำลังพัฒนา หากไม่ตั้งรับให้ดี สัญญาณที่ปรากฏมาให้เห็นชัดเจนคือ การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการเร่งพิมพ์ธนบัตรเป็นครั้งที่สามในรอบสี่เดือน ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ดิ้นใช้ทุกทางเพื่อฟื้นอัตราการเติบโต ส่วนผลกระทบจากการดำเนินการที่หวังผลทางการเงินดังกล่าวจะไปตกอยู่กับประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย เพราะเงินที่ถูกปั๊มออกมาจะไหลเข้าไปยังประเทศเหล่านี้เพื่อมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น และทำให้ค่าเงินของประเทศกำลังพัฒนาสูงขึ้น ส่งลูกโซ่ไปยังขีดการแข่งขันในการส่งออก จนต้องแก้เกมด้วยการลดดอกเบี้ย รวมถึงอาจต้องแทรกแซงเพื่อดึงอัตราแลกเปลี่ยนลง ซึ่งก็อันตรายอีกเพราะจะทำให้ต้นทุนสินเชื่อและราคาสินทรัพย์สูงขึ้นจนทำให้เกิดเงินเฟ้อ ตรงจุดนี้แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการประชุมกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หรือจี 7 มองว่าการแข่งขันลดค่าเงินเกิดขึ้นแล้ว เสียงกลองรบสงครามค่าเงินรัวขึ้นแล้วเพราะทุกประเทศต้องการหาทางออกจากสภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ และหากทุกประเทศแข่งกันลดค่าเงิน จุดจบคงไม่สวยนักสำหรับเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางของหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพยุโรป ต่างออกมาลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือเกือบถึงศูนย์เปอร์เซนต์ และอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการธนาคารเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น และกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาซื้อหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของชิลี นายเฟลิเป ลาร์เรน กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศผ่อนนโยบายทางการเงินลงในระดับที่เข้มข้นขึ้นทำให้ประเทศตลาดเกิดใหม่หายใจไม่คล่องปอดนัก เพราะอาจมีผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว แนวโน้มแข่งกันลดค่าเงินไม่ได้พูดกันลอยๆ แหล่งรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการประชุมประชุมจี 20 เมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งรัสเซียเป็นประธานบอกว่าที่ประชุมได้ส่งซิกบางอย่างที่บอกถึงการนำนโยบายลดค่าเงินเพื่อกระตุ้นส่งออกมาใช้ อย่างไรก็ตาม ความวิตกว่าจะเกิดสงครามค่าเงินอาจเป็นเพียงอาการหลอนเท่านั้น เพราะความจริงแล้ว มีเพียง 5 ประเทศเท่านั้น นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551ที่ออกมาประกาศว่าได้ปรับลดอัตราแลกเปลี่ยนลงเพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ได้แก่ เวียดนาม เวเนซูเอล่า เอธิโอเปีย ไนจีเรีย และคาซัคสถาน นั่นหมายความว่า สงครามแข่งลดค่าเงินเพื่อกระตุ้นการแข่งขันยังเกิดขึ้นในขอบเขตที่แคบๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ หันกลับมามองความเคลื่อนไหวของค่าเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ปีนี้ก็ยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะเป็นจุดปะทุของสงครามค่าเงิน เงินวอนของเกาหลีใต้แข็งขึ้น 7%เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่รูเปียห์ของอินโดนีเซียกลับลดลง 6% และรูปีของอินเดียเพิ่มขึ้น 3% เท่านั้น ฟากละตินอเมริกา ค่าเงินของเม็กซิโกและชิลี เพิ่มขึ้น 10% แต่เงินเรียลของบราซิลลดลง 10% อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางหลายแห่งแข่งกันลดค่าเงินลงจริงดังที่ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ ในปีพ.ศ. 2556 เพื่อหวังเร่งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ นักวิเคราะห์เชื่อว่า ประเทศกำลังพัฒนาสามารถงัดมาตรการควบคุมการไหลเวียนของเงินทุนมาใช้ได้ทันที เนื่องจากกองทุนทางการเงินระหว่างประเทศได้ออกเอกสารอนุญาตใช้มาตรการควบคุมได้ตามสถานการณ์ นอกจากนี้ กระแสแข่งขันลดค่าเงินกระตุ้นส่งออกอาจไม่เป็นจริงก็ได้ เพราะเมื่อดูจากกรณีอังกฤษที่เดินมาตรการลดค่าเงินแต่กลับไม่ส่งผลกระตุ้นยอดส่งออกให้ดีขึ้น ตรงกันข้ามยอดขาดดุลการค้ากลับขยายตัวกว่าเดิม อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเพียงหนึ่งปัจจัยเล็กๆ ที่ช่วยหนุนการส่งออกได้บ้าง แต่ยังมีอีกสารพัดวิธี เช่น สเปน ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส สามารถเพิ่มอัตราการส่งออกโดยใช่วิธีการตัดต้นทุน และพยายามเปิดตลาดใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยนโยบายการลดค่าเงินแต่อย่างใด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:18:21

ความคิดเห็นที่ 41 สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ ธกส.ยิ่งใหญ่ BANK OF THE YEAR 2012 ธนาคารแห่งปี 2555 นิตยสาร "ดอกเบี้ย" ตัดสินให้ ธ.ก.ส.ได้รับรางวัลเกียรติยศ ธนาคารแห่งปี 2555 หรือ BANK OF THE YEAR หลังพบว่ามีนวัตกรรมการเงินออกมาหลากหลาย ผลการดำเนินงานธุรกิจปกติเติบโตอย่างไม่น้อยหน้าใคร โครงการสนองรัฐไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ แถมยังมีรายได้เพิ่ม ทั้งยังวางยุทธศาสตร์ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ลึกถึงแก่น สรุปข่าวตลาดเงิน หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ 10 เหตุการณ์เด่น การเงิน-การคลัง ปีมังกรแค่ผงกไม่ผงาด ปี 2555 เป็นปีที่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากให้เป็นปีมังกรทองผงาดฟ้า ธุรกิจ-เศรษฐกิจเติบโตฟู่ฟ่า แต่เอาเข้าจริงเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในระดับธรรมดาๆ พอใช้ได้ หลายสำนักคาดว่าจะโตได้ที่ประมาณ 5% เป็นการเติบโตท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกยังคงผกผันด้วยวิกฤตของโลกตะวันตกอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หากยังดีกว่าปีมหาอุทกภัย 2554 ที่น้ำซัดจีดีพีหาย เหลือโตทั้งปีแค่ 0.1% คลังอนุมัติแผนฟื้นฟู SME Bank ซอยกลุ่มแก้หนี้เน่า 3.2 หมื่นล. กระทรวงการคลังอนุมัติแผนฟื้นฟูเอสเอ็มอีแบงก์ ให้แบ่งหนี้เน่า 3.2 หมื่นล้านบาท ลูกหนี้ 1.6-1.7 หมื่นรายเป็น 4 กลุ่มไปบริหารจัดการแก้ให้หนี้เสียลดลง ส่งผลในระยะ 3 ปีแบงก์ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในขนานใหญ่ ขณะที่สินเชื่อใหม่ให้มีคณะกรรมการสินเชื่อดูแลแทนของเดิมที่ใช้แค่ 2 คนก็อนุมัติได้ เปิดตัว 'วรวิทย์' ผอ.ออมสินเน้นธนาคารเพื่อการพัฒนา "วรวิทย์" กำหนดทิศทางแบงก์ออมสิน หลังเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการคนที่ 15 ปักธงธนาคารเพื่อการพัฒนา ยังคงมุ่งตามวัตถุประสงค์ก่อตั้ง แต่เน้นเพิ่มคุณภาพ หลัง 5 ปี สินทรัพย์โต 1 ล้านล้านบาท ส่วนคุณภาพตามไม่ทัน ทั้งรองรับเออีซีไปด้วย ยันให้ธนาคารประชาชนร่วมแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ภาครัฐยังคงกังวล เผยปีหน้าครบรอบ 100 ปี แคมเปญเพียบ พร้อมเปิดสาขาให้ได้ 1 พันแห่งขณะที่ผลงาน 11 เดือนกำไรแล้ว 2.02 หมื่นล้านบาท เกินเป้า 2 พันล้านบาท สินทรัพย์โตเป็น 1.98 ล้านล้านบาท เชื่อปีหน้าแตะ 2 ล้านล้านบาทแน่ สรุปข่าวประกันภัย-ชีวิต หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ เคลมน้ำท่วมยืดเยื้อครบ 1ปีไม่สรุป Bl ผ่านไปครบ 1 ปีสำหรับเหตุการณ์ประเมินตัวเลขสินไหมน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประเมินความเสียหายทางการประกันภัยไว้ที่ 4.8 แสนล้านบาท ครอบคลุมการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักบางส่วน (Business Interruption Insurance-BI) สรุปข่าวตลาดหุ้น หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ SET Index วิ่งหน้าตั้งทำลายสถิติทั้งปี 33% 2555 ปีที่ดีที่สุดหลังต้มยำกุ้ง 2555 จัดว่าเป็นปีดีปีเฮงอีกปีหนึ่งสำหรับแวดวงตลาดหุ้นไทย ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผันไปมาระหว่างปี ท่ามกลางข่าวคราวต่าง ๆ ที่กดดันมากมาย แต่ก็สามารถปิดบวกทำสถิติสูงสุด หรือนิวไฮ แบบที่ไม่เคยเห็นตัวเลขในระดับสูงแบบนี้มานานนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:23:06

ความคิดเห็นที่ 42 กลุ่มแบงก์สินเชื่อเดือน พ.ย. เติบโตโดดเด่นตามคาด  : บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ประเด็นการลงทุน : ยอดสินเชื่อเดือน พ.ย. 55 ยังคงขยายตัวได้ดีตามคาด ผลักดันจากการเติบโตในทุกภาคส่วน ทั้ง Corporate, SMEs และสินเชื่อรายย่อย ขณะที่เราคาด Momentum การเติบโตของสินเชื่อในเดือนสุดท้ายของปีจะยังคงขยายตัวโดดเด่นต่อเนื่อง และมีโอกาสที่ยอดสินเชื่อรวมทั้งปีจะขยายตัวสูงกว่าประมาณการที่เราคาดไว้ที่ 14.5% สำหรับผลการดำเนินงาน 4Q55 เราคาดกำไรจะชะลอตัวลง เป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว ขณะที่ภาพรวมกำไรทั้งปี 55 ยังน่าจะเติบโตสูง 30% และเราคาดโตต่อเนื่องอีก 23% ในปี เรายังมีมุมมองในเชิงบวกด้านปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และยังคงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” โดยเลือก KTB และ TCAP เป็นหุ้น Top pick สำหรับการลงทุนในปี 2556 High Season ของความต้องการสินเชื่อ : ยอดสินเชื่อเดือน พ.ย. (ไม่รวม KTB ที่ยังไม่ประกาศตัวเลข) ขยายตัว 1.28 แสนล้านบาท หรือ 2.0%mom โดดเด่นตามคาด โดยทุกธนาคารรายงานยอดสินเชื่อขยายตัวดี นำโดย LHBANK, BAY, TISCO, TCAP, TMB, KK ที่มียอดสินเชื่อเติบโตเกินกว่า 2%mom (รายละเอียดในตาราง 2) โดยยอดสินเชื่อขยายตัวในทุกภาคส่วน ทั้งความต้องการสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น (S/T Working Cap loans) ของภาคธุรกิจทั้ง Corporate และ SMEs ขณะที่ด้านสินเชื่อรายย่อยก็เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลของการจับจ่ายใช้สอยปลายปี รวมทั้งยังคงได้รับอานิสงค์จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อว่ายอดสินเชื่อจะยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี และทำให้ยอดสินเชื่อทั้งปีมีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ระดับ 14.5% ขณะที่ภาพรวมของสินเชื่อในปี 2556 เรายังคงเชื่อว่า Momentum การขยายตัวของสินเชื่อจะยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีแรก สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันการเติบโตจากอานิสงค์ต่อเนื่องของโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังเรามองว่าการเร่งดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการสินเชื่อทั้งในภาครัฐและเอกชนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยรวมเราคาดยอดสินเชื่อปี 2556 เติบโต 11% คาดกำไร 4Q55 อ่อนตัวลง แต่เป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว : เราคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิใน 4Q55 ของกลุ่มธนาคารจะอ่อนตัวลงจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามผลของฤดูกาล, NIM ที่หดตัวลงเล็กน้อยจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว และหากมองไปที่ภาพรวมของกำไรทั้งปี 55 ยังคงมีการเติบโตสูง 30% และเราคาดเติบโตต่อเนื่องอีก 23% ในปี 56 (ไม่รวมกำไรพิเศษของ TCAP) จากการเติบโตของสินเชื่อที่ยังคงแข็งแกร่ง จากแรงส่งด้านการบริโภคในประเทศและการลงทุนภาครัฐ คงน้ำหนัก “มากกว่า” ตลาด : ด้านปัจจัยพื้นฐาน เรายังคงมุมมอง “เป็นบวก” สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเชื่อว่าในปี 2556 จะยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จาก Momentum การขยายตัวของสินเชื่อและผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยระยะสั้นจากกระแสการไหลข้าวของเงินทุนต่างประเทศและเงินจาก LTF/RMF จะยังคงช่วยผลักดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจากสถิติแล้วเดือน ม.ค. จะเป็นเดือนที่ดีที่สุดสำหรับราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยหุ้น Top pick ในการลงทุนในปี 2556 KTB ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับ 1 จากประเด็นการเร่งตัวของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และ Valuation ที่ยัง discount เมื่อเทียบกับกลุ่ม ส่วนธนาคารขนาดเล็ก เราชอบ TCAP จากประเด็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน และ Valuation ที่ถูกที่สุดในกลุ่ม Key stock highlights Priced as of:  Current Target Upside   2013F   21 Dec 12 Mkt cap Price Price +/- P/BV P/UP PER Yield ROE Stock Recc (Bt bn) (Bt/sh) (Bt/sh) (%) (x) (x) (x) (%) (%) BAY Buy 194.4  32.00 38.0 18.8 1.57  5.6  10.5  3.9  15.7 BBL Buy 376.0  197.00 232.0 17.8 1.29  6.5  9.4  4.1  14.5 KBANK Hold 457.1  191.00 200.0 4.7 2.13  7.2  11.1  2.1  20.7 KK Buy 30.4  48.00 53.0 10.4 1.07  5.3  9.0  5.2  12.4 KTB Buy 219.2  19.60 25.0 27.6 1.32  5.3  8.0  4.8  17.6 SCB Buy 605.1  178.00 190.0 6.7 2.40  8.5  11.8  2.5  22.0 TCAP Buy 49.3  37.00 47.5 28.4 0.90  1.4  4.1  4.3  24.1 TISCO Buy 37.5  51.50 54.0 4.9 1.78  4.9  8.3  5.1  23.1 TMB Sell 81.8  1.88 1.64 -12.8 1.38  7.0  15.9  1.9  9.0 Source: Company reports and KELIVE Research estimates จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:34:55

ความคิดเห็นที่ 43 สรุปแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2) ชื่อบริษัท     ชื่อผู้บริหาร                          ความสัมพันธ์*      ประเภท        วันที่รับเอกสาร           วันที่ได้มา/         จำนวน          ราคา         วิธีการได้มา/ หมายเหตุ หลักทรัพย์                                    จำหน่าย                                                    จำหน่าย 2S            สมบัติ    ลีสวัสดิ์ตระกูล                 ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    19/12/2555    6,000,000               2.48                ซื้อ BBL         กุลธิดา     ศิวยาธร                        ผู้จัดทำ        หุ้นสามัญ        21/12/2555    18/12/2555            8,000        195.75                ขาย CHARAN    สุกิจ    จรัญวาศน์                         ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    20/12/2555            2,500           48.65               ซื้อ ERW         วิฑูรย์     ว่องกุศลกิจ                     ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    19/12/2555    1,448,200               4.40                ซื้อ ERW         วิฑูรย์     ว่องกุศลกิจ                     ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    20/12/2555    2,000,000               4.45                ซื้อ TRC         ไพจิตร     รัตนานนท์                     ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    18/12/2555    5,256,185               0.64                ซื้อ TRC         ไพจิตร     รัตนานนท์                     ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    18/12/2555        625,000            3.85                ซื้อ TRC         ภาสิต     ลี้สกุล                             ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    18/12/2555    5,256,185               0.64                ขาย TUF         ชาน     ติน คิง                              ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    20/12/2555    5,000,000              67.00               ขาย TRUBB     กิตติ     เจริญพรพานิชกุล                   ผู้จัดทำ        หุ้นสามัญ        21/12/2555    21/12/2555        100,000            3.14                ซื้อ KSL         ประภาส     ชุติมาวรพันธ์                คู่สมรส        หุ้นสามัญ        20/12/2555    18/12/2555        100,000           13.40               ซื้อ KSL         ประภาส     ชุติมาวรพันธ์                คู่สมรส        หุ้นสามัญ        20/12/2555    19/12/2555         50,000            13.40               ซื้อ KSL         ประภาส     ชุติมาวรพันธ์                คู่สมรส        หุ้นสามัญ        21/12/2555    20/12/2555         65,800            13.38               ซื้อ PTTEP     ยงยศ     ครองพาณิชย์                    ผู้จัดทำ        หุ้นสามัญ        13/12/2555    07/12/2555         12,000         142.00                ซื้อ        แก้ไขข้อมูล SCC         ปราโมทย์     เตชะสุพัฒน์กุล               ผู้จัดทำ        หุ้นสามัญ        21/12/2555    19/12/2555         10,000         422.00                ขาย MJD         ประทิน     พูลวรลักษณ์                    ผู้จัดทำ        วอร์แรนท์     21/12/2555     20/12/2555        400,000            0.98                ขาย LL            กมล    จิระปัทมะ                         ผู้จัดทำ         วอร์แรนท์     21/12/2555     20/12/2555    2,100,000               0.12                ขาย SIRI        เศรษฐา       ทวีสิน                         ผู้จัดทำ         วอร์แรนท์     21/12/2555     19/12/2555    2,000,000               2.69                ซื้อ LVT         ปัญญา     กฤติยาวงศ์                     ผู้จัดทำ         หุ้นสามัญ        21/12/2555    20/12/2555         75,000             1.43                ขาย จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:37:54

ความคิดเห็นที่ 44 วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน : บมจ.ไทยออยล์ " น้ำมันทรุด เหตุนักลงทุนหวั่นการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังสหรัฐฯ ไม่สำเร็จ " เบรนท์ส่งมอบ ก.พ. ปรับลดลง 1.23 ปิดที่ 108.97 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 1.47 ปิดที่ 88.66 เหรียญฯ - ราคาน้ำมันปรับลดลงจากความกังวลในการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ หลังนายจอห์น โบเนอร์ตัดสินใจถอนร่างกฎหมายภาษีหรือ Plan B ออกไป เนื่องจากร่างดังกล่าวไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอ โดยกล่าวว่าสภาฯ จะกลับมาประชุมเรื่องนี้อีกครั้งหลังช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ทั้งนี้ยังกล่าวอีกว่าประธานาธิบดีโอบามาอาจต้องพิจารณาข้อตกลงในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นายโอบามายังคงมีแผนที่จะร่วมหารือกับรีพับลิกันอีกครั้งเพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหา Fiscal Cliff - นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการซื้อขายในตลาดที่เบาบางในช่วงก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดวันคริสต์มาสและวันหยุดยาวสิ้นปี โดยปริมาณการซื้อขายปรับลดลงกว่า 50% เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 30 วัน - ความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ปรับลดลงมาอยู่ที่ 72.9 จาก 82.7 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าคาดที่ 74.7 จากความกังวลว่าหากปัญหาหน้าผาทางการคลังไม่ได้รับการแก้ไขอาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง - แม้ว่าส่วนต่อขยายท่อส่งน้ำมันดิบ Seaway ของบริษัททเอนบริดจ์จะมีแผนเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงต้นปี 56 นี้ แต่แผนการเปิดดำเนินการท่อ Keystone XL ของบริษัท ทรานส์แคนาดาคาดว่าจะเลื่อนออกไปเป็นปลายปี 58 จากประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม + ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบอิหร่านรายหลักในเอเชีย ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและอินเดียจะยังคงลดการนำเข้าน้ำมันดิบอิหร่านต่อไปในปี 56 โดยคาดว่าการนำเข้าจะปรับลดลงจากปีนี้ 10-20% หลังการคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกมีความเข้มงวดมากขึ้น ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินโดนีเซียยังคงมีการนำเข้าอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี อุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคอยู่ในระดับสูงเช่นกัน ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคมีปริมาณมาก ประกอบมีแรงเทขายน้ำมันอย่างมากจากโรงกลั่นหลายในเอเชีย ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 -112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 85 - 92 เหรียญฯ ราคาคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากความหวังของนักลงทุนที่มีต่อการจัดการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุดวันคริสต์มาส ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์: - วันอังคาร: ตลาดสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันหยุดวันคริสต์มาส วันพุธ: ดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ โดย S&Pและ Case-Shiller วันพฤหัส: ยอดขายบ้านใหม่ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ความรู้สึกของผู้บริโภคฝรั่งเศส วันศุกร์: ยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอการปิดขายสหรัฐฯ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตเมืองชิคาโก ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 3 และการใช้จ่ายของผู้บริโภคฝรั่งเศส วันอาทิตย์: ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตจีน โดย HSBC - ความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อสรุปได้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 56 จะมีความเสี่ยงที่จะถดถอยและอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ - ติดตามผลการเจรจาครั้งใหม่ระหว่าง IAEA และอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ในวันที่ 16 ม.ค. 56 อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติมภายในเดือน ก.พ. ปี 56 อาจส่งผลให้การเจรจาดังกล่าวล้มเหลว - จับตาการเปิดใช้ส่วนต่อขยายของท่อส่งน้ำมัน Seaway Pipeline ในช่วงต้นเดือน ม.ค. ที่จะทำให้กำลังการขนส่งรวมเพิ่มเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 150,000 บาร์เรลต่อวัน ในปัจจุบัน และจะทำให้การขนส่งน้ำมันออกจากจุดส่งมอบน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสบริเวณคุชชิ่ง โอกลาโฮมาไปยังโรงกลั่นในบริเวณรัฐเท็กซัสเพิ่มมากขึ้น - การประท้วงในอียิปต์คาดว่าจะลดความรุนแรงลง หลังผลอย่างไม่เป็นทางการของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ให้ร่างดังกล่าวผ่านการประชามติถึงกว่า 70% ซึ่งหากผลคะแนนดังกล่าวได้รับการยืนยันอียิปต์จะต้องจัดเลือกตั้ง ส.ส.ภายในเวลา 2 เดือน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:38:57

ความคิดเห็นที่ 45 ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนเช้านี้ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังในสหรัฐไร้ความคืบหน้าก่อนวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ขยับลงไม่ถึง 0.1% แตะที่ 461.42 จุด ณ เวลา 8.30 น.ตามเวลาฮ่องกง ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,494.71 จุด ลดลง 11.58 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,542.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,984.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,160.17 จุด ลดลง 3.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,662.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.97 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,625.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้ยกเลิกการลงมติรับร่างกฎหมายภาษี เนื่องจากไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากภายในพรรคของเขาเองได้มากพอ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ว่า เขาและผู้นำสภาคองเกรสจะพยายามอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง โดยเขายังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ม.ค.2556 และเชื่อว่าเป้าหมายนี้จะสามารถสำเร็จได้ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:39:45

ความคิดเห็นที่ 46 บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ  (EARTH) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ PT. Hary Niaga (HARY) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทาน ประเภท Izin Usaha Pertambanhan Eksplorasi (IUP Exploration) จากรัฐบาลให้ สามารถขุดถ่านหิน ในประเทศอินโดนีเซียได้ จากผู้ถือหุ้นของ PT Hary Niaga(HARY) โดยการชำระราคาค่าซื้อหุ้นสามัญด้วยการแลกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (Share swap) บริษัทจะขอเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 1,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้ IDR 1,000,000 (เทียบเท่ากับ THB 3,188.48) คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 100 ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละไม่เกิน 3,694,800 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญของ HARYทั้งสิ้นไม่เกิน 3,694,800,000บาทจากผู้ถือหุ้นของ HARYโดยมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 40 ล้านตัน(คิดเป็นพื้นที่สัมปทานประมาณ 4,940 Hector หรือ 30,875 ไร่) อย่างไรก็ตาม สำหรับปริมาณสำรองถ่านหินที่แน่นอนอย่างเป็นทางการบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทผู้ประเมินอิสระเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นสุดท้ายตามวิธีการ ที่ยอมรับทั่วไป JORC และคาดว่าจะได้รับรายงานภายใน 4 ถึง 6 เดือน และบริษัทจะชำระราคาค่าซื้อหุ้นดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นของ HARY โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัทจำนวนไม่เกิน 454,464,945 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง ต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 8.13 บาท เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของ HARY ที่เสนอขายหุ้นของ HARY ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินสด โดยบริษัทจะทำการเสนอขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของ HARY แต่ละราย ทั้งนี้คิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนหุ้นไม่เกิน 454,464.945 หุ้นเพิ่มทุนของ EARTH ต่อ 1 หุ้นของ HARY ทั้งนี้จะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 เพื่อขออนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน นอกจากนี้ ตามที่บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ PT Hary Niaga (HARY) ซึ่งจะต้องดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น (Dilution Effect) ดังนั้นในวาระนี้จึงมีมติอนุมัติให้การออกและจัดสรรใบสาคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 4 (EARTH-W4) ไม่เกิน 1,002,971,168 หน่วย (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท) และคิดเป็นร้อยละ 33.33 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ แล้วทั้งหมดของบริษัท ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2555 รวมกับหุ้นรองรับที่เกิดจากการใช้สิทธิของ EARTH-W3 เท่ากับจำนวน 3,008,913,504 หุ้น ทั้งนี้จำนวนหุ้นที่ออกเพื่อรองรับจะไม่เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นที่จาหน่ายแล้ว ของบริษัท ณ วันที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิม ต่อใบสาคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยโดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้ใบสาคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 8.13 บาท/หุ้น อายุไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้การออกและเสนอขายใบสาคัญแสดงสิทธิจะเป็นการออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนในวงจำกัดในวาระถัดไป ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 3,027,615,570บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,605,495,683 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนไม่เกิน 4,500,000,000บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เป็นจำนวนไม่เกิน 4,500,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ อนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,472,384,430 หุ้น ดังนี้ จัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 454,464,945 หุ้น เพื่อออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ผู้ถือหุ้น HARY เสนอขายในราคาหุ้นละ 8.13 บาท (ราคาที่คำนวณระหว่าง วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2555)  เพื่อให้บริษัทสามารถเข้าซื้อหุ้นสามัญของ HARY ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด บริษัทจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน และเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ HARY เพื่อเป็นการตอบแทนการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ HARY นอกจากนี้ จัดสรรหุ้นไม่เกินจำนวน 1,002,971,168 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสาคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 4 (EARTH-W4) ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ก่อนการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจากัด (Private Placement)  และจำนวน 14,948,317 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทจากการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิในอนาคต กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 ในวันที่ 30 สิงหาคม 2556 เวลา 14.00 น. และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 (Record Date) ในวันที่ 2 สิงหาคม 2556 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 5 สิงหาคม2556 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 และเสนอให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 4 (EARTH-W4) (RecordDate) ในวันที่ 26 กันยายน 2556 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 27 กันยายน 2556 นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลาง บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) แจ้งว่า บริษัทได้ลงทุนในบริษัท Over Success Enterprise Pte. Ltd. โดย MFG International Holding (Singapore) Pte. Ltd โดย MFG International Holding (Singapore) Pte. Ltd (MFGIH)  ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ถือหุ้นร้อยละ 100 โดยบริษัท Primacy Investment Limited (Primacy) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป (MFG) ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.72  โดย ซื้อจาก   Holy Success Group Ltd (HSG) สำหรับ Over Success Enterprise Pte. Ltd. ทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งชำระเต็มจำนวนแล้ว ดำเนินธุรกิจลงทุนในบริษัทย่อยในประเทศจีน (บริษัทย่อยดำเนินธุรกิจร้านอาหาร Riverside & Courtyard ในประเทศจีน)  โดยลงทุนซื้อหุ้นร้อยละ 49 มูลค่าการลงทุน 248,675,000 หยวน (หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท) และลงทุนในเงินกู้แปลงสภาพ ซึ่งให้สิทธิ MINT ในการเข้าถือหุ้นเพิ่มอีกร้อยละ 11 — 30 ในอีก 2 ปีข้างหน้าขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ทำให้โครงสร้างการถือหุ้น MFGIH ร้อยละ 49 และ HSG ร้อยละ 51 การลงทุน เพื่อขยายฐานธุรกิจร้านอาหารเพิ่มเติมในประเทศจีน โดยจะได้ประโยชน์จากการเป็นเจ้าของแบรนด์ที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตในประเทศจีน เสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายฐานธุรกิจของบริษัทในประเทศจีน เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและส่วนต่างกำไรในอนาคต จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:41:53

ความคิดเห็นที่ 47 *AH -นสพ.รายงาน ปักธงปี 2556 ก้าวกระโดด บุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ เน้นอินโดนีเซีย-อินเดีย หลังกำลังซื้อสูง แย้มแผนหารือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน ด้านงบ Q4/2555 สูงปรี๊ด จากไตรมาสก่อนคว้ากำไร 168.20 ล้านบาท ชี้ออเดอร์ล้นมือ ดันรายได้รวมทั้งปี 2555 ทะลุ 50% จับตาแจกปันผลหรูหรา *APURE -นสพ.รายงาน ดี๊ด๊าลูกค้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นป้อนออเดอร์ล็อตใหญ่ มั่นใจดันกำไร Q4/2555 หรูหรา ปักธงรายได้ปี 2555 โต 50% กำไรพุ่งพรวดล้างขาดทุนหมดเกลี้ยง เดินหน้าร่วมทุนเทกโอเวอร์บริษัทย่อยรองรับ AEC หวังคลอดแบรนด์หรือสินค้าใหม่ จากปัจจุบันเน้นข้าวโพดหวาน *TH -นสพ.รายงาน ปิดดีลเพิ่มทุน 250 ล้านหุ้น ด้าน "วิชัย ทองแตง" กินรวบ 60 ล้านหุ้น แย้มเชื่อมั่นฐานธุรกิจ TH หลังเบนเข็มรุกธุรกิจพลังงานทางเลือก หวังสร้างผลกำไรหรูหราในอนาคต จับตาจะเทกโอเวอร์หรือเข้าร่วมทุนกับบริษัท สั่งจับตา TH-W1 เข้าเทรดวันนี้ราคาวิ่งฉลุย *AOT, THAI -นสพ.รายงาน "คมนาคม" จัดทัพรับ AEC สั่ง AOT พัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ทุ่มงบ 62 หมื่นล้านบาท หวังเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน ส่วน THAI ปรับกลยุทธ์เส้นทางบิน Point To Point กวาดผู้โดยสารตามเป้า *LOXLEY -นสพ.รายงาน โบรกชู LOXLEY เป็นหุ้น Top Pick พื้นฐานยังแกร่ง แม้หวยออนไลน์ไม่คืบ ส่องกำไรสุทธิ 9 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 89% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555  ด้าน "บุญเลิศ ใจมั่น" คาดรายได้รวมปีนี้แตะ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์โครงการภาครัฐหนุนจากงานในมือกว่า 7.5 พันล้านบาท *EGCO -นสพ.รายงาน  เตรียมยื่นประมูล IPP มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนปีหน้าผลงานโตต่อ จากกำลังผลิตใหม่เพิ่มและแผนขยายงานโรงไฟฟ้าเคซอนจบไตรมาส 1/2556 ด้านโบรกประเมินหากชนะประมูล IPP 1 โรง *WIN -นสพ.รายงาน  เด้งแรงถึง 13.43% รับอนาคตธุรกิจสดใส หลังตัดขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ออกไป หนุนผลงานปีนี้ และปีหน้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำไรจากค่าเช่า และพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น *SENA -นสพ.รายงาน เล็งแผนผุดออฟฟิศให้เช่า หวังอนาคตเพิ่มสัดส่วนเป็น 10.20% แย้มยอดขายปีนี้มีลุ้นทะลุ 1.5 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเตรียมผุด 10 โปรเจ็กต์ ยักษ์มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมจับมือผู้รับเหมาแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 2 พันล้านบาท *EARTH -นสพ.รายงาน ฮุบเหมืองถ่านหินอินโดนีเซียสิ้นปีนี้ ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/2555 สุดเซอร์ไพรซ์ฟาดกำไรเกิน 300 ล้านบาท หรือพุ่งทะยานกว่า 150% จ่อแจกปันผลก้อนโตเป็นของขวัญปีใหม่สิ้นปี ฟากโบรกส่องกล้องมองธุรกิจไปได้สวย ยอดขายถ่านหินทะยานเฉียด 100% *AAV -นสพ.รายงาน ไทย แอร์เอเชีย เปิดเผยถึงการที่ย้ายฐานปฏิบัติการบินมาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการรองรับฝูงบินและเส้นทางใหม่ๆ ในอนาคต และช่วยให้ "แอร์เอเชีย" สามารถบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำเสนอบัตรโดยสารราคาประหยัดสำหรับทุกคนได้ดียิ่งขึ้น *STEC -นสพ.รายงาน  เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ร่วมเดินทางกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ เพื่อนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุนที่อังกฤษ และสกอตแลนด์ พร้อมด้วยบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อีก 3 แห่ง โดยบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก *TRUE -นสพ.รายงาน อดีตประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบสัญญา3จี ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม และกลุ่ม ทรู คอร์ปอเรชั่นในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าหรือมีข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับผลสอบนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กสทฯ ที่มีความผิดตามมาตรา 157 กรณีทำให้สัญญาทรู 3จี เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ *AMATA, ROJNA ,HEMRAJ -นสพ.รายงาน ภายในสัปดาห์นี้ผู้ประกอบการนิคมฯ ส่วนหนึ่งจะเดินทางเข้าพบนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เพื่อขอความชัดเจนและความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล 2 ใน 3 วงเงิน 3,237 ล้านบาท ที่จะให้กับ 6 นิคมฯ ที่ประสบภาวะน้ำท่วม สร้างแนวป้องกันน้ำถาวรที่ขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการและกรมบัญชีกลางเองก็พร้อมที่จะจ่ายให้แล้ว *AOT -นสพ.รายงาน ทอท.จ้าง วสท.สำรวจอาคารดอนเมืองก่อนประเมินงบลงทุนปรับปรุงเฟส 2 เพื่อความโปร่งใส พร้อมประสานสายการบินและบวท.ขอข้อมูลแผนการบิน เพื่อปรับปรุงดอนเมืองให้สอดคล้องกับความต้องการและการเติบโตของธุรกิจการบินคาดปี 56 ผู้โดยสารเพิ่มเป็น 14 ล้านคนคาดปีใหม่ผู้โดยสารรวม 6 สนามบินเพิ่ม 24% *THCOM -นสพ.รายงาน ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงสะท้อนข่าวดีไปหมดแล้ว ขณะลูกค้าในอินเดียเหมือนจะไม่เซ็นสัญญากับ THCOMราคาหุ้นไม่นับว่าถูกอีกต่อไปแล้วที่ระดับ 26x ของ PE ปี 2556 -กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -นสพ.รายงาน บอร์ด รฟม.เคาะประมูล 4 สัญญา สร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม (หมอชิต-คูคต) 2.65 หมื่นล. ชง ครม.หวังขายซองต้นปี 56 พร้อมเดินหน้าแผนจัดการหนี้เงินเยน 8 หมื่นล. CFO เผย ตกลงร่วมสบน.ใช้ 2 รูปแบบ สวอปและรีไฟแนนซ์ เชื่อใน 2 ปีการเงินมั่นคงลดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เตรียมรีไฟแนนซ์ก้อนแรก หมื่นล. *BAY -นสพ.รายงาน แบงก์ญี่ปุ่นชนะประมูลกรุงศรีฯ หรือ BAY เฉือนมาเลย์หวุดหวิด เก็บหุ้นใหญ่ 25.3% จากกลุ่มเจเนอรัลอิเลคทริค หลังกลุ่ม “รัตนรักษ์" ยืนยันต้องใช้ชื่อเดิมไม่เปลี่ยน เตรียมแจ้งตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ส่งผลมาเลย์ขอบาย ด้านโบรกฯมอง BAY โดดเด่นทางด้านสินเชื่อรายย่อย ยังแนะนำซื้อ จากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี *TOP -นสพ.รายงาน ชี้อุตสาหกรรมน้ำมัน-ปิโตรเคมีปีหน้ายังขาขึ้น คาดราคาน้ำมันเกิน 100 เหรียญสหรัฐ มุ่งกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงควบคู่อัพเกรดสินค้ากลางน้ำ-ปลายน้ำ *KBANK -นสพ.รายงาน  ปล่อยสินเชื่อสนุกสนาน หลัง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) เพิ่มขึ้น 9.5% จากเป้าหมายทั้งปี 11% โบรกฯแนะ “ซื้อ" รอรับเงินปันผล “บัณฑูร" ลั่นคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 2-3% *CK -นสพ.รายงาน  จ่อบันทึกกำไรพิเศษ 2,300 ล้านบาทในงบไตรมาส 1/56 ดันกำไรสุทธิโตก้าวกระโดด จากการขายหุ้น TTW จำนวน 438.9 ล้านหุ้น ให้กับทางด่วนกรุงเทพ -SALEE -นสพ.รายงาน จัดงบลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานเพิ่มซื้อเครื่องจักรขยาย กำลังผลิต หวังดันรายได้ปีหน้าโตเข้าเป้า 30% รับสนใจแตกไลน์สู่ตลาดเครื่องมือการแพทย์-อาหาร *ITD -นสพ.รายงาน รัฐบาลพม่ายกเงื่อนไขจีทูจีบีบไทยแก้สัญญานิคมฯ ทวาย ขอพื้นที่ลง 50 ตร.กม.กันไว้สำหรับอุตสาหกรรมรายย่อยของพม่า หวังลดแรงต่อต้านการลงทุนต่างชาติ อ้างอิตาเลียนไทยฯ ดำเนินโครงการ เสนอตั้ง "เอสพีวี" ดึงนักลงทุน เร่งหาข้อสรุปโครงการถนน-ท่าเรือ หลังนักลงทุนทั่วโลกจับตาความคืบหน้าโครงการ ขณะที่รัฐบาลยอมรับสภาพความล่าช้า เตรียมเสนอพม่าเลิกสัญญาสัมปทานพัฒนาพื้นที่ 75 ปี ระหว่างอิตาเลียนไทยฯ ระบุรูปแบบโครงการเปลี่ยนไป และเพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:49:36

ความคิดเห็นที่ 48 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซบเซาในกรอบแคบๆ โดยมองว่านักลงทุนต่างชาติอยู่ระหว่างชะลอการลงทุนในช่วงวันหยุดคริสต์มาส และยังรอเรื่องความแน่นอนของการแก้ปัญหา Fiscal Cliff ว่าจะมีทางออกอย่างไร นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,368-1,370 จุด แนวต้าน 1,375-1,380 จุด ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน : - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(21 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,190.84 จุด ลดลง 120.88 จุด(-0.91%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,430.15 จุด ลดลง 13.54 จุด(-0.94%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,021.01 จุด ลดลง 29.38 จุด(-0.96%) - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 11.58 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.97 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.10 จุด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 ธ.ค.)1,373.38 จุด ลดลง 4.02 จุด(-0.29%) - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 247.62 ล้านบาท เมื่อ 21 ธ.ค.55 - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(21 ธ.ค.)ที่ 88.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.47 ดอลลลาร์หรือ 1.6% - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(21 ธ.ค.) ปิดที่ 7.1 เหรียญฯ/บาร์เรล - เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.62/64 ยังติดตามการแก้ปัญหา Fiscal Cliff - "พาณิชย์" ติดเบรกห้ามผู้ประกอบการอ้างค่าแรงขึ้นราคาสินค้าชี้รายใหญ่ไม่กระทบ เพราะปรับค่าแรงไปก่อนหน้าแล้ว ส่วน SMEs กระทบ 2.24-6.74% ภาคเกษตรหนักสุด ตามด้วยสิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์เครื่องหนัง หมู ไข่ ภาคขนส่ง และการให้บริการ - นายธนาวิทย์ โชติชัยสถิตย์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ สายลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ต่างจังหวัด ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าเกษตรของไทยหลายชนิด เช่น ส้มกล้วย ลำไย ประสบปัญหาถูกกีดกันทางการค้าจากอินโดนีเซีย มาเลเซียและจีน ด้วยการปฏิเสธการรับสินค้า หรือแกล้งให้สินค้าต้องไปลงในท่าเรือห่างไกลต้องใช้เวลาขนส่งนานขึ้น ทำให้สินค้าด้อยคุณภาพและไม่สามารถขายได้ในราคาที่ควรจะเป็น - "ดิเรก ลาวัณย์ศิริ" ประธานกรรมการกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 2556 จะปรับเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10 สตางค์ (สต.)/หน่วย - เผยผลสำรวจ "กองทุนหุ้นไทย" หลังวิกฤติ การเงินโลก ระยะ 3 ปีกับ 5 ปี ผลงานยังเด่น 3 ปี รีเทิร์น 100 % โดย บลจ.บัวหลวง แชมป์ รุ่น 3 ปี ผลตอบแทน 166.89% ขณะที่ บลจ.กรุงศรี แชมป์รุ่น 5 ปี ผลตอบแทน 147.89%  ด้าน สมาคม บลจ. ชูการลงทุนระยะยาวในหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ดีกว่า รุกเดินหน้าทำการตลาดมุ่งให้ความรู้นักลงทุน - แบงก์ชาติระบุกำลังศึกษากฎหมาย FATCA ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลและข้อกฎหมาย เพื่อเสนอให้คลังประสานไปยังภาครัฐ ระบุควรทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ ส่วนจะเลือกให้ข้อมูลฝ่ายเดียวหรือแลกข้อมูลระหว่างกัน ขึ้นกับการเจรจาตกลงระหว่างรัฐบาล - บอร์ด รฟม.เคาะประมูล 4 สัญญา สร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม (หมอชิต-คูคต) 2.65 หมื่นล. ชง ครม.หวังขายซองต้นปี 56 พร้อมเดินหน้าแผนจัดการหนี้เงินเยน 8 หมื่นล. CFO เผย ตกลงร่วมสบน.ใช้ 2 รูปแบบ สวอปและรีไฟแนนซ์ เชื่อใน 2 ปีการเงินมั่นคงลดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เตรียมรีไฟแนนซ์ก้อนแรก หมื่นล. *หุ้นเด่นวันนี้ - BAY(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 36.75 บาท แม้ยังไม่มีการประกาศรายชื่อว่าใครจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้น 25.3% ใน BAY แทน GE แต่มีความเป็นไปได้สูงที่การซื้อขายหุ้นจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ มองว่าหลังจากที่ได้พันธมิตรรายใหม่แล้วจะเป็นการปลดล๊อคความกดดันราคาของหุ้น BAY ให้กลับมาบนปัจจัยพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 4Q55 คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนอย่างมาก เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นมากตามการขยายตัวของธุรกิจ - CK(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 14.80 บาท จะบันทึกกำไรพิเศษราว 2,300 ล้านบาทใน 1Q56 จากการขายหุ้น TTW ให้ BECL ในราคาหุ้นละ 7.55 บาท สูงกว่าต้นทุนที่ CK ซื้อมาราคาหุ้นละ 2.11 บาท การขายหุ้นออกไปจะทำให้ CK มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน(Net Gearing) สิ้นปี 2556 ลดลงจาก 2.5 เท่า เหลือเพียง 1.2 เท่า นอกจากนี้แผนการนำ CKP เข้าตลาด และโอกาสรับงานจากภาครัฐ รวมถึงภาคเอกชน จะช่วยสร้างรายได้ CK ได้ในอนาคตระยะยาว - TCAP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"หุ้น TCAP เป้า 47.50 บาท สินเชื่อเดือน พ.ย. โต +2.6% mom และ Ytd โต +16.4% ตามการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และการเข้าสู่ High Season ของความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจใน 4Q55 และ TBANK ได้ขาย TLIFE ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท โดยคาด TCAP จะบันทึกกำไรพิเศษสูงถึง 6.6 พันล้านบาท ใน 1Q56 รวมทั้งมี Downside Risk ค่อนข้างจำกัด จากโครงการซื้อคืนหุ้นในช่วง 11 ธ.ค. 2555 — 10 มิ.ย.2556 และมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก - กลุ่มยานยนต์(ฟินันเซีย ไซรัส)แนะ"Overweight"แม้ Sentiment เชิงบวกอาจลดลงจากการสิ้นสุดโครงการรถคันแรก แต่ยอดผลิตรถยนต์ปี 2013 ที่คาดโตราว 6-7% เป็น 2.6 ล้านคันและแตะ 3 ล้านคันในในอีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้กำไรปกติของกลุ่มยานยนต์น่าจะเติบโต 19%(หลายบริษัทยังคงทำกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์) ดีกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งตลาดฯ ที่คาดโต 15% และ upside เฉลี่ยของกลุ่มยานยนต์ยังสูงกว่า 30% ราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีดังกล่าว Top Picks ได้แก่ AH (เป้า 27.50 บาท) และ SAT (เป้า 38 บาท) - หุ้นใน SET50/SET100 ชุดใหม่ มีผล 2 ม.ค. 2013 หุ้นที่เข้าคำนวณใน SET50 คือ JAS, KK, TTW หุ้นที่ถอดออกคือ DCC, TPIPL, HEMRAJ ส่วน SET100 หุ้นที่เข้าคำนวณคือ AAV, ROJNA, SPCG, SSI, THRE, WORK หุ้นที่ถอดออกคือ ASP, HANA, KBS, KGI, LHBANK, MCOT มีผลตั้งแต่ 2 ม.ค. — 30 มิ.ย. 2556 (ฟินันเซีย ไซรัส) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 09:52:28

ความคิดเห็นที่ 49 หยิบเงินหยิบทอง : บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง กลยุทธ์วันนี้ Sideways ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดลบเป็นวันที่ 2 อีก 4.02 จุด มาอยู่ที่ 1373.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,026 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 อีก 200 ล้านบาท และกลับมา Long สุทธิ Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 334 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 3,667 ล้านบาท มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้ MBKET ประเมินว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,365 – 1,375/80 จุด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอความชัดเจนต่อการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา อีกทั้งเงินทุนต่างชาติในช่วง 1-2 วันนี้จะชะลอตัว จากเทศกาลคริสมาสต์ ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายตลาดปิดทำการในช่วงนี้ ทั้งนี้การเก็งกำไรระยะสัปดาห์ต่อหุ้นที่เข้า – ออกจาก SET50 – SET100 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2557 เป็นเวลา 6 เดือน อาจเคลื่อนไหวเด่นกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ MBKET แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไรราว 5% หาก SET INDEX หลุด 1365 จุด” กลับมาถือพอร์ตหุ้น 60% และเงินสด 4จ% กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร 5% บริเวณต่ำกว่า 1,365 จุด” พร้อม “ทยอยสะสม” TCAP กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้: MBKET แนะนำ “พอร์ตเล่นรอบรายวัน เปิด Long ช่วงย่อเมื่อ 19-21 ธ.ค. ที่ผ่านมา การดีดกลับเข้าใกล้แนวต้าน 936-940/942 จุด อาจปิดสถานะหลบความเสี่ยงจากการใกล้วันหมดอายุ” Stop loss< 930 จุด Portfolio   Buy on Weakness: VNT/AMATA/ MAJOR/ SPCG/ SMT/ BTS/ PJW/ IRPC/ TPIPL/ RCI/ MK/ INET/ BCP/ BBL/ KTB/ BAY/ KK/PTTGC/ QH/ MFEC/ LOXLEY/ TRUE/ SIMAT/ KCE Accumulative Buy: TCAP Technical View แนวรับ 1365 +/- จุด แนวต้าน 1385 +/- และ 1400 +/- จุด ถือครองในส่วนที่เหลือ คาดหวังการเข้าทดสอบเป้าหมายที่ให้ ในขณะที่ใช้การหลุดแนว 1350 เป็นจุดปิดขายทำรอบรักษาผลกำไรในส่วนที่เหลืออยู่ตามเดิม จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:05:43

ความคิดเห็นที่ 50 TISCO Market Insight : บทวิเคราะห์กลยุทธรายวัน สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -4.02 จุด หลัง US เลื่อนโหวตงบประมาณ หุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบกรอบแคบตลอดทั้งวัน ระหว่าง 1368-75  นลท.เทขายทำกำไร หลังผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนโหวตแผนงบประมาณออกไป ขณะที่ต่างชาติแม้ซื้อสุทธิต่อ แต่ลดลงเหลือเพียง 200 ลบ. เชื่อว่าเป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาลที่ต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนก่อนคริสต์มาส-ปีใหม่   ทิศทางตลาดวันนี้ : ซบเซาในกรอบแคบ จากฝรั่งเตรียมหยุดยาว หุ้นโลกเมื่อคืนวันศุกร์ (21 ธ.ค.) ร่วงกันถ้วนหน้า ราว 0.2-0.9% ห่วงสหรัฐฯ เผชิญปัญหา Fiscal Cliff ปีหน้า หลังยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องงบประมาณ ขณะที่ฝั่งยุโรป ผู้นำอิตาลีได้ลาออกมาแล้ว และจะเป็นเพียงนายกฯ รักษาการจนถึงเดือน ก.พ. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารปท. ด้วยเวลาสำหรับการเจรจางบประมาณสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดลง และเข้าสู่ฤดูกาลหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ เราจึงคาด SET จะซบเซาในกรอบแคบ รอความคืบหน้า Fiscal Cliff โดยมีแนวรับ 1368-70 แนวต้าน 1375-80  กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นขาย-ลงซื้อไปก่อน ติดตามข่าว Fiscal Cliff ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ จะเป็นช่วงฤดูกาลที่ฝรั่งชะลอการลงทุน และนลท.ในปท.โดยเฉพาะสถาบัน (LTF & RMF ไหลเข้า) จะเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด  ดังนั้น ในแง่กลยุทธ์ บางส่วนหันมาเล่นไวขึ้น (ขึ้นขาย-ลงซื้อ) เนื่องจากความไม่แน่นอนของ Fiscal Cliff มีสูงขึ้น หลังใกล้หมดเวลาลงทุกที บางส่วนถือทนแกว่ง รอลุ้นผลกระทบ January Effect เดือนหน้า ประเด็นหุ้นน่าสนใจ (1) หุ้นใหญ่พื้นฐานดี แนะนำ ADVANC, BJC, IVL, KBANK, KK, MAKRO, PTT, TOP, (2) หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีประเด็นเชิงบวกรออยู่ในปีหน้าจากอุปสงค์ภายในประเทศแข็งแกร่งและการลงทุนทั้งของภาครัฐ (โครงสร้างพื้นฐาน) และเอกชน (3G) ชอบ BTS, CPALL, ROBINS, SAMART, SYMC สำหรับการเทรดดิ้งระยะสั้น แนะนำหุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวก BAY, PHOL และ หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากคลังอะไหล่และน้ำมันของโตโยต้าไฟไหม้ คือ ชิ้นส่วนยานยนต์ SAT, STANLY, AH, TKT โรงกลั่น BCP, TOP  หุ้นเด่นเล่นสั้น : BAY , BCP BAY – ตามข่าวนสพ.ในปท.ฉบับวันนี้ (24 ธ.ค.) ระบุ กลุ่มแบงก์มิตซูจะเข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่กับ BAY แทน GE สิ่งนี้น่าจะช่วยปลดล็อกราคาหุ้นที่เคยถูกกดดันในช่วงก่อนหน้านี้ (ราคาหุ้น BAY ลดลงจากที่ซื้อขาย PBV ปี 56F ที่ 1.8 เท่า เป็น 1.4 เท่า) BAY เป็นธนาคารขนาดกลางที่เราชอบ เนื่องจากการเน้นสินเชื่อผู้บริโภคและมีงบดุลที่แข็งแกร่ง เราคาดว่า BAY จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทีมผู้บริหารระดับกลางที่ส่งผลถึงการดำเนินงาน มูลค่าที่เหมาะสม 38 บาท (GGM)   BCP – ข่าวคลังเก็บอะไหล่และน้ำมันเครื่องต่าง ๆ ของโตโยต้าที่ฉะเชิงเทราไฟไหม้ อาจทำให้โตโยต้าจำเป็นต้องพึ่งพาการจ้างผลิตวัตถุดิบจาก outsourcing มาทดแทน ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY, AH, TKT) และกลุ่มโรงกลั่น (BCP, TOP) ผลกำไร 4Q55F น่าจะโดดเด่น จากการกลับมาผลิตเต็มที่ของหน่วยกลั่นที่ 3 ที่ถูกไฟไหม้ และผลประกอบการปีหน้ายังสดใส ทั้งจากธุรกิจโรงกลั่น-ปั๊มน้ำมัน จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และการขยายตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศ นอกจากนี้จะมีรายได้จากโครงการเอทานอล, ไบโอดีเซล, โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ จะเข้ามามากขึ้น ราคาหุ้นถูก คิดเป็น PER เพียง 9.7 เท่าปีหน้า แถมปันผลสูงราว 4% ต่อปี มูลค่าเหมาะสม 32.5 บ. (CONSENSUS)  ปัจจัยติดตาม วันที่ ปท. เหตุการณ์ 24 ธ.ค. US ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 24-27 ธ.ค. TH ตัวเลขการค้าเบื้องต้นของไทยในเดือน พ.ย. 26-28 ธ.ค. TH ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) และอัตราการใช้กำลังการผลิตของไทยในเดือน พ.ย. 26 ธ.ค. US ตัวเลขดัชนีราคาบ้านของสหรัฐฯ (S&P/CaseShiller) ในเดือน ต.ค.  US ตัวเลขผลสำรวจภาคการผลิตโดยรวม (Richmond Fed Manuf. Index) ของสหรัฐฯ ใน ธ.ค. ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:08:06

ความคิดเห็นที่ 51 บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ให้มูลค่าเหมาะสม 36.75 บาท แม้ว่ายังไม่มีการประกาศรายชื่อว่าใครจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้น 25.3% ใน BAY แทน GE แต่มีความเป็นไปได้สูงที่การซื้อขายหุ้นจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ โดยมองว่าหลังจากที่ได้พันธมิตรรายใหม่แล้ว จะเป็นการปลดล๊อคความกดดันราคาของหุ้น BAY ให้กลับมาบนปัจจัยพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 4Q55 คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนอย่างมาก เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นมากตามการขยายตัวของธุรกิจ ล่าสุด(21 ธ.ค.)หุ้น BAY ปิดที่ 32 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ขาย"หุ้น บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) ราคาพื้นฐาน 3.60 บาท รัฐบาลพม่าได้เสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณารูปแบบการลงทุนในโครงการทวายใน 2 รูปแบบ คือ 1.การจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle - SPV) เพื่อเป็นเครื่องมือในการระดมทุนจากนักลงทุนเข้าไปลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งหมด และ 2.การจัดตั้ง SPV รายย่อยเพื่อรับผิดชอบการลงทุนในโครงการต่างๆกำหนดเจรจาร่วมอีกครั้งเดือนมี.ค.2556 ซึ่งหากมีความจำเป็นอาจมีการปรับเปลี่ยนสัญญาที่เซ็นไว้กับ ITD นอกจากนี้ ยังขอคืนพื้นที่โครงการอีก 50 ตร.กม.จากเดิม 204.5 ตร.กม. โดยประเด็นนี้มองเป็นลบกับ ITD แม้ว่าจะยังไม่ได้รวมผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าวเข้าไปในประมาณการ แต่ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เกิดจากความคาดหวังในโครงการนี้ ประกอบกับความแน่นอนของแนวโน้มผลประกอบการที่ค่อนข้างต่ำของ ITD เมื่อเทียบกับ CK และ STEC ล่าสุดเมื่อ 21 ธ.ค.55 หุ้น ITD ปิดที่ 4.18 บาท ลดลง 0.02 บาท(-0.48%) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:10:24

ความคิดเห็นที่ 52 นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.กฤษดามหานคร (KMC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 12,898 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 10 บาท ในส่วนที่ยังมิได้ออกจำหน่าย และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากเดิมหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 20.00 บาท จากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 89,725,167,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 52,544,360,460 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 142,269,527,460 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 7,113,476,373 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 4,486,258,350 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท ทั้งนี้ ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,639,710,342 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Issue)ในอัตรา 4 หุ้นเดิม ต่อ 5 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 มีนาคม 2556(Record date) โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 20 มีนาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2556 พร้อมทั้ง ให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 3 (KMC-W3) จำนวนไม่เกิน 1,795,003,033 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมภายหลังเพิ่มราคามูลค่าหุ้น ในอัตรา 10 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีจำนวน 211,176,828 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยสัดส่วนการจองซื้อในอัตรา 5 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 3 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 1,583,826,205 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ ได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 0.75 บาท ทั้งนี้ วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิใช้วันเดียวกับการปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนคือวันที่ 7 มีนาคม 2556 (Record date) และ แก้ไขราคาใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 2 (KMC-W2) เนื่องจากบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 3 เพื่อรักษาผลประโยชน์ตอบแทนผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(KMC-W2) ไม่ให้ด้อยกว่าเดิม รวมทั้งจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,795,003,033 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นเดิมหรือนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 51,544,975 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เพื่อสำรองให้สำหรับการปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 2 (KMC-W2) หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มทุนแล้วให้ลดทุนจดทะเบียนโดยการลดมูลค่าหุ้นจากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท เพื่อลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสม เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้หากมีกำไร แล้วให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 3,500,000,000 บาท จากเดิม 4,979,433,461 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 7,113,476,373 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.70 บาท เป็น 8,479,433,461.10 บาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 12,113,476,373 หุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.70 บาท โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,000,000,000 หุ้น ทั้งจำนวนหรือแต่บางส่วนในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง และ/หรือนักลงทุนประเภทสถาบัน(นักลงทุน) ซึ่งเป็นบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) หุ้น KMC ราคาร่วงลง 9.26% มาอยู่ที่ 0.49 บาท ลดลง 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 113.46 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.02 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.48 บาท เช้านี้ นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.กฤษดามหานคร (KMC) ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2,639,710,342 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Issue)ในอัตรา 4 หุ้นเดิม ต่อ 5 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 มีนาคม 2556(Record date) โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 20 มีนาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2556 พร้อมออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 3 (KMC-W3) จำนวนไม่เกิน 1,795,003,033 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมภายหลังเพิ่มราคามูลค่าหุ้น ในอัตรา 10 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีจำนวน 211,176,828 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยสัดส่วนการจองซื้อในอัตรา 5 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 3 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 1,583,826,205 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ ได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 0.75 บาท ทั้งนี้ วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิใช้วันเดียวกับการปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนคือวันที่ 7 มีนาคม 2556 (Record date) รวมทั้งจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,795,003,033 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นเดิมหรือนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 51,544,975 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เพื่อสำรองให้สำหรับการปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 2 (KMC-W2) หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มทุนแล้วให้ลดทุนจดทะเบียนโดยการลดมูลค่าหุ้นจากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 20 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท เพื่อลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสม เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้หากมีกำไร แล้วให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 3,500,000,000 บาท จากเดิม 4,979,433,461 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 7,113,476,373 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.70 บาท เป็น 8,479,433,461.10 บาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 12,113,476,373 หุ้น ราคามูลค่าหุ้นละ 0.70 บาท โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,000,000,000 หุ้น ทั้งจำนวนหรือแต่บางส่วนในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง และ/หรือนักลงทุนประเภทสถาบัน(นักลงทุน) ซึ่งเป็นบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:27:12

ความคิดเห็นที่ 53 นายสยาม ประสิทธิ์ศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"ว่า  ยังไม่ทราบกระแสข่าวว่าธนาคารจากญี่ปุ่นชนะการประมูลซื้อหุ้น BAY จากกลุ่มจีอี โดยจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 25.3% นายสยาม กล่าวว่า ขณะนี้การทำงานในธนาคารยังเป็นไปอย่างปกติ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ และส่วนตัวยังไม่คิดว่ากลุ่มจีอีจะขายหุ้นออก ส่วนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง เนื่องจาก นายมาร์ค จอห์น อาร์โนลด์ ได้ลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อไปทำงานในยุโรป ทำให้มีการเลื่อนตำแหน่งผู้บริหารอื่นๆขึ้นมา โดยแต่งตั้งนางเจนิส แร แวน เอ็กเคอเรน เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแต่งตั้งนายฟิลิป เชียง ชอง แทน เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายสยาม ยังกล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 56 ว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโต 15-16% ใกล้เคียงปีนี้ที่ปล่อยสินเชื่อได้ 1.8 แสนล้านบาท เติบโต 16% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยประเมินเศรษฐกิจไทยปี 56 ขยายตัวเพียง 3-4% และการส่งออกปีหน้ายังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐยังไม่ดีขึ้นนัก ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจเอสเอ็มอีคือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และการขาดแคลนแรงงาน "ปีหน้ามองว่าจะมีกลุ่มอุสาหกรรมบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งรัฐบาลจะต้องออกมาตรการมาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ได้รับผลกระทบแต่ละกลุ่ม ไม่ควรออกมาตรการแบบเหมารวม" นายสยาม กล่าว จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:30:15

ความคิดเห็นที่ 54 กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--GT Wealth Management ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น US$10.10 มาปิดที่ระดับ US$1,657.24 ราคาทองคำปรับบวกเล็กน้อยหลังสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดร่วงกว่า 2% โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลภาวะ Fiscal Cliff หลัง “แผน 2” ของพรรครีพับลิกันไม่ได้รับแรงสนับสนุนเท่าที่ควร ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสวันอังคารนี้และวันจันทร์ตลาดจะปิดทำการก่อนกำหนดเพราะเป็น Christmas Eve นักลงทุนกังวลว่าการเจรจาอาจไม่ทันภายในสิ้นปีนี้ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ กดดันให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเทียบตะกร้าสกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้นเนื่องจากความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่มีแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและน้ำมัน ค่าเงินบาทช่วงเช้า (10.00 น.) อ่อนค่าใกล้ระดับ 30.65 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ระดับ 1,350.82 ตัน เพิ่มขึ้น 0.30 ตัน โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (GFZ12) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 24,100 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 24,000 บาท ราคาเสนอขาย 24,100 บาท คงที่ แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า จับตาการเจรจาระหว่าง 2 พรรคการเมืองสหรัฐฯในการแก้ไขการเกิด Fiscal Cliff หลังไม่สามารถตกลงได้ทันก่อนคริสต์มาส ทำให้มีความเสี่ยงว่าสหรัฐฯอาจไม่สามารถเลี่ยงการเกิดภาวะหน้าผาทางการคลังซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังฟื้นตัว แม้ว่าทองจะมีความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแต่ในภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจการถือเงินสด แรงกดดันด้านปัจจัยทางเทคนิคยังทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการสะสมเพิ่มเติม GT Wealth Management กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,635 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,656 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.64 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,750 บาท กับ 23,850 บาท และกลับมาปิดที่ 23,900 บาท กับ 24,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 11,383 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 21,632 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 43 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 8% แบบ 10 บาท ลดลง 5% Silver Futures ลดลง 0.7% GFZ12 ปิด 24,100 บาท และ GFG12 ปิด 24,280 บาท GF10Z12 ปิดที่ 24,090 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,280 บาท SVZ12 ช่วงกลางคืนไม่มีการซื้อขาย สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 14.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,660.1 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 52.5 เซ็นต์ ที่ระดับ 32.203 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,350.82 ตัน (ซื้อเข้า 0.30 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 88.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ลดลง 120.88 จุด ปิดที่ 13,190.84 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.5 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ ที่มา Kitco, TheBullionDesk, Reuters, และ CNBC ราคาทองคำสามารถยับยั้งการปรับตัวลดลงอย่างหนักที่เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ได้ โดยปรับตัวสูงขึ้น 14.2 เหรียญ มาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,660.1 เหรียญ คอมเมิร์ซแบงก์ ได้กล่าวว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่จากข่าวที่มีกลุ่มธนาคารกลางจากประเทศต่างๆ เข้าสำรองทองคำเพิ่มเติมได้เพิ่มแรงสนับสนุนให้กับราคาทองคำ โดยบราซิลมีการสำรองทองคำเพิ่ม 14.7 ตันในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการซื้อเข้าเป็นครั้งที่สามในรอบเดือน ในขณะที่รัสเซียซื้อเพิ่ม 2.9 ตัน เบลารุส 1.4 ตัน และเกาหลีใต้ 14 ตัน นอกจากนี้ อิรักมีการเข้าซื้อทองคำเพื่อกักเก็บในคลังสำรองเป็นครั้งแรกนับตั้บแต่ปี 2004 จำนวน 25.2 ตันในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคมและเดือนตุลาคม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายจอห์น โบห์นเนอร์ โฆษกสภารีพับลิกัน ได้ล้มเหลวในการลงมติแผนบี หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันปฏิเสธที่จะให้กับสนับสนุนด้านกฎหมาย นายเดนนิส การ์ทแมน บรรณาธิการการ์ทแมน เลทเธอร์ ได้กล่าวในรายงานว่า ปัญหาของนายโบห์นเนอร์ก็คือพรรคของเขาเอง รวมไปถึงสมาชิก Tea Party Republicans ที่ปฏิเสธแผนบี ตามที่สมาชิก Tea Party Republicans ได้ชนะการเลือกตั้งมาอย่างง่ายดายและไม่เกรงกลัวต่อการสูญเสียที่นั่งในอีก 2 ปีข้างหน้า ยกเว้นแต่จะมีผู้สมัครที่มีความสามารถมาจากฝั่งขวา เนื่องจากพวกเขาได้มีการเตรียมการณ์ที่คัดค้านแผนบีมาเป็นอย่างดีแล้ว ทั้งนี้ ทันทีที่มีการยกเลิกแผนบีของนายโบห์นเนอร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงตลาดอิเล็กทรอนิกส์สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1,636 เหรียญ แต่สามารถกลับมาซื้อขายบริเวณ 1,650 เหรียญได้ นายโอบามาได้ออกมากระตุ้นให้ผู้นำทั้ง 2 พรรคเพื่อออกร่างกฎหมายชั่วคราวในสัปดาห์นี้เพื่อการยืดระยะเวลาการตัดลดภาษีในชนชั้นกลาง และสวัสดิการของผู้ว่างงานจำนวน 2 ล้านคนออกไป รวมถึงทำการตกลงด้านการตัดลดงบประมาณสำหรับปีหน้า ทั้งนี้รัฐสภาจะไม่มีการเปิดการประชุมจนถึงวันที่ 27 ธันวาคมเนื่องจากวันหยุด นายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ลาออกอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากงบประมาณปีหน้าได้รับอนุมัติ ผลสำรวจเผยว่า พรรคประชาธิปไตยกลาง-ซ้าย จะชนะการเลือกตั้ง ขณะที่นายมอนติไม่ได้ชี้ชัดว่าจะลงสมัครเลือกตั้งหรือให้การสนับสนุนพรรคใดหรือไม่ ชาร์ป พิกสเล่ย์ ระบุว่า ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวลดลงอีก หลังจากที่ล่าสุดหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1,669 เหรียญลงไป ซึ่งเมื่ออ้างอิงจากนักวิเคราะห์บางราย นายจิม โรเจอร์ส กล่าวว่า การที่ราคาอาจลงไปถึง 1,535 เหรียญไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับการปรับฐานของราคาทองคำ ซึ่งอาจเห็นการปรับฐานนี้ยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 15 — 16 เดือน ส่วนในระยะสั้น ดูเหมือนว่าการปรับฐานจะเกี่ยวพันกับการเทขายที่เกี่ยวกับเรื่องภาษีในช่วงสิ้นปี การปิดสถานะของกองทุนต่างๆ และความเชื่อมั่นทางยุโรปที่ฟื้นตัวในระยะสั้น รวมไปถึงทางตันในการเจรจาเรื่อง Fiscal Cliff นายอดัม ซาร์ฮาน จากซาร์ฮาน แคปปิตอลในกรุงนิวยอร์ค มองว่า ราคาทองคำจะมีการฟื้นตัวได้ก็ต่อเมื่อราคากลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ในทางเทคนิคอาจเห็นราคาลงไปทำจุดต่ำสุดถึงระดับ 1,523 เหรียญ ซึ่งทางธนาคารสวิสเซอร์แลนด์ UBS เห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าวว่า หากราคาสามารถเบรกเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้จะเป็นการกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก Website FXEmpire ได้คาดการณ์ทองคำในวันที่ 24 ธ.ค. ว่าทองคำมีสัญญาณกลับตัวรูป "Hammer" ในระดับราคา 1,640 เหรียญ หลังจากปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวล Fiscal Cliff ในคาดว่าจากการซื้อทองคำของธนาคารกลางต่างๆ จะทำให้ทองคำเป็นขาขึ้นในระยะยาว ซึ่งคาดว่าทองคำอาจแตะระดับ 1,800 เหรียญในช่วงมิ.ย. ปีหน้า จากการที่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเทขายอย่างหนักในทองคำ มีการสำรวจนักวิเคราะห์จาก Kitco News Gold Survey ซึ่งจาก 19 คนมี 12 คนมองทองคำว่าจะมีการรีบาวน์ขึ้นมาในสัปดาห์นี้ เนื่องจากพวกเขาคาดการณ์ว่าทองคำจะลงไปทดสอบแนวรับรองที่จุดต่ำสุดของวัน พฤหัสบดีประมาณ 1,635 เหรียญ และจะมีการรีบาวน์ขึ้นมา รวมไปถึงพวกเขามองทองคำในปีหน้าเป็นขาขึ้นเช่นกันเมื่อนักลงทุนกลับเข้าสู่ ตลาดจากเหตุผลทางพื้นฐานในเรื่องการผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษจากธนาคารกลาง ทั่วโลก ในขณะที่นักวิเคราะห์ 3 รายที่คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะเป็นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น โดยมีความเสี่ยงจะมีอยู่ที่บริเวณ 1,520 เหรียญ และ 1,400 เหรียญ หากแพทเทิร์นในปัจจุบันยังคงอยู่ สำหรับกลุ่มที่มองว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways ให้เหตุผลว่า ตลาดจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดอย่างเป็นทางการ และจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง นอกจากนี้ ยังมีข่าวจากทาง Kitco News ที่ระบุว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดยุโรปได้หยุดทำการไปแล้วสำหรับเทศกาลคริสมาสต์อีฟ ตลาดญี่ปุ่นเช่นกันที่ปิดทำการในวันนี้ และตลาดส่วนใหญ่จะปิดทำการในวันอังคารสำหรับเทศกาลคริสมาสต์และตลาดแคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลียจะปิดในวันพุธสำหรับวัน Boxing Day ส่วนตลาด COMEX จะเปิดทำการปกติในวันนี้ แต่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์จะปิดเร็วกว่าปกติ และตลาด COMEX จะปิดทำการในวันอังคาร กลับมาเปิดอีกทีในวันพุธ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศเมื่อคืนวันศุกร์ - Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขจริงออกมาที่ 1.6% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.9% - Core PCE Price Index m/m ตัวเลขจริงออกมาที่ 0.0% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.1% - Durable Goods Orders m/m ตัวเลขจริงออกมาที่ 0.7% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.1% - Personal Spending m/m ตัวเลขจริงออกมาที่ 0.4% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ -0.1% - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขจริงออกมาที่ 72.9% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 74.5 ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวันหยุด วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำมี Technical Rebound กลับขึ้นมาได้ในช่วงการซื้อขายวันศุกร์ โดยที่มีปริมาณการซื้อขายเบาบางลง ในขณะที่ SPDR ซื้อทองคำเพิ่มอีก 0.3 ตันมาถือครองที่ระดับ 1,350.82 ตัน และในช่วงที่ราคาทองตก SPDR มีขายแค่ 0.9 ตัน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา สรุปได้ว่าโดยภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในวันศุกร์ออกมาค่อนข้างดีโดยที่ มีการคำนวณอัตราเงินเฟ้อใหม่ซึ่งเทียบกับเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นประมาณ 0.6% และตลาดโดยทั่วไปยังรอผล Fiscal Cliff ซึ่งจะมีการประชุมอีกทีในวันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค. ซึ่งขึ้นกับผลของการประชุมว่าจะออกมาอย่างไร ถ้าตกลงกันไม่ได้เลยและเกิด Fiscal Cliff ขึ้นมาโดยภาพรวมดอลลาร์จะปรับตัวแข็งขึ้นในฐานะ Safe Haven ก่อนและทองคำน่าจะตก แต่ถ้า Fiscal Cliff คุยกันได้รู้เรื่องและสามารถตกลงกันได้ นักลงทุนก็คงจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป ทองคำน่าจะปรับตัวขึ้น ดังนั้นในคืนวันพฤหัสบดีนี้จึงน่าจะมีความสำคัญว่าจะ มีการออกมาแถลงหรือไม่อย่างไร สำหรับทางเทคนิคราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลง เนื่องจากราคายังคงอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน Oscillator โดยทั่วไปยังอยู่ใต้ระดับ 0 บ่งบอกถึงภาวะที่ยังกดดันในทิศทางขาลงอยู่ อย่างไรก็ดีเนื่องจากเป็นการเล่นข่าวค่อนข้างมากในช่วงนี้จึงมีโอกาสเช่น เดียวกันที่ราคาอาจมีโอกาสขึ้นมาได้ จะเห็นได้ว่าเมื่อดูจากแพทเทิร์นปีที่แล้วจะมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับปีนี้ สรุปได้ว่า ราคาทองคำ ณ ระดับ 1,656 เหรียญในขณะนี้โดยประมาณมีโอกาสทั้งขึ้นและลงได้ขึ้นอยู่กับผลของ Fiscal Cliff ยังแนะนำให้นักลงทุนติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและบริหารพอร์ทให้สมดุล ถ้าราคาลงไม่หลุด 1,635 เหรียญในช่วงจากนี้ไปจนถึงเย็นวันพฤหัสบดี เชื่อว่าราคาน่าจะทรงตัวและดีดกลับขึ้นได้ ขึ้นกับผลการเจรจา Fiscal Cliff แต่ถ้าราคาหลุดแนวดังกล่าวลงมาในช่วงระหว่าง 3 วันทำการที่เหลือนี้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับลงต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยในวันนี้นักลงทุนควรมี Stop Loss ที่ระดับ 1,645 เหรียญ ซึ่งราคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาด London ปิดทำการในวันนี้ แต่ COMEX ยังคงเปิดทำการอยู่ เชื่อว่ามีปริมาณการซือขายที่เบาบา รวมทั้ง Factory Order เริ่มปิดทำการในต่างประเทศไปหมดแล้วอันจะทำให้ไม่มี Supply Physical Gold ในตลาด อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ลดแรงกดดันทองทำในทิศทางขาลงได้ Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,250 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,420 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 910 บาท และแนวต้านที่ระดับ 950 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,650 — 1,665 เหรียญในวันนี้ ถ้าหลุดกรอบ 1,650 เหรียญในระยะสั้นอาจจะลงไปที่ระดับ 1,645 เหรียญก่อน จึงแนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้นแบบรายวัน นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) หลังจากลดพอร์ทลงไปแล้ว ช่วงนี้ก็คงรอความชัดเจนของทิศทางตลาดมากกว่าที่จะทำอะไร หากมีสถานะ Short Position อยู่ แนะนำให้ปิด Short Position ออกไปก่อน นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง รอความชัดเจนของข่าว Fiscal Cliff ถือครองพอร์ทเท่าเดิม ไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่ม Gold Future series Z จะหมดอายุในอีก 4 วันทำการ แนะนำให้นักลงทุนเปลี่ยน (Roll Over) ไปถือ series G โดยไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่มใน Series ZและหาจังหวะปิดSeries Z บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:32:21

ความคิดเห็นที่ 55 กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส - บีโอเจประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมอีก 10 ล้านล้านเยน - ทองคำถูกแรงเทขายกระหน่ำจากเฮดจ์ฟันด์ - คาดราคาทองจะซบเซาต่อเนื่องใกล้เทศกาลคริสต์มาส - ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัว หลังจากถูกแรงเทขายอย่างกระหน่ำจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดยฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับที่บริเวณ 1,636 ดอลลาร์ แต่ยังติดแนวต้านที่ 1,660 ดอลลาร์ ทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากที่สามารถยืนเหนือแนวรับที่บริเวณ 1,636 ดอลลาร์ และสัญญาณทางด้านเทคนิคบ่งบอกว่าเกิดภาวะขายมากเกินไป (Oversold) รวมทั้งการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐที่เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้มีความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับเข้ามา - สัปดาห์นี้เข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส ซึ่งตลาดการเงินสหรัฐจะปิดทำการเร็วกว่าปกติในวันที่ 24 ธ.ค.และปิดทำการในวันที่ 25 ธ.ค. ส่วนตลาดการเงินที่ลอนดอนปิดทำการ 2 วันในวันที่ 24 ธ.ค.และวันที่ 25 ธ.ค. ทำให้การซื้อขายทองคำในช่วงต้นสัปดาห์อาจเบาบางลง - สำหรับการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐจำเป็นต้องเจรจาต่อไปหลังวันคริสต์มาส จากเดิมที่คาดจะบรรลุข้อตกลงก่อนวันคริสต์มาส เนื่องจากแผนสองของพรรครีพับลิกันที่เสนอโดยจอห์น โบห์เนอร์ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนที่มากพอจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน โดยข้อเสนอนี้ระบุให้มีการปรับขึ้นภาษีกับผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี - แนวโน้มราคาทองคำคาดสดใสขึ้นในกรณีที่สามารถทะลุและยืนเหนือแนวต้านที่ 1,660 ดอลลาร์ ซึ่งจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,680 ดอลลาร์ ขณะที่การเจรจาเพื่อแก้ไข Fiscal cliff ของสหรัฐที่ปัญหาเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ แต่นักลงทุนยังเลือกที่จะเข้าลงทุนในเงินดอลลาร์ที่มีความปลอดภัยสูงมากกว่าทองคำ ขณะที่แนวรับยังอยู่ที่ 1,636 ดอลลาร์ โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close   chg.  Support        Resistance 24,280  +110  24,000/23,900  24,300/24,400 แนวโน้มราคาทองคำคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,640-1,660 ดอลลาร์ ในกรณีที่นักลงทุนถือครองสถานะซื้ออยู่อาจถือครองสถานะซื้อต่อไป อาจทยอยปิดสถานะซื้อบางส่วนที่แนวต้าน 1,660 ดอลลาร์ สำหรับการเปิดสถานะซื้อรอบใหม่แนะนำเข้าเปิดสถานะซื้อสัญญาเดือนก.พ.56 หรือสัญญาเดือน G แนวรับสำหรับการเก็งกำไรฝั่งซื้ออยู่ที่ 1,636-1,640 ดอลลาร์ ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนก.พ.56 Close  chg.  Support  Resistance 925    -     910/900  930/950 สำหรับราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงได้ เนื่องจากโลหะเงินเป็นทั้งโลหะมีค่าและโลหะพื้นฐาน ที่อาจอ่อนตัวลงได้ตามราคาโลหะพื้นฐานที่พึ่งพิงกับภาวะเศรษฐกิจด้วย การฟื้นตัวของราคาโลหะเงินที่บริเวณ 31.0- 31.20 ดอลลาร์อาจเลือกเปิดสถานะขาย กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส Price Movement ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,660.10 USDต่อออนซ์เพิ่มขึ้น 14.20 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวในกรอบ 1,636.30 - 1,660.50 USDต่อออนซ์ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง 38 USDต่อออนซ์หรือ 2.2% จากความกังวลในเรื่อง Fiscal Cliff และการที่ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้คาดว่าเฟดจะไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม สำหรับในวันศุกร์ราคาปิด rebound ขึ้นมาได้ แต่ในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,653 ซึ่งในสัปดาห์นี้ตลาดสำคัญหลายตลาด เช่น ตลาดในยุโรป และตลาดญี่ปุ่น ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ และวันคริสต์มาส ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก โดยประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนยังเป็นเรื่อง Fiscal Cliff และเพดานหนี้ของสหรัฐ คาดว่าในสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,636 ถ้าหากหลุดแนวรับนี้จะลงไปที่บริเวณ 1,600/1,550 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,670/1,685 กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์หากไม่หลุด 1,636 คาดว่ากรอบจะอยู่ระหว่าง 1,636 — 1,685 แต่ถ้าหากหลุด 1,636 คาดว่ากรอบจะอยู่ระหว่าง 1,550 — 1,670 ส่วนวันนี้คาดว่าทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,648/1,636 แนวต้านบริเวณ 1,660/1,670 แนะนำนักลงทุนระยะสั้นเปิด Short ถ้าราคา rebound ขึ้บริเวณแนวต้าน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง — ยาว สะสม Long เพิ่มเมื่อราคาลงมาบริเวณแนวรับ 1,636/1,600/1,550 Spot Gold Technical Analysis ภาพกราฟทางเทคนิคในรายสัปดาห์ราคามีแนวรับบริเวณเส้นกรอบล่างของ Up trend line บริเวณ 1,636 ถ้าหลุดบริเวณนี้จะมีแนวรับบริเวณ 1,600/1,550 indicator ต่างๆยังส่งสัญญาณเชิงลบ ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,670/1,685 ส่วนในวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,648/1,636 แนวต้านบริเวณ 1,660/1,670 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น เปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง — ยาว สะสม Long เพิ่มเมื่อราคาลงมาบริเวณแนวรับ 1,636/1,600/1,550 Key Point in Precious Market - ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น ( - ) ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง ( - ) ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อลดลง ( - ) การลด Position ของนักลงทุนในช่วงปลายปี ( - ), ความไม่แน่นอนในเรื่อง Fiscal Cliff ( +/- ), ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาดี ( - ) ฟิทช์?เตือนสหรัฐอาจสูญ?เสียอันดับ?เครดิต ( + ) - ประเด็นที่ต้องติดตาม การแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐ - การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ วันจันทร์/วันอังคาร ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ วันพุธ ราคาบ้านเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์ เดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. วันศุกร์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เดือนพย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ - SPDR ซื้อ 0.30 ตัน ถือทองจำนวน 1,350.82 ตัน Spot Silver ราคาโลหะเงินปิดที่ 30.20 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.67 - 30.33 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ซื้อ 150.48 ตันถือโลหะเงินจำนวน 10,045.85 ตัน คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 29.5/29.0 แนวต้านบริเวณ 30.3 /30.6 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:33:36

ความคิดเห็นที่ 56 วันที่ เวลา ทองคำ แท่ง  96.5% รับซื้อบาทละ ทองคำ แท่ง  96.5% ขายบาทละ ทอง รูปพรรณ  96.5% รับซื้อกรัมละ ทอง รูป พรรณ  96.5% รับซื้อบาทละ ทอง รูปพรรณ  96.5% ขายบาทละ   24/Dec/2012 09:33:00 24000 24100 1560 23649.6 24500  (0) 22/Dec/2012 09:31:00 24000 24100 1560 23649.6 24500  (100) 21/Dec/2012 15:57:00 23900 24000 1554 23558.64 24400  (50) 13:07:00 23850 23950 1550 23498 24350  (50) 09:58:00 23800 23900 1547 23452.52 24300  (0) 09:58:00 23800 23900 1547 23452.52 24300  (50) 09:37:00 23750 23850 1544 23407.04 24250  (-450) 20/Dec/2012 13:47:00 24200 24300 1573 23846.68 24700  (50) 09:35:00 24150 24250 1570 23801.2 24650  (-100) 19/Dec/2012 09:31:00 24250 24350 1576 23892.16 24750  (-300) จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:35:06

ความคิดเห็นที่ 57 แบบสำรวจแนวโน้มการจ้างงานในกรุงเอเธนส์เปิดเผยว่า 1 ใน 2 ของชาวกรีกวัยทำงานมองหางานในต่างประเทศเนื่องจากประเทศประสบวิกฤติหนี้สินอย่างหนักหน่วงมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว บริษัท Adecco ซึ่งเป็นบริษัทด้านทรัพยากรมนุษย์ เปิดเผยผลสำรวจว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 49% จากจำนวน 400 คน ระบุว่าพวกเขาตั้งใจทำงานในต่างประเทศอยู่แล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 4 ใน 10 อยู่ในภาวะว่างงาน ซึ่ง 1 ใน 3 ว่างงานมากว่า 2 ปี ขณะที่ส่วนใหญ่ (61%) มีงานทำ แต่กังวลว่าจะถูกปลดออกในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ว่างงานของกรีซในปี 2555 มีสัดส่วนกว่า 25%  ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ รัฐบาลกรีก และกลุ่มผู้ให้กู้ยืมทุนต่างประเทศเห็นพ้องกับการคาดการณ์ของสหภาพแรงงานที่ว่าอัตราการว่างงานในกรีซจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2556 ก่อนที่จะเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 4 ใน 10 มุ่งหางานในต่างประเทศเพราะไม่สามารถหางานทำในประเทศได้ และ 3 ใน 10 ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ และมีทัศนคติเชิงลบต่ออนาคต โดย 70% กล่าวว่าต้องการทำงานในสหภาพยุโรป และจำนวน 1 ใน 2 ของผู้ตอบแบบสอบถามเต็มใจทำงานในประเทศพัฒนาแล้วนอกทวีปยุโรป ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ขณะที่ 1 ใน 10 มองหางานในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลาง สำนักข่าวซินหัวรายงาน นักวิเคราะห์ชี้ว่าในปีหน้า กรีซยังต้องเผชิญกับมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งการที่ต้องปฏิรูประบบเศรษฐกิจตามเงื่อนไขสินเชื่อ ท่ามกลางงบประมาณรายจ่ายภาครัฐที่ตึงตัว ดดยมีเก้าหมายหลักในการตัดลดหนี้สินให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 124 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของกรีซ ภายในปี 2563 ซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบต่อยูโรโซนโดยรวมอย่างแน่นอนหากกรีซทำไม่ได้ตามเป้าหมาย จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:38:33

ความคิดเห็นที่ 58 กริ กริ คุณฮะ ไปเที่ยวเกาะ เกาะแน่น แน่น นะ น้องงงง  55555 จากคุณ : จุ๊บ จุ๊บ ^ ^.........หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:39:06

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีครับ ทุกท่าน เมื่อคืน สงสัย ผมจะฉลองหนักไปปหน่อย มึนหัวมากเลยวันนี้    จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:46:05

ความคิดเห็นที่ 60 คุณจอยขราาา.... ตื่นเต้นจัง .... ที่กรุงเทพฯเริ่มหนาวแระค้าาาา  ^    ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:48:51

ความคิดเห็นที่ 61 สวัสดีค่ะ คุณพี่หญิง คุณพันเกลียว ^    ^ หายมึน ไวไว นะคะ คุณแสวงหุ้นขราา  5555 ^   ^ จากคุณ : หมูแดง (dogbox) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:51:30

ความคิดเห็นที่ 62 นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท PT Sunhub Mining International (SMI) โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นของ SMI จาก Worldly Wealth International Limited (WWI) ในจำนวนทั้งสิ้น 13,767 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100,000 รูเปียอินโดนีเซีย (IDR) หรือประมาณ 10.33 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SMI ในราคาหุ้นละ 43.580 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นของ SMI ทั้งสิ้น 599,965,860 บาท ทั้งนี้ บริษัทจะชำระราคาเป็นเงินสดส่วนหนึ่งจำนวน 278,065,860 บาท โดยใช้เงินที่บริษัทได้รับจากการออกหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทในส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด และจะออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.55 บาท รวมทั้งสิ้น 321,900,00 บาท เพื่อตอบแทนให้กับ WWI ที่ขายหุ้นของ SMI (Share Swap) จะมีอัตราส่วนเท่ากับ 7,851.63 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ SMI ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 46,300,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 220,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 173,700,000 บาทโดยยกเลิกหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 46,300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีก 144,850,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 318,550,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 144,850,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 86,850,000 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.50 บาท ในอัตราจัดสรร 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน(Record Date)ในวันที่ 15 มีนาคม 2556 โดยรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 18 มีนาคม 2556 ส่วนอีกจัดสรรจำนวน 58,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้น WWI ถือเป็นบุคคลในวงจำกัด เพื่อตอบแทนให้กับ WWI ที่ขายหุ้น SMI ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินบางส่วน ที่ประชุมอนุมัติแต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัท พร้อมกำหนดให้จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 ในวันที่ 8 มีนาคม 2556 เวลา 14.00 น. โดยกำหนดรายขื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2556 (Record Date) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น ตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 หุ้น VTE ราคาพุ่งขึ้น 6.02% มาอยู่ที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 58.59 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.53 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.95 บาท ที่ประชุมคณะกรรมการบมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE) ได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท PT Sunhub Mining International (SMI) โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นของ SMI จาก Worldly Wealth International Limited (WWI) ในจำนวนทั้งสิ้น 13,767 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100,000 รูเปียอินโดนีเซีย (IDR) หรือประมาณ 10.33 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SMI ในราคาหุ้นละ 43.580 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นของ SMI ทั้งสิ้น 599,965,860 บาท บริษัทจะชำระราคาเป็นเงินสดส่วนหนึ่งจำนวน 278,065,860 บาท โดยใช้เงินที่บริษัทได้รับจากการออกหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทในส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด และจะออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.55 บาท รวมทั้งสิ้น 321,900,00 บาท เพื่อตอบแทนให้กับ WWI ที่ขายหุ้นของ SMI (Share Swap) จะมีอัตราส่วนเท่ากับ 7,851.63 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ SMI ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯจะเพิ่มทุนจดทะเบียน 144,850,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 318,550,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 144,850,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 86,850,000 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.50 บาท ในอัตราจัดสรร 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน(Record Date)ในวันที่ 15 มีนาคม 2556 ส่วนอีกจัดสรรจำนวน 58,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้น WWI ถือเป็นบุคคลในวงจำกัด เพื่อตอบแทนให้กับ WWI ที่ขายหุ้น SMI ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินบางส่วน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 11:12:55

ความคิดเห็นที่ 63 สวัสดีค่าาคุณคุณหญิงจิ๋วแจ๋ว ^+^~ คุณหมูแดงคร่าาา  ทางนี้ฝนตกจนน้ำจะท่วมละคะ  แต่วันนี้เช้ามีแดดแล้วนะคะ  ^_^  แดดอ่อนๆ แต่ฟ้ายังมืดมากมายค่ะ  :)   คุณมารหุ้นลองนี่ค่ะ  เอามาฝาก  ^__^   หายไว ๆ นะคะ  ;) 1. หาซื้อสตรอว์เบอรี่สดเตรียมไว้ในตู้เย็น ตื่นมาก็ หยิบมากินสัก 8-10 ลูกก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้แล้ว หรือถ้าอยากจะฝึกคอให้แข็ง เตรียมพร้อมร่างกายกับ การเฮอาปาร์ตี้ครั้งต่อไปให้นำสตรอว์เบอรี่สดมาคั้น เอาแต่น้ำผสมกับเหล้าดื่มเข้าไป สูตรนี้เขาว่ากันว่า ช่วยปรับสภาพร่างกายของคนที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หรือคนที่เพิ่งฟื้นจากไข้ให้คืนสู่สภาพปกติเร็วขึ้นด้วย 2. ถ้าสตรอว์เบอรี่หายาก ก็ซื้อช็อคโกแล็ตติดตู้เย็นไว้ แฮงค์ๆ เมื่อไหร่ก็เอามากิน ช็อกโกแล็ตมีผลต่อสมอง ช่วยให้ตื่นตัวและช่วยให้กระฉับกระเฉง ที่สำคัญ ช่วยแก้อาการแองค์โอเวอร์ ไม่ต้องเมาข้ามคืน 3. ถ้าเกิดอาการคลื่นเหียนอยากอาเจียน ลองชงน้ำ ขิงดื่มดู เดี๋ยวนี้เขามีขิงผงสำเร็จรูปขายกัยเยอะแยะ สะดวก ง่ายดาย 4. ถ้าโลกหมุน ปวดและวิงเวียนศีรษะ ลองดื่มน้ำ เก็กฮวยเย็นชื่นใจสักแก้ว เก็กฮวยมีสรรพคุณช่วยลด อาการปวดเวียนได้ แถมแก้กระหายได้อีกต่างหาก 5. น้ำกระเจี๊ยบ สมุนไพรของไทยเรานี่ก็ช่วยได้ ดื่ม น้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ รสเปรี้ยวชุ่มฉ่ำ ช่วยให้ร่า'กาย สดชื่นได้ไม่ยาก 6. แตงโมแช่เย็นฉ่ำ ก็มี ประโยชน์ สารสำคัญที่ชื่อ CITRULLINE ในเนื้อ และในเม็ด มีสรรพคุณ ช่วยแก้กระหายน้ำและ ถอนพิษสุรา   7. ถ้าในตู้เย็นเลยก็ให้ ตรงรี่ไปที่ร้านขายยาหาซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริม อาหารมาลองกินดู 1 เม็ดหลัง อาหาร อาการแฮงค์จะทุเลา 8. เรื่องกลิ่นก็สำคัญ บางคนดื่มหนักดื่นขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นละมุดโชยโดยเฉพาะออกมาจาก ช่องปากแปรงฟันยังไงก็ไม่ช่วยให้ลมหายใจ หอมสดชื่น ใบฝรั่งช่วยคุณได้ เด็ดใบฝรั่งสด มาสัก 2-3 ใบ เคี้ยว เคี้ยวอย่าง มั่นใจ กลิ่นละมุด ที่ว่าไม่มีมารบกวนให้หดหู่ใจ 9. ร่างกายสดชื่นแล้ว แต่ใบหน้ากลับดูโทรม ก็ไม่เข้าทีสำหรับใบหน้าที่ดูโทรมนั่นนะ ปรับให้เด้งซะ มีวิธีง่ายๆ โดยใช้ - ABSOLUT VODKA 1/4 ถ้วย - มะนาวสด สะอาด 1 ผล คั้นเอาแต่น้ำ นำส่วนผสมทั้งสองมาผสมให้เข้ากัน แล้วใช้สำลีชุบ นำมาซับผิวหน้า ลำคอ และเนินอก ปล่อยให้แห้ง โดยไม่ต้องซับซ้ำอีก ครางนี้ล่ะหน้าโทรมๆ จะดูเด้ง ขึ้นทันใจ 10. หากบริเวณใต้ตาดูเหนื่อยล้า ลองใช้วิธีนี้ดู นำช้อนที่เราใช้กินข้าวนี่แหละ 2 อันไปแช่ไว้ใน ช่องแช่แข็งของตู้เย็นสักพัก จากนั้นก็นำมาวาง ทาบไว้ตรงบริเวณตาทั้ง 2 ข้างประมาณ 5 นาที จะทาบที่ใบหน้าด้วยก็ได้ นอกจากตื่นจากอาการ แฮงค์แล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าสดชื่น และดวงตาสด ใส ลดอาการบวมใต้ตาได้อีกด้วย ข้อมูลจาก http://us.geocities.com/supamatk/p2.html จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:07:06

ความคิดเห็นที่ 64 วอดก้า ผสมมะนาว เนี่ย ถ้า เหลือ ก็ ดื่มต่อเลย รึป่าว ครับ อิอิ        จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:16:34

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าต่อแบบนั้นคงไม่หายมึนแน่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  ได้รับแบบรายงานการได้มาหุ้นของบมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง(SCCC) โดย กรุงเทพโทรทัศน์ และวิทยุ (ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 7) ซึ่งเป็นการได้มาเมื่อวันที่ 21/12/2555 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  9.3% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 45.37% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ  ประธานกรรมการ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC)  เปิดเผยว่า  Holcim Ltd. ขายหุ้น SCCC ให้แก่ Bangkok Broadcasting and Television Ltd.จำนวน 21.39 ล้านหุ้น หรือ 9.3% ของทุน SCCC การซื้อขายครั้งนี้ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SCCC สองรายเปลี่ยนแปลงกล่าว คือ บริษัทในกลุ่มรัตนรักษ์จะถือหุ้นประมาณ 45.4% และกลุ่ม Holcim จะยังคงถือหุ้น 27.5% แต่จาก Transaction รายการนี้กลุ่มรัตนรักษ์ยังไม่ต้องทำ Tender offer เนื่องจากการถือครองยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของทุนการซื้อขายครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน เหตุผลที่บจ.Bangkok Broadcasting and Television บริษัทในกลุ่มรัตนรักษ์ในการเข้าซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าว สืบเนื่องจาก Holcim Ltd. ได้เข้าลงทุนใน SCCC หลังวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นปี 2540 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 13 ปี โดยได้มีส่วนช่วยฟื้นฟูผลประกอบการและโครงสร้างการเงินของ SCCC ให้ดีเด่นมั่นคงอย่างน่าพอใจ ดังนั้น เมื่อ Holcim Ltd., ประสงค์จะขายหุ้น SCCC ออกไปบางส่วน บริษัทในกลุ่มรัตนรักษ์จึงได้ตัดสินใจให้ความสนับสนุนทันทีด้วยมีสภาพคล่องและฐานะการเงินที่สามารถรองรับได้ สำหรับประเด็นหากมีการจะซื้อหุ้น SCCC ที่ Holcim ยังถือเหลืออยู่ จะต้องทำ Tender offer นั้น ณ วันนี้ Holcim ยังไม่ได้เสนอขายหุ้น 27.5% ที่ถือเหลืออยู่ จึงยังไม่เป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณา นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท รับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทของนางสาวจันทนา สุขุมานนท์ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป และรับทราบการพ้นจากตำแหน่งพนักงานบริษัทและตำแหน่งรองประธานคณะผู้บริหาร (การตลาดและการขาย) ของนางสาวจันทนา สุขุมานนท์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 และคณะกรรมการอนุมัติการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทเป็น ดังนี้ “นายพอล ไฮนซ์ ฮูเกนโทเบลอร์ หรือนายฟิลิป พอล อเล็กซานดร์ อาร์โต้ ลงลายมือชื่อร่วมกับ นายชัชชน รัตนรักษ์ รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท หรือนายพอล ไฮนซ์ ฮูเกนโทเบลอร์ หรือนายฟิลิป พอล อเล็กซานดร์ อาร์โต้ หรือนายชัชชน รัตนรักษ์ ลงลายมือชื่อร่วมกับนายวันชัย โตสมบุญ รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท" จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:28:44

ความคิดเห็นที่ 66 ความสูงไม่ใช่อุปสรรค!! เว็บไซต์เดอะซัน แดนผู้ดี รายงานถึงเด็กสาวชาวบราซิลวัย 17 "เอลิซานี ดา ครูซ ซิลวา" ที่จัดว่าเป็นหญิงวัยรุ่นที่สูงที่สุดในโลกในขณะนี้ว่า เธอได้พบรักกับชายหนุ่มที่มาเติมความหวานให้กับชีวิตของเธอ เอลิซานี อาศัยในเมืองซาลิโนโปลิสของบราซิล เกิดมาพร้อมภาวะเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ซึ่งควบคุมด้านการเจริญเติบโต จึงทำให้เธอเติบโตเร็ว และมีร่างกายสูงใหญ่กว่าพี่น้องทั้ง 7 คน ตั้งแต่อายุได้ 11 ปี และความสูงเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเธอชะรูดขึ้นที่ระดับ 203 เซนติเมตร เมื่ออายุ 14 ปี ในปีถัดมา แพทย์ได้ช่วยเหลือเธอด้วยการผ่าตัด เป็นผลให้ความสูงของเธอลดลง 3 เซนติเมตร เหลือ 200 เซนติเมตรเช่นปัจจุบันนี้ แต่แม้เธอจะมีความผิดปกติทางร่ายกาย แต่ความสูงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรักของเธอ ฟรานซินัลโด ดา ซิลวา คาร์วัลโฮ วัย 22 ปี ซึ่งมีความสูงเพียง 160 เซนติเมตร คือชายที่มอบความรักและความเข้าใจให้กับเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเงยหน้าเพื่อพูดคุยกับเอลิซานีอยู่ตลอดเวลา และเขาต้องเขย่งเท้าเพื่อจูบเธอ ก็ไม่ใช่อุปสรรคใดๆ "ฉันมีความสุขมากๆ ฉันรักฟรานซินัลโดที่ความเป็นเขา รักทุกการกระทำที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่น และรักทุกอย่างที่เขาปฏิบัติต่อฉัน แต่มีอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อฉันกับเขา ก็คือเวลาที่จูงมือกัน มันเหมือนกับแม่จูงมือลูกยังไงยังงั้นแหละ" เอลิซานี เผย http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eXRoMQH25SQ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:31:12

ความคิดเห็นที่ 67 # 64  คุณมารหุ้นคะ  แบบนั้นคงต้องวนลูปไปข้อ 1 เรื่อย ๆ มั๊งคะ  55555+++ คุณฮะ    จะไปเที่ยวเกาะช่วงปีใหม่  ท่าทางคนคงจะเยอะมากแน่ๆ ค่ะ  เราเคยไปดำน้ำตื้นที่  เกาะเต่า  เกาะนางยวนช่วงหยุดยาว  ตอนดำน้ำไม่เจอปลาเลยค่ะ  เจอแต่ตีนกบกับตีนคน 5555+++   ลงไปดำกันแน่นมาก ๆ ปลาหายไปหมดเลย  สงสัยจะตกใจฝูงคนที่ทำท่าว่าจะเยอะกว่าฝูงปลา  ^^ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 12:39:13 จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:38:34

ความคิดเห็นที่ 68 วันนี้ไม่เจอะคุณจุ๊กกุ๊กจังแฮะ บอร์ดเงียบเหงา ๆ อยู่ไหนคร่าาาาาา  ^__^  แอบอ่านอยู่อ่ะป่าวววววว  :) หรือว่าหนีไปตัดผมรับปีใหม่น้าาาาา  >,<~ จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 12:42:31

ความคิดเห็นที่ 69 ตะลึง!! อังกฤษใช้เทคนิคปลูกสับปะรดสมัยวิคทอเรียน ได้ผลผลิต 1 ลูก มีมูลค่าสูงกว่า 10,000 ปอนด์ หรือราว 5 แสนบาท สื่ออังกฤษ รายงานข่าวสับปะรดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ เปิดเผยการปลูกสับปะรดโดยใช้เทคนิคการปลูกตั้งแต่สมัยวิคทอเรียน ศตวรรษที่ 19 ที่สวนเฮลิแกน ซึ่งเป็นสวนพฤกษชาติในคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาดูแลใส่ปุ๋ยมากว่า 2 ปี จนขณะนี้ได้ผลผลิตออกมาแล้ว 1 ลูก คาดมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 500,000 บาท ทว่ามีรายงานว่าเจ้าสับปะรดแพงหูฉี่นี้ จะไม่ถูกขายทำเงิน แต่เจ้าหน้าที่ที่ลงแรงกันไปจะนำมันมาตัดแบ่งรับประทานกันเอง และเมื่อได้ลิ้มลองเจ้าสับปะรดลูกนี้แล้ว ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นสับปะรดที่หวาน ไม่เหนียว และมีรสชาติแปลกใหม่น่าลิ้มลองมาก จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:09:17

ความคิดเห็นที่ 70 ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,372.07 จุด ลดลง 1.31 จุด(-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 12,590.05 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,375.34 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,369.02 จุด นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นในลักษณะซึม  เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี อีกทั้งก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมามาก ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียอยู่ในแดนบวก-ลบสลับ การเคลื่อนไหวไม่ได้มีนัยสำคัญ หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทั้งนี้ โดยนักลงทุนต่างชาติได้ลดบทบาทลง เหลือแต่เพียงนักลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนจากสถาบัน สำหรับแรงหนุนจากกองทุน LTF, RMF คงจะยังช่วยประคองตลาดฯได้ตลอดสัปดาห์นี้ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นางภรณี กล่าวว่า ตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวไม่แตกต่างจากช่วงเช้า ทิศทางคงจะเป็นลักษณะนี้ไปเกือบทั้งสัปดาห์ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,370-1,375 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BAY   มูลค่าการซื้อขาย 1,053.22 ล้านบาท ปิดที่  32.75 บาท เพิ่มขึ้น  0.75 บาท NMG   มูลค่าการซื้อขาย   688.46 ล้านบาท ปิดที่   1.91 บาท เพิ่มขึ้น  0.14 บาท CPF   มูลค่าการซื้อขาย   579.34 ล้านบาท ปิดที่  33.75 บาท ลดลง   0.25 บาท BTS   มูลค่าการซื้อขาย   449.55 ล้านบาท ปิดที่   6.85 บาท เพิ่มขึ้น  0.10 บาท KMC   มูลค่าการซื้อขาย   445.41 ล้านบาท ปิดที่   0.46 บาท ลดลง   0.08 บาท จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:11:07